ความคิดเห็นที่ 1 การบ้าน?? จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 23:30:43

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ แหงๆเลย ให้ศัพท์มาด้วย ถ้าคนทำงานเองแล้วเขียนเองไม่เป็นแบบไม่กระดิกหูเลย จะคิดศัพท์พวกนี้ไม่ออกหรอก จริงๆแล้วบางทีเราก็เห็นใจเด็กเหมือนกันนะ แทนที่จะมุ่งประนามเด็กว่า "ไม่ลองพยายามทำเอง" คือเราอยากให้นักศึกษาไทยใจกล้าๆ ทำแบบที่เราเจอนักศึกษาฝรั่งย้อนอาจารย์นะ เราเคยเจอแบบนี้ คือสอนเสร็จ (วิชาคณิตศาสตร์) พอให้การบ้าน เด็กมันย้อนว่า "สอนแค่นี้ ให้การบ้้านแบบนี้ ผมทำไม่ได้ โปรดสอนใหม่ เืพื่อปูพื้นความรู้ให้นำทางไปสู่แนวความคิดที่จะทำการบ้านนี้ได้" คืออาจารย์สอน calculus ตั้งแต่ first principle แล้วอยู่ดีๆให้นักศึกษาไป solve differential equations ใครมันจะไปทำได้ เพราะมองดู dy/dx แล้วก็ยังแทนค่าไม่ถูกเลย แต่จริงๆแล้วทำได้ แต่ต้องอ่าน textbooks เองอีกตั้งหลายหน้าแน่ะ...!!! แนะนำว่าให้ จขกท กลับไปหาอาจารย์แล้วพูดแบบใช้ logical reasoning ว่า มีคนเขาบอกหนูมาว่า 1.  "คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำ มีพฤติกรรมเฉพาะตัวของมัน" ถ้าไม่เคยเห็นเจ้าของภาษาใช้พูดหรือเขียนแล้ว คนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ไม่มีทางที่จะใช้คำศัพท์ตัวนั้นได้อย่างถูกต้องเป็นธรรมชาติเลย แล้วหนูจะไปค้นพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์ได้ที่ไหนกันคะ? 2. การที่เราจะเขียนภาษาอังกฤษได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่อง sentence structure แบบ building blocks คือค่อยๆวางฐานรากมา แล้วต่อยอดไปทีละนิด ไม่ใช่สอนกันโดยอยู่ดีๆบอกให้ไปเีขียนมา แล้วอาจารย์มานั่ง edit (ตรวจแก้) จนอาจารย์มึนหัวซัดพาราวันละ 50 เม็ด เพราะนักศึกษาเขียนไม่ถูกสักประโยคเดียว กระบวนการเรียนรู้เหล่านี้ เราผู้ซึ่งไม่เคยเรียนวิชาการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ใช้ logical reasoning คิดได้เอง และค้นข้อมูลได้เองว่าจะต้องไปหาข้อมูลจากที่ไหนมาเรียนรู้ แบบ building blocks คำถามที่นักศึกษาควรย้อนถามอาจารย์ก็คือ "อาจารย์ลองสอนหนูหน่อยได้ไหมว่า ทำอย่างไรจึงจะใช้ logical reasoning (คือ induction, deduction และ abduction) เพื่อคิดค้นได้เองว่า จะเรียนการเขียนประโยคโดยการใช้คำศัพท์เหล่านี้ได้อย่างไร โปรดสอนหนูให้คิดเป็นด้วยค่ะ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็บอกให้ไปเขียน แล้วหนูก็หลงทางคลำทางไปเหมือนคนตาบอด...เพราะะถ้าสอนให้หนูคิดเป็น มันก็เท่ากับสอนให้หนูจับปลา แทนที่จะต้องไปแปะข้อความขอให้คนบนเวปช่วยจับปลาให้ค่ะ..." จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 04:38:34

ความคิดเห็นที่ 3 หุหุหุหุ ท่านเพ่ทานสีว่างจัดมังครับแล้วอย่าบ่นว่าไม่มีเงินใช้นะขอรับท่านเพ่ จากคุณ : ลุดวิก เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 10:32:41

ความคิดเห็นที่ 4 อ้าว จขกท หายไปเลย สงสัยจะชอบบทเรียนสำเร็จรูปที่เอาประโยคมา แล้วดัดแปลงเขียนมันเลย ซึ่งจริงๆแล้วเราก็เรียนแบบนั้นเหมือนกัน แต่กว่าจะเรียนลัดได้เราก็ต้องเรียนยาวๆก่้อนเหมือนกัน จะเฉลยคำตอบข้อ 1 ให้ เพราะกลัวไปถามอาจารย์จริงๆ จขกท จะได้ F ทุกวิชาฮ่าๆๆๆ...เพราะสังคมไทยไม่อนุญาตให้ศิษย์ย้อนถามอาจารย์ได้แบบสังคมตะวันตก คำถามที่ตั้งขึ้นมาโดยการใช้ logical reasoning คือ 1.  "คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำ มีพฤติกรรมเฉพาะตัวของมัน" ถ้าไม่เคยเห็นเจ้าของภาษาใช้พูดหรือเขียนแล้ว คนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ไม่มีทางที่จะใช้คำศัพท์ตัวนั้นได้อย่างถูกต้องเป็นธรรมชาติเลย แล้วหนูจะไปค้นพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์ได้ที่ไหนกันคะ? คำตอบคือ สิ่งที่จะช่วยคุณได้นั้น ก็คือ esl dictionaries (หมายเหตุ esl ย่อมาจาก English as a second language ) ลองไปดู และหัดใช้ esl dictionaries ได้ โดยการตาม links เหล่านี้ไป เอามาแปะไว้ให้ 4 ยี่ห้อ Cambridge Advanced Learner's Dictionary http://www.dictionary.cambridge.org/ Longman Dictionary of Contemporary English http://pewebdic2.cw.idm.fr/ Oxford Advanced Learner's Dictionary http://www.oup.com/elt/catalogue/teachersites/oald7/?cc=th Collins Cobuilds Advanced Learner's English Dictionary http://eedic.naver.com/ เนื่องจาก esl dictionaries 4 เล่มนี้ช่วยคนที่ไม่ใช่ native speakers ให้แก้ไขข้อผิดพลาดในการใช้คำศัพท์สร้างประโยคในระดับพื้นฐานได้   และนี่คือ grammar ที่คนไทยซึ่งเรียนภาษาอังกฤษเกือบทั้งประเทศไทย “ลืมเรียน” ดังนั้น เรียนเขียนแทบตายก็เขียนออกมาแล้วผิดธรรมชาติหมด ...!!! จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 16:45:44

ความคิดเห็นที่ 5 คำถามข้อ 2 คือ 2. การที่เราจะเขียนภาษาอังกฤษได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่อง sentence structure แบบ building blocks คือค่อยๆวางฐานรากมา แล้วต่อยอดไปทีละนิด แล้วจะสอนยังไงดีล่ะ? การเรียนภาษาอังกฤษมันเหมือนเล่น building blocks นะ ต้องวางฐานรากให้มั่นคงเสียก่อน แล้วค่อยๆต่อยอดไป ม่ายงั้นทุกอย่างมันจะพังทลายลงมา การเรียน writing ผู้เรียนต้องรู้ว่าเขียนผิดเพราะอะไร (อาจารย์ต้องสอนให้ศิษย์ค้นข้อมูลเป็นไม่ใช่ได้แต่ให้เขียนมา พอเขียนผิดก็แก้กันอุตลุต และในกรณีที่นักศีกษาไม่แน่ใจ ก็ต้องรู้วิธีหาโครงสร้างประโยคอื่นมาใช้แทน ที่ตัวเอง sure) การสอนภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ให้ศิษย์เขียน essay ตะบี้ตะบัน โดยศิษย์ไม่มีความรู้เรื่อง sentence structure, grammar, collocations (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์แต่ละคำ), etc. และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะค้นข้อมูลในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างไร? "การไม่สอนให้นักศึกษาคิดเองเป็นนั้น ทำให้นักศึกษาช่วยตัวเองไม่ได้ ก็เลยต้องมาขอให้คนเขียนให้บนเวป...และนี่คือข้อบกพร่องในเรื่องการศึุกษาแบบไทยๆ" จขกท ควรเรียกให้อาจารย์คุณมาอ่านข้อความที่เราเขียน และขอร้องให้อาจารย์คุณปรับปรุงการสอนให้ดีกว่านี้ ถ้าไม่กลัวโดนได้ F ทุกวิชานะ...555+++... เราจะลองเขียนบทเรียนให้อาจารย์คุณลองเอาไปใช้สอน writing ให้ดูนะ จริงๆแล้ว ถ้าคุณอ่อนมากๆ เนื้อหานี้ มันก็ยังอาจยากเกินกว่าระดับคุณหน่อยนะ เพราะว่า แท้จริงแล้วมันไม่ได้เริ่มต้นแบบนี้ จริงๆแล้วอาจารย์คุณต้องสอนคุณเรื่อง Verbs: Use of Tenses หรือเรื่องอะไรปลีกย่อยมากกว่านั้นอีกหลายอย่างก่อนที่จะมาขึ้นต้นเรื่อง The  Writing of Sentences แบบนี้นะ แต่นี่แค่เป็นการสาธิตให้ดูเรื่องที่ว่า sentence มันค่อยๆสร้างขึ้นมาแบบ building blocks ได้ยังไง   เราไม่ได้เรียนมาทางด้านภาษา แต่เราคิดเป็น และค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆเป็น ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องสอนภาษาอังกฤษ  นั่นก็เพราะว่าเราสร้างบทเรียนให้ตัวเองบ่อยๆ  เ่ช่นคนเจอจาก textbook เล่มหนึ่งนะ ลองอ่านดูว่า มันค่อยๆสอนแบบ building blocks ยังไง.... The writing of sentences: (a) Types Sentence building starts from the nursery with single words. Cat, i.e. the concept ‘cat’ in general. Adding the indefinite article ‘a’ gives A cat, i.e. one cat somewhere.  One indefinite cat. Using the definite article ‘the’ gives The cat, i.e. one definite cat. Now, adding a verb to the cat gives the cat function. The cat is sitting. Thus a simple sentence is built.  ‘Simple’ because it has a finite verb, i.e. a full or complete verb form as compared with a non-finite verb (gerund, participle or infinitive). แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 53 09:57:50 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:04:26

ความคิดเห็นที่ 6 The same sentence can be made bigger by being built on to.   The cat itself can be described adjectivally: The white cat, the ginger cat, the Siamese cat, or the verbal function of the cat can be developed adverbially: The cat is sitting on the mat. ‘On the mat’ is an adverbial phrase (phrase because it contains no finite verb) showing where the cat sits. More can now be said about the cat verbally by adding another verb joined by and, but, or. The cat is sitting on the mat and is sleeping. This gives a compound sentence.  The same idea could be conveyed adverbially: The cat sits sleeping (or asleep) on the mat. It could also be conveyed adjectivally: The sleeping cat is sitting on the mat. or, The sitting cat is sleeping on the mat. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:06:04

ความคิดเห็นที่ 7 A further verbal extension gives: The cat sits asleep on the mat and purrs. Interchanged this will give: The sleeping cat sits on the mat and purrs. The purring cat sleeps sitting on the mat. The sitting cat purrs sleeping on the mat. Spencer would have written: The mat-sitting cat purrs sleepingly. We remember he wrote of ‘sea-shouldering whales’. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:07:02

ความคิดเห็นที่ 8 A sentence can also be built in a complex way.  This does not mean in a more complicated way but by using clauses instead of simple and compound sentences. e.g. The cat sits on the mat.  The mat is in front of the fire. Compound these and the sentence may be written: The cat sits on the mat and the mat is in front of the fire. Written as a complex sentence this could read: The cat sits on the mat which is in front of the fire. This is a complex sentence using an adjectival (or relative) clause ‘which is in front of the fire’. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 17:08:15

ความคิดเห็นที่ 9   อย่าเอาไปซื้อเบียร์หมดนะเบี้ยยังชีพน่ะ ท่านหมอดู หุหุ จากคุณ : ชาต เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:53:24 A:61.90.29.242 X: TicketID:201623

ความคิดเห็นที่ 10 ูู^ ^ เบี้ยยังชีพหรือ?...กะว่าจะเก็บสะสมไว้ แล้วถอนออกมาซื้อ notebook ใหม่ทุกๆ 3 ปีน่ะ...โชคดีนะที่ notebook มันลงราคาเรื่อยๆ น่าจะซื้อสเป็กดีๆได้ทุกๆ 3 ปีอ้ะ...อ้าพูดงี้ทำให้คิดขึ้นมาได้อีกว่า...เ่อ่อ...เราน่าจะบินกลับไป claim pension ที่ประเทศอังกฤษเพิ่มอีกด้วยนิ...555+++... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 10:06:24

ความคิดเห็นที่ 11   โอ้! อุตสาห์แวะมาจนได้เนาะ ผู้อาวุโส จากคุณ : ชาต เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 21:46:16 A:124.122.71.236 X: TicketID:201623