ความคิดเห็นที่ 2 |
‘เด็กน้อย’ กับ ‘ช้างเผือกคู่บารมี’ ที่ยะลา (ตอน ๒)
๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๐
เขาบือเจาะดือลง ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา
ขณะ ที่นายเจ๊ะงะ มะตาดี กำนันตำบลกาลอ อำเภอรามัน นำช้างของตนไปเลี้ยงในป่าบนเขาบือเจาะดือลง และผูกช้างไว้กับเสาหลักปล่อยให้หากินยอดไม้ใบหญ้าในป่าเขา ส่วนตัวเองเดินไปพบปะพูดคุยกับสหายมุสลิมในหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลกับที่ผูก ช้างไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงช้างร้อง แปร๋น แปร๋น ดังกึกก้องมาแต่ไกลจากฝั่งที่ปล่อยช้างไว้ จึงตกใจรีบวิ่งไปเพื่อจะดูแลช้างของตน
เมื่อ ไปถึงสายตาพลันเหลือบไปเห็นลูกช้างสูงประมาณ ๑ เมตร อายุประมาณ ๗ เดือน ยืนอยู่ใกล้กับช้างที่เลี้ยงไว้ จึงรีบแก้ปมเชือกที่ล่ามไว้เพื่อจะได้รีบพาช้างของตนเองหลบหนีออกไป เนื่องจากเกรงว่าฝูงช้างป่าซึ่งมีอยู่มากมายจะกลับมาหาลูกน้อยแล้วพาลทำร้าย ช้างของตนไปด้วย
แต่ ห้วงขณะที่รีบพาช้างออกเดินนั่นเอง เหตุอัศจรรย์ใจก็บังเกิดขึ้น เมื่อปรากฏว่าลูกช้างน้อยพยายามเดินตามติดออกมาด้วย เหมือนมีแรงบันดาลใจอะไรสักอย่างที่ทำให้ช้างน้อยต้องพลัดฝูงแล้วยังมาหลง แม่อีก นายเจ๊ะงะจึงตัดสินใจนำช้างน้อยกลับสู่เคหาเรือนนอนของตนด้วย ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงที่ทราบข่าวต่างพากันมาเยี่ยมชมและร่ำลือกันไปต่างๆ นานา ด้วยเห็นลักษณะของช้างที่ผิดแปลกออกไปจากช้างทั่วไปที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในป่าแถบนี้
กาล ต่อมามีคนไปแจ้งเรื่องแก่ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ซึ่งอดีตเป็นนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์) และเป็นเลขานุการกรมตำรวจ แต่ได้โอนย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ตั้งแต่ปี ๒๕๐๓ ผู้ว่าฯ จึงได้ส่งคนไปรับช้างของนายเจ๊ะงะมาเลี้ยงไว้ที่จวนพักอาศัย
วัน แรกที่เด็กชายธนิต ได้เห็นได้สัมผัสช้างน้อยเชือกนี้ที่ถูกล่ามไว้ใต้ต้นเงาะใหญ่ คือวันแรกที่ลูกช้างน้อยเดินทางจากบ้านนายเจ๊ะงะ มาอยู่ที่จวนฯ นั่นเอง
“ครั้ง แรกที่เห็นลูกช้างจะมีอาการตื่นคน แต่เมื่อเราได้ไปเล่นไปสัมผัส พาจูงเดิน อาบน้ำขัดถูตัวให้บ้าง ลองขึ้นขี่หลังดูบ้าง ทำให้คุ้นเคยกันมากขึ้น เริ่มมีความสนุกสนานและติดเรา อาจเป็นเพราะความเป็นเด็กกับเด็กด้วยจึงสื่อสารกันได้ง่าย ต่อมาเราเห็นว่าผิวของช้างค่อนข้างมอมแมมจึงตัดสินใจจัดการนำแปรงมาขัดสีฉวี วรรณเพื่อทำความสะอาด แต่ตรงจุดที่รอยด่างๆ ขัดเท่าไรก็ไม่ออก พยายามเอาอ้อยหรือหญ้าไปให้กิน แต่เขากินไม่ได้ ช่องปากยังไม่มีฟันเลย จึงต้องให้นม หรือนำข้าวมาบี้ผสมนม เสร็จแล้วดึงงวงขึ้นแล้วเอาข้าวยัดใส่ปาก เหมือนเด็ก บางทีถ้าให้กินเองไม่กิน มีวิธีคือ นำน้ำอ้อยใส่ขวด เอาอ้อยมาตั้งในปากจับอ้า แล้วเอาน้ำอ้อยผ่านอ้อย หลอกว่านี้คืออ้อย อยู่ไปๆ ทำให้มีความสนิทชิดเชื้อเป็นพิเศษ กระทั่งเวลาเราเดินไปไหนเขาจะเดินตามเรา” นายธนิต คุมภะสาโน ย้อนเหตุการณ์ครั้งอดีต
แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 52 22:53:29
จากคุณ |
:
Oceanophila
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 52 22:52:59
|
|
|
|