Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การตัดสินใจของ จอมพล ป. (ตอนที่ ๒){แตกประเด็นจาก K8656908}  

มลายูที่เห็น

ประวัติศาสตร์ครั้งญี่ปุ่นเข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลีและจีนในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ยังคงกลายเป็นบาดแผลทางใจอันล้ำลึกจนยากแก่การเยียวยาระหว่างทั้งสองชาติกับญี่ปุ่นมาถึงบัดนี้เต็มไปด้วยความทารุณ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เมืองนานกิงจนเป็นที่มาของคำว่า Rape at Nanking อันน่าขนพองสยองเกล้านั้น แม้จะไม่น่าเกิดขึ้นต่อคนไทยหากคิดต่อสู้กับญี่ปุ่นในช่วงนั้น เนื่องจากเรากับญี่ปุ่นไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกันมาก่อน แต่บันทึกของพลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์ หรือ “เสธ.ทวี”ซึ่งเราเคยเรียกกันติดปากกับภาพที่ท่านเห็นระหว่างได้รับมอบหมายให้เป็นนายทหารติดต่อร่วมเดินทางไปกับกองทัพญี่ปุ่นที่รุกผ่านภาคใต้ของเราเข้ามลายูโดยมีจุดหมายปลายทางที่สิงคโปร์นั้นก็อาจจะพอนำมาเปรียบเทียบกันได้ว่า จะเกิดอะไรกับบ้านเราหากต่อสู้กับญี่ปุ่น “จนตัวตาย”

“พอได้เวลาตามกำหนด เราก็ได้ออกเดินทางจากสงขลามุ่งลงไปทางด่านสะเดา ขณะที่รถผ่านไปข้าพเจ้าก็ได้สังเกตเห็นพวกคนไทยซึ่งส่วนมากเป็นไทยอิสลามและคนจีนยืนดูขบวนรถยนต์ที่ผ่านไป บางคราวก็มีขบวนรถบรรทุกสัมภาระของทหารญี่ปุ่นผ่านไป ในเขตแดนไทยไม่มีรอยของการรบเลย

แต่พอผ่านด่านสะเดาเข้าไปในมาลายูเท่านั้นแหละเจ้าพระคุณเอ๋ย ในชีวิตข้าพเจ้าไม่เคยเห็นอะไรที่น่าสมเพชเช่นนั้นเลย สองข้างทางมีซากศพของพวกฝรั่ง พวกแขกมอรอคโค ประชาชนธรรมดาทั้งหญิงชาย เด็ก คนแก่นอนตายสองข้างทาง ศพเน่าเปื่อยเหม็นคลุ้งตลบไปทุกแห่ง บางศพขึ้นอืด บางศพเน่าหนอนขึ้นและมีไก่มาจิกกินหนอนที่ตอมอยู่ในศพนั้น ข้าพเจ้าเห็นแล้วแสนเศร้าใจแม้ว่าจะเป็นทหาร”

“เราเดินทางต่อไปด้วยความลำบากมาก เพราะต้องสวนทางกับประชาชนที่มากันเป็นจำนวนมาก มีทั้งจักรยาน รถเข็น รถยนต์ไม่ปรากฏ ทราบว่าทางญี่ปุ่นยึดเอาไปใช้ในการทหารหมด ตามสองข้างทางก็ยังมีซากศพอยู่ตลอดทางเป็นระยะๆ ศพไม่ถึงกับเน่าแสดงว่าพึ่งตายมาได้ไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง ยิ่งใกล้อลอร์สตาร์เข้าไปก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ได้ถนัดขั้น พอมาถึงบริเวณทิศใต้ของอลอร์สตาร์เสียงปืนใหญ่ เสียงปืนเล็ก ปืนกลก็ส่งเสียงแสบหูไปหมด ทราบว่ามีการรบหนักประมาณ ๑๐ กม.ทางใต้ของอลอร์สตาร์”

“การรุกของกองทัพญี่ปุ่นเป็นไปด้วยความรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบ กำลังส่วนใหญ่เคลื่อนที่ไปตามถนนเลียบฝั่งทะเลตะวันตกของมาเลเซีย กำลังส่วนย่อยได้ขึ้นบกตามจุดสำคัญๆทางชายทะเลตะวันออก ขวัญของทหารพันธมิตรได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทหารไม่มีใจที่จะต่อสู้ ทหารชาติผิวขาวไม่ยอมรบในแนวหน้ามีแต่ทหารมอรอคโคและพวกทหารแขกประจำอยู่ในแนวหน้า ข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาของข้าพเจ้าเอง ณ ที่ตั้งยิงปืนกลหนักสองแห่งมีทหารประจำปืน ๖ คน ถูกล่ามโซ่ไว้กับปืนกล ปรากฏว่าพวกทหารเหล่านั้นเป็นทหารมอรอคโคและทหารแขก ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย เขาอยู่ในท่าวิ่งหนี ทหารญี่ปุ่นชี้ให้ข้าพเจ้าดูแล้วก็กล่าวคำพูดออกมากล่าวหาทหารอังกฤษที่ทำการทารุณอย่างรุนแรง ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอะไร แต่ได้พิจารณาไว้ในใจของข้าพเจ้าว่า ใครเป็นผู้ทำกันแน่ โซ่นั้นนำไปผูกไว้ก่อนตายหรือเอาไปผูกเมื่อตายแล้ว

ตลอดทางตั้งแต่อลอร์สตาร์จนถึงกัวลาลัมเปอร์ อังกฤษได้ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้สองข้างถนนเป็นจำนวนมากมาย มีทั้งปืนกล ปืนกลหนัก ปืนกลเบา ปืนครก ยานเกราะ รถถัง รถบรรทุก ฯลฯ ซึ่งไม่มีการเสียหายเลย ตามทางพิจารณาของข้าพเจ้าพิจารณาว่า กองพลของฝ่ายอังกฤษได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง

ที่สะพานแคบแห่งหนึ่ง ทหารอังกฤษ ออสเตรเลีย แย่งกันวิ่งหนีไปติดอยู่กลางสะพานถูกยิงตายหมด ที่ใต้สะพานมีศพขึ้นอืดอยู่เต็มแม่น้ำส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมด

ตั้งแต่ข้าพเจ้าผ่านเข้ามาในมลายู ข้าพเจ้าได้เห็นแต่ศพแห้ง ศพเน่าอืด ศพยังสดๆอยู่ ตลอดจนทหารฝรั่งแขกที่กำลังบาดเจ็บอยู่ มือแขนขาดขาขาด นอนร้องครวญครางอยู่ตลอดทางในจุดที่มีการรบกัน ทหารเจ็บบางคนทางทหารญี่ปุ่นเห็นว่าเป็นการทรมานเกินไปที่จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต้องทนกับความเจ็บปวด เขาจัดการสังหารเสียด้วยความปรานีเพราะหน่วยเสนารักษ์ไม่มีความสามารถจะขนคนเจ็บเหล่านี้ไปยังแนวหลังเพื่อทำการรักษาเยียวยาได้ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นสิ่งทารุณ ไร้มนุษยธรรมและขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับเชลยศึกเป็นอย่างมาก”

เสธ. ทวีบรรยายภาพการรบต่อไปจนถึงตอนที่ข้ามช่องแคบเข้ายึดสิงคโปร์

“ หน่วยกล้าตายหน่วยแรกของญี่ปุ่นข้ามน้ำไปหนึ่งกรมโดยการว่ายน้ำ ทางอังกฤษที่เฝ้าอยู่ได้ปล่อยน้ำมันจากถังบนดินและใต้ดินลงน้ำเต็มช่องแคบแล้วจุดไฟขึ้น แสงเพลิงกระจายเต็มบริเวณนั้นเหมือนกับกลางวัน สีแดงพลุ่งเต็มช่องแคบ ข้าพเจ้าได้ยินแต่เสียง บันไซ บันไซ ดังลั่นแล้วค่อยๆเงียบลงจนหมดเสียง นั่นหมายความว่าหน่วยทหารกล้าตายหน่อยแรกได้พลีชีพเพื่อจักรพรรดิของเขาแล้ว หน่วยแรกหมดไปแล้ว น้ำมันก็หมดไปด้วย หน่วยของญี่ปุ่นต่อมาก็ว่ายข้ามได้อย่างสบายด้วยการยิงเตรียมของปืนใหญ่อย่างสนั่นยิ่ง”

ผมต่อภาพทั้งหมดให้เห็นแล้ว มีความเห็นอย่างไรครับ กับการตัดสินใจของจอมพล ป.พิบูลสงครามครั้งนี้.

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bloommedia.co.th/webboard/viewtopic.php?f=23&t=572 ครับ

จากคุณ : Gen.Bunchon
เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 52 20:42:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com