ความคิดเห็นที่ 1 ถามกลับ แล้วทำไมพ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูก  ในเมื่อลูกที่เกิดมาก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง แล้วทำไมมนุษย์ต้องเรียน  ต้องเขียนต้องอ่าน   ก็ในเมื่อสุนัขขี้เรื้อนก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันไม่เห็นต้องเรียนเลย ถ้าคุณตอบคำถามประเภทนี้ได้ คุณก็จะตอบคำถามที่คุณถามมาได้เช่นกัน... --------------------------------- แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 21:15:26 จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:14:49

ความคิดเห็นที่ 2 บทความนี้ไม่ธรรมดานะคะ เพราะ"คน"ธรรมดานี่ เขียนไม่ได้แน่ ๆ ว่าแต่ว่า ตัวอะไรนะที่เขียนหน่ะ คุณก็อย่าไปตอบเค้าเลยค่ะ จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:05:18

ความคิดเห็นที่ 3   มันเป็นจิตใต้สำนึกของความเป้นลูกที่ทุกคนต้องมี เราต้องเคารพให้ความรักกับพ่อให้มากๆในยามท่านแก่ชรา ถึงเราจะทำดีกับท่านแค่ไหนก็ไม่อาจมากกว่าที่ทำทำกับเรา คอยเอาใจใส่เราเลี้ยงดูจนเติบใหญ่อย่าที่เค้าพูดกันว่าพระคุณใดในโลกจะยิ่งใหญ่กว่าพระคุณแม่ไม่มีแล้ว ปล.จะรักแม่ครับ จากคุณ : เนท (ใต้ร่ม) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:20:34

ความคิดเห็นที่ 4 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 22:27:24 จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:24:59

ความคิดเห็นที่ 5 ว่างมากกับว่างมากมากมาพบกัน จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:25:24

ความคิดเห็นที่ 6 คำตอบผมอาจไม่ดูเป็นปรัชญานัก แต่เป็นความนึกคิดส่วนตัว ------------------------------------------- คำกล่าวที่ว่า "พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูตนอยู่แล้ว" มันก็ถูกในฐานะที่ทำให้ลูกเกิดมา รวมทั้งแม้กฏหมายหรือกฏสังคมจะบังคับ แต่ "การทำหน้าที่" ไม่ได้บังคับว่าผู้ทำ ต้องทำให้ดี หรือทำด้วยใจ แค่ทำให้จบ ทำให้เสร็จๆไป ก็ถือว่าทำหน้าที่แล้ว ถ้าในที่นี่ก็แค่ป้อนข้าวให้อยู่ได้ หาที่ให้อยู่ ให้การศึกษาตามกฏหมายบังคับ ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่นั้น... พ่อแม่(ส่วนใหญ่) จะทำมากกว่านั้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และทำด้วยใจล้วนๆ เช่น หาของที่คิดว่าอร่อย ที่คิดว่าลูกกินแล้วจะดีมาให้กิน หาสิ่งที่คิดว่าดี ที่อยู่ดีๆ ของเล่นดีๆ มาให้ลูก เล่นกับลูก อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ทั้งที่บางทีทั้งเหนื่อยทั้งง่วง พร่ำสอนในสิ่งที่คิดว่าดี เพื่อให้ลูกเป็นคนดี (จนบางทีลูกรำคาญ ว่าจู้จี้) ส่งเรียนในสิ่งที่คิดว่าดี เพื่อให้ลูกได้ดี (จนบางทีลูกคิดว่ายัดเยียด) เวลามีภัย ลูกจะถูกคุ้มครองก่อนตัวเอง ฯลฯ ทุกอย่างท่านคิดว่าดี จึงนำเสนอลูก ให้ลูก ทำกับลูก แม้บางทีอาจเกินเลยไป หรือท่านเข้าใจผิดว่ามันดี แต่แค่ทำด้วยใจ ทำด้วยความรัก ทำด้วยความปรารถนาดี ก็น่าจะทำให้ลูกรักและเคารพพ่อแม่ได้แล้วล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 22:38:36 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 22:37:14 จากคุณ : --==SD==-- เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:31:28

ความคิดเห็นที่ 7   มีหลายร้อยสาเหตุ แต่อย่าไปว่าเด็กฝรั่งอะไรไม่ดีก็โยนให้พ้นตัว บ้านไทยก็ยังเลี้ยงลูกหลายแบบ เด้กก็คิดหลายอย่าง แต่ถ้าจะเหมารวมก็ พระว่าพ่อแม่ฝรั่งไม่มีสมบัติให้ลูกมากมายเหมือนไทย สังคมที่ต่างกัน พ่อแม่ฝรั่งไม่หวังให้ลูกส่งเสียเมือแก่ บ้านเราไม่มีสวัสดิการมารองรับ บรรทัดฐานของสังคม และอื่นอีกล้านแปด ทำไมเราต้องเคารพพ่อแม่ด้วยในเมื่อทั้งสองก็เป็นคนเช่นเดียวกับเรา เราเคารพคนรวมทั้งตัวเองเราจึงเคารพพ่อแม่ด้วยเพราะท่านก็เป็นคนเหมือนเรา นอกจากนั้นคนสองคนนี้ยังเลี้ยงดูเรามาและ........ จากคุณ : gvadc เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:45:55 A:114.128.194.87 X: TicketID:247815

ความคิดเห็นที่ 8   คำถามเข้าที ขอตอบตามความคิดผมนะ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ผมว่าถ้าเกิดมาแล้วไม่ได้กินนม ไม่มีใครเลี้ยง อยู่ไม่รอดหรอก ไม่เหมือนลูกอ๊อด ลูกปลาตัวเล็ก ๆ หรือลูกน้ำ ฯลฯ ที่มีสัญชาติญาณการเอาตัวรอดมาตั้งแต่เกิด สามารถโตขึ้นมาได้ ถ้าไม่ถูกกินเป็นอาหารเสียก่อน ถามว่าทำไมต้องตอบแทน ก็คิดเสียว่าเป็นค่าน้ำนมก็แล้วกันครับ :o) จากคุณ : พลายแป้ง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:07:48 A:128.178.244.112 X: TicketID:120371

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาช๊อคกับกระทู้แนวนี้ ไม่ควรตอบให้เสื่อมอารมณ์ ไว้อาลัยให้กับกระทู้ด้วย จากคุณ : เด็กท้ายวัง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:26:49

ความคิดเห็นที่ 10   อ่านเนื้อกระทู้ก่อนนะครับ ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบคนศาสนาอื่นๆหรือพวกคลั่งวิทยฯว่าอย่างไร ผมจึงถามนะครับ ในส่วนตัวผม ผมคิดแค่ว่าท่านทั้งสองไม่หักคอผมจิ้มแจ่ว แต่เลี้ยงดูผมจนอ่านออกเขียนได้ จนถึงทำงาน นั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมต้องเคารพพวกท่าน และกตัญญูต่อพวกท่านแล้วครับ แต่คงเอาไปตอบผู้มากด้วยตรรกะไม่ได้ เพราะผมก็ไม่ได้มากด้วยปัญญา ส่วนในกรณีผู้สูงอายุครั้นจะให้ผมไปตอบเพราะเป็นมรรยาททางสังคมที่เราต้องให้เกียรติพวกท่าน ผมคงพรุนด้วยคำโต้กลับจนเป็นผงนะสิครับ มันจะเหมือนกับ ไปตอบคนลัทธิที่ว่าระหว่างร่างกายนั้นมีช่องว่างของอณูอยู่ฟันร่างกายก็หมายถึงฟันช่องว่าง ว่ามันไม่ใช่แบบโต้งๆ ขืนเขาไม่พอใจผมก็หัวแบะสิครับท่าน จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:01:58 A:125.26.222.189 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบแบบเพ้อฝันนะ รักคือคำตอบ ถ้าพ่อแม่ไม่รักเราเขาคงทิ้ง/ฆ่าเราตามข่าวทั้งหลาย (เราว่าพ่อแม่ฆ่าลูกน่าจะมีมากกว่าลูกฆ่าพ่อแม่ รึเปล่า) ถ้าเราไม่รักพ่อแม่ เราก็ตอบแบบเด็กประเทศพัฒนาที่ จขกท อ่านเจอ คือฆ่าทิ้งซะเลย (แบบว่าฉันไม่อยากเกิด แกดันทำให้ฉันเกิด) แต่เราจะเถียงเด็กพวกนั้นกลับไปว่ามันไม่ใช่หน้าที่ ที่พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูเรา เพราะเขาไม่เลี้ยงเราก็ได้ มีตัวอย่างถมถืด สรุป ถ้าคุณโตมาคนเดียวได้โดยไม่มีพ่อแม่ ไม่เคารพก็พอฟังขึ้น แต่ถ้าคุณโตมากับพ่อแม่แล้วไม่เคารพเนี่ย จะจับตบให้คว่ำเลย 555 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 00:23:54 จากคุณ : weirdbird เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:22:00

ความคิดเห็นที่ 12 รอไว้  ให้คนเขียนบทความนี้ มีลูก ก็จะได้คำตอบเอง พระเจ้าอชาติศัตรู  ก็เคยคิดแบบนี้มาแล้ว แย่งราชสมบัติ และจับพระบิดาไปขังและทรมาน จนสิ้นพระชนม์ ป่านนี้ ไม่รู้พระเจ้าอชาติศัตรู  ยังอยู่ในนรกขุมไหน จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:48:20

ความคิดเห็นที่ 13 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 01:12:51 จากคุณ : แปลงนาม เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:07:53

ความคิดเห็นที่ 14 ตราบเท่าที่ คุณไม่เคยมีลูก “ โดยปราถนา ” ของ “ ใจ ” ที่ต้องประกอบกับ การได้ฟูมฟัก ทารกน้อย ด้วยมือคุณเอง คุณก็จะเห็นประเด็นที่คุณตั้ง เป็นเพียงเรื่อง น่าถกเถียงเอาสนุกอยู่ต่อไป ****** ผม คอยการมาเกิดของเธออยู่สามปี ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ เมื่อแรกเกิด เธอมีอาการ โคหลิก หรือ ที่คนจีนเรียกว่า “ ร้องร้อยวัน ” ถ้าคุณไม่เคยอยู่ด้วยเด็กอาการอย่างนั้น คุณก็จะไม่รู้หรอกว่า การเลี้ยงลูกเป็นเช่นไร   ขณะที่แฟนผมเครียดกับการร้องของลูกจนผลักไสเธอมาให้ผม ทุกครั้งที่เธอร้อง เธอจะร้องจนหน้าดำ หน้าแดง ผมอุ้ม ผมกอดเธอ  ไว้แนบอก สักราวชั่วโมง สองชั่วโมง  เธอจึ่งก็จะค่อยหยุดร้อง ทุกขณะที่ผมกอดเธอ  ผมคิดถึงแม่  ... ช่วงที่แม่ เข้าออก ห้องไอ. ซี. ยู. เป็นระยะกว่าสามเดือน ผมจึงอยู่กับท่านตลอดทั้ง กลางวัน และกลางคืน ตลอดสามเดือน   กระทั่งวาระสุดท้ายของท่าน ผมมีความสุข  ที่ได้ดูแลท่าน  เพราะลูกผมได้ให้บทเรียนกับผมแล้วว่า รักของแม่ยิ่งใหญ่เพียงใด ผมรักแม่. แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 01:23:09 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 01:17:21 จากคุณ : แปลงนาม เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:10:43

ความคิดเห็นที่ 15 ผมนึกถึงพวกที่เอาเด็กแรกเกิดไปทิ้งถังขยะ จะเอาแบบนั้นมั้ย? จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 02:37:26

ความคิดเห็นที่ 16   ผมว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจและท้าทายต่อยุคสมัยทีเดียว ผมมองไปข้างหน้าเหมือนกับหนังอนาคตหลายเรื่องที่บอกว่า เด็กเป็นสมบัติของรัฐ และรัฐมีหน้าที่อบรมเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่วัยทารก ดังนั้นเด็กจะไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ ความผูกพันจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับคน กับรัฐล้วนๆ ซึ่งหนังก็มักจะลงเอยว่า จริงๆ แล้วความผูกพันพ่อแม่ลูกยังมีอยู่ตลอด เพียงแต่รัฐทำการควบคุม และความจำเป็นในการจัดการทรัพยากรอันจำกัดจำเขี่ย อีกนัยยะหนึ่งผมก็มองว่า คำถามนี้เป็นคำถามเดียวกับว่ามนุษย์ต่างไงกับสัตว์ มีสัตว์เป็นจำนวนมาก ออกลูกหรือไข่ไว้ และทิ้งไปอย่างไม่แยแส ทุกอย่างเป็นหน้าที่ล้วนๆ ดังที่เจ้าของกะทู้ตั้งประเด็นมา แต่ให้สังเกตว่าสัตว์ต่างๆ เหล่านี้ ไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นความสัมพันธ์เผื่อการอยู่รอดจึงไม่จำเป็นต้องมี สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จะต้องผูกพันกับแม่จนกระทั้งตัวเองเอาตัวรอดได้จึงจากไป และไม่มีการตอบแทนบุญคุณกัน มนุษย์พัฒนาการสุงกว่าสัตว์ตรงจุดนี้เอง ความเคารพยำเกรงกันเป็นโครงสร้างทางสมองที่มีตั้งแต่ทารกอยู่ในท้อง สั้นๆ คือมันเป็นไปโดยสายเลือดความผูกพันช่วยเหลือกันระหว่างพ่อแม่ลูกเป็นระบบที่ทำให้มนุษย์มีระบบสังคมที่แข็งแกร่งต่างจากอาณาจักรสัตว์อื่นๆ เป็นกระบวนการเรี่ยนรู้พัฒนาการทางสังคมของมนุษย์อย่างหนึ่งว่า ความรัก ความผูกพันในครอบครัวจะทำให้เราอยู่ในสังคมอย่างมั่นคง มีความสุข ในระดับรัฐเมื่อคนในสังคมมีความรักผูกพ้นให้ความช่วยเหลือกันอย่างดี รัฐก็จะมีความมั่นคง และขยายไปสู่ความสุขในระดับนานาประเทศและสันติในโลก ดังนั้นความรัก ความผูกพันและการตอบแทนต่อกันจึงเป็นเหตุผลขั้นพื้นฐานของการดำรงอยู่ของมนุษย์ เป็นปัญหาระดับแกนชีวิต สังเกตได้ว่าครอบครัวใดขาดเรื่องนี้จะหาความสุขมิได้เลย จะรู้สึกผิดและตามหลอกหลอนตลอดเวลา ดังที่นักปรัชญาทุกสำนักเห็นพ้องกันว่า เป้าหมายมนุษย์ทุกคนคือการแสวงหาความสุข จากคุณ : นกเถื่อน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:00:30 A:58.9.92.93 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เขียนภาษาไทย พูดภาษาไทยได้ เรียนจบแล้ว มีความรู้ แถมเป็นคนไทยด้วย มาตั้ง กท แบบนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะไปเจอบทความนี้มาก้เหอะ หากคุณไ่ม่สามารถตอบโต้เค้าได้ คุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นความคิดของอมนุษย์ ไม่ใช่คนทั่วไปคิด แต่การที่คุณเอา กท มาตั้งมันดูเหมือนว่า "เอออ ๆ เค้าพูดก็จริงว่ะ" เราจะเลี้ยงพ่อแม่ทำไม ก็เลยเอามาตั้ง กลับกลายเป็นว่า จขกท...คล้อยตามไปตาม กท. นั้น แล้วก็เอาบทความพวกนั้นมาตั้ง กท.... รู้สึกแย่กับคนไทยสมัยนี้จริง ๆ (จะบอกว่าเด็กไทยก็ไม่ถูก เพราะเรียนจบแล้ว) ถ้าผมเป็น จขกท........ผมก็จะมองความเห็นพวกนั้นสกปรกยิ่งกว่าขยะแล้วก็จะเก็บมันไว้ในใจ แต่จะไม่เอามาตั้ง กท...เพื่อให้คนอื่นมาวิจารณ์ระดับสมองของ จขกท..ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 03:07:04 จากคุณ : จขกท.มีปมด้อยแย่ๆกับพ่อแม่มั้ง (ปีเตอร์นอร์ธ) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:06:50

ความคิดเห็นที่ 18 ผมรู้สึกว่า เมื่อผมร้องไห้  กอดใครก้ไม่อุ่นเท่ากอดของพ่อกับแม่ เมื่อผมหว้าวุ่น  มือใครก้ไม่มั่นใจเท่ามือ พ่อ แม่ วันนี้ที่โตขึ้นมา ได้เรียน มีโน๊ตบุ๊คมานั่งตอบกระทุ้นี้ มีเงินใช้แทบจะไม่ต้องทำอะไร แค่เพียงไม่นั้งเรียนสบายๆ แต่คนหาเงินต้องนั่งทำงานหนักแทบตายโดยไม่เคยปริปากซักคำ และไม่เคยคิดจะเอาอะไรคืนจากผมเลย ไม่เคนคาดหวังว่า ต้องทำอย่างนี้ คนในโลกนี้นอกจาก พ่อแม่ จะมีใครอีกอ่าป่าว ผมไม่เคยเคารพพ่อแม่ในฐานะที่ท่านเป็นคน แต่บูชาท่านในฐานะที่เป็นสิ่งที่ประเสรฺิฐ สิ่งที่หาที่สุดมิได้บนโลกนี้ จากคุณ : nunumum เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:23:41

ความคิดเห็นที่ 19 "..ไม่รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า สอนเรื่องการกตัญญูกตเวทีและเหตุที่ต้องตอบแทนคุณไว้ว่าอย่างไรบ้าง.." >> เริมต้นด้วยการอ่านเรื่องทิศทั้งหกของคนเรา ค้นด้วยคุณกุ๊กก็ได้ สะดวกดี ขี้เกียจสาธยาย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 05:31:48

ความคิดเห็นที่ 20   เจ้าของกระทูถาม ทีเล่นทีจริง แต่คนอ่านกระทู้ อ่านทีจริง และตอบทีจริง บรรยากาศจึงไม่ชวนขำ ในเชิงปรัชญา ถามเช่นที่เจ้าของกระทู้ถาม ทำได้ และในเชิงปรัชญาเหมือนกัน ก็ตอบได้โดยไม่ต้องเลี่ยงว่า เอาไว้คุณมีลูกแล้วจะรู้ ประเด็นหลัง คือประเด็นปลีกย่อย หรือโครงเรื่องรอง ขอให้พิจารณาประเด็นหลักเสียก่อน คือ 1. พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูตนอยู่แล้ว จะตอบแทนคุณไปทำไม 2. พ่อแม่เป็นคนเท่าเทียมเช่นเดียวกันกับเขา ทำไมเขาต้องเคารพด้วย 3. คนแก่ไร้ค่า หรือหนักๆก็ว่าสมควรฆ่าทิ้ง เราควรพิจารณาว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในสังคมสมัยใหม่ และเกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางประการที่อาจไม่คาดคิด เช่น 1. สมองบกพร่อง 2. วิกลจริต 3. ถูกอบรมสั่งสอนผิดไปจากสัญชาติญาณมนุษย์ หรือถูกล้างสมอง ฯลฯ ในกรณีสมองบกพร่องและวิกลจริตนั้น อาจบำบัดความเชื่อและพฤติกรรมได้ด้วยยา เช่นเดียวกับผู้ป่วยทางจิตทั้งหลาย แต่หากสัญชาติญาณความเป็นมนุษย์เปลี่ยนไปเพราะถูกล้างสมอง ก็บำบัดได้ เจ้าของกระทู้ หากต้องตอบโต้สนทนากรณีนี้ น่าจะบอกได้ว่า ที่มาของความเห็นนั้นเป็นกรณีไหน ผมว่าน่าสนใจครับ จากคุณ : ครูซึ่งเป็นนักเรียนตลอดกาล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 07:16:06 A:58.8.75.175 X: TicketID:173602

ความคิดเห็นที่ 21 ป่านนี้ จขกท. คงสะดุ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าแค่ชวนให้คิดทาง เท่านั้น ไหงกลายเป็นกระทู้ดุๆไป   เราไม่ทิ้งพ่อแม่เพราะเรามีความรักความผูกพันที่พ่อแม่ให้เรา รัฐบาลญี่ปุ่นเขามีโฆษณาทีวีสั่งสอนพลเมืองให้(พยายาม) โทรศัพท์ไปถามไถ่ทุกข์สุขพ่อแม่ในชนบทบ้าง(นะ) ประเทศที่เขาว่าเด่นทางเศรษฐกิจ   ไม่ค่อยมีเวลาสร้างความรักความผูกพันให้กัน แห้งๆแล้งๆ  ก็เลยต้องทำโฆษณาสั่งสอนกัน   คนไทยเราก็สอนให้รักเคารพเชื่อฟังพ่อแม่ และไม่ให้อภัยลูกอตัญญู แต่ถ้าพ่อแม่โหดร้ายกับลูกล่ะ   มีนะในสังคมไทยเรานี่แหละ แล้วถ้าพ่อแม่เอาเปรียบลูกล่ะ อย่างกรณีที่แม่ให้ลูกสาวมาขายตัวในตปท. เคยเห็นเธอคนหนึ่งให้สัมภาษณ์สื่อว่า "แม่บอกว่าให้หนูขยันทำ จะได้เป็นลูกกตัญญู" อะไรคือความกตัญญู ดาบสองคมในบางกรณี จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 08:57:25

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อก่อนใครจะพูดยังไง  ผมก็เฉยๆนะ   เรื่องกตัญญู    คือรักแม่   แต่ความรักเหมือนบอกตามๆ  กันมา   ไม่อิน  ไม่ลึกซึ้ง   จนผมมาพบกับผู้ชายคนหนึ่ง  ซึ่งมีญาติฝากมา   ผู้ชายคนนี้ไปรับเด็กที่นักศึกษาสาวจะทำแท้ง    เขาไปขอร้องไม่ให้ทำแท้งและจะรับเลี้ยงดูเด็กคนนี้เอง  ทำให้เขาต้องออกจากงาน    ไม่มีเงิน จนไปเจอญาติผมก็เลยแนะนำว่า  ที่โรงงานผมน่าจะอยู่ได้   เขาก็เลยมา   ที่แรกก็ว่าจะปฏิเสธแต่เห็นเด็กแล้ว ก็เลยปฏิเสธไม่ลง   ช่วงที่อยู่ทำให้ผมเข้าใจความรุ้สึกของแม่ได้เยอะ  เพราะผู้ชายคนนี้จะห่างเด็กไม่ได้เลย   ต้องอุ้ม  ต้องกระเตง  ต้องเฝ้า 24 ชั่วโมง  เหมือนเราต้องแบกของไว้ตลอด   ทำให้เข้าใจว่าทำไมแม่มีความรักลูกมาก   ถ้าคุณต้องอุ้มใครๆ เกือบตลอดเวลา  เป็นเวลา 2 -3  ปี   คุณต้องรักและอาลัย เขามากทีเดียว แถมเขาก็เป็นผู้ชายเลี้ยงเด็กก็ไม่เป็น   เด็กยังไม่ถึงขวบก็เอา ไวตามิ้ลด์   ให้กินเด็กก็ท้องเสีย  ร้องงอแง   มารู้ทีหลังว่า เขาไม่กล้ามาขอเงินซื้อนมเพราะเกรงใจเรา    และนมผมของเด็กก็แพงด้วย เวลาเด็กขี้ไหลก็เอาน้ำฉีด   เด็กก็เป็นหวัด   ทำให้รู้ว่าการเลี้ยงเด็กนี่ยากจริงๆ   ถ้าไม่เคยเป็น พ่อแม่  นี่ไม่มีโอกาสสัมผัส  จะไม่มีโอกาสเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ตอนหลัง ญาติอีกคนเห็นว่าอยู่ในโรงงาน    ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเท่าไร   ก็เลยรับไปอุปการะ  ตอนนี้ก็สบายไปแล้ว เตี่ยพูดเป็นภาษาจีน  จำไม่ได้แล้วว่าไง   แต่แปลไทยว่า  หน้าของเด็กมีลักษณะตามตำราจีน ว่ารับสี่ทิศ   บอกเด็กคนนี้มีบุญ   หน้าตาน่ารัก ใครเห็นก็รัก  และจะร่ำรวยเมื่อโตขึ้น แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 10:21:19 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 10:18:24

ความคิดเห็นที่ 23   จากความเห็นต่างๆรู้สึกว่าเนื้อหาที่ผมเขียนอาจสื่อได้ว่าผมตลก แต่ผมไม่ได้เห็นเป็นเรื่องตลกนะ มันเป็นแนวกันเขียนของผมที่ไม่ต้องการให้ผู้อ่านเครียดเกิน หลายๆความเห็นก็มีวิธีบอกต่างกันไป แต่สำหรับผมซึ่งเคยเลี้ยงเด็กอีโมมาแล้ว การที่ผมจะสอนสิ่งใดเขา ผมจะไม่บอกว่าตัวเองถูก หรือตัวเขาผิด ไม่เปรียบเทียบเขากับคนอื่น ไม่บอกว่าสิ่งนี้ถูกเพราะว่ามันถูก ไม่บอกว่าสิ่งนี้ผิดเพราะว่ามันผิด ไม่ผลักดันเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม ไม่ลงไม้ลงมือกับเขาถ้าไม่จำเป็น ผมพยายามทำให้เขาเห็นว่าผมเป็นมิตรกับเขา(เหนื่อยสุดๆ) นิ่งเฉยในบางเวลา ใช้หลักลมกร่อนหินผา ค่อยๆชี้ให้เขาเห็นประโยชน์และโทษในสิ่งที่ผมสอน ให้เขายอมรับด้วยตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวผม เพราะผมเห็นว่าเด็กอีโมเขาก็เป็นของเขาเด็กปกติก็เป็นของเขาอีกแบบหนึ่ง วีธีที่ใช้ย่อมต่างไปตามบุคคลผู้ถูกสอน ตามแต่ผู้สอนจะมีปัญญาหามาสอนได้ จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 11:54:47 A:125.26.218.112 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าพ่อแม่ทำหน้าที่เลี้ยงดููลูกได้ดี ลูกก็จะเคารพพ่อแม่เองแหละครับ ผมรักพ่อแม่ผม เพราะท่านเลี้ยงดูผมด้วยความรักความอบอุ่น แต่ถ้าใครที่ลูกไม่รักและรังเกียจพ่อแม่ จงได้พิจารณาตัวเองครับ เลี้ยงอย่างไงก็ได้อย่างนั้น จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 13:16:53

ความคิดเห็นที่ 25   เด็กต่างชาติที่คุณว่าน่ะ ............ เค้ามีความคิดแบบนี้ก็จริง ........   แต่สิ่งที่เค้าต่างจากเรา     คือสภาพแวดล้อมนะคะ   ทั้งระบบของประเทศและวัฒนธรรม เด็กต่างชาติ   มีความคิดที่.....พยายามดูแลตัวเอง  ไม่เป็นภาระพ่อแม่ในวัยที่ตัวเองพอมีกำลัง   --- อิฉันชอบความคิดแบบนี้ค่ะ    เพราะเราดุแลตัวเองได้   จะดูแลคนอื่นมันก็ไม่ยากหรอก เด็กไทยละ ?? บางคนเกาะพ่อแม่กินไปจนจบโท  โน่น   เด็กวัยรุ่นที่ว่า    มันยังไม่เคยแก่  ไม่เคยมีลูก   จะพูดอะไร คิดอะไรมันไม่ทันได้คิดหรอก ............... จะบอกแค่ว่า .............จขกท  ก้ทำตามความคิดตัวเองไปเหอะ  ไม่ต้องไปสนใจปรัชญาอะไรมากมายหรอก ............   เวลาของชีวิตจะสอนคุณเอง  ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ จากคุณ : PaNok@WanDeRer เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 13:47:48

ความคิดเห็นที่ 26   ความรัก หรือ หน้าที่ ? จากคุณ : ลองคิดดูละกัน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 14:02:08 A:161.200.16.54 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 27 เกินปัญญา จากคุณ : ratmo_11 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 15:17:28

ความคิดเห็นที่ 28   เราเคารพพ่อแม่ไม่ใช่ตรรกะในเรื่องความเป็น คน ..(อาจชวนหลงทางได้) มันมีในสังคมที่ลูกไม่เคารพเชื่อฟังพ่อแม่ ทั้งที่พ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างดีและเป็นคน**เหมือนกัน ... จะเห็นว่าตรรกะนี้มันผิดไปหน่อยนึง ก็มีส่วนจริงที่พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูกแต่นั่นเราพูดเพื่ออธิบายพฤติกรรมมนุษย์หรือสัตว์ที่มันทำไปตามสัญชาตญาณ .. เราแค่เอามาอธิบายและบัญญัติไว้ในกฏหมายเท่านั้น   ข้อแตกต่าง คือ สัตว์มักไม่เลี้ยงดูพ่อแม่มันตอนโตและจะออกไปสร้างครอบครัวตัวเอง **สังเกตุว่าเหมือนอารยธรรมอเมริกาและยุโรปเป๊ะ สังเกตุให้ดีอีกนิดสังคมเหล่านี้มักถอยห่างจากศาสนาออกไปทุกวัน การเคารพและการเลี้ยงดูผู้มีพระคุณ(ไม่เฉพาะพ่อแม่) มักเกี่ยวพันกับความเชื่อและนับถือศาสนา **สาเหตุจริงๆคงเพราะเราเลือกเกิดไม่ได้มั้ง ? .. (หากเลือกได้ผมไม่เกิดเป็นคนจนหรอก ! ) จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 15:36:17

ความคิดเห็นที่ 29 มันคือแนวคิดจากพวกเกรียนครับผม คำตอบเกรียนๆ ก็ไม่มีเหตุผลตามแบบเกรียนๆนี้แล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 15:37:56

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านคำถามคำตอบแล้วนึกถึงนิทานในวงเหล้าเรื่องหนึ่ง สิงโตจอมซ่าเดินมาเจอกวางก็ตวาด "เฮ้ย มรึงรู้เปล่า แถวนี้ใครใหญ่?" กวางสะดุ้งเฮือก ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม "อ๋อ ต้องพี่สิงห์ของผมสิครับ ใครจะมาทาบรัศมีพี่" สิงโตหัวร่อฮ่าฮ่าสบอารมณ์ เดินๆไปเจอม้าลายก็ตวาดอีกตามนิสัย "ไอ้ม้าลาย มรึงรู้ไหม ในป่านี้ใครเจ๋งสุดๆ" ม้าลายรีบตอบ "ธ่อ ใครจะใจถึงเท่าพี่ล่ะครับ หัวซอยยันท้ายซอยนี่ต้องพี่คนเดียว" สิงโตเดินเกะกะระรานชาวบ้านไปเรื่อยๆ ทุกคนก็พินอบพิเทาเพราะไม่มีใครอยากเจ็บตัว จนกระทั่งมาเจอช้าง สิงโตตวาดอย่างเคย "เฮ้ย ไอ้หูกาง มรึงรู้ไหม ใครแน่?" ช้างไม่ว่ากระไร ค่อยๆบรรจงเอางวงคว้าตัวสิงโตยกลอยขึ้นแล้วก็ทุ่มลงกับพื้นดังตุ้บจนนอนจุกแอ้ดๆ แค่นั้นยังไม่หนำ ช้างยกเท้าขึ้นกระทืบๆๆๆๆๆๆๆๆจนสิงโตตับไตไส้พุงแทบแลบ แล้วก็เดินดุ่มๆไปทำมาหากินโดยไม่พูดอะไรเลย พอช้างลับตาไป สิงโตที่นอนบักโกรกอยู่ค่อยๆลุกกระย่องกระแย่งขึ้นมา แล้วก็บ่นว่า "ฮัดธ่อ ตอบคำถามง่ายๆไม่ได้ ทำเป็นขี้โมโห" เจ้าของกระทู้ถามคำถามง่ายๆอย่างนี้บ่อยหรือเปล่า? ระวังช้างขี้โมโหนะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 16:11:20

ความคิดเห็นที่ 31   เราควรพูดถึงหลักการทางวิชาการ และความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นได้ในสังคม เช่น ข่าวในเมืองไทยเร็วๆนี้ กรณีลูกสาวมีแฟนแต่พ่ออยากให้แต่งงานกับหนุ่มคนอื่นที่พ่อชอบ แล้วลูกสาวลวงพ่อไปให้แฟนฆ่า ถามว่า กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้เพราะอะไร... ในทางจิตเวช เมื่อเด็กคนใดคนหนึ่งมีแนวคิดอย่างเจ้าของกระทู้ว่ามา เราควรต้องวิเคราะห์ว่า เด็กคิดเช่นนั้นได้อย่างไร...เป็นเพราะ สมองบกพร่อง หรือวิกลจริต หรือถูกอบรมสั่งสอนผิดไปจากสัญชาติญาณมนุษย์ หรือถูกล้างสมอง หรือไม่ เพราะธรรมชาติของมนุษย์ อย่างน้อยต้องรู้จักสัญชาติญาณบุญคุณ และความเกี่ยวข้องพ่อแม่กับลูก จากคุณ : ครูซึ่งเป็นนักเรียนตลอดกาล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 16:30:33 A:58.64.85.119 X: TicketID:173602

ความคิดเห็นที่ 32   #30 ต้องขอโทษจริงๆด้วยถ้าคำพูดของผมสร้างความไม่สบายใจแก่คุณ หรือท่านอื่นก็ดี ผมไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายนะครับ เพียงแต่คำพูดของผมมันอาจจะขวานผ่าซากเกินไป ไว้จะปรับปรุงครับ อยู่กันไม่ถึงร้อยปีจะโกรธกันไปทำไมหละครับ ทุกวันนี้ก็มีเรื่องเครียดๆกันพอแล้ว เป็นมิตรกันดีกว่า จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 17:56:24 A:125.26.218.112 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 33 เอาแบบดิบๆนะ...จริงๆ เรื่องการเคารพบุพการีนี้มันไม่มีหรอก...ไม่เคารพ ก้อได้ เช่น ในหมู่ของสัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายทั้งสิ้น ลูกเกิดแล้วก้อไปตาม ทางของใครของมัน ไม่รู้จักกันแล้ว...คำถามคือ เราต้องการเป็นแบบสัตว์ เดียรัจฉานนั้นหรือเป็นแบบคนล่ะ? ถ้าอยากเป็นเช่นเดียรัจฉาน เราก้อไม่ต้องอยู่ในสังคมของผู้ไม่อยากเป็น... ไปอยู่ที่ไหนก้อได้ ป่าเขาลำเนาไพร...ถ้าไม่อยากเป็น ก้อต้องยอมรับใน เรื่องที่เป็น norm การที่เราต้องเคารพบุพการีเป็น norm ...สังคมคนไม่ว่า ที่ใดในโลกนี้ ล้วนเคารพบุพการี... สังคมคนเห็นพ้องต้องกันว่านี่คือ คุณธรรม...คุณธรรมเป็น norm ที่สมาชิก ทุกคนในสังคมจำเป็นต้องปฏิบัติ ...แม้กระทั้งในกฏหมายยังมีกำหนดไว้ว่า บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายจะฟ้องแพ่งหรืออาญาบิดามารดาไม่ได้... ในสังคมคนที่ใหญ่ๆหรือมีความซับซ้อนมากๆ จะด้วยอะไรก้อแล้วแต่ ก้อ มี error ไปบ้าง แต่ก้อยังไม่ถึงกับถือว่าเป็นปัญหาซีเรียส เมื่อเทียบกับสถาน การณ์โดยทั่วไป ที่ว่าเพี้ยนไปก้ออย่างที่คุณเจ้าของกระทู้ว่า ในกลุ่มเด็ก วัยรุ่นในเมืองใหญ่ของประเทศที่เจริญทางวัตถุ เป็นไปได้ที่จะไม่เคารพพ่อ แม่...อย่างไรก้อตามพวกเขาคือเด็กมีปัญหาแน่นอน...หากได้ศึกษาดูก้อจะ พบว่า ทำไมเขาคิดอย่างนั้น... ในสังคมบ้านเราก้อมีเด็กวัยรุ่นที่คิดแบบนี้ เกลียดพ่อแม่...แต่ทุกรายล้วน มีที่มาจากการถูกเลี้ยงดูแบบไม่เหมาะสมทั้งสิ้น... สรุป : ไม่เคารพก้อได้ แต่คุณก้อต้องยอมรับกรรมอันอาจเป็นผลตามมา         จากการที่คุณได้ละเมิดกติกาของการอยู่ร่วมกันในสังคมคน...เช่น         ข่าวใน นสพ. เมื่อเดือนก่อนนี้ ที่ลูกชายวัยสามสิบเศษ ดักตีหัวแม่         ตัวเองหวิดม้วย ปล้นเงินแม่ แล้วถูกจับติดคุก ได้กลายเป็นคนชั่วไป         แล้ว แมัผู้เป็นแม่ไม่เอาเรื่อง แต่กฎหมายเอาเรื่อง...เข้าคุกไปอาจ         โดนยำเละต้อนรับน้องใหม่...เท่าที่มีผู้เล่าให้ฟังว่า ในนั้นพวกที่มัก         จะโดนยำเละตัอนรับน้องใหม่ โดยมากได้แก่ พวกข่มขืนกระทำ         ชำเรา/พวกลักขะโมย/พวกทารุณทุบตีพ่อแม่....พวกในนั้นถือว่า         เป็นนักโทษต่ำชั้น แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 18:37:28 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 18:32:46 จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 18:32:22

ความคิดเห็นที่ 34   #33 พอจะบอกแหล่งข้อมูลความเป็นมาด้านจิตใจของเด็กพวกนั้นได้ไหมครับ ถ้ามีเป็นภาษาไทยก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่มีเอาภาษาอังกฤษมาก็ไม่เป็นไรครับ ผมชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 18:51:08 A:125.26.218.112 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 35 แปลกใจ...ที่คนห้องนี้มีปฏิกิริยารุนแรงกับสิ่งที่จขกท.ถาม เพราะสิ่งที่ถามก็ไม่ใช่ความคิดของเขา เขาแค่อ่านมาแล้วสงสัยเท่านั้นเอง เป็นเพราะสิ่งที่เขาอ่านมากระตุ้นให้เขาฉุกคิดสงสัย การโจมตีกันในเรื่องแบบนี้จะทำให้คนในสังคมไม่กล้าสงสัยไม่กล้าถาม ยอมรับแนวคิดที่เป็นอยู่ไปเรื่อยๆนะครับ (ไม่อยากจะยกขึ้นมา... แต่ก็คือแนวคิดตามหลักที่ให้ยอมรับแบบนี้ไปไม่ต้องถาม ใครเห็นต่างเป็นเรื่องไม่ดี นั่นแหละครับ) ทางชาติตะวันตกเขามีคนถามอย่างนี้จริงๆ เราไม่พูดถึงพวกเกรียนนะครับ แต่นักวิทยาศาสตร์ นักมนุษยศาสตร์ที่เป็นที่เคารพยกย่องก็"ถาม"เรื่องนี้ เช่นเรื่องการที่มนุษย์ดูแลสมาชิกในสังคมที่เหมือนจะไม่มีประโยชน์ต่อสังคมเท่าไหร่ เช่นคนแก่ ทำไม เพราะอะไร ได้ประโยชน์อะไร คำถามนี้โดยมากจะได้รับคำตอบในเชิงคุณธรรม หรือความรัก หรือไม่ก็จะโดนสวนตามที่เห็นๆกันในกระทู้นี้ ในทางมนุษย์วิทยา มีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ยุคหินซึ่งดูจากสภาพโครงกระดูกแล้ว มนุษย์คนนี้ไม่สามารถอยู่เองได้แน่นอน เพราะกระดูกฟันนั้นกร่อนหมด มีร่องรอยบาดเจ็บที่แขน แสดงว่าคนแก่นี้อยู่มาได้ด้วยการดูแลของคนอื่นที่มาบดอาหารและป้อนให้ หมายความว่าการดูแลคนแก่นั้นมีมาตั้งแต่มนุษย์ยุคหินซึ่งยังไม่มีการพัฒนาแนวคิดด้านศาสนาหรือคุณธรรมจริยธรรมใดเลยครับ เพราะอะไร จะบอกว่าเพราะความรักความผูกพันธ์อย่างเดียวหรือ ลองมาดูคำตอบของนักวิทยาศาสตร์สาย evolution psychology / sociology นะครับ มนุษย์เป็นสัตว์ไม่กี่ประเภทที่เรียนรู้จากประสบการณ์ได้ และสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ได้ด้วย ลองคิดตามนะครับว่ามีมนุษย์สองกลุ่ม สองกลุ่มนี้แตกต่างกันด้วยยีนเพียงตัวเดียว ซึ่งผลของยีนนี้ทำให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งไม่ทอดทิ้งคนแก่ของกลุ่มนั้น แต่อีกกลุ่มไม่คิดแบบนี้ กลุ่มที่ดูแลคนแก่ของตนนั้นก็เลยจะมีโอกาสได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากคนแก่มากกว่า (เพราะคนแก่อยู่นานขึ้นเท่านั้นเอง) ทำให้ได้เปรียบอีกกลุ่มว่า อาจจะเป็นเรื่องการหาอาหาร การดูแลความปลอดภัย หรืออื่นๆ ทำประสบความสำเร็จใมีลูกมีหลานได้มากกว่า ในแง่ของ evolution ก็คือมีโอกาสได้แพร่กระจายยีนของตนได้มากกว่า ซึ่งยีนหนึ่งในนั้นก็คือยีนที่ส่งผลให้เราดูแลคนแก่ของเราด้วย พอเวลาผ่านไปหมื่นปีแสนปี คนที่มียีนตัวนี้ก็มีมากกว่าคนที่ไม่มี เรื่องการดูแลคนแก่นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า altruism behavior (ขอแปลว่าพฤติกรรมที่เห็นแก่ประโยชน์สุขของผู้อื่น) ของสัตว์หลายๆประเภทรวมทั้งคนนะครับ และเพราะความกล้าถามของนักวิทยาศาสตร์ เขาก็ศึกษาเรื่องนี้จนพอเห็นภาพคร่าวๆแล้วว่าพฤติกรรมแบบนี้พัฒนามาได้อย่างไร และอย่างที่บอก พฤติกรรมนี้มีมาก่อนแนวคิดเรื่องศีลธรรมจริยธรรมเยอะครับ ดีไม่ดีอาจเป็นต้นกำเนิดของศีลธรรมก็ได้ ลองค้นหาคำว่า evolution of altruism ดูครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 19:20:42

ความคิดเห็นที่ 36 บางคห.ว่าจขกท.แรงไปรึป่าวคะ คุณจขกท.เขาตั้งประเด็นขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้ขบคิดและแสดงความคิดเห็นกัน ถ้าไม่เห็นด้วยก็แสดงความคิดเห็นมาสิคะว่าทำไม ไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนั้นเลย ส่วนเรื่องที่เราต้องเคารพหรือดูแล ตอบแทนพ่อแม่ เราเชื่อว่า มันเป็นเรื่องของตัวบุคคล อยู่ที่จิตสำนึก เขาจะคิดได้เองค่ะ สำเหนียกได้เองว่า ควรตอบแทนและปฏิบัติกับพ่อแม่อย่างไร จากคุณ : SisterNO.1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 20:12:13

ความคิดเห็นที่ 37 ถึง จขกท ผมไม่ได้ไม่สบายใจ ผมเฉยๆ เพราะผมก็อธิบายให้คุณฟังได้ไม่กระจ่าง คุณตั้งคำถามได้ดี จะตอบให้ได้ดีต้องคิดก่อนตอบ เพราะมันเป็นการถามหาเหตุผลในสิ่งที่หลายๆคนถือเป็นหญ้าปากคอก แต่มันตอบลำบากนะครับที่จริง ..และมันหมิ่นเหม่ต่อการได้กินขนมตุ๊บตั๊บ ..ถ้าคุณไปเจอช้างขี้โมโห ก็เลยเล่านิทานให้ฟังเท่านั้นแหละ ไม่ได้ว่าคุณหรอก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 22:58:13

ความคิดเห็นที่ 38 ได้อ่านกระทู้นี้ตั้งแต่เมื่อคืนวันก่อน อยากตอบ แต่ไม่กล้า ยิ่งมาเจอลุงแอ๊ด คคห 30 สาธกมา ยิ่งถูกใจ ประเด็นคำถาม ผมว่ามีความแหลมคมนะครับ ผมมานั่งคิดแล้วว่า พิจารณาให้ดีๆ ก่อนจะตอบ ตอนนี้ เลยยังไม่ตอบ เพราะยังคิดคำตอบดีๆไม่ได้ ขมวดจากคำถามคือ 1) ...จะตอบแทนคุณไปทำไม 2) ...พ่อแม่เป็นคนเท่าเทียมเช่นเดียวกันกับเขา ทำไมเขาต้องเคารพด้วย... 3) ...คนแก่ไร้ค่า หรือหนักๆก็ว่าสมควรฆ่าทิ้ง ??? 4) ...มันจริงหรือว่าการที่พัฒนาเศษฐกิจและวิทยาการให้ก้าวหน้า มันจะทำให้สังคมสงบสุขได้อย่างแท้จริงหรือ 5) ...คนมีเมตตาต่อกันจริงหรือ หลายประเด็นจริงๆ ค่อยๆคิดแล้วมาตอบทีหลังดีกว่า คคห นี้ แค่แวะมาส่งเสียงครับ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 00:22:25 จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 00:19:43

ความคิดเห็นที่ 39 ยกตัวอย่างจากประเด็นคำถามที่ 1 ก่อนแล้วกัน คำถาม: พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูตนอยู่แล้ว จะตอบแทนคุณไปทำไม ??? ตอบ:  ยังไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ปล. มานั่งคิดจากประเด็นคำถามนี้นะครับ - พนักงานเสริฟ ร้านอาหารมีหน้าที่เสริฟอาหารให้เรา เอาข้าวมาให้กิน เราต้องขอบคุณและตอบแทนด้วยให้ทิป ทุกครั้ง???? - ยามลานจอดรถห้าง ช่วยเ้ข็นรถที่จอดขวางหน้ารถเรา ตามหน้าที่ เราต้องสำนึกบุญคุณ ??? - สส.ต้องพัฒนาพื้นที่ เป็นหน้าที่ ไม่ใช่บุญคุณ ??? (ตย.นี้เริ่มตรรกะแปลกๆ) - ผู้ว่าฯ กทม ต้องลุยน้ำเมื่อน้ำท่วม เป็นสิ่งพิเศษ ไม่ใช่หน้าที่ (อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่) - ครู-อาจารย์ มีหน้าที่สั่งสอนเรา บ่มเพาะเราให้เป็นคน เราต้องสำนึกบุญคุณ ฯลฯ   (ตย.นี้ผมว่าถูกแล้วนะแต่หลายๆคน มองว่าเป็นเรื่องที่ครูต้องทำ และเป็นหน้าที่นักเรียนที่ต้องสำนึกฯ) ฯลฯ ชักเพ้อไปกันใหญ่ เรื่องบุญคุณกับหน้าที่ ดังนั้น ผมถึงว่า ขอคิดคำตอบดีๆก่อน ค่อยมาตอบที่ จขกท ถามครับ จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 00:35:50

ความคิดเห็นที่ 40 ยกตัวอย่าง ประเด็นคำถามที่ 2 ครับ ถาม:พ่อแม่เป็นคนเท่าเทียมเช่นเดียวกันกับเขา ทำไมเขาต้องเคารพด้วย ตอบ: ไว้ก่อนแล้วกัน ยังเรียบเรียงคำตอบที่จะอธิบายให้คนที่ตั้งคำถามนี้ให้เข้าใจไม่ได้ เพราะคนถามอาจจะคิดแค่ว่า คน ก็แค่สิ่งมีชีวิต ตัวหนึ่ง คงต้อง สาธยาย สาธก เรื่องศีลธรรม จรรยา ฯลฯ กันอีกนาน กว่าจะเข้าใจเรื่อง คน หรือมนุษย์เรานี้ เป็นอย่างทุกวันนี้ เพราะมี Moral (ขออภัยทีทับศัพท์) มานั่งคิดในมุมมองคนตั้งคำถาม อย่าง คคห 39 คงจะประมาณว่า 2 มือ 2 แขน เหมือนกัน ก็คนเหมือนกัน ต่างกันตรงใหนฟะ??? หรืออา่จจะเปรียบเทียบกับระบบอุปภัมภ์แบบไทยๆ เช่น - "ผู้บังคับบัญชา ก็เป็นคนเหมือนกัน ทำไมต้องเคารพ" ??? (เจ้านายเอ็งให้คุณให้โทษได้เฟ้ย หากไม่รู้) - (จากบรรทัดบน)"ถ้าเราไม่ผิด แล้วเขาจะลงโทษเราได้เหรอ นี่มันความคิดแบบไทยๆ ชัดๆ" (ถ้าเอ็งปกครองไม่ได้ เขาก็ไม่อยากเอาเอ็งไว้หรอก) - "เก่งซะอย่าง ทำไม ต้องหงอให้คนเก่าๆ ด้วย ถืออาวุโสเหรอ" (เก่งแต่เจ๊งก็มีให้เห็นไม่น้อยนะครับ อาจมีบ้างที่เ้ก่งแต่ยะโสแล้วรอด แต่ว่าน้อย อาจเป็นเพราะคนหมั่นใส้เยอะ เลยช่วยกันรุมกระทืบ รุมซ้ำ) ฯลฯ คำว่าเคารพ  แสดงออกได้หลายวิธีครับ ซึ่งรวมไปถึงเคารพรัก ด้วย ผู้หลักผู้ใหญ่ของเรา ซึ่งรวมไปถึงบุพการีด้วย ที่สนิทกันเหมือนเพื่อน (ผมกับคุณแม่ ปรึกษากันเหมือนเพื่อนครับ ณ ปัจจุบัน เมื่อผมโตแล้ว) เคารพรักในแบบของเรา  แต่อาจจะดูไม่เคารพ ในนิยามของคนอื่นก็ได้ ปล. เริ่มชักกระทู้ออก Drama ซะแล้วสิเนี่ย ปล.2 เอาซัก 2 ประเด็นก่อนแล้วกัน แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 00:57:02 จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 00:55:35

ความคิดเห็นที่ 41 ผมอยากให้มีคำถามทางจริยศาสตร์ทำนองนี้มากๆ ในสังคมไทยมีเรื่องที่ห้ามตั้งคำถามมากเกินไป จนหลายครั้งหลายคนใช้เอาเปรียบกดขี่ผู้อื่น พ่อแม่ส่วนใหญ่เราควรเคารพ ตามค่านิยม บรรทัดฐาน จารีตของสังคม แต่คงจะไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนหรอกครับ ตัวอย่างง่ายๆ แม่ที่ทอดทิ้งลูกโดยไม่มีเหตุจำเป็น พ่อที่ข่มขืนลูก และอื่นๆอีกมาก คนเหล่านี้น่านับถือหรือครับ ผมไม่อยากให้คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้าม บางท่านพอได้ยินจะคิดว่าคนถามเลวทันที การสนทนาในประเด็น "ต้องห้าม" อย่างมีเหตุผลทุกแง่ทุกมุมน่าจะทำให้สังคมดีขึ้นครับ ผมมีลูกแล้วอยู่ ป6 ครอบครัวอบอุ่นดี และลูกเคยถามผมในประเด็นนี้ และประเด็นต้องห้ามอื่นในสังคมไทยแล้วด้วยครับ จากคุณ : เสธแก่ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 08:30:05

ความคิดเห็นที่ 42   ความเคารพอาจจะไม่ได้เกิดจากความเหมือนหรือต่างของเผ่าพันธุ์หรือเปล่าครับ พูดอีกอย่างก็คือ ความเหมือนหรือต่างทางเผ่าพันธุ์ไม่ใช่เงื่อนไขของความเคารพหรือเปล่า ปกติความเคารพน่าจะเกิดจากความเกรงและกลัว(?) ซึ่งมีทั้งเกรงและกลัวแบบทางตรงและแบบทางอ้อม ทางตรงก็... เกรงกลัวอำนาจของบุคคลหรือสิ่งที่เราจะต้องเลือกว่าจะเคารพหรือไม่ ทางอ้อมก็เกรงกลัวอำนาจของสิ่งที่เชื่อมโยงกับบุคคลหรือสิ่งที่เราจะต้องเลือกว่าจะเคารพหรือไม่ เช่น ผลของกรรมถ้าเราเลือกที่จะไม่เคารพบุคคลหนึ่งๆ ถ้ามันรุนแรงมาก(เมื่อเราชั่งน้ำหนักดู) เราก็จะเลือกเคารพบุคคลนั้นในที่สุดไปเอง ที่สุดแล้วเราจะเลือกที่จะเคารพหรือไม่เคารพ ก็เพื่อความปลอดภัยของเราเองนั่นแหละครับ หรือว่าไง? แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 08:54:09 จากคุณ : Zero_Zero เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 08:53:46

ความคิดเห็นที่ 43 คุยเรื่องปรัชญา โดยเฉพาะเกี่ยวกับความรักซึ่งเป็นนามธรรมสุดๆ ก็ยาวแบบนี้ละครับ ความรัก ในความหมายของคนในแต่ละวัย คนเดิมนั่นแหละ เพียงผ่านวัยจากสถานะหนึ่งไปสู่อีกสถานะหนึ่ง ก็ยังต่างกันอีก นับประสาอะไรกับคุยกันในเว็บบอร์ดแบบนี้ ต่างเพศ ต่างวัย ต่างมุมมอง เยอะแยะไปหมด โดยส่วนตัวผม คุยเรื่องทำนองนี้ผมไม่ซีเรียสครับ แค่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 09:42:20

ความคิดเห็นที่ 44 ดีใจที่ได้กลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้ง แทนที่จะเห็น จขกท โดนช้างกระทืบจนน่วม ^^ เพราะมี นกฮูก กอริลาสูงวัย นกการเวก และอื่นๆ มาช่วยทำให้กลับคืนเป็น ห้องปรัชญา จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 11:33:41

ความคิดเห็นที่ 45 จขกท.อาจจะจะถามในเชิงปรัชญาได้ว่า "ทำไมเราต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ" ซึ่งมันเป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ในเชิงเหตุผลล้วนๆนะครับ เหมือนกับถามว่า "ทำไมเราต้องทำความดี" มันน่าจะต้องเอาเรื่องจริยศาสตร์ มโนสำนึก และความรู้สึกทางศีลธรรมเข้ามาช่วยตอบครับ จากคุณ : E_kant (E_kant) เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 12:11:16

ความคิดเห็นที่ 46   ขอบคุณ #35 สำหรับคีย์เวิร์ดเรื่องการพัฒนาของการเห็นใจครับ แต่ก็ขอรบกวนผู้ที่ทราบอีกที ช่วยบอกคีย์เวิร์ดหาเรื่องกระบวนการของจิตใจเด็กที่มีแนวคิดดังกล่าวด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 18:04:25 A:125.26.214.250 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 47 ทำไมเราต้องเคารพพ่อแม่ด้วยในเมื่อทั้งสองก็เป็นคนเช่นเดียวกับเรา ู^ ^ เรา คือ คุณและผม  หรือ ผู้ที่กำลังอ่านกท.นี้ หรือ นัยยะคือ ผู้ที่เติบโตขึ้นมาได้จน ถึงขณะนี้ เคารพ คืออะไร แสดงออกอย่างไร? พ่อแม่ คือใคร  รวมถึงตัวแทนของท่านด้วยไหม  อาทิ ผู้ที่เลี้ยงดูเราแต่เด็ก (ซึ่งไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด) "คน" คืออะไร  หมายถึง ความเป็นมนุษย์ใช่ไหม? คำที่เราสนใจส่วนใหญ่  ดูเหมือนจะเป็นคำว่า เคารพ  ซึ่งแตกแขนงออกไปชัดเจนในแนวโน้มกลุ่มคำ ต่างๆ  คือ  การเคารพเทิดทูน  การตอบแทนพระคุณ  การเลี้ยงดูยามท่านแก่ชรา  การเชื่อฟัง   การยึดถือเป็นแบบอย่าง  การระลึกถึง(แทนสิ่งเคารพบูชา)   ตอบโดยรวม วันนี้  เราเข้มแข็ง  แต่ดูเหมือนท่านกลับอ่อนแอลง(ตามวัย) เรามีอดีต..ที่อ่อนแอ  เพราะมิอาจพึ่งตนเองได้ แต่ความจริงวันนี้  ท่านกลับอ่อนแอ  และมีแนวโน้มพึ่งตนเองไม่ได้(ตามวัย) ทั้งหมด คือ สายใยอันเป็นเครือข่ายชีวิต  ...มิใช่หรือ? ดังนั้น  การตอบแทน  จึงเท่ากับ  เราไม่ลืมอดีต อันปัจจุบัน..คือ ตัวตนของเรา นั่นเท่ากับ  การเคารพด้วยการตอบแทน  จึงเสมือน  เรากระทำกับตัวตนของเรา ผ่านความอ่อนแอของท่าน   นี่อาจเป็นเป้าหมายของการรู้จักตนเองได้อย่างหนึ่ง และในมิติของปรัชญาแล้ว     การแสวงหาการรู้จักตนเอง  น่าจะเป็นความชื่นชมยินดีมิรูู้็คลาย..มิใช่หรือ? จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 19:28:23

ความคิดเห็นที่ 48 มันจริงหรือว่าการที่พัฒนาเศษฐกิจและวิทยาการให้ก้าวหน้า มันจะทำให้สังคมสงบสุขได้อย่างแท้จริงหรือ ^ ^ อย่างไรก็ตาม   มีแนวโน้มว่า  .... สังคมยิ่งเจริญ   ..ผู้คนก็จักไปอิง "ระบบ"ต่างๆ (ที่มนุษย์สร้างขึ้น) ผู้คนต่างใฝ่หา ความสะดวกสบายในทุกกรณีให้มากสุด อานิสงค์ของระบบที่สะท้อนมาที่สิ่งรองรับต่างๆทางวัตถุ  เราต่างเชื่อว่า มันคืออิสรภาพ แต่ในด้านหนึ่ง  มันซ่อนหลุมพรางของการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์...ในหลายลักษณะ ซึ่งอาจรวมถึง  แนวโน้มของการไม่อยากรับภาระการเคารพพ่อแม่(ที่อ่อนแอลง..ตามวัย) ถ้าสถาบันครอบครัวเสื่อม  ผูููู้็คนก็จักแสวงหาอิสรภาพจากนอกบ้าน..ตามกระแสสิ่งกระตุ้น และถ้ามีภาวะพ่อแม่ที่ไม่พร้อมจะสร้างครอบครัวที่เป็นสุขก่อนแล้ว   ค่านิยมเคารพพ่อแม่ก็ย่อมถูกสลายมนตร์ขลังไปพร้อมกันทุกที...อย่างช้าๆ   นี่คือ การไม่ต้องเคารพ  โดยการกระทำของพวกเขาเองก่อนหน้าเรา   ทั้งหมดอาจเกิดขึ้นกระจายบนการกระจุกตัวของ พ่อแม่ที่ดี  และครอบครัวที่ดีในกระแสชีวิตสมัยใหม่ได้ ตรงนี้   จึงถึงคราหาเหตุผลของการดำรงอยู่ของการเคารพท่าน  แล้วแต่กรณีและทั่วไป ที่ไม่ได้อิงความไม่สมบูรณ์ต่อประสบการณ์บางท่าน  ที่เติบโตมาแบบไม่ได้อิ่มในคุณค่าความรัก..ที่เพียงพอ จึงมิอาจสัมผัสด้านกลับของข่ายใยชีวิต  ที่เรียกว่า  การเคารพ(-รัก-)..ก็เป็นได้ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 19:37:37

ความคิดเห็นที่ 49 คิดถึงพี่สิงห์ lb'sN ล็อกอินในตำนาน จากคุณ : กัมม์ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 21:20:54

ความคิดเห็นที่ 50 "เคารพคนที่การกระทำ มิใช่สิ่งที่พวกเขาเป็น" จากคุณ : powerconduit เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 00:10:09

ความคิดเห็นที่ 51 ผมว่าก็เป็น valid point ที่จะถามนะครับ คำถามนี้ ผมว่า สิ่งที่เราอาจจะต้องเลี่ยงก็คือ อย่าคิดในเชิงที่ว่า การเคารพพ่อแม่อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องที่เป็น "สากล" และ essential การไม่ "เคารพ" พ่อแม่ ถือเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ และเป็นเรื่องผิดศีลธรรม เอาเข้าจริง ๆ concept ของครอบครัวอย่างที่เรารู้จักกัน (พ่อ-แม่-ลูก) เป็น concept ที่ถูกทำให้เป็นรูปธรรมและถูก treat อย่างจริงจัง ในช่วงยุคสมัยใหม่นี่เอง ไอเดียเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้พร้อม ๆ กับชนชั้นกลางในยุโรปที่พยายามสร้างคุณค่าบางอย่างของตัวเองขึ้นมาให้แตกต่างจากชนชั้นสูงซึ่ง concept เรื่องครอบครัวถูกนำไปผูกโยงเข้ากับเรื่องการเมือง (ชนชั้นสูงแต่งงานมีลูก หลัก ๆ แล้วเพื่อเหตุผลทางการเมือง) และจากชนชั้นล่าง ที่แต่งงานสืบพันธ์เพื่อ reproduce แรงงานเพื่อทำงานใช้แรงงานเป็นหลัก เพราะฉะนั้น เวลาเราพูดถึงครอบครัว เราต้องนึกถึงความเฉพาะเจาะจงทางประวัติศาสตร์ด้วย ข้อเสนออีกอย่างก็คือ การ "เคารพ" พ่อแม่ ผมมองว่าเป็นเรื่องของ power relation ในสังคมมากกว่า คือ การที่ social being เรียนรู้ที่จะ recognize ตำแหน่งแห่งที่ของตนและของคนอื่น ๆ ภายใต้ความสัมพันธ์ทางสังคมนั้น คล้าย ๆ ทฤษฎี functionalism ในวิชาสังคมวิทยาน่ะครับ แต่การที่จะเรียนรู้ function หลาย ๆ อย่างได้ต้องผ่านการเรียนรู้ ไม่ว่าจะทางครอบครัวหรือสังคม ไม่ใช่เกิดมาแล้วเป็นเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นคนละเรื่องว่า การเคารพพ่อแม่ "ดี" หรือ "ไม่ดี" อย่างไรนะครับ และแน่นอนว่า มันมีความเป็นไปได้ของการไม่ "เคารพ" พ่อแม่อยู่ด้วย เมื่อบริบทของสังคมเปลี่ยน practice เหล่านี้ก็เคลื่อนที่เช่นกัน ปล. อันที่จริงมีอีก approach นึงที่น่าสนใจคือ ผ่าน psychoanalysis ไม่ว่าจะเป็น Freudian หรือ Lacanian (อันหลังน่าสนใจมาก) แต่ไม่มีความรู้มากพอเลยเว้นไว้ให้ท่านอื่นอธิบายละกันครับ จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 07:51:36

ความคิดเห็นที่ 52 ผมก็เห็นด้วยนะครับ กับคำถามชุดนี้ ประเด็นที่น่าสนใจทีเดียว  น่าจะมาอภิปราย เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ด้านต่างๆ ได้ ลองขมวด แก่นแกน ของคำถามประเด็นต่างๆ จะได้ประมาณนี้หรือเปล่าครับ 1)   ทำตามหน้าที่  -  สำนึกบุญคุณ "...พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูตนอยู่แล้ว จะตอบแทนคุณไปทำไม..."       แค่ประเด็นแรก นี่ก็อภิปรายกันได้อย่างกว้างขวางแล้วครับ   เช่น   - การเลี้ยงดูลูก คือการตามหน้าที่ จริงหรือ???           - อย่างนั้นการให้ความรัก ความผูกพันธ์ สายใย สายสัมพันธ์จากแม่สู่ลูก  ทำเกินหน้าที่ กระนั้นหรือ  ??           - การทำหน้าที่ ถือว่ามีบุญคุณ หรือไม่ ???           ฯลฯ ประเด็นอภิปราย เยอะแยะเลยครับ 2)  ความเท่าเทียม กับ การเคารพ "...พ่อแม่เป็นคนเท่าเทียมเช่นเดียวกันกับเขา ทำไมเขาต้องเคารพด้วย..."     ข้อนี้ ก็แหลมคม น่าถกกันมากครับ เอาแค่ ความเท่าเทียมของคน ความหมายข้อนี้ ความเท่าเทียมกัน ในทางปรัชญาคืออะไร??   คนแต่ละคนนั้น เท่าเทียมกันจริงหรือ(ปรัชญาอีกแล้ว) หรือที่อ้างมาถาม  เป็นแค่ความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย??? และเรื่อง การเคารพ เราก็สามารถนำมาถกกันได้เป็นเรื่องราว อย่างกว้างขวาง อาจจะมีการอ้างกระทั่งคำสอนทางศาสนาเข้ามา ฯลฯ ผมว่า ประเด็นเหล่านี้ น่าอภิปรายกันดูนะครับ เอาสัก 2 ข้อก่อน   ปล. อยากเห็นดราม่า ห้องนี้บ้างจัง จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 11:35:09

ความคิดเห็นที่ 53 ทุกคนที่มาตอบในนี้ ผมคิดว่าทุกคนมีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่อบอุ่น ปกติผมไม่ค่อย อ่านกระทู้ที่ยืดยาวขนาดนี้ แต่สำหรับกระทู้นี้ผมใช้เวลาอ่านทุกความคิดเห็น อย่างละเอียดเลยก็ว่าได้ ผมเป็นคนที่โตมากับครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ไม่ได้โตมากับพ่อแม่ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมเลยกลายเป็นคนเฉยๆกับพ่อกับแม่ รู้สึกเหมือนแค่เป็นคนรู้จักกัน พี่ป้า น้าอา หรือแม้กระทั่ง ยาย ที่เลี้ยงผมมา เค้ายังบอกเลยว่าอย่าไปเกลียดพ่อแม่นะมันบาป ผมก็จะบอกทุกครั้งว่า ผมไม่ได้เกลียด แต่ผมเฉยๆ อันนี้ ผมจะบาปมั้ยครับ เชื่อมั้ยครับ ว่าทุกครั้งที่พ่อแม่ โทรมาหาผม จะมีอยู่เรื่องเดียวคื่อเรื่องเงิน นอกจากนั้นไม่เคยโทรมา ผมก็เลยแก้ปัญหาโดยการไม่รับ โทรศัพท์ สรุป เค้าก็ไปเอาจากยายอยู่ดี เพราะเค้ารู้ว่าผมให้เงินยายใช้   ผมคงไม่ถึงขนาดว่าจะฆ่าพ่อแม่ได้ นะครับ แต่ผมคงอยู่กลางๆ ของความคิดเห็น ทั้งหมด แต่บางที่รู้สึกว่าตัวเอง เลว นิดๆ ที่ไม่ได้ ดูแลพ่อแม่เหมือนที่คนอื่น เค้าทำกัน เพราะอย่างน้อย ถ้าเค้าไม่เกิดเรามาเราคงไม่มีวันนี้ แต่ถ้ามองในมุมกลับกันถ้าเค้าไม่เลี้ยงเราแล้วปล่อยให้เราตายไปซะ มันจะดีกว่าที่เราโตขึ้นมาแบบทิ้งๆขว้างและเป็นภาระกับคนอื่นหรือสังคมรึป่าว แต่ในกรณีผมโชคดีที่ยายเลี้ยง ป้าไม่ได้แต่งงานเค้าเลยเลี้ยงเราเหมือนลูก เค้าปลูกฝังความคิดดีๆ ให้ผมตลอดครับ ทำให้เราไม่เป็นภาระกับสังคมหรือใครๆ แต่ผมยังทำใจให้กลับไปเลี้ยง พ่อแม่ เหมือนคนอื่นไม่ได้ อยู่ดีครับ จนทุกวันนี้เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดจะมีเลยครับ ทั้งๆที่อายุก็เยอะแล้ว เพราะผมคิดว่า ผมกลัวลูกมันจะไม่รักผม กลัวมีครอบครัวที่ไม่อบอุ่น สงสัยกรรมมันคงตามทันเร็วจิงๆ ด้วยครับ แหะๆ ที่เขียนมาสรุปไม่ได้ตอบคำถาม จขกท สักข้อเลยครับ  ฮ่าๆๆ แต่สงสัยว่า ถ้าพ่อแม่เลี้ยงเราไม่ดี เราผิดมั้ยครับ ที่จะมองว่าพ่อแม่ก็เป็นแค่คนรู้จักคนนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จากคุณ : zypherus เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 12:58:11

ความคิดเห็นที่ 54   เป็นแนวคิดที่ส่งเสริมความคิดนะครับ ทำไมเรารักลูก ทำไมเรารักเด็กแม้ไม่ใช่ลูก แม้บางคนไม่น่ารัก ธรรมชาติ สร้างสัตว์ตัวลูกให้น่ารัก น่าปกป้อง ลูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จะหัวโต ขาสั้น อ่อนแอ ดูแลตัวเองไม่ได้ จำเป็นต้องอยู่กับ Adult เพื่อปกป้อง การรักลูกจึงไม่ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธรรมชาติกำหนดมาให้แล้ว แต่การรักพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดู ไม่ได้สร้างความผูกพันธ์ร่วมกันมา ต้องเรียนรู้ รักพ่อแม่จึงยากกว่ารักลูก เราคนเอเชีย เรื่องนี้ปลูกฝังแต่เด็ก ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ฝรั่งไม่เน้นเรื่องกตัญญู กตเวที เท่าไหร่ เขาเลยไม่มีสำนึกด้านนี้ อีกด้านหนึ่ง คนเอเชียก็มีสำนึกมากเกินไป จนพ่อแม่บางคนคิดว่า ตัวเองเป็นเจ้าชีวิตลูก จึงทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจลูก ข่มขืนลูก ขายลูก โดยเด็กไม่อาจทำอะไรได้ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 17:21:10 A:58.64.56.38 X: TicketID:245573

ความคิดเห็นที่ 55   เรื่องนี้ก็ทำให้ผมคิดโยงไปเกี่ยวกับการยอมรับกฎเกณฑ์ทางสังคมของคนแต่หละกลุ่มนะครับ บางกลุ่มอยากให้กฎเกณฑ์เข้าข้างตนเองที่สุดโดยไม่สนว่าจะไปเบียดเบียนใครหรือไม่ บางกลุ่มอยากให้กฎเกณฑ์อยู่ในขั้นที่ตนเองและคนอื่นๆพอจะอยู่ได้ บางพวกจะอย่างไรก็ได้เพราะมีวิธีหลบเหลี่ยงอยู่แล้ว กฎเพื่อข้าคนเดียว - นำไปสู่อัตตนิยม กฎโดยความเห็นใจทั้งผอง - นำไปสู่รัฐในอุดมคติ ความต้องกฏที่แตกต่างกัน พวกที่อยากคิดกฎที่มาใหม่ย่อมมองผู้มีอำนาจจากกฎเก่าเป็นปีศาจ แต่ความจริงแล้วเมื่อกฎใหม่เข้ามาแทนกฎเก่าได้สำเร็จ ปีศาจก็ยังไม่ได้หายไป มันแค่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้น เพราะโดยเนื้อแท้ปีศาจมันก็อยู่ในจิตใจของคนเรานั้นเอง จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 17:39:25 A:125.26.223.233 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 56 น่าเห็นใจเยาวชน ที่ถูกพ่อแม่ละทิ้งมากขึ้นๆ มีสติ ตั้งสติได้เสมอ จะดำรงอยู่ในโลกธรรมชาติรอบตัวเราได้ โลกรอบตัวรวมหมายถึงพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน ญาติและคนใกล้ตัวในสังคมที่เราสัมพันธ์ด้วยทุกคน (รวมถึงการเมืองและผู้มีอำนาจ) ไม่ยุติธรรมนัก หากเจ้าของกระทู้จะกล่าวสรุปไปเพียงว่า ปีศาจมันก็อยู่ในจิตใจของคนเราเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าสอนว่า ในจิตวิญญาณมนุษย์นั้นมีทั้งเทพและปีศาจ หรือมารสิงสถิตย์อยู่คู่กันเสมอ หากคนเรามีสติตั้งมั่น และมีความเข้มแข็ง ฝ่ายเทพย่อมไม่พลาดท่าให้ฝ่ายปีศาจครอบงำจิตวิญญาณเราได้ โลกรอบตัวเรา พ่อแม่เรา เป็นสิ่งที่ดำเนินไปเองของเขา หากเราหม่นหมองกับพายุร้าย ฝนตก น้ำท่วม สึนามิ อยู่ไม่สร่างซา หากเราหม่นหมองตลอดเวลากับพ่อแม่ เราเองจะมีสุขภาพที่แย่ลงนะครับ พ่อแม่ไม่ได้รับรู้ด้วย โลกรอบตัวไม่ได้รับรู้ด้วย ไม่หม่นหมองไปกับเราด้วยหรอกครับ เราต่างหากที่หม่นหมอง เศร้าเสียใจ รับทุกข์เสียเอง ......ปล่อยวางลงเสีย...... โลกภายนอก เราควบคุมมันไม่ได้ นอกเหนืออำนาจของเรา หันมาดูที่ใจของเราเองดีกว่า มีสติทุกลมหายใจ  คิดเชิงบวก สิ่งดีและเลว นำมาเป็นครูของเรา ได้ทั้งสิ้น เรียนรู้อย่างมีสติ ทำจิตใจให้ร่าเริงผ่องใส ทำความดี ให้มีพื้นที่ของเทพเพิ่มขึ้น ละทิ้งความชั่ว ลดพื้นที่ของมารหรือปีศาจลง ชีวิตของเราจะสงบ หมายถึงการบังเกิดมีความสุขขึ้นเองตามธรรมชาติครับ โลกขาดแคลนมากขึ้น สิ่งแวดล้อมก็เสื่อมทรามทรุดลงทุกที มนุษย์เพิ่มจำนวนมากขึ้นและเห็นแก่ตัวมากขึ้น ทำร้ายเบียดเบียนกันมากขึ้น หากระบบการศึกษาและผู้มีอำนาจไม่อาจทำให้สังคมมี สติปัญญาและความรักความเมตตาต่อกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ฝ่ายเทพแล้ว ปีศาจก็จะเข้ายึดโลกในที่สุด "ขอร้องให้ฝ่ายเทพมาร่วมมือกันปลอบประโลมโลก ขอให้ศรัทธา สติ ปัญญา เมตตา/ความรัก ความหวัง กำลังใจยังมีอยู่ในตัวเราเอง เป็นที่มั่นสุดท้ายครับ" จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 22:15:51

ความคิดเห็นที่ 57 คำกล่าวที่ว่า "พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูตนอยู่แล้ว" เป็นอิทธิพลทางความคิดที่มาจากแนวปรัชญาของฝรั่ง เป็นปรัชญาที่แข็งกระด้าง ยุคหนึ่งของสังคมก่อนเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ เมื่อพึ่งพาพระเจ้าไม่ได้แล้ว แถมพระและผู้มีอำนาจในสังคมก็เบียดเบียนสังคมและผู้คน ในที่สุดฝรั่งก็หันมาพึ่งพาปัญญาของมนุษย์เองใช้ความมีเหตุผล(พิสูจน์ได้ทางวัตถุกายภาพ,ทางอักษรศาสตร์) ใช้วิชาตรรกะอันหยาบกระด้าง เกิดพัฒนาการลัทธิทุนนิยมในด้านขวาสุด ลัทธิคอมมิวนิสต์ในด้านซ้ายสุด เข้ากระทำกับธรรมชาติแวดล้อมและมนุษย์ด้วยกันเอง ...."มิใช่ทางสายกลาง".....(non fuzzy logic) ตัวอย่างคำพูด"I think, therefore I am" ของปราชญ์ฝรั่งชื่อนาย เดส์คารทส์(Rene Descartes) เป็นตรรกะยอดฮิท  มีแต่ความคิด ตรรกะเหตุผล แต่มีผลเสียเพราะไร้ซึ่งด้านจิตวิญญาณ การเรียนปรัชญาฝรั่งพึงต้องระวังให้จงหนักครับ ฝรั่งจำนวนมากหันมาศึกษาปรัชญาตะวันออก แต่คนไทยจำนวนมากเช่นกัน ยังไม่ได้สติ เดินตามปรัชญาฝรั่งต้อยๆว่าวิเศษไปเสียทั้งหมด แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 53 23:04:27 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 23:01:59

ความคิดเห็นที่ 58   ^ ^ "พระพุทธเจ้าสอนว่า ในจิตวิญญาณมนุษย์นั้นมีทั้งเทพและปีศาจ หรือมารสิงสถิตย์อยู่คู่กันเสมอ" ไปเห็น หรือไปได้ยิน ที่ไหนมา ? พูดถึงเคยได้ยินมาเหมือนกัน สมัยเรียนพุทธศาสนา พระพุทธเจ้ากล่าวถึง อกุศลกรรมบท 10 ข้อ ข้อ 4-7... พูดปด หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ถือเป็นบาปทางวาจา :) จากคุณ : Zero_Zero เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 23:51:56

ความคิดเห็นที่ 59 ตัวอย่างเลยนั่น#58 พ่อคุณเอ๋ย!!!! มัวหลงอยู่ในตรรกะแบบฝรั่ง จึงตีความคำสอนพุทธศาสนาไปไม่พ้นบรรทัด จำได้ว่าเขาเคยนำกาลามสูตรทั้ง๑๐ข้อมาตั้ง แล้วนำตรรกะแบบฝรั่งมาย้อนถามเป็นกระทู้ว่ากาลามสูตรของพระพุทธเจ้า เชื่อได้หรือ? ถึงขนาดนี้เลยครับ ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยช่วยเขาด้วย จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 00:22:15

ความคิดเห็นที่ 60   ^ ^ ... o_O? งงแต่ว่ากระทู้นี้เกี่ยวกับตรรกะฝรั่งจริงหรือครับ ถ้าบอกว่าคนฝรั่งใช้ตรรกะฝรั่ง ทำไมสังคมเขาถึงไม่ได้เคารพพ่อแม่ หรือเคารพพ่อแม่ทั้งหมดล่ะครับ ในสังคมนึงไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องเป็นเหมือนกันด้วยสิครับ การไปปักใจเชื่อว่าของอย่างนี้ต้องเป็นอย่างนั้น ของอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ มันดูยังไงๆ อยู๋นะครับ? เหมือนไม่มีอะไรแต่เบียดเบียน ในความงามมีการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น ผมสงสัยว่าของพวกนี้มันเป็นปรัชญาจริงหรือ เที่ยวพูดในสิ่งที่ตนไม่รู้ ไม่มีหลักฐาน ส่อเสียดหยาบคายว่าตะวันตกไม่ดี ฝรั่งไม่ดี โกหกว่ามีใครพูดอย่างโน้นอย่างนี้ มันเป็นการทำความดีในทางพุทธศาสนาหรือครับ? ว่าแต่ตรรกะอินเดีย ตรรกะจีนก็มี ผมก็ใช้นำทางชีวิตผมด้วย และแน่นอน ผมนับถือศาสนาพุทธครับ ยึดมั่นถือมั่นในพระรัตนตรัย แต่ก็ไม่ขอหรือหวังให้พระรัตนตรัยช่วยอะไร ตัวผมเองก็พอจะช่วยตัวเองได้ครับ :) พิมพ์ๆ ไปนึกกุศลกรรมบทได้ข้อนึงครับ ข้อที่ว่า "เคารพบุคคลที่ควรเคารพ" ครับ :) จากคุณ : Zero_Zero เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 08:45:51

ความคิดเห็นที่ 61 ขอแจมเรื่องตรรกะฝรั่งไม่ฝรั่งเล็กน้อย (ดูจะหลุดหัวข้อกระทู้พิกล) 1. อันที่จริง จะบอกว่าในสมัย classical greek มีการเรียบเรียงการใช้ตรรกะ (อันที่จริง logos มีความหมายกินความกว้างกว่าตรรกะ) ขึ้นมาแล้วเป็นฐานให้วิธีคิดแบบตะวันตกก็ไม่ผิดนัก แต่จะบอกว่า มีแต่ตะวันตก ("ฝรั่ง") เท่านั้นที่ใช้ตรรกะ อันนี้ก็ไม่น่าจะถูกนักเช่นกัน ปรัชญาฮินดู มีหลาย ๆ สำนักที่เน้นว่า เราสามารถเข้าถึงพระเจ้าได้ผ่านการใช้ตรรกะ ในขณะที่จีน school ของปรัชญาจีนก็มีเช่นกันที่เน้น การใช้ตรรกะ ปรัชญาฮินดูบางสำนัก ปฏิเสธการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณโดยสิ้นเชิง มองว่าโลกเป็นเพียงสสาร การฆ่าคนจึงไม่มีความผิด เพราะคนเป็นเพียงสสารไม่ต่างจากโต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ เช่นกัน และถ้าผมเข้าใจไม่ผิด พระพุทธเจ้าก็ใช้ตรรกะในการ debate เช่นกัน 2. การบอกว่า ปรัชญาของ Descartes "ไร้จิตวิญญาณ" (คำของคุณขามเรียงเลย) เป็นการเข้าใจผิดครับ ปรัชญาของ Descartes ต้องการยืนยันการดำรงอยู่ของตัวเรา (the "I") ซึ่งตัวเราเนี่ย สามารถแยกออกไปได้สองส่วน คือ Corpereal Being: ร่างกายเนื้อหนัง (Descartes เปรียบเทียบกับขี้ผึ้ง) และส่วนที่สองคือ Thinking Being: ส่วนที่ "คิด" และ "รู้สึก" ปรัชญาของ Descartes จึงเรียกกันว่าเป็น dualism เพราะมองว่า โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์มีสองส่วนครับ I think คือส่วนสำคัญที่สุดของ Descartes เพราะถ้าเราไม่ think ส่วนของ Corporeal ก็จะไม่สามารถยืนยันการดำรงอยู่ได้ self-certainty ของมนุษย์ไม่ได้ยืนยันผ่านสิ่งที่เป็นวัตถุ แต่ยืนยันผ่าน consciousness ต่างหาก 3. ย้อนกลับมาเรื่องครอบครัว จะบอกว่า ฝรั่งไม่ "เคารพ" พ่อแม่ นี่ไม่จริงนะครับ ลองไปดูประเทศอย่าง อิตาลี หรือ สเปน จะพบว่า mentality ของคนในประเทศเหล่านี้ ครอบครัวยังคงเป็นเรื่องสำคัญ และอยู่กันอย่างเหนียวแน่นมาก อันที่จริงผมอยากจะตอบคำถามคุณ Diwali คห.ที่ 52 แบบ เหลือคำตอบเดียว คำถามที่คุณ Diwali ถาม ผมตั้งข้อสงสัยว่า เราสามารถอภิปรายเรื่องนี้ได้อย่างเป็น "ทั่วไป" จริงหรือ? คห.ที่ 51 ของผมคือการพยายาม ดึงมุมมองต่อเรื่องครอบครัวลงไปให้เฉพาะเจาะจงใน context ของแต่ละสังคม แต่ละช่วงเวลามากขึ้น เพื่อนำมาสู่ข้อสรุปว่า เราไม่สามารถบอกได้หรอกครับว่า สารัตถะ (essential) ของการเคารพ-ไม่เคารพ พ่อแม่คืออะไร เพราะมันไม่มีสารัตถะที่แน่นอนและครอบคลุมไปทุกยุค หรือทุกวัฒนธรรม ตัวอย่างนึงที่น่าสนใจคือ ความรู้สึก "รัก" ต่อลูก ก็แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย และชนชั้น หากลูกของผู้คนในสมัยยุคกลางหรือยุค early-modern ตาย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะ mortality rate ในหมู่เด็กแรกเกิดสูง ความรู้สึก "โศกเศร้า" ต่อความตายจะแสดงออกมาไม่มากเท่า ความตายของเด็กแรกเกิดในสมัยต่อ ๆ มา พูดในภาษาปรัชญาหน่อยก็คือว่า ผมว่าเราไม่น่าจะ "อ่าน" และพยายามตอบคำถามนี้ในกรอบแบบศีลธรรม/คุณธรรม รึเปล่า? เพราะ บรรทัดฐานเหล่านี้แตกต่างไปในแต่ละบริบทมาก แต่ผมพยายามครุ่นคิดถึงคำถามนี้ในกรอบ social ontology มากกว่า ในฐานะ การดำรงอยู่ของมนุษย์ที่ถูก shape และให้ความหมายจากบริบทสังคม จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 09:33:41

ความคิดเห็นที่ 62   ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ขอลากมาตีความประเด็นคำว่า "หน้าที่" "สิทธิ" และ "เท่าเทียม" ก่อนนะครับ คำว่าเท่าเทียม มันมีขอบเขตอย่างไร คำว่าเท่าเทียมแล้วมนุษย์จะมีสิทธิที่จะควบคุมกันหรือไม่ แล้วคำว่ามันเป็น "หน้าที่" ของเขา เขาจึงต้องปฏิบัติกับฉันให้ดีที่สุด เขาไม่มีสิทธิ์มาแสดงอำนาจเหนือฉันนะ เพราะเราเป็นคนเหมือนกันย่อมมีความ "เท่าเทียม" ฉันย่อมมี "สิทธิ" ได้รับบริการจากเขาเต็มอย่างที่ ...ตรงนี้ผมงงมาก ว่าความเท่าเทียม กับสิทธิ และหน้าที่มันจะสัมพันธ์กันหรือไม่ จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:45:31 A:125.26.223.115 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 63   "หน้าที่" มาจาก "ตำแหน่ง" ที่เราอุปโลกน์กันขึ้นมา "ดอกผลของปีศาจย่อมเป็นปีศาจ" หน้าที่จึงเป็นดอกผลของปีศาจที่เราอุปโลกน์ขึ้นมา .. พ่อแม่ คือ ตำแหน่งที่เราอุปโลกน์กันขึ้นมาเพื่อแทนผู้ให้กำเนิด ในหลายครั้งทดแทนธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ในการให้กำเนิดได้ .. เพื่อกำหนดหน้าที่ลงไปให้สิ่งเหล่านั้นต้องทำตาม เช่น การเลี้ยงดู ทั้งที่มันมีอยู่แล้วใน DNA ในรูปแบบการขยายพันธุ์ แต่ก็นั่นแหละ เพราะเราแตกต่างจากสัตว์ (อย่างน้อยเราก็ยกตัวเหนือกว่ามัน) "สิทธิ" มาจาก "หน้าที่" ซึ่งต้นตอ คือ "ตำแหน่ง" ซึ่งเราอุปโลกน์มาเอง .. สิทธิเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ... หากใช้สิทธิมากไปไม่อาจเป็นสังคมหรือสังคมขนาดเล็กกว่านั้น คือ ครอบครัวได้ "เท่าเทียม" ... เป็นได้ยากมาก  ตามกฏหมายก็ไม่อาจเท่าเทียมได้แท้จริง ที่มีได้เป็นแค่โลกของจิตวิญญาณ ฉะนั้นแล้ว ไม่ควรเรียกร้องหาความ "เท่าเทียม" (ในชีวิตจริง) แต่ควรเรียกร้องตาม "สิทธิ" ที่มีตาม "หน้าที่" จาก "ตำแหน่ง" ที่เราเป็นในสังคม ...... หากส่วนใดรวนไปไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่ง หน้าที่ สิทธิ เท่าเทียม รูปแบบ "สังคม" จะรวนตามและอาจไม่เป็นสังคมตามเดิมก็เป็นไปได้ จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 11:25:50

ความคิดเห็นที่ 64 แหม  ช่วงหลังๆเนี่ย นานๆทีจะเห็นกระทู้ ที่มีคคห ยาวๆ อย่างนี้ อย่างที่ คุณฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร คคห 61 ว่าไว้ครับ คือ  ดึงมุมมองต่อเรื่องครอบครัวลงไปให้เฉพาะเจาะจงใน context ของแต่ละสังคม ผมคิดว่า คำถามเปิดขึ้นมาแบบ "ทั่วไป"ครับ คือ "พ่อแม่" มีอยู่ทุกสังคม ส่วน "หน้าที่เลี้ยงดู"  ก็มาว่ากันไปตามแต่ละสังคมไป และ "ตอบแทนคุณ" ก็อาจจะมีแตกต่างกันไป ตามแต่ละบริบทของสังคมอีก เราอาจจะลองจับจุด มาที่สังคมใกล้ตัวก่อน หรือเอาที่สามารถจับขอบเขตได้แคบกว่า เพื่อถกได้ลึกกว่า อาจสามารถสาธก ได้จากเหตุการณ์ ที่เห็นขึ้นรอบตัวในชีวิตประจำวันครับ คงจะไม่ต้องไปตีความ หานิยาม ของแต่ละคำ ที่เอามาเป็นประเด็นในการอภิปราย แต่เราก็น่าจะหาความสัมพันธ์ ของทั้ง 2 สถานะในสังคม ดังกล่าวมาแล้ว อาจจะมีแนวที่ออกมาว่า หน้าที่เลี้ยงดูบุตร เป็นหน้าที่ตามธรรมชาติ   (โดยการยกตัวอย่าง พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายๆเผ่าพันธ์ุ ว่ายังคงต้องให้นมลูก เมื่อแรกคลอด โดยไม่ต้องมีสังคมมากำหนด ซึ่งสามารถอ้างถึง ชุมชนมนุษย์บุรพกาล ที่สันนิษฐานว่า น่าจะมีพฤติกรรมใกล้เคียงสัตว์) หรืออีกฝ่ายอาจจะมาโต้ว่า เป็นหน้าที่ ที่วัฒนธรรมของสังคมนั้นกำหนดให้ โดยอาจอ้างจาก วัฒนธรรมของบางสังคม ที่ส่งเสริมให้ผู้คนเมื่อย่างสู่วัยทำงาน แยกตัวออกไป ฯลฯ จริงๆ ที่ จขกท ถาม ยังเหลืออีกหลายประเด็นนะครับ ที่เคยเป็นหัวข้ออภิปรายในที่อื่น มาแล้ว รวมไปถึงหลายสำนัก ก็พยายามหาคำตอบ ของคำถามเหล่านี้ เช่น ประเด็นที่ 3 "...คนแก่ไร้ค่า หรือหนักๆก็ว่าสมควรฆ่าทิ้ง ..." ผมขมวดคำถามออกมาได้คือเกี่ยวกับเรื่อง คุณค่าของมนุษย์ จากหัวข้อนี้  อนุมานได้ว่า คน(แก่)สามารถถูกประเมินค่าได้แบบ สิ่งของ หรือ มีราคา หรือมีอรรถประโยชน์ ฯลฯ (อภิปรายในเชิงปรัชญาได้อีกยาว) และต่อยอดไปถกกันต่อไปในประเด็นที่ว่า หากคนไม่มีคุณค่า(ดังกล่าวมาแล้ว) สังคมควรเก็บไว้อีกต่อไปหรือไม่ ในแนวคิด Utilitarianism เคยมีการถกประเด็นเหล่านี้มาแล้ว แนวอื่นๆ ก็มาโต้ประเด็นเหล่านี้ออกไปอย่างกว้างขวางเช่นกัน ตัวอย่างในต่างประเทศ ที่รับแนวคิดนี้ไปเป็นไอเดียมีให้เห็นอยู่บ้างแล้ว เอ่อ..........ยิ่งเขียนยิ่งงง หรือ ท่านอื่นๆ ว่าอย่างไรครับ จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:37:52

ความคิดเห็นที่ 65 คุณฮกหลง#61 จริงทีเดียวที่ท่านDescartesสนใจเรื่องของ"Mind"ด้วย...แต่... กรณีของDescartes นั้น เป็นบิดาของปรัชญาสมัยใหม่ก็จริง ท่านเกิดช่วง 1596-1650 เก่าเกือบ400ปีมาแล้วนะ ท่านริเริ่มแนวการวิเคราะห์ค้นหารากความรู้แบบลดทอนส่วนลง เป็นโลกทัศน์แบบกลไก มององคาพยพชีวิตทำงานเหมือนชิ้นส่วนเครื่องจักรไปด้วย ทำให้วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวหน้ามามาก สามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ตับไตใส้พุงได้ก็จริง แต่ไม่ได้มีผลงาน ทำให้เข้าใจ"Mind"ขึ้นมาได้เลยครับ แถมยังทำให้นักปรัชญารุ่นหลังงุนงงกับข้อสรุปของท่านไปด้วยกับข้อสรุปว่า 'mind, a thinking substance, is a different kind of thing to the physical body. - how does the mind- the 'Ghost in the machine' - interact with the body? (Philosophy, Dr. Jeremy Stangroom, 2008: 25) (ฝรั่งเองเช่นFritjof Capra วิจารณ์Descartesไว้ใน "The Turning Point"เรียบร้อยแล้ว, อยากให้อ่านฝรั่งวิจารณ์ฝรั่งด้วย ครับ) จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 17:49:37

ความคิดเห็นที่ 66 พลาดไปอย่างหนึ่งครับ เจ้าของกระทู้ เด็กต่างประเทศที่เขียนบทความนี้ ถือเป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กทั้งสังคมนั้นหรือเปล่า? หรือเป็นเพียงบางคนที่มีปัญหากับพ่อแม่ของเขาครับ? จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 19:33:34

ความคิดเห็นที่ 67   #66 ไม่ทั้งหมดครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าครอบครัวเขามีปัญหาไหม แต่อาจจะดูเยอะในสายตาผม เพราะผมไม่คุ้นกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 19:46:57 A:125.26.223.115 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 68   กรณีศึกษาครับ เรื่องสิทธิ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8744592/X8744592.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8741905/Y8741905.html จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 21:06:11 A:125.26.223.115 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 69   #65 "ท่านริเริ่มแนวการวิเคราะห์ค้นหารากความรู้แบบลดทอนส่วนลง เป็นโลกทัศน์แบบกลไก" เอามาจากไหน? :D *เพิ่มเติ่มอีกนิดหน่อย ปัญหาของ Descartes เกี่ยวกับ Mind คือส่วนของการอธิบายว่า จิตกับกายมาเกี่ยวข้องเชื่องโยงกันได้ยังไง (ซึ่ง Descartes ตอบไว้ว่า ทั้งสองสิ่งเชื่อมโยงกันที่จุดที่เขาเรียกว่า Pineal Gland แต่ปัญหายังคงมีอยู่ว่า กายกับจิตที่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันจะมาเชื่อมโยงกันได้อย่างไร) แต่วิธีการหาความรู้ที่ตั้งต้นจากสิ่งที่เป็น self-evidence (จริงในตัวเอง) โดยเริ่มค้นหาการมีอยู่ของ Mind (หรือ Soul) และแสดงให้เห็นว่า เราสามารถยืนยันได้ว่าจิตนั้นมีอยู่จริง โดยไม่ต้องพึ่งฐานข้อมูลทางผัสสะใดๆ (?) เพื่อที่จะได้รับข้อมูลโดยตรง ลองหางานของ Descartes มาอ่านเพิ่มเติมแล้วกันนะครับ เรียนภาษาละตินหรือภาษาฝรั่งเศสเพิ่มก็ดีครับ :D แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 09:08:21 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 09:04:55 จากคุณ : Zero_Zero เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:40:05

ความคิดเห็นที่ 70 #69ครับ ผมคิดว่าคนเรามีเวลาไม่มากนะครับ(ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว) คุณจะให้ผมหันกลับไปสนใจอดีตภาษาละตินที่ตายแล้วด้วย รวมถึงฝรั่งเศสนั่น ผมไม่เอาด้วยนะครับ พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ทำเท่าที่ทำได้ก็ยากอยู่แล้ว ผมสนใจคำกล่าวนี้ของDr Edward de Bonoท่านนี้มากกว่า นักคิดปัจจุบันที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก- "You can analyze the past but you have to design the future" จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:55:28

ความคิดเห็นที่ 71   ^ ^ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือมีใครว่าอะไร(?) ผมก็เพียงแต่เสนอแนะว่า ถ้าจะพูดอะไรที่เป็นข้อเท็จจริง ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนจะมาพูดเท่านั้นเอง :) กลับไปพูดเรื่องสิทธิดีกว่า ผมชอบและเห็นด้วยกับ #63 มากว่า สิทธิมันต้องมีขอบเขตที่ถูกกำกับโดยหน้าที่(และตำแหน่ง) พ่อแม่ลูกจะมีสิทธิมากหรือน้อยก็ต้องดูหน้าที่และตำแหน่งตัวเองประกอบด้วย :) แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 11:47:28 จากคุณ : Zero_Zero เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:05:39

ความคิดเห็นที่ 72   อ่านทุกความเห็น :) เป็นประเด็นทางปรัชญาที่ถามได้ครับ :) ต้องรวบรวมความรู้หลายวิชามาตอบเลยแหละ เจ้าของกระทู้ไม่ได้ว่างมาก และคำถามนี้ก็ไม่ได้ขยะอย่างที่บางความเห็นว่าแน่นอน กลางๆถึงใกล้ๆหลังตอบได้มีสาระ เอ้า ท่านพี่น้อง หลังๆเริ่มหลุดประเด็นแล้ว ช่วยกลับเข้าประเด็นหน่อยเร้ว ผมขออ่านนะครับ ยังคิดไม่ออก คำถามลึกล้ำมาก ทำลมปราณแตกซ่าน อ๊าก ขอให้ทุกท่านแสดงความเห็นด้วยความรัก ทุกท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของอีกท่าน พ่อแม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของทุกท่าน ทุกท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของพ่อแม่ ชุมชนก็เป็นส่วนหนึ่งของทุกท่าน ทุกท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เข้ามาอ่านจ้า จากคุณ : ilovemanga เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 14:21:27 A:115.67.90.202 X: TicketID:225795

ความคิดเห็นที่ 73 มีคนบ่น กระทู้ออกนอกเรื่อง อย่างนี้นำเข้าเรื่องเลย ผมเข้าไปพบเว็บเด็กเมืองดอทคอม(citykids) ขอนำมาเผยแผ่ครับ "Mothers can be idiots"หัวกระทู้ว่าไว้อย่างนี้ทีเดียว บรรดาหล่อนกำลังจะเป็นสาวนินทาแม่ของตัวให้เพื่อนฟัง.... http://www.escapistmagazine.com/forums/read/18.163837?page=3 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 14:46:18 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 14:43:06

ความคิดเห็นที่ 74 #53  ผมเป็นคนที่โตมากับครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ไม่ได้โตมากับพ่อแม่ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมเลยกลายเป็นคนเฉยๆกับพ่อกับแม่ รู้สึกเหมือนแค่เป็นคนรู้จักกัน แต่สงสัยว่า ถ้าพ่อแม่เลี้ยงเราไม่ดี เราผิดมั้ยครับ ที่จะมองว่าพ่อแม่ก็เป็นแค่คนรู้จักคนนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ^ ^ ดึงมาเฉพาะใจความสำคัญ แต่ทั้งหมดของคห.สะท้อนความจริงที่เจ็บปวด ซึ่งได้รับการเยียวยาดีแล้ว  เพียงแต่มีรอยแผลให้สะกิดได้  อย่างไรก็ตาม จขคห.ก็สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างหมดจด งดงามที่กล้าแกร่่่ง วิเคราะห์-วิจารณ์ แม้คุณเติบโตมา โดย ตัวแทนของพ่อแม่  แต่นั่นคือ สัญญลักษณ์ของพ่อแม่(ที่เป็นจริง)หล่ะ เพราะ ยาย+ป้า คือ ผู้เลี้ยงดูและอบรมตลอดจนปลูกฝังจิตใจให้คุณ  พัฒนาต่อมาเป็นตัวตน คุณว่า รู้สึกเฉยๆต่อพ่อแม่(ผู้ให้กำเนิด) นี่เพราะ มันไปพ้นความโกรธ เกลียด..นานแล้ว อันเนื่องจากคุณมารู้ว่า เขาไม่ได้รักหรือรับผิดชอบเลี้ยงดูคุณ อย่างปรกติเหมือนชาวบ้านทั่วไป ความเฉยๆนั่น  มันคือ ความเย็นชา  ความไม่ยี่หระ  การไร้ความหมาย(ที่แตกต่างจากที่คนทั่วไปยึด หรือคิดหรือเข้าใจ)  ตรงนี้คือปมขัดแย้งในใจคุณ ระหว่างความรู้สึกที่แท้จริงกับความรู้สึกหรือ ทัศนคติของสังคมที่มีต่อการดำรงอยู่ของพ่อแม่   มันเป็นหลุมดำแห่งชีวิต   แต่คุณกลับได้รับการชดเชยความหมายของพ่อแม่  จากตัวแทนอื่น คือยาย+ป้า   มันจึงต่างกันแค่คำเรียกและอาจถึงระดับความลึกซึ้งที่ใจมีให้ใจระหว่างคุณกับตัวแทนของพ่อแม่ คุณถามว่าผิดไหมที่คุณจะมองพ่อแม่เป็นแค่คนรู้จักคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตอบว่า   ได้แค่ไหนก็เคารพต่อความเป็นจริง  ...............ก็เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปฝืนพยายาม"ทำ".."อะไร"..อย่างที่สังคมคาดหวังหรอก เพราะ  คุณถูกสร้าง หรือเติบโตมาในวิถีที่แตกต่าง  ผลจึงแตกต่าง  จะไปทำเหมือน..ทำไม เพียงแต่  คุณจะพบช่องว่างซึ่งบ่อยครั้งสร้างแรงกดดัน  จนถึงกับขยาดต่อวงจรย้อนกลับ เช่น ที่คุณว่า ในเรื่อง การมีครอบครัว การกลัวว่าถ้ามีลูกแล้วจะไม่ได้รับความรักตอบ...ดังเช่นที่คุณเป็น สรุป การเคารพมีหลายระดับ   การตอบแทนด้วยการเลี้ยงดูอาจถือว่าสูงสุด เราจะเคารพหรืออยากเคารพ  ก็ต่อเมื่อในยามที่เราขาดหรือต้องการ..นั้น   เขาหรือทั้งสอง...อยู่ที่นั่น  ที่ที่เราอ่อนแอและกำลังเติบโต ไขว่คว้า พ้นจากระยะผ่านนั้นแล้ว   ก็ยากนักที่จะเรียกหาการเคารพ หรือรักตอบได้..อย่างสนิทใจ แต่ตัวแทนของพ่อแม่ต่างหาก คือ ผู้ทรงความหมาย และสมควรเรียกว่า พ่อแม่ผู้ให้ชีวิต..ให้ตัวตน   ผู้ทรงความหมายสมควรได้รับ..การเคารพในระดับสูงสุด   ูุุ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 19:09:55

ความคิดเห็นที่ 75 ตามกระทู้คือ ทำไมเราต้องเคารพพ่อแม่ด้วยในเมื่อทั้งสองเป็นคนเช่นเดียวกับเรา 1.ถ้า พ่อแม่ไม่เอาเราไว้ เราจะได้เกิดไม๊? (ทำแท้งก็จบ จริงไม๊?) 2.ถ้า เราไม่มีกตัญกตเวที(รู้ในบุญคุญและตอบแทนบุญคุญ)เราจะต่างกับสัตว์ตรงไหน? 3. ถ้าไม่มีพ่อแม่ เราจะเกิดเป็นตัวตนแบบทุกวันนี้ได้อย่างไร? สรุปคือ มนุษย์กับสัตว์ ต่างกันตรงที่ คุณธรรม ครับ จากคุณ : clk99 เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 23:11:40

ความคิดเห็นที่ 76   ^ ^ ไม่เกี่ยวมั้ง หมาแถวบ้านผมมันยังกตัญญูเลย มดแถวบ้านผมมันยังสามัคคีเลย ไปบอกว่าสัตว์ไม่มีคุณธรรมได้ไง? จากคุณ : Zero_Zero เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 09:09:34

ความคิดเห็นที่ 77   จากลิ้งก์ที่#73(เยอะจัดอ่านหมดไม่ไหว) น่าจะเป็นช่องว่างระหว่างวัยนะครับ เดี๋ยวผมจะลองไปอ่านทิศหกให้ดีๆลองลองมาวิเคราะห์ดูใหม่ จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 16:41:35 A:113.53.106.81 X: TicketID:228782

ความคิดเห็นที่ 78 พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่แล้ว มีอะไรยืนยันว่าตรรกะนี้จริงมั้ยครับ แล้วพวกที่รักสนุกพอมีลูกก็เอาไปทิ้งที่อื่นล่ะครับใช่หน้าที่รึเปล่า แล้วถ้าพ่อแม่ทำตามหน้าที่ ทำไมเราถึงไม่ต้องตอบแทนที่พ่อแม่ "ทำตามหน้าที่" ล่ะครับ อย่างงานประจำหน้าที่ก็คือทำงาน พอทำตามหน้าที่ก็ต้องได้เงินเดือน ถ้าไม่มีเงินเดือนคงไม่มีใครทำหรอกครับ จากคุณ : เหลียงต้าเหว่ย เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 21:41:07

ความคิดเห็นที่ 79 เคารพพ่อแม่เพราะเขาเลี้ยงดูเรามา มิใช่เพราะเขาเป็นพ่อแม่... จากคุณ : ซายูบิ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 21:42:00

ความคิดเห็นที่ 80 งง ตกลงคุณจะมาขอหลักธรรม หลักคำสอนเพื่อใช้อ้างอิง เเล้วก็เอาไปตอบคนอื่นที่คุณcopy คำถามเขามาลงหรือครับ >>>>>บทความขอวัยรุ่นประเทศต่างๆ ประเทศที่พัฒนาเเล้ว ประเทศไหนล่ะครับ ? >>>>> พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่แล้ว ? จะบอกว่าเเนวคิดนี้สนับสนุนการทำตามหน้าที่เหรอครับ ถ้าหน้าที่ขอพ่อเเม่คือเลี้ยงลูก เเล้วหน้าที่ของลูกคือ??? ตอบเเทนบุญคุณ?? ทอดทิ้ง ?? หรือว่าไม่สนใจ ?? ผมไม่เห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เเละวิทยาการเเต่อย่างใด ถึงเเม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป การเเข่งขันมันสูงขึ้น เครียดมากขึ้น เเต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ว่าไม่ต้องการเป็นกลไกลของสังคม เเละเกิดอคติต่อต้านผู้อุปการะช่วยเหลือได้ (อาจไม่ใช่พ่อเเม่ก็ได้ อาจจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นที่เคยช่วยเหลือ จะด้วยบริสุทธิ์ใจก็ดี จะด้วยหวังผลอะไรบางอย่างก็ดี ) ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ผมเห็นก็เเค่เเนวคิดของพวกพฤติกรรมเเหกกฎสังคมเเบบสุดโต่ง เห็นเเก่ตัว คิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เเละมีเเนวโน้มทางความคิดว่าจะก่ออาชญากรรม ก็เเค่นั้น จากคุณ : พายุคลั่ง เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 16:25:28

ความคิดเห็นที่ 81 ไม่ว่าจะอย่างไรแค่ได้กำเนิดมาก็เป็นบุญคุณอย่างที่สิ้สุดไม่ได้ แล้วจะทรพีกันได้ยังไงครับ จากคุณ : joker-master เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 23:21:34

ความคิดเห็นที่ 82   ผมไปอ่านเรื่องทิศหกมาแล้ว สนุปย่อๆทุกคนก็ต่างมีหน้าที่ต่อกัน คือต่างทำดีต่อกัน จะอ้างแต่ให้เขาทำดีฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกใช่ไหมครับ จากคุณ : sauron เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 15:39:27 A:125.26.223.172 X: TicketID:251205

ความคิดเห็นที่ 83 ONLY LOVE IS REAL~ ^^ ... จากคุณ : LUCKY-HIME (Hajima) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 21:43:02

ความคิดเห็นที่ 84   วงจรอุบาทว์ จากคุณ : อู๊ด เขียนเมื่อ : วันมาฆบูชา 53 02:52:03 A:61.90.109.108 X: TicketID:179278

ความคิดเห็นที่ 85   เดี๋ยวจะเข้าใจผิด คิดว่าผมหมายถึงเรื่องพ่อแม่ ผมหมายถึงเรื่องที่เจ้าของกระทู้ตั้งขึ้นหน่ะครับ มันอุบาทว์ จากคุณ : อู๊ด เขียนเมื่อ : วันมาฆบูชา 53 02:54:01 A:61.90.109.108 X: TicketID:179278