ความคิดเห็นที่ 1 เพราะอาจเคยเป็นที่เครื่องบินร่อนมาจอดในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ เดาว่าแถวนั้นอาจเคยทำท่าจอดเรือบินน้ำอยู่ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 21:52:47

ความคิดเห็นที่ 2 อย่างที่ ความเห็นที่1 ให้ความเห็นนั้น ถูกต้องครับ... อันที่จริงผมก้อเกิดไม่ทันหรอกครับ แต่ได้เคยถาม ญาติผู้ใหญ่ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้า2480 นานๆจะมีเครื่องบินเข้ามาในสยาม เครื่องบินสมัย โน้นไม่ได้ทันสมัยอย่างเดี๋ยวนี้ บางแบบก้อร่อนลง ในทุ่ง อย่างสนามหลวงเนี่ย ก้อเคยมีมาร่อนลง หรือ บนถนนลูกรังก้อลงได้ เครื่องบินบางรุ่นต้องลงจอด ในแม่น้ำ เครื่องบินแบบนี้ไม่มีล้อ แต่มีทุ่นแบบสกี แทน และบริเวณย่านที่เรียกว่าสนามบินน้ำนี้แหละ ครับคือที่บินลงมาลอยลำจอดของเครื่องบินแบบนี้ แต่ก้อไม่ได้มีมากมาย พวกที่บินเข้ามาคือฝรั่งครับ ที่มาทำธุรกิจการค้า ตนไทยนั้นนิยมใช้เรือมากกว่า เรือบิน เพราะเรือบินโดยสารได้แค่อย่างมากก้อสี่ คนในสมัยนั้น...เมื่อสร้างสนามบินขึ้นในค่ายทหาร ดอนเมืองแล้ว สนามบินน้ำก้อไม่มีใครใช้ เพราะ เครื่องแบบนั้นมันล้าสมัยและไม่มีใครนำเข้ามาอีก และไม่ช้าหลังจากนั้น ก้อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้คนไทยคุ้นเคยเครื่องบินมากขึ้น โดยเฉพาะ ที่มันบินมาบอมบ์กรุงเทพฯ ... จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 22:31:48

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับคำอธิบาย ถ้ามีอะไรสงสัย ก็จะขอมาตั้งกระทู้ถามที่นี่อีกนะครับ... ปล. กิ๊ฟหมดแล้ว เอา แทนกิ๊ฟก็แล้วกันนะครับ... จากคุณ : ๛tum๛ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 01:25:08

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณเต๋านีโอ ที่กรุณามาเล่าเรื่องสนามบินน้ำให้ฟังว่าเริ่มต้นอย่างไรและล้มหายตายจากไปอย่างไร น่าเสียดายว่ามันไม่เหลือให้ดูเพราะแข่งขันกับดอนเมืองไม่ได้ ก็ไม่น่าจะได้หรอก เพราะเครื่องบินน้ำก็บรรจุคนและสินค้าไม่ได้มากเท่าเครื่องบินบก ประสิทธิภาพต่ำกว่า ว่างั้นเหอะ ไหนๆก็ไหนๆ มีเกร็ดมาเล่าต่อว่า เครื่องบินน้ำนั้นฝรั่งเขาเรียก seaplane ซึ่งยังแยกประเภทย่อยๆได้อีก ถ้าแยกตามลักษณะพื้นที่ในการขึ้นลง ก็แยกได้เป็น seaplane ของแท้ ที่ขึ้นลงได้แต่ในน้ำ กับ amphibious plane หรือเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกที่ขึ้นลงได้ทั้งในน้ำและบนบก ถ้าแยกตามลักษณะของเครื่องก็แยกได้เป็น floatplane คือเครื่องบินที่ขึ้นลงบนทุ่น กับ flyingboat คือเครืองบินที่ขึ้นลงบนลำตัวเครื่องบินเอง นี่เป็นรูปของเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก ชนิด amphibous flying boat จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 11:58:58

ความคิดเห็นที่ 5 นี่เป็นรูปของเครื่องบินน้ำแบบ flying boat แท้ คือขึ้นลงได้แต่ในน้ำเท่านั้น มักจะเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 12:00:55

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วนี่เป็นรูปของเครืองบินน้ำแบบใช้ทุ่น มักจะใช้กับเครื่องบินขนาดเล็กถึงขนาดกลาง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 12:02:48

ความคิดเห็นที่ 7 เคยเห็นแต่ในหนังนะเนี่ย จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 13:12:06

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 5 นี่น่าจะลงได้ทั้งบนบกและในน้ำนะครับ น่าจะเป็นเครื่อง Grumman HU-16C Albatross เป็นแบบสะเทินน้ำสะเทินบกครับ จากคุณ : salt_kit เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:53:06

ความคิดเห็นที่ 9 พ.ศ.๒๕๑๓ เคยมีเครื่องบินมาจอดครับ ลำสีขาวสองลำ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยใหม่เท่าไหร่ รูปร่างคล้ายๆกับ ใน ความเห็นที่ ๖ แต่เหมือนว่าจะลำเล็กกว่าแบบในรูป มาลงจอด บริเวณหน้าท่าน้ำวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ ผมได้ทันไปดูครับ จำได้ว่า นักบินเป็นฝรั่ง แต่ตัวไม่ใหญ่ ผมดำ เหมือนจะเป็นชาวอิตาเลียน (ได้ยินชาวบ้านวิจารณ์กันว่า ฝรั่งตัวเล็ก) ตอนนั้นที่วัดมีคนไปดูกันมาก มีทหาร(น่าจะเป็นทหารอากาศ) และข้าราชการไทยไปต้อนรับด้วย เห็นมีการจับมือกันแล้วก็พากันขึ้นรถ(ทหาร)ออกไป ตอนนั้น ผมนั่งรถเฟียตของญาติคนหนึ่งออกจากหน้าวัดบางขวาง ไปกันเต็มคันรถเลย กะว่าจะไปดูตอนเครื่องบินลง แต่ไปไม่ทัน เครื่องบินสองลำ จอดเรียบร้อยแล้ว เห็นแต่ใช้เรือท้องแบบลำเล็ก ติดเครื่องท้ายเรือลากมาใกล้ท่าน้ำของวัด แล้วเอาแพยางลอยไว้ข้างๆเรือ แล้วเอาไม้กระดานแผ่นใหญ่เทียบกับ สะพานท่าน้ำของวัด ตอนนั้นคนไปที่วัดกันมาก แต่บางส่วนไปดูเรือขุดไม้ตะเคียนโบราณ ที่ลอยมาติดหน้าวัด ด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าสนุกมาก บรรยากาศเหมือนงานวัด มีของกินของเล่นมาขายเต็มไปหมด เพลินจนลืมเครื่องบินไปเลยครับ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 22:16:27

ความคิดเห็นที่ 10 เออใช่ๆ ขอบคุณคุณ salt_kit ที่กรุณาทักท้วง เอาเรือบินหรือ flying boat ตัวจริงมาให้ดู เครื่องบินนี้คือ Boeing 314 สร้างระหว่างปี 1938-1971 เพียง 12 ลำ ใช้บินรับส่งผู้โดยสารอยู่จนถึง 1951 อ่านจากบทความแล้วทึ่งและอึ้ง เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้สร้างไว้แข่งกับเรือเดินสมุทรในสมัยที่การบินโดยสารยังไม่แพร่หลายนัก การตกแต่งจึงหรูหราพอกันกับการโดยสารในเรือ มีห้องนอน มีห้องนั่งเล่น ห้องน้ำห้องท่า มีบริกรคอยตั้งโต๊ะและเสิร์ฟอาหาร ใช้จานชามกระเบื้องอย่างดี โห บินกลางวันรับผู้โดยสารได้สิบที่ บินกลางคืนรับผู้โดยสารได้หกคน !!!!! แต่ดูรูปแล้วน่านั่งจริงๆแฮะ เสียดายเราเกิดไม่ทันนั่ง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 13:28:09

ความคิดเห็นที่ 11 ที่นั่งๆนอนๆผู้โดยสารนั้นเวลาอาหารก็จะปรับเปลียนเป็นห้องอาหารได้ในทันที มีบริกรคอยให้บริการเหมือนห้องอาหารชั้นดีทุกอย่าง อ้อ แล้วที่เหมือนเรืออีกอย่างหนึ่งคือต้นหนหรือ navigator จะต้องปีนขึ้นไปโผล่บนหลังคาแล้วส่องดูดาวด้วยเครื่องมือ sextant เพื่อหาตำแหน่งของตน อย่างเดียวกับต้นหนเรือเปี๊ยบเลย เพราะสมัยนั้นอุปกรณ์อีเล็กโทรนิคส์นำทางแบบทันสมัยอย่างสมัยนี้ยังไม่มี ให้มันรู้ซะมั่งว่านักบินสมัยก่อนเจ๋งแค่ไหน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 13:33:22

ความคิดเห็นที่ 12 แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนั้นกว้างและตรง ซึ่งเป็นธรรมดาที่แม่น้ำกว้าง --> น้ำย่อมไหลช้า ทั้งแนวรันเวย์ก็เหมาะกับทิศทางลมที่จะส่งเครื่องบินขึ้นทั้งสองฤดูกาล (แนวของสนามบินน้ำนี้ ใกล้เคียงกับแนวรันเวย์ของสนามบินดอนเมือง) จากคุณ : พรเลิศ เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 20:36:11

ความคิดเห็นที่ 13 จริงๆแล้วผมว่าพวกที่บินไปเกาะต่างๆอย่างสมุย ถ้าใช้เครื่องบินน้ำ(Seaplane) ก็ไม่ต้องง้อสนามบินนะ จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:11:21