ความคิดเห็นที่ 1 โปรดช่วยกันตามไปลงความเห็นเพื่อสู้กับหน้าม้า ในกระทู้นี้คือ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8754125/K8754125.html#15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 03:24:42

ความคิดเห็นที่ 2 ปัญหาคนไทยเรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่ได้ผล มันไม่ใช่แก้ได้ด้วยกฎ 25 ข้ออย่างแน่นอน ถ้าแก้ได้นะ ฝรั่งเจ้าของภาษาซึ่งเป็นนักวิจัยทางด้านภาษาศาสตร์เขาค้นพบกันตั้งนานนมก่อนคนไทยค้นพบแล้วหละ กะอีกแค่ไม่อยากเรียนภาษาหลายๆปี ก็เลยบ้ากฎ 25 ข้อ มันไร้สาระสิ้นดีเลย แล้วอีักอย่างหนึ่งนะ หน่วยงานด้านยา เขายังห้าม ชื่อยา "ปวดหาย" หรือ "ทันใจ" เลย จนต้องเปลี่ยนเป็น "บวดหาย" หรือ "ทัมใจ" แล้วนี่เป็นการศึกษา ซึ่งสำคัญพอๆกับยา ทำไมไม่มีกฎระเบียบออกมาว่า "ห้ามตั้งชื่อโรงเรียนสอนภาษาในลักษณะที่ ชักจูงคนว่า เรียนแล้วเก่งไวๆเหมือนชื่อบะหมี่" ...ภาษาที่ไหนกันฟะ เรียนแล้วเก่งไวๆ เพราะรู้ กฎ 25 ข้อ ของแบบนี้ไม่มีในโลกนี้หรอก บ้ามากๆถึงบ้าที่สุดเลยหละ...!!!!! แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 03:47:51 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 03:45:48

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆแล้วอยากให้สมาชิกห้องสมุดช่วยๆกัน vote ด้วยว่าให้ pantip ทำการ ban กระทู้ืที่ตั้งมาว่า "เรียนภาษาอังกฤษ หรือเรียนพิเศษอะไรอย่างอื่น ที่ไหนดี" เพราะลงเอย ก็กลายเป็นหน้าม้าถามเองตอบเองจนหมด รกห้องสมุด น่ารำคาญสิ้นดีเลยหละ... คำถามแบบนี้ควรไปถามที่ pantipmarket โดยการเปิด section ที่อนุญาตใ้ห้คนถามว่าเรียนอะไรที่ไหนดีได้ จะได้ไปรวมกันที่ classified ads เลย จริงหรือไม่ล่ะ? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 04:01:51

ความคิดเห็นที่ 4 อาการหนักนะเนี่ย จากคุณ : Just wonder เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 07:21:11

ความคิดเห็นที่ 5 ผมลองเข้าไปอ่านกระทู้นั้นแล้ว ผมสงสัยว่า ทำไมคุณต้องไปใส่ใจกับมันด้วย เพราะAdvertising Gimmick นั้นก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย พวกสูตรลัดของอาจารย์สอนพิเศษคณิตศาสตร์ต่างๆก็เช่นกัน จุดร่วมที่เหมือนกันก็คือมันใช้ได้กับโจทย์บางประเภท แล้วถ้าจะโฆษณาว่าโจทย์แบบที่แก้ได้ง่ายๆด้วยสูตรลัดของอาจารย์ มันมีในข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อจูงให้เด็กเข้ามาเรียน มันผิดตรงไหน แล้วที่คุณบอกว่ากำลังชี้ทางสว่าง ให้กับผู้คนที่งมงาย คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคนพวกนี้มิได้ร้องขอการช่วยเหลือ หากพวกเขาถูกหลอก แต่พึงพอใจ ต่อให้คนอื่นมาชี้ทางสว่าง เขาก็ไม่ฟัง วัตถุประสงค์ของเขาอาจมีแค่เรียนภาษาให้พอทำคะแนนTOEIC สูงขึ้นสักเล็กน้อยเพื่อสมัครงานหรือเพิ่มเงินเดือนเท่านั้น มิได้หวังจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมบอกคุณได้เลย ว่าตัวคุณเองก็ Dillusion เป็นบางส่วน การใช้งานภาษาใดๆได้ดี และการพัฒนาsense ในการเข้าใจgrammar ไม่ใช่สักแต่ว่าโยนคนเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมภาษานั้นๆเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ต้องเริ่มเรียนภาษานั้นๆในช่วงอายุ7-10ปีด้วย หากทำได้ก็จะมีภาษาติดตัวไปเลย แค่ต้องmaintainความรู้ด้วยการฝึกฝนเป็นระยะเท่านั้น นี่คือหลักทางชีววิทยาของมนุษย์ ผมถามหน่อยเถอะ หากเพื่อนคุณที่แปลเอกสารบอกพนักงานพิมพ์ดีดได้ที่อายุ30กว่าๆเรียกว่าระดับเทพ แล้วผมที่ทำได้เหมือนกันตอนอายุ24 ไม่เคยเรียนต่างประเทศ เรียนป.ตรีในหลักสูตรปกติ สิ่งที่เหมือนกันน่าจะเป็นการชอบภาษาอังกฤษ ชอบฟังเพลงฝรั่ง   ผมเป็นเหนือเทพแล้วเหรอ? การบอกว่าskillทางภาษาสามารถฝึกฝนได้นั้นเป็นความจริงแค่บางส่วน เพราะความสามารถทางภาษาเป็นการเอาใจใส่ของพ่อแม่เสียครึ่งหนึ่ง ว่าจะให้ลูกเรียนภาษาอะไร ที่อายุเท่าไร คุณบอกในกระทู้นั้นว่าสังคมไทยควรให้ความสำคัญกับอะไร คำถามของผมอีกข้อคือ แล้วคุณเป็นใครจึงมาคิดแทนสังคมไทย สังคมไทยประกอบด้วยคน70ล้านคน คุณจะบอกหรือว่าคุณคิดแทนได้ แบบนั้นผมก็บอกได้เหมือนกัน ผมไม่อยากให้มีของละเมิดลิขสิทธิ์ แต่คนเป็นล้านๆ ไม่เห็นด้วยกับผม ผมอยากให้เปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศเป็นแบบสหรัฐ แต่คนเขียนรัฐธรรมนูญก็คิดไม่ตรงกับผม ผมไม่เคยรู้กฏ25ข้อ และก็ไม่เคยตั้งคำถามหรอกว่าทำไมต้องใช้tenseแบบไหน การพยายามเข้าใจภาษาคือแนวคิดที่ผิดปกติในบริบทของผม ภาษามันก็คือ tool ผู้ใช้ tool ก็คือ technician และ technician learn how มิได้ learn why ผมรู้ว่าในสถานการณ์ใดต้องใช้ อะไร แค่นั้น หากจะรู้ที่มาของคำศัพท์และสำนวนต่างๆ การเรียนรู้วัฒนธรรมของoriginal user เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเป็นกับทุกภาษา หลายๆคนอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่า Scuba, Hyper, Turbo เหล่านี้เป็นคำที่ย่อมา แต่พวกเขาก็ใช้งานมันได้ตรงตามความหมาย ทุกคนไม่ได้แสวงหาความเป็นเลิศ จากคุณ : powerconduit เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:08:59

ความคิดเห็นที่ 6 ไหนมาบอกทีดิ คนที่รู้หรือเรียนมาแล้วอะ กฎ 25ข้อมีไรมั่ง จะเอาไปสอนนักเรียน คริคริ จากคุณ : sproutshift เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:21:14

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ fortuneteller ครับ เท่าที่อ่านมา ม็เข้าใจถึงความหวังดีของคุณนะ ว่าคุณไม่อยากให้คนที่ต้องการรู้ภาษาอังกฤษ ต้องไปเสียเงินเสียทองเรียนกับพวกโรงเรียนสอนภาษา เพราะพวกนี้ก็มักจะใช้พวก marketing promoiton ต่างๆ ในการทำธุรกิจ แต่คุณก็อย่าลืมเช่นกันว่าคนเรามีข้อจำกัด ความชอบ อะไรต่างๆ กันเช่น บางคน เค้าอาจจะไม่อยากเรียนด้วยตัวเองก็ได้นะครับ  เค้าอาจอยากจะมีผู้ที่รู้ในภาษาอังกฤษบ้าง เนี่ย มาแนะแนวทางให้ เพราะกลัวว่าฝึกแล้วอาจจะไม่ถูกต้อง ส่วนถ้าจะบอกว่า fast english ดีมั๊ย ไอ่ 25 กฎ เนี่ยดีมั๊ย ขอตอบในฐานะเคยไปเรียนมานะครับ เอาเป็นว่า มันก็ช่วยใหผมเข้าใจ grammar เป็นระบบแล้วกันล่ะนะ  เพราะอย่างอื่นมันใันก็ต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง อยากจะฝากบอกคุณ fortuneteller ว่า อย่าตัดสินคนทุกคนว่าเป็นหน้าม้าทั้งหมด เพราะผมก็ต้องเสียเวลามาพิมพ์เหมือนกัน กรุณาเคารพ ความเห็นของคนอื่นบ้าง รับฟังคนอื่นบ้าง อย่าคิดว่าความเห็นของตัวเอง ถูกอยู่ฝ่ายเดียว  ก็แค่นั้น  อ้อ จะหาว่าผมเป็นหน้าม้าก็ได้นะ ไม่ว่ากัน จากคุณ : montellaman เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:24:01

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วแต่คนมากกว่านะครับ ผมว่าเรื่องแบบนี้ ต้องไปเจอสัมผัสเองแล้วถึงจะบอกได้ว่า ชอบหรือไม่ชอบ ดีหรือไม่ดี ของอย่างเดียวกัน มุมมองคนต่างกัน ก็มองว่าของสิ่งนั้นเป็นอย่างไร ตามความคิดของตัวเอง ที่ fast english ผมว่าถ้าคนอ่อน(อย่างผม)มาเรียน ก็คงตื่นเต้นแหละครับ ได้สิ่งพื้นฐานไป แต่ก้ไม่ใช่ทั้งหมดของภาษาหรอกครับ ก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมเองด้วยจริงไหมครับ แต่ถ้าใครมีพื้นฐานมาบ้าง ก็คงเบื่อแหละครับ ถ้าถามว่าที่นี่สอนดีไหม ผมว่าสำหรับผมโอเค แต่เรียนใหม่อีกครั้งไหม ตอบว่า ไม่ ปล. อาจารย์ชอบโม้มากมายจริงๆ บางเรื่องก็ดีนะ บางเรื่องไร้สาระ แต่ถือว่าคลายเครียดหรือเปล่า จากคุณ : เจ้าหนูขี้สงสัย เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 08:51:42

ความคิดเห็นที่ 9 Fast English? บ้าหรือเปล่า ผมเคยฝึกภาษาอังกฤษทั้งการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน อย่างบ้าระห่ำเลยเป็นเวลาถึงสามปี ยังได้แค่พอสื่อสารกับคนทั้งโลกได้รู้เรื่อง เข้าใจถูกต้องตรงกันเท่านั้น ไม่ได้เลิศหรูอะไร เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ ภาษาไทยนี่แหละ เราใช้ภาษาไทยกันมาแต่อ้อนแต่ออก แต่ทว่าแต่ะคนยังใช้ภาษาไทยได้สละสลวยต่างกัน ผมเป็นขาประจำห้องนี้ อ่านกระทู้เยอะมาก เห็นการใช้ภาษาไทยของหลายท่าน โห สละสลวยจริงๆ ผมยอมแพ้เลย ลดระดับลงมาอีกหน่อย ยังไม่ต้องถึงขั้นสละสลวย บางคนเขียนภาษาไทย คนอ่านก็คนไทย อ่านแล้วยังงงๆ ก็มี คุณ fortuneteller เขาหวังดี ไม่อยากให้น้องๆ ชาวห้องสมุดต้องถูกหลอก ไม่อยากให้เสียค่าโง่ให้ใคร จึงได้ออกมาเตือน ผมช่วยยืนยันอีกคนว่า .... Fast English ไม่มีจริง จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 10:30:32

ความคิดเห็นที่ 10 เคยเรียนที่ Fast English มา 2 คอร์สแล้ว โดยส่วนตัวชอบวิธีการสอนของอาจารย์ เพราะสามารถทำให้เรามีสมาธิเรียนได้ตั้งแต่ 13.00 จนถึง เกือบ 20.00 น. ทุกเสาร์-อาทิตย์ เป็นเวลา 5 เดือน นอกจากนั้นที่อาจารย์เน้นมาก ไม่ใช่แค่ 25 กฏ แต่เน้นให้เราฝึก ทั้งการฟัง การพูด การเขียน การอ่าน หรือแม้แต่ท่องศัพท์และแกรมม่า แล้วก็ยังพูดจูงใจให้เราพัฒนาตัวเองด้วยการฝึกภาษาอังกฤษเป็นประจำ เพื่อจะได้ไปเรียนต่อ หรือเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ไม่คิดว่าเป็นการถูกหลอกหรืออะไรนี่คะ คิดว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปด้วยซ้ำ สถาบันไหนมันก็ดีทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ถ้าเรามีปัจจัยและเวลาที่จะไปนั่งเรียน คุณเจ้าของไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ อ่อ ลืมบอกเราก็ไม่ใช่หน้าม้านะคะ แต่ไม่ชอบคุณเจ้าของกระทู้ คือ ถ้าไม่เคยสัมผัสสถาบันนี้ ก็ไม่ควรออกมาพูดว่ามันไม่ถูกมันไม่ใช่นะคะ จากคุณ : ffon_wsm (ffon_wsm) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:36:11

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะโรงเรียนสอนภาษา ทำให้เราสามารถพอจะสื่อสารได้ จากที่บ๋อแบ๋ พูดไม่ได้เลย จากคุณ : Walanla (Walanla) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 11:37:50

ความคิดเห็นที่ 12 กำลังจะหาที่เรียนภาษาอังกฤษเจอกระทู้นี้พอดี -.-" จากคุณ : Crimson Angel เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:04:32

ความคิดเห็นที่ 13   คุณfortuneteller เปนไรมากป่ะคะ รู้ได้ไงว่าทุกคนเปนหน้าม้า อาจจะมีบ้าง แต่คงไม่ใช่ทุกคนหรอก แล้วขอพูดในฐานะคนที่เคยเรียน เข้าใจว่าอาจจะโมษณาเกินจริงไปบ้าง แต่มันก็เปนการตลาดอย่างหนึ่ง ซึ่งที่ไหนก็มีทั้งนั้น และใครๆๆก็รู้ทั้งนั้นว่า กฎ25ข้อ มันคงไม่ครอบคลุมภาษาอังกฤษทั้งหมดอยู่แล้ว แต่มันก็มีประโยชน์พอที่จะไปต่อยอดอย่างอื่นได้ สรุปใครอยากเรียนก็เรียน ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ไม่เข้าใจว่าคุณจะอคิติอะไรกับที่นี่นักหนา เคยเรียนที่นี่หรือเปล่าคะ คนที่ได้ประโยชน์จากที่นี่ก็มี คนที่ไม่ได้ก็คงมี มันก็คละๆๆกันไปแหละ จะซีเรียสไรนักหนา?? จากคุณ : เบล เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:39:03 A:58.11.86.198 X:

ความคิดเห็นที่ 14 แหมพี่ก็ ใครๆเค้าก็อยากเรียนลัด รู้เร็ว ได้เงินง่ายๆกันทุกคนแหละครับ เอางี้ดีกว่าพี่หมอดูเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเลยดีกว่าครับ จะได้ให้คนอื่นเค้่ารู้กันไปเลยว่า "ของจริง"มันเป็นยังไง ผมจะสมัครเีรียนคนแรกเลย จากคุณ : ตามอ่านพี่มานานมากกกกแล้ว (Jamba_juice) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 12:55:42

ความคิดเห็นที่ 15 syntax ที่แท้จริงน่ะ มันพัฒนาจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมของการใช้ภาษาอังกฤษ คือผู้เรียนจะพัฒนา senses พิเศษขึ้นมารับรู้ได้เองว่า พูดแบบนี้เขียนแบบนี้มันผิดหรือถูก ซึ่งบางคนพัฒนาได้โดยการลงมือฟัง พูด อ่าน และเขียนมากๆ และสงสัยเรื่อง grammar ก็เปิดอ่านเป็นเรื่องๆไป หรือบางคนไม่เคยเปิดอ่านเลยแต่กลับใช้่ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ เรื่องแบบนี้คนที่เรียนภาษาศาสตร์มาเขาจะอธิบายกลไกของ language acquisition ได้ แต่ในทางกลับกันคนที่เรียน grammar แล้วทำแบบฝึกหัดมากมายแต่พอพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษออกมาแล้วมันผิดธรรมชาติจนเพี้ยนไปเลยก็มี โดยเฉพาะอย่ืางยิ่งคนที่ยังไม่เก่ง conversation มากพอที่จะคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ ทำข้อสอบ grammar ถูกทุกข้อแต่เขียน essay ผิดเกือบทุก paragraph ก็มี เว้นเสียแต่ว่า คนที่เรียน grammar จากตำราจะพัฒนา senses พิเศษที่เราว่านี้ ขึ้นมาได้ในสมองนั่นแหละ ถึงจะใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง เราจำได้ว่าตอนที่เราเริ่มคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ไหม่ๆ สมองเราทำงานอย่างหนักเวลาเอาคำศัพท์ไปจัดเรียงลำดับเพื่อสร้างประโยค เพื่อโต้ตอบกับฝรั่งแบบ interactive อย่างรวดเร็ว มันเป็นกลไกของการพัฒนา senses พิเศษที่เกิดขึ้นโดยเราแทบไม่ได้เปิดหนังสือ grammar เลย ภาษาอังกฤษมีโครงสร้างที่ซ้บซ้อนมากๆ มันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนท่องศัพท์เป็นคำๆแล้วเขียนไทยหรือจีนถูกต้องได้ตั้งหลายเท่าง่ายมากกว่าคนไทยหรือคนจีนไปเรียนภาษาอังกฤษแล้วพยายามเขียนภาษาอังกฤษ การพูดว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" มันดีตรงที่ให้กำลังใจคนเรียน การพูดว่า "กฎ 25 ข้อช่วยสรุปโครงสร้างพื้นฐานภาษาอังกฤษ" มันจูงใจให้คนเรียนเพราะคิดว่า "ทำให้เหนื่อยน้อยลง" แต่หลายๆคนหลงเข้าใจผิด แล้วก็พูดต่อๆกันไปเป็นข่าวใหญ่เหมือนไฟไหม้ป่าเลยว่า เรียนกฎ 25 ข้อแล้วไม่ต้องเรียน grammar อีก อะไรทำนองนั้น ก็เลย "กฎ 25 + คำว่า Fast English" ก็เลยกลายเป็นจุดขายไป โรงเรียนเขาอาจสอนดีจริงๆก็ได้ อันนี้พูดเป็นกลางๆ ไม่ได้ใส่ร้ายโรงเรียน ถ้าใครไม่อยากเคว้งคว้างคลำทางแบบคนตาบอดไปเอง ก็ไปเรียนกับโรงเรียนสอนภาษามันก็คงเป็นการเริ่มต้นที่ดี "แต่ไม่ควรไปฝังใจกับคำว่า กฎ 25 ข้อ ให้ความรู้คุณพร้อมสรรพ" นี่คือสิ่งที่เราต้องการพูดต่างหาก เพราะเห็นไอ้ กฎ 25 ข้อนี้มีกิติศัพท์เลีื่องลือมาในห้องสมุด pantip หลายปีแล้ว ต้องลองไปค้นกระทู้เก่าๆดู เรื่อง slot technique ที่เคยถกกันนั่นแหละ จริงๆแล้วไอ้กฎที่่ว่าเนี้ย ครูประจำชั้นของเราเคยสอนเราตั้งแต่เราอยู่ ม.1 แล้ว จนเราจำมันได้แม่น มันก็แค่ช่วยจัดเรียงประโยคได้ดีหน่อยๆเท่านั้น ครั้นพอจะใช้งานในชีวิตจริงๆ พบว่าเราก็ยังใช้ภาษาอังกฤษผิดๆมาตั้งหลายปี แล้วก็ต้องค่อยๆแก้ไขไปเรื่อยๆ แล้วเพื่อนร่วมงานเราทุกคนที่เจอกันตอนทำงานด้านภาษาก็ต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาทุกคน ดังนั้น เราจึงท้าพนันได้เลยว่า "fast English ไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:15:18

ความคิดเห็นที่ 16 ประเด็นทั้งหมดมันเกิดมาจากการที่ผมไป post เรื่องกฏ 25 ข้อหรือเปล่าครับเนี่ย (อิอิ) ถึงคุณ fortuneteller ถ้าคุณโจมตีกล่าวหาว่ากฏ 25 ข้อของ Fast English เป็นการตลาด งั้นสโลแกนของ Enconcept ที่ว่า "ศัพท์เป็นร้อยไม่ต้องท่อง ร้องมันส์ไม่มีวันลืม" มันก็คงเป็นการตลาดอีกนั่นแหละครับ (ที่ผมกล้ายก Enconcept มาเป็นตัวอย่าง เพราะตอนม.ปลายผมก็เคยเรียนที่ Enconcept ครับ) อย่างนี้ทำไมคุณไม่โจมตี Enconcept บ้างละครับ แต่ละที่เขาก็มีจุดดีของเขา เขาก็ต้องขายจุดเด่นของเขาสิครับ เปิดใจให้กว้างหน่อยก็ดีครับ ไม่ใช่ใครที่เห็นตรงข้ามคุณ ก็จะกลายเป็นหน้าม้าไปหมด แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 13:41:18 จากคุณ : funnal เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:35:58

ความคิดเห็นที่ 17 เพิ่งเห็นความเห็นข้างบน "fast English ไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน" มีสีครับ มีอยู่ตั้ง 3 สาขา ไม่งั้นผมจะไปเรียนได้ไง ถ้ามันไม่มีในโลกแล้วทุกวันนี้ผมไปเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนกันละครับ (ขำ ๆ นะครับ เห็นกระทู้นี้ท่าจะเครียด) จากคุณ : funnal เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:37:40

ความคิดเห็นที่ 18 ความจริงที่เราค้นพบมาหลายปีแล้ว นั่นก็คือ คนที่เพิ่งเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ จากระดับไม่กระดิกหูเลยน่ะ ถ้าผู้เรียนเป็นแค่คนธรรมดาๆ ไม่ใช้อัฉริยะทางด้านภาษาอะนะ เรียนยังไงมันก็ต้องพูดผิดเขียนผิด grammar แหงๆอยู่แล้ว concepts ที่ถูกต้องในการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ที่พัฒนากันขึ้นมาใหม่ๆ (โดยสังเกตจากตำราที่มาจากต่างประเทศ) จะเป็นการฝึกอะไรที่ interactive มากๆ โดยจะใช้สื่อแบบ multimedia มีตั้งแต่ textbooks เป็นเล่มๆ ebooks, mp3, video clips, software และอะไรอื่นๆแบบไฮเทคอีกมากมาย และจะสอนให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะต่างๆทั้งหมด ไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่มานั่งเรียนกันแต่ grammar เป็นวิชาเดี่ยวๆแบบนี้ แล้วไม่มีฝันเฟื่องหรอกว่าเรียนกฎ 25 ข้อได้ก็สบายใจเฉิบไปแล้ว แต่บทเรียนจะพัฒนาไปเรื่อยๆจากง่ายไปหายากเหมือน building blocks นั่นเอง... สื่อจากต่างประเทศที่เราไปได้มา มันจะสอน grammar แบบ interactive คือมีเสียง (เป็น mp3 หรือ video clips) ให้ฟัง แล้วเว้นว่างให้ผู้เรียนตอบ ซึ่งมันจะพัฒนา senses พิเศษในเรื่อง grammar ขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด และทำให้ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่แรกเริ่มไปเลย จริงๆแล้วขนาดคนไทยที่เรียนอักษรศาสตร์หรือภาษาศาสตร์มาแทบตาย ถ้าไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมในการใช้ภาษาอังกฤษจริงๆและไม่มีทั้งพรสวรรค์ และำพรแสวงจริงๆนะ พูดหรือเขียนภาษาอังกฤษมาก็ยังพลาดท่าผิด grammar บานเบอะเลย ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ นั่นก็เพราะว่ายังไง ยังไงภาษาอังกฤษก็ยังไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ของพวกเขา ท้าพนันได้เลยว่าจริง เพราะเราทำงานด้านภาษาและคลุกคลีกับคนที่เรียนจบทางด้านภาษามาหลายระดับ ถ้าเป็นเช่นนั้นนะ มหาลัยดังๆทั้งในไทยและในต่างประเทศเขาก็โง่กันหมด แล้วก็รู้ไม่ทัน Fast English เรื่องกฎ 25 ข้อ กันหรือยังไงกัน? คำแนะนำโดยย่อและโดยสรุปสำหรับคนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจากระดับ "ไม่กระดิกหูเลยนะ" ก็คือเป้าหมายระดับต้นๆ ควรเป็นอย่างนี้นะ พยายามสื่อสารให้ได้ ฟัง พูด ให้พอรู้เรื่อง พยายามอ่านให้เข้าใจมากๆ ทักษะระดับนี้ไม่จำเป็นต้องแม่น grammar ก็อ่านหนังสือภาษาอังกฤษพอรู้เรื่อง "ทักษะระดับนี้จะไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาไหนก็ไม่สำคัญ เพียงแต่ต้องสำรวจดูให้ดีๆว่าโรงเรียนที่ว่านั้น จะช่วยคุณเรียนไปได้ถึงระดับที่ว่านี้..." นั่นก็คือ เรียนให้พอรู้ศัพท์พื้นฐานซัก 2,000 คำ แล้วเปิด dictionaries อังกฤษ-อังกฤษได้คล่อง แล้วจากนั้นก็หาบทเรียนจากต่างประเทศมาค่อยๆอ่าน จาก websites ต่างประเทศ ก็มีเยอะแยะเลย แล้วค่อยๆแก้ไขจุดอ่อนที่เราพูดผิดหรือเขียนผิดไปเรื่อยๆ ในที่สุดภาษาอังกฤษคุณก็จะเลิศเลอ perfect ได้เอง แต่มันใช้เวลาหลายปีนะ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:41:08

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนเราสอนภาษาอังกฤษในอดีตนะ ไม่เคยบอกนักเรียนเลยว่าเรียนแพล็บเดียวจะเก่ง แล้วเราก็ไม่เปิด courses อะไรแยกแยะมากมายด้วย แค่สอนทักษะระดับพื้นฐาน ให้พอฟังรู้เรื่องพอพูดได้ แต่เน้นอ่านรู้เรื่อง สรุปแล้วนะ เราสอนภาษาอังกฤษให้ผู้เรียนแค่ ม.1- ม.6 เอง เพียงแต่ใช้วิธีการที่ไม่เหมือนในชั้นเรียนในโรงเรียนทั่วๆไป แล้วหลังจากนั้นนักเรียนก็ไปเรียนที่เหลือด้วยตัวเองได้หมด จำไว้ว่า ทุักวันนี้ที่พวกคุณวิ่งหาที่เรียนภาษาอังกฤษกันน่ะ เหตุผลง่ายก็คือ "คุณเรียนภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวงของไทย ม.1 - ม.6 มาไม่ครบ อาจเป็นเพราะสมัยเด็กๆครูสอนดีแต่คุณไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษ หรือครูสอนไม่ดีแล้วคุณชอบหรือไม่ชอบก็เรียนแล้วออกมามันได้วิชาไปไม่ครบนั่นเอง" ดังจะเห็นได้ง่ายๆว่า มีนักศึกษาเอกอังกฤษปี 3 ปี 4 เคยมาเขียน essay ให้แก้ในห้องเรียนภาษาอังกฤษบ่อยๆ พออ่านๆไปนะ ภาษาอังกฤษ ม.4 ยังไม่รู้เลย แต่เหลือเชื่อเมื่อเร็วๆนี้มีเด็กมัธยมเขียน essay มาให้แก้ ดันเขียนเก่งกว่าเด็กมหาลัยแฮะ...เง็งเลยอ้ะ... ถ้าการเรียนการสอนภาษาัอังกฤษของไทย ม.1 - ม.6 มันบรรลุเป้าหมายได้ตามที่กระทรวงศึกษาไทยตั้งเป้าหมายไว้น่ะ ป่านนี้โรงเรียนสอนภาษามันไม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในประเทศไทยหรอก สรุปแล้วนะ คุณไปเรียนโรงเรียนสอนภาษา คุณก็แค่ตั้งเป้าหมายว่า จะเติมสิ่งที่พลาดไปไม่ได้เรียนต้งแต่ ม.1 - ม.6 ให้มันครบ แค่นี้คุณก็ไปเรียนส่วนที่เหลือได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่อย่าไปฝันเฟื่องว่าเรียนจากโรงเรียนสอนภาษาจบมา แล้วจะสิ้นสุดกันแค่นั้น จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:43:09

ความคิดเห็นที่ 20 คคห 16 บอกว่า "อย่างนี้ทำไมคุณไม่โจมตี Enconcept บ้างละครับ" ตอบ ก็เขาไม่มาเที่ยวโฆษณาชวนเชื่อให้รกห้องสมุด pantip ใน section ที่คนเขาหาความรู้กันยังไงล่ะ คคห 17 บอกว่า " "fast English ไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน" มีสีครับ มีอยู่ตั้ง 3 สาขา ไม่งั้นผมจะไปเรียนได้ไง ถ้ามันไม่มีในโลกแล้วทุกวันนี้ผมไปเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนกันละครับ (ขำ ๆนะครับ เห็นกระทู้นี้ท่าจะเครียด)" ตอบ ถ้าตีัความภาษาไทยได้แบบนั้นนะ ภาษาอังกฤษไม่ต้องไปเรียนมันให้เสียเวลาหรอกเพราะจะยิ่งถอยหลังลงคลองไปกันใหญ่ แล้วถ้าขำๆนะ กระทู้มันก็ตลกสิ ไม่ใช่เครียด You are contradicting yourself.  How can you be a good shill? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 13:54:38

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงคุณ fortuneteller คุณนี่ชักจะยังไง ๆ แล้วแฮะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่า ผมไม่ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษให้เสียเวลาหรอก คุณเป็นคนออกเงินค่าเรียนให้ผมเหรอครับ เวลาของแต่ละคนเขาก็มีค่ากันทั้งนั้นนะครับ จากคุณ : funnal เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 14:11:28

ความคิดเห็นที่ 22 บอกแล้วไงล่ะว่า ความรู้ภาษาอังกฤษระดับ ม.1 - ม.6 ขอให้เรียนมาให้ครบๆ มันจะเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้คุณก้าวหน้าไปได้ไกลแสนไกล ลองไปดูฝีมือเด็กมัธยมเขียน essay สิ แล้วใครที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูเลย พอเรียนกฎ 25 ข้อ ที่คุยว่าแน่นักหนา มา แล้วจะมีอนาคตทางด้านภาษาไปไกลเท่าเด็กมัธยมคนนี้หรือเปล่า ตาม link ไปอ่านดูได้ แล้วจะทึ่งว่า ทำไมคนบางคนจึงไม่ต้องเสียเงินไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8711052/K8711052.html แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 14:26:21 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 14:21:07

ความคิดเห็นที่ 23 Reply to #21: ั You thinking process falters.  That's why! Why don't you write your arguments in English?  We want to see how far the 25 rules can take you. จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 14:24:47

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าเป้าหมายสุดท้ายในการเรียนภาษาอังกฤษของคุณคือ สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษกับคนทั้งโลกรู้เรื่อง 1. คุณต้องฟังออกทุกสำเนียง เขาพูดอะไรมา คุณเข้าใจหมด เวลาคุณพูดตอบ หรือถาม ไม่มีปัญหา คุณก็ใช้สำเนียงของคุณ 2. คุณสามารถอ่านข้อความภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับงานของคุณ หรือใน field ที่คุณสนใจ และเข้าใจหมดโดยที่ไม่ต้องเปิด dictionary (ถ้าข้าม field นี่ไม่มีทางทำได้ ไม่ว่าเซียนคนไหนก็ทำไม่ได้ ศัพท์เฉพาะทางบานเบอะ) 3. เมื่อคุณเขียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นบทความ จดหมาย หรืออีเมล์ คนอ่านเขาเข้าใจถูกต้องตรงกับประเด็นที่คุณต้องการจะสื่อ แบบนี้ Fast English ให้คุณได้หรือครับ? ถ้า Fast English มีความหมายว่าปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ แล้วคุณไปต่อยอดเอาเองด้วยการฝึกฝน อย่างนี้ OK คำว่า Fast English เป็นภาษาทางการตลาดน่ะคุณ เว่อร์ทั้งนั้นแหละ อย่าได้หลงกล จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 14:59:12

ความคิดเห็นที่ 25 "เอ้่าเรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งหลายสิบปีแต่ทำไมยังพูดไม่ได้" เป็นเบสท์เซลเลอร์เมื่อราวสิบปีก่อน ที่สำนักพิมพ์และคนเขียนรวยไปหลายล้านจริงๆ ผมเคยลองเอามาอ่านด้วยความทึ่งว่ามีอะไรดีในหนังสือหรือ? ผิดหวังครับ เสียเวลาอ่าน(ผ่านๆ)จริงๆ เร็วๆนี้ก็เห็นปกหนังสือออกมาอีกเล่ม โดยผู้เขียนคนเดียวกัน จากคุณ : เหนียว-อวี่ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 15:20:00

ความคิดเห็นที่ 26 5555  ยิ่งอ่านยิ่งไปกันใหญ่แล้วววว   กำลังจะกลายเป็นเวทีประลอง ภาษาอังกฤษไปซะแล้ว ผมเชื่อแหล่ะว่าคุณ fortuneteller เป็นคนเก่งภาษอังกฤษ ในระดับสูงคนหนึ่ง แล้วก็็พยายามแนะนำสิ่งที่ดี อีกมุมนึงให้กับ เรา ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ แต่ก็อย่างว่าแหล่ะครับ ว่าสถาบันสอนภาษาอังกฤษทุกแห่งก็มีการตลาดเป็นของตัวเอง การที่ออกมาโจมตีเฉพาะ 25 กฎ ของ fast english ที่เดียวอาจจะไม่ค่อยแฟร์นัก เพราะ ทุกที่ก็ขายจุดเด่นของตนเองเหมือนกัน   มันเลยทำให้คุณดูเหมือนว่าเป็นจะใส่ร้าย fast english มากไปซักหน่อย   จริงๆ แล้วถ้าจะให้แฟร์ หรือถ้าคุณมีโอกาส ลองวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อย ของแต่ละสถาบันให้ดู เลยก็ดีนะครับ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อพวกผม มากกว่าจะมาทำแบบนี้ เพราะไปๆมาจะกลายเป็นการ แลกกันคนละหมัดไม่จบซักที อย่างที่เห็น และคุณก็อาจจะถูกมองว่าเป็นสถาบันตรงข้าม มาโจมตีfast enhlish ซะปล่าวๆ   อีกนิดนึงนะครับ ก่อนจะออกบอกว่าสถาบันไหนดีหรือไม่ดี เราต้องรู้แจ้งเห็นจริง หรือ ได้สัมผัสในสิ่งที่สถาบันนั้นสอนก่อนนะครับ ไม่ใช่ฟังเขาเล่ามา ได้ข้อมูลผิดๆมา หรือได้ข้อมูลมาไม่ครบ ก็มาสรุปเอาเองซะแล้ว อยากฝากไว้อีกอย่างว่า อย่าฟังจากฟังคำวิจาร์ืของใครก็ตาม ที่ไม่ได้ไปเรียนในสถาบันที่คุณอยากเรียน เพราะเค้าบอกคุณได้ไม่หมดหรอกครับ แค่จับบางประเด็น ไปต่อยอดเท่านั้น ถ้าจะให้ดีถามเพื่อน ถามญาติ ที่เคยเรียน ส่วนในเว็บบอร์ด เป็นข้อมูลประกอบพอครับ เพราะ ใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง จากคุณ : montellaman เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 15:25:22

ความคิดเห็นที่ 27 ู^ ^ Please read between the lines.  I did not say "Don't study at Fast English because it's no good." In fact, I said "Fast English may teach you something good, but the decision to study there must not rest upon the overemphasis on the 25 precious rules." แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 04:26:33 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 16:09:25 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 16:06:36

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบคุณ คคห 14 เราเคยเปิดสอนเมื่อ 22 ปีมาแล้ว และทำเงินได้มากกว่าที่เราได้จากการแปลเอกสารตอนนี้ตั้งหลายเท่า  แต่เราเลิกสอนเพราะเราชอบไว้ผมเผ้ายาวๆ ไม่อยากเสแสร้งแต่งตัวแบบ conservative แล้ววางมาดเหมือนผู้ดีอังกฤษแบบที่เราเคยทำ จนรับทรัพย์จากนักเรียนที่เป็นคุณหญิงคุณนายมามากต่อมากนักแล้ว หมายเหตุ เราเคยทำงานเป็นผู้บริหารโรงเรียนสอนภาษาใหญ่ๆแห่งหนึ่ง เรารู้การตลาดโรงเรียนสอนภาษาเหมือนอ่านลายนิ้วมือเรา เรารู้ว่าโรงเรียนสอนภาษาในเมืองไทยจะรวยได้ ไม่ใช่สอนให้นักเรียนใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดี แต่ "ต้องสอนให้นักเรียนสอบผ่านข้อสอบต่างๆ" ต่างหากล่ะ หลังจากเล่นคอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ตแล้วกลาย advanced user ไป เราค้นเจอสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมากมายที่จะทำการสอนในระดับไฮเทคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีัอยู่สมัยหนึ่ง เราเคยคิดจะไปเป็นติวเตอร์หน้ารามเพื่อติว EN แข่งกับติวเตอร์หมู (นิติภุมิ) แต่พวกมาเฟียหน้ารามมันดุมากๆ เราไม่คุ้นพื้นที่หน้ารามฯ ก็เลยไม่ค่อยอยากจะเสี่ยง แต่ตอนนี้เราสนใจอยากจะติวปริญญาตรีภาษาอังกฤษของมหาลัยสุโขทัยฯที่กำลังจะเปิดใหม่ในเดือนหน้านี้ บางทีเราจะไปลงเรียนเอง เพื่อจะได้รู้วิธีติว เพราะคาดว่านักศึกษาคงสอบตกกันมากเพราะเห็นมหาลัยประมาณการมาว่า "น่าจะมีนักศึกษาเพียง 10% เท่านั้นที่จะสำเร็จการศึกษาไป...!!!"   ซึ่งเป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ เนื่องจากพื้นที่มหาลับสุโขทัยเป็นถิ่นเรา เรารู้จักมาเฟียแถวๆนั้นหมด...555+++... ไปอ่านกระทู้นี้ได้ เราแนะนำคนอยากเรียนภาษาอังกฤษว่า ถ้าจะเอาดีๆนะ ไปเรียนสนทนาที่ AUA แล้วเรียนพวกหลักภาษาจากการเรียนปริญญาตรีเอกอังกฤษที่มหาลัยรามคำแหงหรือสุโขทัย จะเข้าท่ามากกว่า เพราะ AUA มีชมรมฝึกพูดอังกฤษ และมหาลัย 2 แห่งที่เรากล่าวถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุโขทัยกำลังมาแรงเรื่อง "ความไฮเทค" และ "ค่าเรียนก็น่าจะถูกกว่าโรงเรียนสอนภาษาทั่วๆไปมากมายอีกด้วย" ถ้าใครจะแย้งว่า แหมแค่อยากเรียน course สั้นๆนะ เราตอบได้เลยว่า "คุณออกแรงน้อย คุณก็ได้น้อย คุณออกแรงมาก คุณก็ได้มาก" เพราะ "fast English ไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน" พวกเรามาชวนๆกันไปเรียนที่นั่นกัน จะดีกว่า แล้วก็เจอกันที่นั่นนะ "เราแค่กะจะไปเรียนจีบสาวน่ะ...อิๆๆ.. แต่ถ้ามีช่องทางเปิดติวแล้วรับทรัพย์ได้ มันก็จะดี" ติวเตอร์หมู (นิติภูมิ) ติว EN รามจนมีเงินไปเที่ยวรอบโลกแน่ะ...!!! คราวนี้เป็นทีของเราบ้างนะ Every dog has its day. ...อิๆๆๆ... ไปอ่านข้อมูล มสธ ได้ที่กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8765304/K8765304.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 16:37:22

ความคิดเห็นที่ 29 อยู่ว่างมากมั้ง หมอดู เปิดลุยไถอีกแล้ว ใครเชื่อก็ปล่อยเขาเถอะ หวังดีแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้ทุกคน You can't win them all. ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 16:51:08

ความคิดเห็นที่ 30 คคห 26 พูดว่า "จริงๆ แล้วถ้าจะให้แฟร์ หรือถ้าคุณมีโอกาส ลองวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อย ของแต่ละสถาบันให้ดู เลยก็ดีนะครับ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อพวกผม มากกว่าจะมาทำแบบนี้ เพราะไปๆมาจะกลายเป็นการแลกกันคนละหมัดไม่จบซักที อย่างที่เห็น และคุณก็อาจจะถูกมองว่าเป็นสถาบันตรงข้าม มาโจมตีfast enhlish ซะปล่าวๆ" ตอบ ก็นี่ไงล่ะ จากประสบการณ์ในวงการสอนภาษาอังกฤษ ตั้ืงแต่สอนตามบ้านตามสำนักงานให้พวกคนรวยๆจนเรามีเงินไปเปิดโรงเรียนติวที่ใกล้ๆโรงเรียนฝรั่ง แล้วโดยติวเตอร์เจ้าถิ่นฉีกป้ายโฆษณาเรา โทรแจ้งกระทรวงศึกษาให้มาจับเรา (อาชีพสอนบางทีก็กลายเป็นสกปรกนะ) และทำงานสอนภาษากับโรงเรียนสอนภาษาที่มีผู้บริหารเป็นฝรั่ง และเป็นผู้บริหารโรงเรียนสอนภาษา (ทำให้คนอื่น) เราไปทำ survey มาแล้วจนทั่ว แล้วพบว่า เรียนสนทนา aua แล้วเข้าชมรมพูดอังกฤษที่นั่น เพื่อฝึกฟังฝึกพูด (สถาบันที่มีอยู่คู่สังคมไทยมานาน ไม่ต้องโฆษณาแหกตาชาวบ้านมากมายเหมือนโรงเรียนสอนภาษาอื่นๆ) นั่นคือภาคปฏิบัติ แล้วเรียนทฤษฎีจากการลงเรียนปริญญาตรีเอกอังกฤษที่มหาลัยไปเลย มัน sure ที่สุด แต่ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในเรื่องเวลา และความยืดหยุ่นของผู้่เรียน (เพราะบางคนต้องทำงาน) เราจีงแนะนำมหาลัยรามคำแหง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาลัยสุโขทัยที่กำลังจะเปิดปริญญาตรีเอกอังกฤษในเดือนหน้านี้ ซึ่งมาแรงมากๆในเรื่องความทันสมัยของหลักสูตร... เพราะว่า โดยรวมแล้ว แนวทางที่เราเสนอนะ "จะทำให้ผู้เรียนประหยัดเงินค่าเรียน และลงเอยได้อะไรดีๆไปมากกว่าการไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาทั่วๆไปที่โฆษณาด้วย advertising gimmick แข่งกันเสียอีก" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Wallstreet นะ เราไม่แนะนำเลย มันไม่ต่างอะไรไปจาก California Fitness Center หรือพวกคนที่มาเดินขวางทางไม่ให้เราเดินที่ Pantip Plaza โดยที่พวกเขามาเสนอขายหนังโป๊ เลยหละ "ซึ่งมันทำให้เรารำคาญมากๆ จนต้องบอกพนักงานขาย California ไปว่าเราฝึกโยคะและฝึกมวยอยู่กับบ้าน ไม่เคยใช้เครื่องมือออกกำลังหรอก และต้องบอกคนขายหนังโป๊ไปว่า เรานี้หละเซียน download หนังโป๊ตัวจริงจาก Internet..." และตอนนี้เราก็สุดจะรำคาญไอ้กฎ 25 ข้อนี่เต็มทีแล้ว โฆษณากันมาหลายปีแล้ว แต่จนป่านนี้นะ มันก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ คือ "fast English ไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน...!!!" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 17:02:38

ความคิดเห็นที่ 31 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 17:20:17

ความคิดเห็นที่ 32   เห็นด้วย กับ ลุง fortuneteller น่ะครับ ที่ว่า ภาษาอังกฤษ มันไม่ได้ปุบปับ กันแบบนั้น และก็รู้สึกว่า หนังสือสอนภาษาอังกฤษ ตอนนี้ มันปัญญาอ่อน ค่อนข้างเยอะ ที่เรียน 60-70 ชม. ก็เป็นแล้ว มีแต่ก๊อปบทพูด มาแปะๆ ในหนังสือ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แต่ลุง fortuneteller ก็คงต้องยอมรับด้วยว่า มันเป็นเรื่องการตลาด มันก็โม้กันทุกที่แหละ ผมไปรักษาสิว เห็นมันบอกดีทุกที่ ไปแล้วไม่เห็นได้เรื่อง แล้วจะไปว่า คนอื่นเป็นหน้าม้า หมด มันก็คงไม่ดีมั้งครับ ผมว่า แค่ ตั้งทู้ ว่า ไอพวก อังกฤษทันใจ อะไรเนี่ย ไม่มีจริง แค่เตือนก้อพอน่ะ อย่างงี้มันร้อนแรงเกิน ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 18:16:47

ความคิดเห็นที่ 33 ู^ ^ อ้าสวัสดีคุณ Mr.Fusion รู้สึกเป็นเกียรติ์อย่างยิ่งที่่ท่านมาเยี่ยมกระทู้เรา ............................................................... ข้อความที่แปะข้างล่างนี้งัดมาจากกระทู้เดิม (ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ  tansy (iwrite4u)) ที่เราปั่นไว้คืออันนี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/05/K6595622/K6595622.html ตรรกะที่สลาย myths (ความเชื่อที่ผิดๆ) เกี่ยวกับการลงเรียน writing  (ตอน 3) เราพล่ามมายาว คนที่ยังเชื่อว่าเรียน writing ไม่กี่สิบชั่วโมงที่โรงเรียนสอนภาษา ก็เขียนภาษาอังกฤษได้ บางคน หรือหลายๆคนก็อาจไม่เข้าใจแล้วพาลคิดว่า “ไอ้บ้าคนนี้มัน พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย?  โรงเรียนสอนภาษาเขากำลังจะได้เงินกัน แล้วไปขัดลาภเขาทำไมกัน?” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราพูดว่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกือบทุกคำ จะมีพฤติกรรมเฉพาะตัวของมัน ในการนำไปใช้สร้างประโยค ซึ่งคนไทยหรือคนชาติอื่นที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองนั้น ไม่มีทางที่จะใช้มันได้ถูกต้อง ได้ง่ายๆ เว้นเสียแต่ว่า จะเคยเจอเจ้าของภาษาใช้มัน *****ซึ่งถ้าพยายามหาทางพูดกับฝรั่งหรือนั่งอ่านหนังสือเอาให้เรียนรู้พฤติกรรมทุกรูปแบบของคำศัพท์ทั้งหมดในภาษาอังกฤษ ก็คงชาติหน้าบ่ายๆ กว่าจะเรียนได้หมดสิ้น จนถึงขั้นที่เรียกว่าจะขจัด non-native speaker’s errors (ข้อผิดพลาดของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา) ให้หมดสิ้นซากไปได้***** ดังนั้น เราจึงได้แนะนำไว้แล้วว่า ให้เรียนการเขียนในระดับพื้นฐานมากๆ จาก esl dictionaries เสียก่อน โดยการศึกษาดูว่า คำศัพท์ง่ายๆ แต่ละคำนั้น มันเอาไปสร้างประโยคพลิกแพลงอย่างไรได้บ้าง นั่นเอง และศึกษาจดจำ collocations ทั้งหลายเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้   *****ซึ่งหลักสูตรนี้ โรงเรียนสอนภาษาที่ไหนจะสอนให้ได้ผล ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบชั่วโมงตามเวลาใน course ที่ขายกันเกร่ออยู่ทุกวันนี้  มันเป็นไปไม่ได้... นั่นก็เพราะว่า กว่าจะครอบคลุมเนื้อหาได้นั้น มันกินเวลาหลายๆปีมากๆ บางทีกินเวลาเกิน 10 ปีขึ้นไป...!!!!" เพื่อให้ชัดเจนมากยิ่งๆขึ้น เราจะนำคำศัพท์ง่ายๆ มาตัวหนึ่ง เพื่อสาธิตให้คุณดูว่า คำศัพท์ง่ายๆ แค่คำเดียวนี้ จะใช้พลิกแพลง ให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษาได้นั้น มันมีอะไรให้จำ มากมายแค่ไหน (ซึ่งมันยากมากกว่าเรียนคำศัพท์ในภาษาไทยหรือภาษาจีนหลายๆเท่า เลยทีเดียว) เรามาศึกษาจาก esl dictionary ที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่งกัน นั่นก็คือ Oxford Advanced Learner’s Dictionary ว่า คำว่า "suggest" เพียงแค่คำเดียวนี้ มีพฤติกรรมเฉพาะตัวอะไรบ้าง ที่ต้องจดจำกันไม่หวัดไม่ไหว หากต้องการเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา   พฤติกรรมอันแรกของศัพท์ตัวนี้คือ [VN] คือ verb + noun นั่นเอง และเขาก็ให้ตัวอย่างประโยคไว้คือ May I suggest a white wine with the dish, Sir?   ซึ่งก็เป็น [VN] จริงๆ นั่นก็คือ suggest = V ส่วน wine = N นั่นเอง  ซึ่งในประโยคนี้ suggest แปลว่า “แนะนำ” ทีนี้ดิก เขาก็ให้ตัวอย่างอีกประโยคหนึ่งคือ A solution immediately suggested itself to me (= I immediately thought of a solution. = ฉันคิดคำตอบขึ้นมาได้ทันที)  อันนี้ ถ้าใครท่องศัพท์เป็นคำโดดๆว่า suggest แปลว่า “แนะนำ” หรือ “เสนอ” มาโดยตลอด ก็จะไม่มีทางเขียนประโยคให้คำว่า suggest มันมีความหมายอย่างในประโยคนี้ได้เลย คราวนี้เรามาดูพฤติกรรมของคำนี้ต่อไป  นั่นก็คือ [V (that)]   คือ verb (+ that) นั่นเอง เมื่อนำ “สูตร” นี้ไปใช้ ก็จะแต่งประโยคได้ ดังนี้ I suggest (that) we go out to eat. พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [V -ing]  นั่นก็คือ  suggest + verb-ing นั่นเอง เมื่อเขียนประโยคก็ได้แบบนี้ I suggested going in my car. พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [VN that]   เมื่อเขียนประโยคก็ได้ประมาณนี้ It has been suggested that bright children take their exams early. หรือถ้าจะเขียน แบบคนอังกฤษ ก็จะเติม should เข้าไป It has been suggested that bright children should take their exams early. พฤติกรรมต่อไปคือ suggest somebody (for something) ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้ Who would you suggest for the job?  คุณจะเสนอให้ใครทำงานนี้? พฤติกรรมต่อไปคือ suggest something (as something) ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้ She suggested Paris as a good place for the conference. เรามาดูพฤติกรรมแบบ [VN] กันใหม่ เช่น   Can you suggest a good dictionary?   คุณจะแนะนำดิกดีๆสักเล่มได้ไหม?  เขียนแบบนี้ถูก แต่ถ้าเขียนแบบนี้นะ คือ Can you suggest me a good dictionary?  มันจะผิด grammar ทันที เนื่องจากว่า “พฤติกรรมเฉพาะตัว” ของคำว่า suggest (ตามที่ดิกเขาอธิบายไว้นะ) นั่นก็คือว่า มันใช้ไม่ได้ในรูปแบบ ‘suggest somebody something’ นั่นเอง   เป็นไง เป็นไง มึนหรือเปล่า?  ถ้าคุณมึน เราก็มึนด้วยเหมือนกันน่ะ ....555++++.... พฤติกรรมต่อไปก็คือ [V wh-]  คือ verb + who,  what, why, when, อะไรทั้งหลายนั่นแหละ เมื่อเขียนประโยคดู จะได้ประมาณเนี้ย Can you suggest how I might contact him?  (หรือถ้าเปลี่ยน how เป็น when (ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล wh-  ก็น่าจะใช้ได้นะ  แต่ถ้าดันใส่ what เข้าไปแทน ละก็ อ่านไม่รู้เรื่องไปเลย อ้ะ...!!!!) คราวนี้ พฤติกรรม [V (that)] All the evidence suggests (that) he stole the money. หลักฐานทั้งหมด “แสดงให้เห็นว่า เขาขโมยเงินไป" คราวนี้เรามาดูพฤติกรรม [V (that)] กลายเป็นความหมายพลิกแพลงไปได้อีก Are you suggesting (that) I’m lazy?  คุณกำลัง "ส่อความว่า = “หาว่า” ฉันขี้เกียจหรือ? เรามาดูข้อพึงระวังเรื่อง non-native speaker’s errors กัน อีก ตัวอย่างหนึ่ง อันนี้คัดจาก esl dictionary อีกเล่มคือ Longman Dictionary of Contemporary English นั่นก็คือ เขียนสรุปมาสั้นๆ ก็คือ He suggested us to go for a drink.  อย่างนี้ผิด grammar  คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง แต่ที่ถูกต้องเป็น He suggested that we go for a drink.   หรือจะเขียนว่า He suggested we go for a drink.  ก็ถูกต้องเหมือนกัน What do you suggest us to do?  อย่างนี้ผิด grammar  คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง แต่ที่ถูกต้องเป็น What do you suggest we do? I suggest to wear something warm.  อย่างนี้ผิด grammar  คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง ที่ถูกต้องเป็น I suggest wearing something warm. เรารีบๆพิมพ์ ถ้าใครเห็นมีข้อผิดพลาดอะไร ก็ทักท้วงได้  ไม่ว่ากัน เราจะแก้ไขให้  แต่เราไม่ได้พิมพ์ความเป็นไปได้ของพฤติกรรมทั้งหมดของคำว่า suggest นะ  เนื่องจากว่า *****“แค่นี้ก็จะปวดหัวตายหะอยู่แล้ว...555+++”***** จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 18:21:56

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านดีๆจะเข้าใจที่คุณ fortuneteller สื่อสารนะครับ จากคุณ : smallarea เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 18:24:02

ความคิดเห็นที่ 35   คุณ fortuneteller การเรียนคอร์สติวภาษาอังกฤษอาจไม่ช่วยให้คุณเก่งขึ้น หรือคนที่พอมีพื้นฐานเก่งขึ้นได้หรอกครับ แต่อาจะช่วยให้คนบางคนที่ไม่เคยสนใจภาษาอังกฤษหรือไม่เก่ง เก่งขึ้นบ้างก็ได้ครับ ซึ่งอันนี้ต้องขึ้นอยู่กับระดับที่ผู้เรียนต้องการนำไปใช้ด้วยครับ จากคุณ : Pannakon เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 18:53:59

ความคิดเห็นที่ 36 ข้อสอบพวก TOEFL, IELTS, TU-GET, CU-TEP หรืออะไรแบบเนี้ย มันไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่หรอก รู้ grammar ตรงๆตัวทื่อๆ และรู้ศัพท์มากพอสมควร ก็พอทำคะแนนได้ดี แต่ข้อสอบภาษาอังกฤษที่มหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่เราเคยพบมา มันคือ CPE ของ University of Cambridge (รู้สึุึกมันจะมี CPE ของ Michigan University เหมือนกัน แต่มันง่ายกว่ามากๆ) เนื่องจาก University of Cambridge ฉลาดมากๆในการ "จี้จุดอ่อน" ของคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง โดยการจี้จุดอ่อนไปที่ความรู้่เรื่องพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์ ซึ่งถึง CPE จะระดับต่ำกว่า ปีหนึ่งปริญญาตรีเอกอังกฤษในมหาลัยในประเทศอังกฤษก็ตาม แต่อาจารย์สอนภาษาที่เป็นฝรั่งหลายๆคน ซึ่งสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยมานาน เคยพูดให้เราฟังว่า คนจบปริญญาตรีเอกอังกฤษในไทย ต่อให้จบจากมหาลัยปิดดังๆ จะทำข้อสอบ CPE ให้ผ่านเกรด A คงเป็นไปได้ยากมากๆถ้าไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษมานานหลายๆปี ข้อสอบแบบนี้ที่ "จี้จุดอ่อนความรู้เรื่องพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์นะ" ใครเรียนกฎ 25 ข้อ แล้วไปทำข้อสอบ ก็มีแต่จะตายกับตายลูกเดียว ไม่มีทางรอดเลย... เราเคยแปะข้องสอบ CPE ของ University of Cambridge ในห้องสมุดให้คนทำกันเล่นๆ มีสมาชิก 2 ท่านทำถูกหมดฉลุยได้อย่างรวดเร็ว คือคุณ genf กับคุณ coffeeclub แต่ 2 ท่านนี้ ภาษาอังกฤษไร้เทียมทาน ไม่ใช่เพราะท่องกฎ 25 ข้อหรอกนะ จะบอกให้ คุณ genf พำนักอาศัยในประเทศอังกฤษมานานถึง 30 ปี ส่วนคุณ coffeeclub พำนักอาศัยอยู่ในอเมริกา เราคาดว่าคงไม่ต่ำกว่า 20 ปี กะอีกแค่เรียนพฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์ในภาษาอังกฤษนี่ก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว ดููอย่างคำว่า suggest ที่เรายกมาเนี่ย ก็มีหลุมพรางเพียบเลยอยู่แล้ว และแค่เรียนคำศัพท์พื้นฐาน 3,000 คำ ให้ใช้ได้ถูกต้องในทุกรูปแบบน่ะ จะต้องจดจำกันกี่ปี? "กฎ 25 ข้อ มาช่วยอะไรได้...???!!" เราไปสอบ CPE เจอ paper แรก รู้สึกจะเป็น choice ใ้ห้เลือก a, b, c, d โดยเลือก preposition ให้ตรงกับ verb ในแต่ละประโยคที่ให้มา มันมี 40 ข้อ เราทำถูก 39 ข้อ คุณว่าเราำทำถูกเพราะเราเรียนกฎ 25 ข้อมาเมื่อสมัยอยู่ ม.1 จากครูประจำชั้นเราหรือไง? คำตอบก็คือ "ไม่ใช่" เราตอบถูก "เกือบ" หมด ก็เพราะว่าเราไปใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษมานาน 20 ปี แล้วต่างหากล่ะ verbs ในภาษาอังกฤษมันมีตั้งกี่ตัวกัน? แล้วแต่ละตัวมันก็ใช้ prepositions ได้ตั้งหลายตัว แล้วก็แปลความหมายพลิกแพลงไม่เหมือนกัน เจอของจริงแบบนี้ แล้วกฎ 25 ข้อมันช่วยอะไรคุณได้บ้างล่ะ? จริงๆแล้วเราอย่ามาพูดว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" เลย แต่มายอมรับกันตรงๆเถิดว่า "ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาที่เรียนยากมากที่สุดในโลก และมันใช้กันแพร่หลาย ไม่ใช่เพราะมันง่ายนิดเดียว แต่เป็นเพราะว่าประเทศอังกฤษมีเมืองขึ้นมากมาย และประเทศอังกฤษกับอเมริกาชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่างหากล่้ะ"   ดังนั้น เราควรพูดว่า "ภาษาอังกฤษมันยากมากๆ แต่ถ้าเรามีวิธีการเรียนรู้ที่ดีๆตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง เราก็จะเรียนมันได้สำเร็จในที่สุด" ไม่ใช่มาพูดว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" หรือมาพูดว่า "เรียนกฎ 25 ข้อก็สบายแล้ว" กฎ 25 ข้อเราเรียนจากครูประจำชั้นเราตั้งแต่อยู่ ม.1 แล้ว ไม่เห็นมันจะสบายตรงไหนเลย เราใช้ภาษาอังกฤษผิดๆมาตั้งหลายปี อาศัยใจกล้าหน้าด้าน พูดๆเขียนๆไป แล้วค่อยๆเรียนรู้แก้ไขข้อผิดพลาดไปเรื่้อยๆ จนมันดีชึ้นเรื่อยๆ...นี่คือสัจธรรม... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 18:57:13

ความคิดเห็นที่ 37 ที่ คคห 35 พูดว่า "การเรียนคอร์สติวภาษาอังกฤษอาจไม่ช่วยให้คุณเก่งขึ้น หรือคนที่พอมีพื้นฐานเก่งขึ้นได้หรอกครับ แต่อาจะช่วยให้คนบางคนที่ไม่เคยสนใจภาษาอังกฤษหรือไม่เก่ง เก่งขึ้นบ้างก็ได้ครับ" ตอบ เราไม่เถียงคุณในประเด็นนี้เลย เราก็เคยสอนเด็กวิทย์ที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษเอามากๆเพราะเขาจับทิศทางอะไรไม่ได้เลย แต่พอชี้แนะเรื่องทางหนีทีไล่ให้ และสอนวิธีใช้ esl dictionaries และสอน Greek and Latin roots ให้เขา เขากลายเป็นรักภาษาอังกฤษและมี motivation พอที่จะเรียนภาษาอังกฤษต่อไปได้ด้วยตนเองจนเก่งได้ในที่สุด เราไม่ได้พูดว่า Fast English สอนไม่ดี พูดไม่ได้ เพราะเราไม่เคยไปเรียนที่นั่นมา เราแค่พูดว่า  Fast English อาจสอนดีก็ได้ "แต่การตัดสินใจเรียนไปที่นั่นไม่ควรตัดสินใจเพราะความดังของไอ้กฎ 25 ข้อนี้ ต่างหากล่ะ" ตามที่เราเขียนไว้ใน คคห 27   เราเพียงบอกว่าไอ้การโฆษณากฎ 25 ข้อ เป็นตัวชูโรง ในห้องสมุดนี้กันมานานหลายปีดีดักแล้ว ใครๆก็มาแปะกันอยู่นั่นหละ มันชักชวนคนขี้เกียจออกแรง ให้แห่กันไปเรียนยังไงล่ะ   ซึ่งเป็นเรื่องน่ารำคาญจริงๆเท่านั้น นั่นแหละ   จากประสบการณ์ในตลาดการสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยอันยาวนานของเรา เราพบกว่า การตลาดที่ทำให้ได้เงินมากที่สุดก็คือ 1. โน้มน้าวให้เชื่อว่า "ภาษาอังกฤษมันง่ายนิดเดียว" 2. ชักจูงให้เชื่อว่า "เรียนแพล็บเดียวก็เก่งได้" 3. มุ่งประเด็นว่า "ทำให้สอบได้" 4. สร้างภาพลักษณ์ว่าคนสอน แต่งตัวดี มีการศึกษาดีั 5. สร้่างภาพลักษณ์ว่าโรงเรียนตั้งอยู่บนทำเลซึ่งที่ดินแพง และโฆษณาถึง บอกว่าครูจบสูงๆ แต่ที่ไหนได้เอาฝรั่งขี้นกมาสอนก็มี จึงทำให้คนเชื่อกันว่า ต้องสอนดี ใครเน้น 5 จุดขายนี้ได้ ก็รวยเละ เมื่อไม่กี่เดือนนี้ ก็มีอาจารย์สอนภาษาอังกฤษท่านหนึ่งคุยฟุ้งเลยว่าสอนนักเรียน แค่ 2 ชม นักเรียนพูดอังกฤษได้ชัดเหมือนเจ้าของภาษาเลย...!!! อะไรกันจะปานนั้นเชียว...ใครเชื่อก็ไม่รู้จะพูดว่าไงแล้วหละ... เรื่อง ข้อ 4. สร้างภาพลักษณ์ว่าคนสอน แต่งตัวดี มีการศึกษาดีั นี่สิตลก มันเคยมีแขกขาวที่เกิดในเมืองไทยพูดไทยได้คล่อง หน้าตาเหมือนฝรั่ง พูดอังกฤษได้หน่อยๆ มันไปหลอกนักเรียนว่่า "เป็นฝรั่งแล้วจบมาด้านศึกษาศาสตร์ (พิมพ์นามบัตรโก้หรู) แต่งตัวมาดเหมือนอาจารย์ และมาดเหมือนผู้ดีัมากๆ" เราเข้าห้องน้ำหลังมัน มันทิ้งหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ไว้ในนั้น พร้อมกระดาษปากกาลูกลื่น และ dictionary อังกฤษเป็นไทย มันจดศัพท์ง่ายๆแบบเด็ก ม.6 รู้แล้ว แต่มันไม่รู้ เอาไว้บานเบอะเต็มหนังสือพิมพ์เลยหละ Bangkok Post มีศัพท์ยากๆก็จริงๆ แต่มันจดศัพท์ง่ายๆไว้บานเลย...เจ้าของภาษาบ้าอะไรกัน ตอนนี้มันเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาดังๆแล้วรวยไปแล้ว เพึียงแค่เพราะมันหน้า "คล้ายฝรั่งนี่้แหละ" ดัดจริตเลียนสำเนียงอเมริกัน แล้วเลียนไม่เหมือนด้วย แล้วเสือกบอกชาวบ้านว่ามาจาก Scotland โธ่หลอกกันได้กลางวันแสกๆเลย...เผอิญเราเคยมีแฟนเป็นชาว Scottish เราก็เลยล้อมันว่า Shall I speak to you with a Scottish accent? มันตอบว่า It's not proper English.  It's not allowed here. โอ้ยขำว่ะ...ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... แต่การวางมาดของมันนี่ก็ทำให้มันรวยได้นะ เมื่อเร็วๆนี้ก็มีคนเปิดกระทู้เล่าให้ฟังว่า อาจารย์สอนภาษาอังกฤษมาดดี รับค่าสอนล่วงหน้าไป 20,000 บาท แล้วเิชิดเงินหายไปเลย... เี่ีรามาดไม่ดีหรอก ชอบแต่งตัวรุงรัง ช่วงหลังๆนี้เลยไม่ค่อยอยากสอนภาษาอังกฤษมากนัก...เพราะมันฝืนบุคลิกภาำพของตัวเองน่ะ...   แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 19:44:11 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 53 19:39:45 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 19:19:21

ความคิดเห็นที่ 38 ว้าย Mr. Fusion!! อา.......ร้อนแรงๆ เอาเป็นว่าใจร่มๆกันก่อน จิบชากันสบายๆนะคะ สำหรับเรา เราไม่เชื่อว่ามีโรงเรียนใดเก่งขนาดสอนให้คนเก่งได้ อย่าว่าแต่สามเดือนหรือหกเดือน สองสามปีก็ไม่มีที่ใดสอนให้เก่งได้ถึงหลัก สอนได้ก็เพียงผิวเผิน แต่ตัวของคนเราเองต่างหากที่มีอิทธิพลต่อการเรียนของตัวเอง ไม่ว่าจะภาษาใด หรือเป็นเรื่องอะไร ครูสอนได้ ชี้ได้ แนะได้ แต่คนที่ใกล้กับตัวเราสุดก็คือตัวเรา ส่วนเรื่องหน้าม้าฮี้กับๆ ไม่มีความเห็นนะ ข้อมูล เรื่องราว การวิพากษ์วิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่กระทำได้ภายในกรอบสังคม และกรอบของพื้นที่ออนไลน์ โต้แย้งกันอย่างมีสติ และเหตุผล ผู้อ่านรับฟังสองด้านนะคะ (วิ่งหนีออกไป) จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 19:38:44

ความคิดเห็นที่ 39 ... หน้าม้าฮี้กับๆ ......... จากคุณ : kurika ------------------ โอย ไม่ได้ยินคำนี้มานานแล้ว เห็นภาพเลย จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 19:49:25

ความคิดเห็นที่ 40 จะว่าไปแล้ว คุณ fortuneteller เขาไม่ได้โจมตีสถาบันไหนนะครับ เขาเพียงโต้แย้งในแง่ข้อเท็จจริงที่ว่า Fast English หรือการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจนถึงระดับที่ใช้งานได้จริงภายในเวลาอันรวดเร็วนั้น เป็นไปไม่ได้ต่างหากล่ะ ซึ่งผมก็เห็นด้วย และเชื่อว่าอีกหลายท่านก็เห็นด้วย จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:14:18

ความคิดเห็นที่ 41   ผมอ่านไม่หมดทุก คห. นะ แต่อ่านผ่านๆแล้วอยากจะบอกให้หลายๆท่านช่วย ให้เกียรติคนที่เรียนและเคยเรียน(อย่างผม)ด้วย ผมทราบดีครับว่าชื่อของสถาบันและสโลแกน หลายๆอันมันเป็นคำโฆษณา ขอบคุณและขอโทษ(จริงๆ) ผมไม่ได้โง่นะครับ จากคุณ : พญาราชสีห์กับแก๊งหมีโคอาล่า เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:27:05 A:202.28.27.3 X:

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นด้วยค่ะ ภาษาเป็นเรื่องของทักษะ มันต้องฝึกต้องฝน เรียนอย่างเดียวไม่พอแน่นอนค่ะ เหมือนเรา ... เรียนมาตั้งหลายที่ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี ตอนนี้ก็เขียนผิด ๆ ถูก ๆ ตอบผิด ๆ ถูก ๆ เหมือนกันค่ะ ป.ล. อยากถามพี่เจ้าของกระทู้ค่า คืออยากจะฝึกพวก grammar เพราะว่าเตรียมสอบค่ะ แต่ทุนทรัพย์จะไปเรียนน้อยเหลือเกิน พอมีคำแนะนำสำหรับการใช้ grammar หรือหนังสือที่อ่านง่าย ๆ มั้ยคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : natgabig เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:37:49

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเห็นด้วยและเข้าใจว่าคุณ fortuneteller ต้องการจะบอกอะไร แต่ผมอยากให้คุณ fortuneteller ลองมองอีกด้านหนึ่งว่า คนอ่านคงน่าจะมีวิจารณญาณเีพียงพอในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารครับ ;D จากคุณ : Sirumkung เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:38:36

ความคิดเห็นที่ 44 ผมคิดว่าที่เรียนเก่งเร็วนั้นไม่มี  พี่ชายผมไปเรียนมาเขาจะเน้นบอกไห้อ่านทวนบ่อยๆประมาณปลุกใจไรแบบนี้อะครับ    เรียนก็ดีไม่เรียนก็ไม่เสียหายแต่ชื่อมันเป็นการตลาดอย่างแรง ผมอ่าน  25 ข้อ แล้วงงอ่ะ (ชีทพี่ชาย)มันไม่ละเอียด ผมเลยเรียนตาม คุณลุง คุณป้า คุณพี่ คุณหมอ ในห้องนี้ละ กลับไปอ่านอ่าน grammar in use ดีกว่า อิอิ อยากถามคุณหมอดู ว่า อยากเก่ง ข้อสอบerrorแบบถูกชัวๆ มันจะเริ่มฝึกอย่างไงเล่มไหนดีครับ ผมจะได้หาจากเน็ต กะ e-book เอาครับ รบกวนหน่อยนะครับ                                                                        ขอบคุณครับ จากคุณ : xkiN8 เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:48:36

ความคิดเห็นที่ 45 P'Fortuneteller, As it happened, quite often I let English study me.   You know what I mean.   จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:57:05

ความคิดเห็นที่ 46 เราเองก็คิดว่า ไม่มีการเรียนภาษาอังกฤษแบบรวดเร็วนะคะ ภาษามันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาอ่ะ (ไม่ใช่ว่าเราไม่เรียนติวอังกฤษนะ เราก็เรียนแต่ไม่ใช่สถาบันนี้) แต่เวลาทำข้อสอบจริงๆ เราก็อาศัยเซนส์ทั้งหมดอ่ะค่ะ อันไหนคุ้นๆก็เอาอันนั้นแหละ ซึ่งปกติก็มักจะได้ผล แต่ต้องอาศัยฟังภาษาอังกฤษเยอะๆ แต่เซนส์ของเรามักจะตายกับ error เสมอเลย ฮี่ๆ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 21:16:07

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ I did a lot with every subjects. haha ภาษาเป็นเรื่องของความคุ้นเคย เหมือนกับที่เราๆออกกำลังกาย แรกๆมันเหนื่อยมาก แต่เมื่อร่างกายชิน กำลังอยู่ตัว วิ่งมาราธอน หรือชกมวยครบ 12 ยกกำลังก็ไม่ตก เราไม่เชื่อที่ว่าโรงเรียนกวดวิชาใดๆจะสอนว่า เก่งได้ใน...ชม. แบ่งเรียนสัปดาห์ละครั้ง จะไปเก่งได้จริงๆหรือถ้าระหว่างสัปดาห์ไม่ได้ทวน คนทวน คนทำการบ้าน จึงจะเก่ง โรงเรียนกวดวิชามักจะไม่นับตรงนี้เข้าไป แต่นั่นคือเวลาจริงที่คุณต้องใช้ไปเพื่อให้รู้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาใดๆจริงๆ เรียนจีนแบบลัด ยังได้แค่พูดแบบจำๆเอา เรียนจริงๆจังๆต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะการจำศัพท์ด้วยการคัด แล้วก็จำว่าจะใช้อย่างไร ภาษาอังกฤษก็เฉกกัน ตัดหน้าคุณหมอดูมาตอบ natgabig : ได้แน่นอนค่ะ 1) งบเรื่องตำรานั้นไม่ต้องห่วง ยืมของคนอื่นมาใช้ศึกษา หรือใช้วิธีการแลกตำรากับเพื่อนอ่าน หรือจะซื้อราคาไม่แพงสามารถหาได้ที่จตุจักร มีสารพัดให้เอามาเป็นแนวทาง Grammar in Use ก็ดี เราได้เล่มENG ของมันมา ไม่รู้ ยังหาได้ไหม แต่ดีกว่าแน่นอน 2) แป๋มชอบตำราเล่มเล็กๆ ปกกระดาษ โตกว่าฝ่ามือหน่อย จำชื่อไม่ได้แฮะ อะไรประมาณ correct your english หรือไรนี่ ปกส้มๆ เคยเห็นขายที่จตุจักร ร้านหลังร้านน้ำในโซนหนังสือ (ร้านน้ำหน้าห้องน้ำน่ะ) ใช้เป็นเพื่อนยากมานาน คลาสสิคดี ยังมีไหมนะหลายปีแล้ว ดีกว่าตำราแพงๆเยอะ 3) เตรียมสมองให้พร้อม แบ่งเวลาการทบทวนให้ดี อยากเก่งระยะยาวต้องใช้การสะสมเป็นเวลานาน เมื่อทบทวนจบต้องทำแบบฝึกหัด และยังต้องฝึกฝนให้ตัวเองคุ้นกับภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ xkiN8 ส่วนใหญ่เวลาเราทำerror เราใช้วิธีเดาประมาณ 90% แต่เดาอย่างมีหลักการนะ ไอ้นี่ถูกๆๆๆ ครบสามข้อ มันก็จะขุดเจอข้อผิดเอง  error check ต้องรู้จักกฏพื้นฐานให้แม่น บางทีข้อสอบมันง่ายจนเหลือเชื่อแต่มันหลอกให้เราตกใจไป ทั้งๆที่ผิดก็คือ มันใช้ are กับ เอกพจน์!!  (ซึงผิด) เวลาเลือกตำรามาอ่าน ดูจากเฉลยด้านหลัง ถ้าอ่านอธิบายมันรู้เรื่องก็ประเสริฐ!! คุณต้องการคำอธิบายว่าทำไมข้อนี้ถึงตอบอย่างนี้ไม่ใช่แบบอื่น หาแบบฝึกหัดแนวๆนี้มาทำเล่นๆบ่อยๆ มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ค่ะ ทำอย่างมีสติและมันจะชัวร์ จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 21:19:20

ความคิดเห็นที่ 48 ผมรักกระทู้นี้จังครับ ผมชอบกระทู้อย่างนี้แหละครับ เห็นต่างได้แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งเหตุและผล คนเราเกิดมาแม่เดียวกันยังต่างความคิดกันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุและผลนี่แหละครับ ขอออกไปมุงต่อข้างนอกวงนะครับ ถ้าเรื่องภาษาไม่ค่อยสันทัดครับ แค่พอสั่งข้าวสั่งน้ำไม่ให้อดตายได้เท่านั้นครับ จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 21:29:54

ความคิดเห็นที่ 49   ใช้โอกาสกระทู้นี้สวัสดีคุณแอ๊ด ปากเกร็ด พี่หมอดู คุณหนุ่มไทยไร้นาม คุณgenf คุณkurika เเละทุกคนครับ กระทู้นี้ พี่หมอดูเขาไม่ได้ห้ามหรือใส่ร้ายสถาบันหรอกครับ มันมองต่างมุมกัน เเต่ประเด็นของพี่หมอดูที่ยกมา เขาตอบหมดเเล้ว ตอบ clear เเล้ว เเละตอบอยู่ประเด็นนี้ประเด็นเดียว ประเด็นคือ: ภาษามันต้องเรียน ต้องฝึกฝน ต้องใช้ตลอดชีวิต เหมือนที่คุณหนุ่มไทยไร้นาม เขียน ภาษามันเกี่ยวกับทักษะ ไม่ใช่เปิดปุ๊บ ติดปั๊บ หรือที่คุณgenf wrote: As it happened, quite often I let English study me. You know what I mean. จากคุณ : genf......................... ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ที่หลายคนเขียน ก็ไม่ผิด เพราะสำหรับผนเริ่มฝึกภาษา ได้เรียนรู้เรื่องเป็นครั้งเเรกในชีวิต หรือรู้มากขึ้นหลังจากไม่เข้าใจมานาน ก็ถือว่าดีมาก หรือสอบผ่าน ได้เรียนใน U ที่ตัวเองต้องการก้ดี ก็ถือว่าใช่เเล้ว ผมเข้าใจ เเละเอาใจช่วยตลอดครับ เเต่มันก็สะท้อนว่า มาตรฐานการเรียนภาษาในประเทศนี้ น่าเศร้าใจ เพราะเรียนเเค่ไว้สอบเท่านั้น ไม่ได้เรียนไว้สื่อสาร หรือ Think in English ได้เลย ไม่ได้สร้างไบลิงกวล การเรียน การสอนภาษาอังกฤษบ้านเรา ไม่ใช่เรียนเเบบ 2nd language เเต่เป็นเเบบสอบ สอบผ่าน อนาคตใส พูดมากไป ก็กลายเป็นว่า ---------เราไม่ใช่เมืองขึ้นของใคร----- ไปกันใหญ่อีก ผมเองก็ไปสอบ CU-TEP เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไปลองสอบดู ไม่เคยสอบเลยครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 22:23:33 A:203.209.118.118 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 50   อ่านแล้วก็เข้าใจ พี่ fortune teller นะ ก็รู้ว่าหวังดีและก็เห็นด้วยว่า ภาษาอังกฤษมันเป็นต้องศึกษาไปไม่จบหรอก แต่อยากจะบอกอย่างจริงใจว่า 1. ไม่ต้องเป็นห่วงแทนคนอื่นจนจริงจังขนาดนั้น วิธีการพูดของพี่มันดูน่ากลัว แทนที่คนอื่นจะเข้าใจพี่ ก็มองพี่เป็นตัวร้ายไปเลยอ่ะ มันน่าเสียดายเจตนารมณ์ที่ดีอ่ะค่ะ 2. คำว่าเร็วหรือช้า มันก็ตัดสินได้ต่างจิตต่างใจ บางคนเรียนภาษาอังกฤษมาสิบกว่าปีไม่รู้เรื่องเลย พอมาเจอ 25กฎ เขาลืมตาอ้าปากได้ ไปต่อยอดได้ เขาเริ่มรักภาษาอังกฤษ ฟังรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ไปสอบได้ สิบกว่าปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับห้าเดือนที่เรียนก็ถือว่าเร็วมากนะคะ ฉะนั้น อย่ายึดติดกับคำนักเลย 3. สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า ไม่มีโรงภาษาอังกฤษที่ไหนเขาจะสอนแค่แกรมม่า ไม่งั้นจะเรียกว่าภาษาอังกฤษได้ไง มันก็ต้องมีส่วนอื่นอยู่แล้วล่ะเช่น ศัพท์ สำนวนการใช้ภาษา เป็นต้น แต่ 25 กฎก็เป็นตัว highlight หรือความเป็นเอกลักษณ์ เหมือนกับรถวอลโว่ก็นึกถึงความปลอดภัยอะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ ฉะนั้น จงอย่าด่วนสรุป และอยากจะบอกว่าโรงเรียนสอนภาษาหรือโรงเรียนกวดวิชาก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปนะคะ คุณพี่อาจจะเจอแบบใจร้าย เอาเปรียบ ทำเป็นธุรกิจ แต่อยากจะบอกว่า โรงเรียนดี ๆ ก็ยังมี จากคุณ : pinky เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 00:05:34 A:58.9.92.125 X:

ความคิดเห็นที่ 51 เข้าใจทั้งสองฝ่ายค่ะ ทางเดินมันมีหลายทางเนาะ มันก็แล้วแต่คนเลือก บางคนที่บ้านห่อสะเบียงกรังอย่างดีให้ติดตัวมา มีจิตใจมุ่งมั่น อยากไปถึงจุดหมายโดยไว เมื่อเจอทางดีๆ ก็ไปฉลุย บางคนก็เดินๆหยุดๆ เล่นมั่ง แวะโน่นแวะนี่มั่ง ไม่ถึงซะที บางคนไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ทุกอย่างไปหาเอาข้างหน้า เจอทางรกชัฎเข้าอีก กว่าจะถึงจุดหมายอาจใช้เวลานาน แต่ก็ยังถึง บางคนก็อาจจะไม่ถึงจุดหมายเลยก็ได้ จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 01:08:06

ความคิดเห็นที่ 52 ยังไงก็ได้ ขอแค่เพียงติดต่อสื่อสารกันได้ก็พอใจแล้ว ไม่ต้องเอาให้มันวิเศษเลิศเลออะไรหรอก แค่คุยกับเค้ารู้เรื่อง ฟังเขาพูดเข้าใจ ก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ผมอาศัยดูหนังที่มีอยู่ฟรีทั่วไปหลาย ๆ เว็บ เขาก็จะมีซับไตเติ้ลที่เป็น อังกฤษ ก็มี แปลไทยก็มี ฟังไปเถอะครับ ดูไป สังเกตุคำพูด น้ำเสียง แล้วคุณจะได้จากมันเยอะมาก ทุกวันนี้ผมเห็นพ่อผมแล้วภูมิใจ พ่อไปเป็นบ๋อยยกถาดอาหารในเรื่องสตาร์ครุ้ยเซอร์ (ซึ่งไม่น่าจะมีแล้ว) พ่อออกจากบ้านไปเมืองนอกตั้งแต่ผมเด็ก ๆ พอพ่อกลับมา พ่อพูดอังกฤษป๋อเลย พร้อมกับประสบการณ์เพียบ ตอนนี้พ่อกินตำแหน่ง CEO เกี่ยวกับด้านร้านอาหารและโรงแรม ซึ่ง ที่ผมกำลังบอกทุกคนก็คือ ภาษา ไม่ใช่แค่เรียน อ่าน เขียน แล้วมันจะพูดได้แบบป้อนข้อมูลคอมพิวเตอร์ แต่ภาษา คุณต้องฝึก ต้องใช้จริง อยากเก่ง ต้องไปใช้จริง ๆ กัดฟัน โดนล้อ กัดฟัน โดนประนาม กัดฟัน ที่จะขอให้เขาพูดใหม่อีกครั้ง กัดฟันที่จะเลิกอายเวลาไม่เข้าใจ เท่าที่ผมคลุกคลีกับฝรั่ง ต่างชาติ ผมดีใจมากที่พวกเขาไม่เคยว่าอะไรผมเลยนะ เขาก็จะคอยพูดประโยคใหม่ให้ เราก็พูดตาม เขาก็จะยิ้ม แล้วเราก็จำ เวลาเราพูดอะไรไม่ออก เราก็พูดคำศัพท์ สองสามคำ เขาก็จะพูดประโยคมาให้ เราก็พูดตาม แล้วเขาก็จะยิ้มแบบดีอกดีใจ ก็มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่ะครับ จะ 25 กฏ หรือว่า 108 กฏ หรือ 1009 กฏ ก็ไม่ได้ช่วยเราให้เราเก่งขึ้นหรอกครับ ถ้าไม่ลองใช้มันอย่างจริงจัง ปล. ก็อาจจะเป็นแค่ กลยุทธ์ทางการขายทางการตลาดอย่างหนึ่งหน่ะครับ ^^ จากคุณ : ดำ (documents_dd) เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 01:20:22

ความคิดเห็นที่ 53 เอ้าสวัสดีคุณ tonmelb เป็นไง happy ending กับแฟนแล้วยัง แหมเล่นถามยังงี้เดี๋ยวคุณชวดโอกาสสาวๆแถวๆนี้ที่กำลังเล็งๆคุณอยู่หรอก... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 01:49:19

ความคิดเห็นที่ 54   เก่งกันจังเลยจ๊ะ... ว่าแล้วว่ามันแบ่งได้เป็นสองพวก คือพวกล๊อกอินที่โพสบ่อยๆ ในนี้ ผู้ซึ่งมากไปด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ ประสบการณ์ช่ำชอง บางท่านก็จบจากเมืองนอกเมืองนา บางท่านก็เรียนอินเตอร์ ซึ่งก็ถือได้ว่ามีฐานะ มีสิ่งต่างๆ ที่จะเอื้ออำนวยให้ฝึกภาษาอังกฤษสบายๆ ทั้งจากหนังสือเรียน อินเตอร์เน็ท หนังซีรียส์ ส่วยอีกพวกหนึ่งก็คนธรรมดานี่แหละ ไม่ได้เก่งอังกฤษอะไรหรอก แต่ดันเกิดมาบนโลกที่ทุกอย่างรอบตัวเป็นภาษาอังกฤษ กับยุคค่านิยมที่ว่าภาษาอังกฤษเปรียบดังแสงสว่างนำทางไปสูการงานที่ดี อนาคตที่ดีเหมือนคุณล๊อคอินข้างบนๆ ที่เข้ามาตอบ ไอ้เราก็เงินไม่ค่อยมี เมืองนอกก็ไม่ได้ไป ตังจะซื้อซีรียส์เป็นชุดๆ ก็ไม่มี แพงเหลือเกิน ค่าตัวหนังเดี๋ยวนี้ก็แพงๆ ขึ้นเอา แถมเจอพวกไร้มารยาทในโรงหนังอีก ขนาดมาพิมพ์นี่ยังต้องมาร้านเน็ทข้างบ้าน อยากมีโอกาสดีๆ เหมือนลูกคุณหนูหน้าปากซอยที่เรียนอินเตอร์คนนั้นบ้างจัง นอนดู CSI, Gossip girls, Desperate housewife ยันซีรียส์เกาหลีมาเล่าให้เราฟังฉอดๆ สนุกอย่างงั้นอย่างงี๊ ทีนี้ ทำไงดีล่ะ พอมีเงินเก็บหยิบมือเท่านี้ อื้ม.... จะซื้อ CSI ดี หรือไปลงเรียนคอร์สดีน๊า อิหนังนี่ซื้อมาเปิดวนเวียนๆ ฟังก็ฟังได้แต่สำเนียง จับความไม่ได้หรอก ยังไม่เก่งพอ วิทยายุทธไม่ได้แกร่งกล้าพอแบบคนแถวนี้ เอาวะ ที่นี่แหละ โรงเรียนกวดวิชานี่แหละ ก็ดีด้วย ปูพื้นฐานให้เราด้วย เอ้อ...เนอะ มาเรียนๆ ไป ไอ้กฎ 25 ข้อเนี่ย เว่อร์เนอะ จะบ้าหรอ รู้แค่นี้ถึงกับเป็นเทพภาษาอังกฤษ ก็ไม่ใช่ซักหน่อย อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามองภาพภาษาอังกฤษได้กว้างๆ ขึ้น จากที่ไม่ค่อยรู้อะไรเลย ม.ปลายๆ ก็โง่ๆ อังกฤษ ไม่ได้เรียนคอนแวนต์ โรงเรียนระดับ top 10 หรือนานาชาติ พูดก็ไม่ได้พูดกับใคร อาจารย์ก็ไม่ได้จบเมืองนอกเมืองนา สอนภาษาอังกฤษยังสำเนียงแหลงใต้อยู่เลย มาเจออิตาครูนี่ ถึงแม้จะขี้โม้ไปบ้าง แต่ก้เนอะ อย่างน้อยก็ได้ผลขึ้นมาบ้าง ส่วนใครจะต่อยอดอะไรไป ทีนี้แหละพอพื้นเริ่มได้แล้ว จะฝึกดู CSI ให้ฉ่ำซักสิบรอบก็สบาย พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง จะดูแข่งยัยคุณหนูที่เรียนอินเตอร์หน้าปากซอยนั่นเลย... รู้สึกตื่นเต้นใจจังโดนหาว่าเป็นม้าฮี้กั่บๆ ก็แค่คนโง่อังกฤษมากๆ พอไปเรียนแล้วพื้นฐานมันดีขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น พอมาเล่าให้ฟังว่าเอ้อ มันก็ดีขึ้นนะ จะควายน้อยที่อยากเป็นคนเพราะฉลาดขึ้นมามั่ง กลายเป็นม้าซะงั้น 555 เราว่าคุณ fortuneteller ก็เห็นตอบมาหลายกระทู้ ร่ำว่าอยากจะสอนๆๆๆ ใจจะขาด เพราะคงทนเห็นความโง่อีเดียทในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยไม่ได้ ก็น่าจะเปิดโรงเรียนด้วยซะเลยนะ นี่... อย่าลืมวงเล็บด้วยนะ จากล๊อคอินกูรูภาษาอังกฤษเว็บไซด์ดัง พันทิพ เชื่อเหอะ .... คุณได้รวยตอนแก่แน่นอน เผลอๆ ดังกว่าครูเคทนั่นอีก ส่วนถ้าจะมาบอกว่าก็ไปอ่านตามบล๊อคดูสิ อื้ม...คงไม่ไหวอ่ะ เพราะคุณเองใช้ภาษาไทยไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ คือแบบ... น้ำท่วงทุ่งอ่ะ อ่านแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง แนะนำว่าอย่าเขียนหนังสือสอนภาษา สงสารคนตรวจทาน เดาว่าคุณคงพูดเก่ง ปากไปไวกว่าหัว .... แต่ถ้าพูดน้ำท่วมทุ่งเหมือนเขียนอีกเนี่ย ตัวใครตัวมันจ๊ะ ปล. ขอโทษทีบางประโยคใช้ภาษาแบบ อารมณ์ภาษาพูด ปล.2 เรายอมรับว่าเราโง่ภาษาอังกฤษนะ แต่ถ้าเราเก่งเราก็จะพยายามโชว์พาว อวดรู้ จิกกัดดูถูกนิดๆ ให้น้อยที่สุด อิจฉาคนเก่งๆ เนอะ อยากพูดอะไรก็พูดได้ ปล.3 อยากให้กระทู้นี้เป็นกระทู้แบบ จุดเปลี่ยนการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทย เพราะมีล๊อคอินกูรูท่านดังๆ มาตอบกันพร้อมหน้า ปล.4 กลัวห้องนี้จะเป็นเมืองหลวงแห่งดราม่าแห่งพันทิพไปสักวัน เหมือนเฉลิมไทย ราชดำเนิน ทำนองนั้น ทั้งๆ ที่มันก็มีบ่อยๆ แต่ก็อารมณ์คนละแนสเนอะ จากคุณ : ทิชา เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 01:53:05 A:125.27.45.96 X: TicketID:136517

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านซะปวดตาเลย 555 ใจเย็นๆกันดีกว่าไหมครับ ต่างคนต่างมุมมอง เหรียญมี 2ด้าน ขึ้นกับว่าเราจะมองด้านไหน คุณfortuneteller ก็มีมุมมองที่อยากจะบอกคนอื่นๆ เพียงแต่คำพูดตรงไปบ้าง แต่ก็แฝงด้วยความหวังดีจริงไหมครับ อ่านโดยใช้ความคิดดีกว่าใช้อารมณ์นะครับ จากคุณ : เจ้าหนูขี้สงสัย เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 02:21:36

ความคิดเห็นที่ 56 คคห50 พูดว่า "พอมาเจอ 25กฎ เขาลืมตาอ้าปากได้ ไปต่อยอดได้ เขาเริ่มรักภาษาอังกฤษ ฟังรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ไปสอบได้ สิบกว่าปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับห้าเดือนที่เรียนก็ถือว่าเร็วมากนะคะ ฉะนั้น อย่ายึดติดกับคำนักเลย" ตอบ ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? คุณย้อนกลับไปอ่าน คคห 18 ของเราสิ ที่ว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้นนะ มหาลัยดังๆทั้งในไทยและในต่างประเทศเขาก็โง่กันหมด แล้วก็รู้ไม่ทัน Fast English เรื่องกฎ 25 ข้อ กันหรือยังไงกัน?" คคห50 พูดว่า 3. สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า ไม่มีโรงภาษาอังกฤษที่ไหนเขาจะสอนแค่แกรมม่า ไม่งั้นจะเรียกว่าภาษาอังกฤษได้ไง  มันก็ต้องมีส่วนอื่นอยู่แล้วล่ะเช่น ศัพท์ สำนวนการใช้ภาษา เป็นต้น ตอบ คุณตีความคำพูดเราผิด เราแค่พูดว่า grammar เรียนได้หลายวิธี และกฎ 25 ข้อมันไม่ใช่หลักประกัน 100% ว่าจะใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ที่สมควรจะเอามาชูโรงล่อคนขี้เกียจ ถ้ามันเป็นเช่นนั้นนะ นักภาษาศาสตร์เขาคงคิดอะไรดีๆกว่านี้ขึ้นมาได้ตั้งนานนมแล้ว เพราะเราก็เคยเรียนไอ้กฎแบบนี้ มาจากครูประจำชั้นเราเมื่อตอน ม.1 แต่เรียนๆไปนะ พบว่า "คำศัพท์ภาษาอังกฤษแต่ละคำนี่แหละ ตัวสร้างปัญหา เพราะมันมีพฤติกรรมเฉพาะตัวของมัน ลองย้อนกลับไปอ่าน คคห 33 ของเราสิ ที่สาธิตไว้ให้ดูว่ากะอีแค่คำศัพท์ง่ายๆแค่คำเดียวว่ามันยุ่งยากแค่ไหนกว่าจะพูดได้ถูกเขียนได้ถูก แล้วเผลอๆอ่านไปจะพาลเข้าใจผิดอีกเพราะพอมันเปลี่ยน collocations ไป มันก็เปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆ   คุณใช้ esl dictionaries ไม่เป็น คุณท่องกฎอะไรไป ก็พูดกับเขียนอังกฤษเพี้ยนหมด...คุณอ่านหนังสือภาษาอังกฤษระดับ intermediate รู้เรื่องแล้วตะลุยเปิด esl dictionaries บ่อยๆ น่ะ sure ที่สุด นี่คือ grammar แอบแฝงซึ่งคนไทยเป็นจำนวนมาก ลืมเรียน จะบอกให้"   คคห50 พูดว่า แต่ 25 กฎก็เป็นตัว highlight หรือความเป็นเอกลักษณ์ เหมือนกับรถวอลโว่ก็นึกถึงความปลอดภัยอะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ ตอบ This is surely a false analogy! How on earth can the 25 precious rules be compared with Volvo's safety systems?  Can you please explain? If you can't, I'll tell you: Volvo's safety systems are verified by qualified engineers for proper operation and functionality. The 25 precious rules are not recognized by world renowned linguists. If Noam Chomsky highly recommends the 25 rules, I might believe him.  Now, can you see the difference?   คคห50 พูดว่า จงอย่าด่วนสรุป และอยากจะบอกว่าโรงเรียนสอนภาษาหรือโรงเรียนกวดวิชาก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปนะคะ คุณพี่อาจจะเจอแบบใจร้าย เอาเปรียบ ทำเป็นธุรกิจ แต่อยากจะบอกว่า โรงเรียนดี ๆ ก็ยังมี ตอบ Actually, it is you who jump like a kangaroo to conclusion. You are putting words into my mouth. Go back to read #27 Action replay: Please read between the lines.  I did not say "Don't study at Fast English because it's no good." In fact, I said "Fast English may teach you something good, but the decision to study there must not rest upon the overemphasis on the 25 precious rules." แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 21:49:00 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 04:26:53 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 02:40:51

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นเอามากนะ คคห 54 TicketID:136517 น่ะ...เข้ามาค่อนแคะพูดจาระรานคนหลายๆคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย เช่นพวกเรียนอินเตอร์ เรียนเมืองนอกเมืองนาเนี่ย ...ทีแรกเราโต้ตอบคุณไปแรงๆ แล้วเราต้องลบออก เพราะสงสารคุณ คือเราไปค้นพบความจริงว่า "ทำไมคุณถึงฟุ้งซ่านขนาดหนัก"... ก็เลยยอมอ่อนข้อให้คุณน่ะ... ลองไปอ่าน คคห ต่อไปดิ... แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 05:51:31 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 03:25:31 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 03:20:46

ความคิดเห็นที่ 58 อ๋อรู้คำตอบแล้วหละว่าทำไม คุณ คคห54 TicketID:136517 ถึงมีความกดดันอัดอั้นตันใจนัก ถ้าอยากรู้ว่าเพราะอะไรก็ไปอ่านกระทู้นี้สิ http://pantip.com/cafe/siam/topic/F8732026/F8732026.html เจ้าของกระทู้ใช้ชื่อ foolish ก็ใช้ TicketID:136517 เธอกำลังแอบหลงรักใครคนหนึ่งจนถึงกับฟุ้งซ่าน เขียนจนน้ำท่วมทุ่ง เลยหละ อ่านแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเหมือนกันนะ...555+++... แ่ต่เที่ยวไปว่าคนอื่นเขาว่า "คงไม่ไหวอ่ะ เพราะคุณเองใช้ภาษาไทยไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ คือแบบ... น้ำท่วงทุ่งอ่ะ อ่านแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง แนะนำว่าอย่าเขียนหนังสือสอนภาษา สงสารคนตรวจทาน เดาว่าคุณคงพูดเก่ง ปากไปไวกว่าหัว .... แต่ถ้าพูดน้ำท่วมทุ่งเหมือนเขียนอีกเนี่ย ตัวใครตัวมันจ๊ะ" รู้แล้วถึงต้องไปเรียนกฎ 25 ข้อเพื่อระงับประสาทตัวเองนิเอง...ไอ้ความไม่สมหวัง ก็เลยทำให้อารมณ์บูดบึ้งหาเรื่องระรานชาวบ้านเขาไปทั่ว "แทนที่จะมองโลกในแง่บวก แล้วแต่งตัวให้สวยๆ sexyๆ แล้ว ใช้ The Law of Attraction ดึงดูดผู้ชายดีๆให้เข้ามาในชีวิตได้ใหม่อีก" ... จะบอกให้นะว่า Like attracts like. ..................................................................... แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 06:17:09 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 06:16:19 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 06:04:50 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 05:47:01 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 05:38:55

ความคิดเห็นที่ 59 จริงๆแล้ว TicketID:136517 นี้โครตมีหลายชื่อเลย สงสัยจะเป็นพวกความจำเสื่อม สมองไม่อยู่กับร่องกับรอย จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง แล้วยังเที่ยวไปหาว่าคนอื่นเขียนหนังสืออ่านไม่รู้เรื่องอีกด้วย   แล้ว TicketID:136517 นี้ ก็รู้สึกว่าจะเก่งหลายภาษาเสียด้วยดิ ไปดูสิกระทู้นี้ชื่อ mankind (คคห 12) เก่งหลายภาษาเสียด้วยดิ ทั้งสเปน ทั้งรัสเซีย รู้เรื่องไปหมด สงสัยจะเป็นอัจฉริยะทางด้านภาษา มาแกล้งถ่อมตน ทำเป็นโง่และยากจนต้องไปเรียนกฎ 25 ข้อกับโรงเรียนสอนภาษาราคา "แพงๆ" จะได้หาเรื่องด่าคนอื่นเล่นๆได้ เอ้าไปอ่านเรื่องความรอบรู้ได้ืัที่นี่ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5073238/K5073238.html อีกกระทู้หนึ่่งกลายเป็นชื่อ ดราม่านะเธอว์ (คคห 4)แสดงความเห็นเรื่องศึกน้ำลายใน pantip ได้ดี สงสัยจะชอบศึกน้ำลายเหมือนกัน ทำไม่ไม่คิดบ้างล่ะว่า Make love not war. เอ้าไปอ่านความเก่งได้ที่นี่ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8745312/A8745312.html อันนี้กลายเป็นชื่อ อะดีน ดะวา ตรี (คคห 17)  แสดงความเก่งเรื่องภาษาอีกเหมือนกัน "ทีตัวเองหละแสดงความเก่งได้ แล้วก็น้ำท่วมยอดเขาเลย ไม่ใช่ท่วมแต่ทุ่งนะ..." แต่คนอื่นพูดอะไรมา ก็เกิดอาการหมั่นไส้เขาไปซะหมด อย่างนี้นะ นอกจากจะความจำเสื่อม จำกระทั่งชื่อตัวเองไม่ได้ ตัวเอง heartbreak แล้วตามด้วยอาการ eq ละลายหายไปหมดอีกด้วย...เฮ้ออาการน่าเป็นห่วง ตามไปอ่านเรื่องความเป็นอัจฉริยะทางด้านภาษาได้ที่นี่   http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5287047/K5287047.html นี่ถ้ายังดันทุรังทำศึกน้ำลายกับเราละ "ไม่กลัวจะยิ่งฟุ้งซ่านหนักไปกว่านี้อีกหรอกหรือ?" เพราะว่าเรายิ่งแก่ตัวก็ยิ่งสติสัมปชัญญะดีเยี่ยม ความคิดความอ่านเฉียบไว ไม่ฟั่นเฟือน...แถมยังหน้าตาดีเยี่ยมอีกด้วยนะ จะกระซิบบอกให้... โถๆๆๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมานะ ทูนหัว...เห็นทีเราจะต้องคุยกับคุณ sweetly แล้วสินะ เห็นด่าว่าเราแก่ แต่เห็นตัวจริงเราแล้วคุณจะทึ่งว่าเราน่ะ หน้าตา good looking แค่ไหนนะ ทาบรัศมีดาราวัยรุ่นได้สบายๆเลยหละ คุณจะลืมเรื่องอกหัก แล้วหายจากอาการความจำเสื่อมเลยหละ...ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.... ถ้าไม่เชื่อก็ลองปิดประกาศถามสมาชิก pantip ท่านเดียวแถวๆห้องสมุด ที่เคยเห็นหน้าตาเรา version ล่าสุดหลังจากเีราฝึกคัมภีร์โบราณของนักพรตเต๋าได้สำเร็จดิ ว่าหน้าตาเรา แบบวัยเอ๊าะๆ sexy สุดๆ.. . เดินเหิน และคิดอ่านว่องไวปราดเปรียวแค่ไหน...เหอๆๆ... แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 06:35:01 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 06:23:09 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 06:20:11

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาคาราวะคุณพ่อของคุณ ดำ (documents_dd) คห.52 จากบ๋อยสู่ CEO เป็นอีกหนึ่งในตำนาน ขอให้ท่านมีสุขภาพดี ตลอดปีใหม่นี้ และตลอดไปนะครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 06:23:11

ความคิดเห็นที่ 61 ^ ^ สวัสดีลูกพี่ นั่นน่ะสิ ต้องขอคารวะคุณพ่อของคุณ ดำ (documents_dd) คห.52 ด้วยเหมือนกัน   ช่างไม่ธรรมดาเลย จริงๆด้วยสิ ขอร่วมอวยพรท่านให้มีสุขภาพดีตลอดไปด้วย จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 06:41:40

ความคิดเห็นที่ 62   อื้มเนอะ... เราไปพูดจาเกะกะระรานใครตรงไหนอีกหรอเนี่ย ที่ๆ เราต้องการจะสื่อตรงนั้นก็คือ คนที่เรียนอินเตอร์ เรียนเมืองนอกมา ได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่ทุกวัน หรือมีเงินที่จะซื้อพวกหนังมาดู มาฝึกบ่อยๆ มีอินเทอร์เน็ทไฮสปีดใช้ พวกเขาก็เลยเก่งภาษาอังกฤษไงล่ะ แต่คนที่ไม่ได้มีเงินมากอย่างเรา แถมภาษาอังกฤษยังดักดาน เราก็อยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ก็มาเรียนพิเศษ อย่างน้อยเราก็จับพื้นฐานที่เค้าสอนมาได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อยอดนี่ก็แล้วแต่ ก็แค่นั้นเอง ... ก็เหมือนที่คุณ fortuneteller ที่ตอนแรกเหมือนไปตัดสินว่าคนที่ไปเรียนแล้วบอกว่าดีนะ อะไรแบบนี้เป็นหน้าม้านี่แหละ แล้วก็ค่อยมาอธิบายทีหลังๆ ว่าก็แค่บอกว่ากฎ 25 ข้อมันเป็นไปไม่ได้ ต้องฝึกๆ ก็เท่านั้น โหย... นี่นอกจากเป็นหมอดู แล้วก็ยังเป็นนักสืบเหมือนกันหรอ ส่วนเรื่องมีหลายชื่อ และรู้หลายภาษาอันนี้ไม่เถียง จริงๆ รู้หลายภาษาก็ดีนะ เพราะตัวเองก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ เราก็ลองเรียนภาษาอื่นๆ หลายภาษา ค้นหาความชอบตัวเองไปเรื่อยๆ น่ะ ส่วนเรื่องความรัก .... ก็แค่ช่วงนี้มันไม่สมหวังเท่านั้นแหละ แต่คิดไปคิดมาแล้วตอนนี้เราไม่สนใจมันซักชั่วขณะดีกว่า ฟุ้งซ่าน ให้แต่งตัวให้สวยๆ sexyๆ แล้ว ใช้ The Law of Attraction ดึงดูดผู้ชาย .... โอย... ไม่ไหวๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ส่วนศึกน้ำลายบนนี้ ไม่เอาหรอก เรามันบัตรผ่านกระจิดริต เถียงสู้ล๊อกอินใหญ่ไปก็เท่านั้น แถมไม่เก่งภาษาอังกฤษเท่ากูรูในนี้ ไม่เข้าพวก มีหวังก็โดนพวกคุณรุมน่ะสิ แถมดูถ้าทางเอาเรื่องซะด้วย ขนาดตามเสิร์ชไอดีกันเลย จริงๆ เราก็แต่งนิยายไว้นะ รู้งี๊เอานิยายที่แต่งมาลงในเว็บนี้ให้คุณตามเสิร์จดีกว่า เป็นการโปรโมทไปด้วย อิอิ และก็... แค่นี้เว็บพันทิพมันก็เสื่อมลงทุกวันๆ อยู่แล้ว มีแต่คนทะเลาะกันๆ มากเกินไป ส่วนเรื่องการใช้ภาษาไทยของคุณ ก็มันน้ำท่วมทุ่งจริงๆ นี่นา จากคุณ : ทิชา เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 09:59:38 A:118.172.193.56 X: TicketID:136517

ความคิดเห็นที่ 63 เด็กอินเตอร์ร้อนตัววุ้ย (อา...บ้านเรามันท้ายซอย แถมเป็นเด็กป่วน หาใช่คุณหนู) ไอ้เรามันเด็กอินเตอร์จำพวกเอ๋อๆเสียด้วย ไม่ได้เป็นคุณหนูไฮโซถือBBแบบเพื่อน สำเนียงภาษาก็ได้มาด้วยความดัดจริตในตัว เราว่าภาษาเรามาได้ด้วยความขยัน กับสิ่งแวดล้อมที่มาบีบเอาตอนมหาวิทยาลัย เหมือนสภาพการเอาตัวรอด บ้านเราพ่อแม่ไม่ให้เรียนพิเศษภาษาอังกฤษเลย ตั้งแต่เด็กมา อิจฉาเพื่อนที่ได้ไปเข้าค่ายที่ออสเตรเลีย หรือมาเข้าค่ายภาษาอังกฤษที่โรงเรียน ขนาดตอนซัมเมอร์พ่อแม่ก็ไม่ได้ให้เรียน ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษเราป้อแป้มาก แต่พ่อแม่ก็ไม่มีเงินขนาดนั้น ญาติๆเขาส่งลูกไปนอกโครมๆ กลับมาพูดอังกฤษได้ ไม่ยอมให้เราใช้กระทั่งพจนานุกรมอิเล็คทรอนิค บอกว่าไม่จำเป็น พ่อยื่นหนังสือว่าด้วยการสร้างภาพยนตร์ กับพจนานุกรมมาให้ตอนเราอายุ 10 บอกว่า "ถ้าอยากทำหนังเหมือนจอร์จ ลูคัส ก็ต้องอ่านไอ้นี่ให้ได้ก่อน" เด็ก10ขวบที่กำลังบ้าสตาร์วอร์แบบเข้าเส้น อย่างเรามันฝันอยากเรียนนอกเลยเริ่มสนใจเรียน ท่องศัพท์ ไปคุยกับครูต่างชาติ เด็กคนอื่นกลัวครู กลัวพูดผิด เรากล้าจะพูดอยู่คนเดียว ตอนม.ต้นขอพ่อแม่ไปเมืองนอกเขาก็ไม่ยอม และยังมีประกาศิตจากในบ้านเลยว่า "ไม่ให้ไปเรียนนอกเด็ดขาด" (อ้าว แล้วไอ้ที่เราพยายามจนพลิกเกรดจาก 0 มา 4 ได้ล่ะ!!) ขนาดจะสอบเอาทุนต่อต่างประเทศ หรือแลกเปลี่ยนอย่าง AFS พ่อแม่ยังห้ามสมัครเลย เพื่อนๆไปกันก็ได้แต่มองเขาไป ตอนเรียนม.ปลายถึงได้เรียนพิเศษกับเขาบ้าง ไอ้พวกวิธีลัดๆอะไรนี่ก็มีประโยชน์นะ แต่ที่ดีที่สุดคือ ที่ที่เขาสอนทั้งหลัก และลัด ลัดไม่ใช่ว่าจำๆแค่ลัดๆไว้ใช้แล้วลืม แต่เขาสอนให้เข้าใจและมีเทคนิคการจำ ด้วยความเข้าใจว่าเด็กไทยมีโอกาสน้อยมากๆที่จะสัมผัสกับภาษาอังกฤษ สำหรับเรามันไม่ใช่ทางลัด แต่เป็นทางด่วน ที่ช่วยให้ไปได้ดีขึ้น เราไม่มีอคติต่อการเรียนภาษาใดๆ ทำให้รู้สึกดีกับการเรียน เราล้างความรู้สึกกลัว หรือหน้าบางทิ้งไปเรียบร้อย เราไม่ได้เก่งกว่าใคร แต่อาจขยัน + มานะ มากกว่าหลายคน กว่าจะก้าวมายืนตรงนี้ได้ก็เจ็บปวดมามาก a/the แยกยังไม่ออกเลยว่าจะใช้อันไหนดี ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตนได้ หากผู้เรียนภาษาอังกฤษเริ่มต้นด้วยความรู้สึก กังวล กังขาความสามารถตัวเอง ต่อให้ยอดกว่า Fast English หรือได้เรียน British Council หรือบินไปเรียนที่อังกฤษ ไงๆมันก็ไม่มีวันเข้าถึงภาษาได้เต็มที่ แต่พอละกลัว ละกังขา และมีมานะ จะจานด่วน จานไหน มันก็อร่อย  อิ่มได้ (ลิ้นจระเข้ไปเลย) จากการได้พบได้เห็นคนเรียนFast English ตำราของเขาสำหรับเราถือว่าธรรมดาๆ เปรียบเป็นจานด่วนที่อาจจะพิเศษที่รสดีที่ช่วยให้คนรู้สึกอร่อย อิ่ม มีแรง  และทำให้รู้สึกดี เราว่ามันก็โอเคนะ ถ้าทำให้คนรู้สึกดีกับการเรียนภาษาอังกฤษได้ มีความมั่นใจ แต่ก็อยากให้ผู้เรียนมีการต่อยอดเรียนรู้ให้มากขึ้น จากนั้นก็จะใช้ได้คล่อง ไม่ใช่ว่าแค่เอาไปสอบๆแล้วก็ลืม ภาษาไม่ใช่สิ่งที่เป็นได้เป็นเร็ว แต่ "ชินได้ยิ่งดี" มันเป็นการตลาดที่ต้องโฆษณาให้คนอื่นเห็นว่ามีดีอะไร พยายามเอาจุดเด่นออกมาแสดงให้ได้มากๆเพื่อจะได้มีคนมาเรียน และแตกต่างจากคู่แข่ง FE ทำให้มีคนผูกพัน และรัก สำหรับธุรกิจ หรือองค์กรถือว่าสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีดีก็คงไม่มีคนมาปกป้อง ได้ยินก็คงปล่อยผ่านไป ทางลัด มันไปถึงได้ไว แต่ต้องไม่ลืมว่า ลัดก็คือลัด ถ้าลัดไม่เป็นก็ล่ม แต่ถ้ารู้ทั้งลัด เป็นทั้งหลัก เจ้าหลักนี่แหละที่เราจะพลิกแพลงได้มากกว่า จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 13:26:38

ความคิดเห็นที่ 64 ... ไปคุยกับครูต่างชาติ เด็กคนอื่นกลัวครู กลัวพูดผิด เรากล้าจะพูดอยู่คนเดียว ... จากคุณ : kurika ------------------ ปรบมือให้ดังๆ เลยครับ ผมก็ลุยแหลกมาแบบนี้แหละ ทั้งฟัง-พูด-อ่าน-เขียน รับประกันว่าได้ผลแน่นอนครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 14:14:53

ความคิดเห็นที่ 65   คุณนี่มันแมนจริงๆ นะ คุณหมอดู คุยกันเรื่อง ภาษาอังกฤษอยู่ดีๆไปลากเรื่องอื่นมาว่าเค้าซะงั้น คุยอะไรให้มันอยู่ในประเด็นหน่อย ผมเห็นคุณตอบ ก็ไม่เห็นตรงประเด็นซักเท่าไหร่ อ้อมไปอ้อมมา เขียนเยอะแต่ไม่ได้ใจความ ก็เข้าใจแหล่ะ ว่าคุณก็เก่งภาษาอังกฤษ แต่อย่าไปมีอคติกับโรงเรียนนี้นักเล้ย ปาก ก็บอกว่า ไม่ได้ด่า โรงเรียน แต่อยากจะว่าเรื่อง 25 กฎ ของโรงเรียน แล้วมันต่างกันตรงไหนวะเนี่ย ตอบแบบต้องมาแปลไทยเป็นไทยอีกที อ้อ ลด ego ลงหน่อยก็ดีนะ เดี๋ยวเครียดตายเปล่าๆ เอาแต่อวดอ้างว่าข้าเจ๋งข้าแน่ มันไม่ดีหรอกครับ โลกนี้ มีอะไรที่คุณและเรายังไม่รู้อีกเยอะ จากคุณ : เบื่อ หมอดู เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 14:51:43 A:168.120.43.179 X:

ความคิดเห็นที่ 66 อย่าโกรธเราเลยนะคะ เราเห็นด้วยกับคห. 50 ข้อ 1 มากเลยอ่ะ ทราบว่าหวังดี แต่วิธีการสื่อสารมันน่ากลัว อ่านแล้วเครียดจัง (- -") จากคุณ : TC (Helianthus annuus) เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 15:41:48

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหมอดูต้องเอาเรื่องอื่นมากว่าคุณทิชาด้วยละคะ นิสัยอย่างนี้ถึงจะเป็นผู้เชียวชาญด้านภาษายังไงคงไม่ไหวมั้งคะ เฮ้อออ อนาจ จากคุณ : เบื่อเจ้าของกระทู้ (ffon_wsm) เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 16:38:52

ความคิดเห็นที่ 68 ใจเย็นๆๆค่ะ จากคุณ : แนนนี่โกะจัง เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 17:26:07

ความคิดเห็นที่ 69 ก่อนที่กระทู้มันจะลามเละเทะไปเรื่องอื่น ลองกลับไปอ่านเนื้อความที่หัวกระทู้โดยเฉพาะบรรทัดแรกดีๆ นั่นแหละที่คุณน้าหมอดูเค้าจะสื่อ "คนไทยหลายๆคนไม่ชอบออกแรงเรียนภาษาอังกฤษอย่างหนัก และไม่ตระหนักว่า การเรียนภาษากว่าจะเก่งได้ต้องใช้เวลาหลายสิบปี" การตลาดแบบนี้มันจะยังอยู่ได้ต่อไปในทุกวงการตราบไทยที่คนไทยยังไม่เลิกพฤติกรรม "ไทยมุง" แบบที่ว่าโรงเรียนกวดวิชาที่ไหนดังก็แห่กันไปเรียน เห็นใครทำอะไรตูต้องแำห่ไปทำกะเค้าด้วย จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 17:53:45

ความคิดเห็นที่ 70 เข้าใจเจตนาของคุณ จขกท นะคะว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่อย่างที่หลายความเห็นว่า คนที่เค้าไม่กระดิกหูภาษาอังกฤษมาก่อน แค่ได้รู้และเข้าใจกฏพื้นฐานของไวยากรณ์ไม่กี่ข้อเค้าก็ดีใจแล้วอ่ะค่ะ ส่วนที่คุณไปหาเรื่องเก่าของบัตรผ่าน 136517 มาแปะไว้ เราตามไปอ่านแล้วก็เห็นว่าเป็นการตอบกระทู้ธรรมดานะคะ อย่างน้อยก็ดูไม่เหมือนการโชว์พาวทางภาษาสำหรับเราน่ะค่ะ แล้วเราก็คิดว่าเรื่องที่เค้าเคยโพสต์ไม่เกี่ยวอะไรกับประเด็นที่พวกคุณกำลังเถียงกันอยู่เลย ยังไงเอาแค่ประเด็นในกระทู้นี้ดีกว่ามั้ยคะ จากคุณ : เมฆก๊าซในกลุ่มดาราจักรวังน้ำวน เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 18:29:43

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่เห็นด้วยกับจขกท. ส่วนตัวเป็นคนมีทักษะภาษาอังกฤษแต่กลางๆ พูด-ฟังพอได้ อ่าน-เขียนพอสบาย ได้มีโอกาสลงคอร์ส FE สั้นๆ เข้าเรียนไม่เข้าบ้างเพราะเบื่อผู้สอนช่างโม้ แต่ก็รู้สึกว่าเขาสอนโอเคนะ และก็อย่างที่หลายๆความเห็นว่าไว้ สำหรับคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่มี ไม่ได้เลยนั้น กฎ 25 ข้อทำให้เขามองเห็นภาพของการใช้ประโยคภาษาอังกฤษได้บ้าง เขาก็ดีใจมากแล้ว สุดท้าย ขอออกตัวว่าไม่ใช่หน้าม้าฮี้กั่บๆแน่ๆ ตัวเราเองยังไม่ค่อยจะพึงใจอาจารย์เลย คนอะไรโม้เก่งเป็นบ้า เวลาสอนสองชั่วโมงเสียเวลาบ้าน้ำลายเป็นชั่วโมง แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 19:43:05 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 19:41:34

ความคิดเห็นที่ 73 คห.71 ของคุณแมวเหมียวพุงป่องหายไป น่าจะติดคำต้องห้ามนะครับ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 19:42:41

ความคิดเห็นที่ 74   ขอนอกเรื่องนิดนึง ความรักดีวันดีคืน ขอบอก ๆๆครับพี่หมอดู ครั้งนี้ระฆังวิวาห์ ข้าน้อยได้ยินมาเเว่ว ๆ คุณแอ๊ด ปากเกร็ด คุณหนุ่มไทยไร้นาม ก็อวยพรเเล้ว ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ท่านผู้อ่านครับ กระผมเองยังโดนเลย เเต่มาคิดๆเเล้ว ผมเองก็เขียนไม่รู้เรื่อง เเต่ยังอุตส่าห์เขียนอีก เเถมมั่นใจเต็ม 100 กับภาษาตัวเอง เลยโดนเลย 5555555555555555555555555 เเต่ก็นั่นเเหละ ไม่ได้โกรธอะไรพี่เเกหรอก +อ่านคำเเนะนำของคุณแอ๊ด ปากเกร็ด ก็เข้าใจ ถ้าดีจริง ความดีคงปรากฏ ณ วันนี้เลยไม่กล้าไปเปิด English workshop เลย 5555555555555555 จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 20:22:30 A:203.209.118.122 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 75 เรียนคุณ fortuneteller ถ้ามีอะไรที่ทำให้ขุ่นเคือง  ขอให้อภัยให้ผมด้วย เพราะผมถือว่าคุณเป็นอาจารย์ของผมคนนึง และขอให้มองว่าติเพื่อก่อนะครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับ ว่าผมได้ประโยชน์หลายอย่างจากหลายๆ กระทู้ที่คุณ fortuneteller แนะนำเรื่องภาษาอังกฤษ  และเห็นด้วยสุดใจว่าคำแนะนำจำนวนมากของคุณมันมีประโยชน์  และผมติดตามกระทู้คุณเสมอ ผมไม่ใช่หน้าม้า ไม่เคยเรียน FE  แต่ในเรื่องการโจมตีกฏ 25 เนี่ย ผมเห็นคุณโจมตีเค้ามามากแล้ว และผมคิดว่าสิ่งที่คุณทำ มันไม่เป็นธรรมกับเค้าครับ คนที่ไปเรียนภาษา จะได้มากได้น้อย ก็ขึ้นกับความขยันส่วนตัวของเค้า เพราะการเรียนภาษาเป็นเรื่องของทักษะ ไม่ใช่ความฉลาด ฝึกมากได้มาก ฝึกน้อยได้น้อย   แต่ระบบการศึกษาของบ้านเรา มันทำให้คนจำนวนไม่น้อยล้มเหลวกับการเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งเพราะความขี้เกียจ หรือหลักสูตรที่ไม่ได้เรื่อง  ผมก็เช่นกัน เรียนจนจบ ป โท ยังแยกความแตกต่างของ V  adj adv ไม่ได้เลย  ต้องไปเรียนบ้าง ฝึกเองหนัก ๆ บ้าง  จากติดลบ  เพราะความรู้ภาษาตอนโต เหมือนจะแย่กว่าตอน ป 6  จนพอจะสอบผ่านเกณฑ์มาต่างประเทศได้  แม้ยังใช้การไม่ได้ดี  แต่ก็พอถามทางหรือซื้อของกินได้  ผมเรียนภาษาอังกฤษเพื่อต้องการให้ใช้สื่อสารได้เท่านั้น ไม่ได้หวังจะต้องเข้าใจลึกซึ้ง หรือใช้ได้อย่างไม่มีที่ติ แต่ถ้าได้แบบนั้นคงดีมาก ๆ จะได้อ่านหนังสือเข้าใจง่ายกว่าตอนนี้ เพื่อนๆ คุณที่เก่งภาษา เพราะเค้าชอบ เค้ามีความสุขที่จะเรียนจะฝึก  เค้าก็ต้องเก่งในสิ่งที่ชอบ  แต่เค้าก็อาจจะซ่อมรถไม่ได้  ทำกับข้าวไม่เก่ง  ความชอบแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน คนไปเรียน FE ได้กฏ 25 ข้ออะไรนี่  บางคนจากไม่รู้เรื่องภาษาเลย ก็อาจจะเข้าใจหลักของภาษามากขึ้น  มีกำลังใจศึกษาต่อไป ก็ดีแล้วนี่ครับ 25 ข้อนี่ มันแค่จุดเริ่มต้นของการเข้าใจภาษาอังกฤษของเค้า ก็น่าจะสนับสนุนไม่ใช่หรือ มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของใครบางคนจนเค้าต่อยอดไปได้  บางคนอาจจะล้มเหลว ก็เพราะเค้าไม่ขยันพอ ไม่มานะพอ ต่อให้สถาบันสอนภาษาที่ไหน ก็จะมีทั้งคนที่ล้มเหลวและสำเร็จทั้งนั้น 25 ข้ออะไรนี่ เป็นแค่วิธีการในการโฆษณาของเค้า   เราเจอคำโฆษณาอวดอ้างเยอะแยะในชีวิต ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็มีวิจารณญาณพอที่จะเลือกได้ครับ  และการเลือกที่เรียนภาษาที่อาจจะไม่เหมาะกับตัว มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดคอขาดบาดตายครับ และไม่ว่าจะล้มเหลวขนาดไหน แต่ก็คงได้ทักษะหรืออะไรติดตัวไปบ้าง และผมเห็นคุณไปหาว่าคนที่เค้าแขวะคุณไปตอบกระทู้อะไร เอาเค้ามาแขวะต่อ ผมไม่เห็นด้วยครับ  มันแสดงให้เห็นความเจ้าคิดเจ้าแค้นมากเกินไปครับ คุณแขวะเค้า เค้าไม่พอใจแขวะกลับมา คุณทนไม่ได้ ไปหาว่าเค้าไปตอบอะไรที่ไหน เอาเค้ามาว่าต่อ  มันไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ  ทำให้ถูกมองลบเองเปล่าๆ เนื่องจากผมตามกระทู้คุณมานาน เพราะมันมีประโยชน์มาก แต่ก็ทำให้ผมมองตัวตนของคุณในมุมของของผมซึ่งอาจจะผิดก็ได้  ว่าคุณเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงมาก  หวังดีต่อผู้อื่นเสมอ  ซึ่งน่ายกย่องมากครับ แต่อาจจะไม่เข้าใจธรรมชาติความอ่อนแอของมนุษย์  ความขี้เกียจและการรักความสบาย  จนคุณอาจจะดูถูกคนเหล่านั้นไปโดยไม่รู้ตัว จนลืมมองมิติอื่นๆ ด้านดีๆ อื่นๆ ของเค้าไปได้ คุณเคยบอกเรื่องความล้มเหลวในการสอนภาษาของคุณในอดีต  ลองมองกลับไปบ้างว่ามันอาจจะเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจธรรมชาติของคนเรียนหรือเปล่า  บางคนต้องการกำลังใจมากๆ  ซึ่งบางครั้งกำลังใจต้องมาจากการโฆษณาชวนเชื่อด้วย  ถ้าไม่ให้กำลังใจมากๆ คนธรรมดายากที่จะสร้างความมานะในการเรียนได้ด้วยตัวเองครับ สุดท้ายขอแนะนำว่า ไม่ต้องไปโจมตีที่ไหนหรอกครับ เค้าจะโฆษณายังไงก็ปล่อยเค้าไป  ถ้าขวางหูขวางตามาก ก็อาจจะไปแนะนำเพิ่มเติมว่า ไอ้ที่โรงเรียนภาษาต่างๆ โฆษณานั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้น  ภาษาเป็นเรื่องของทักษะ ไม่ใช่ความฉลาด วิธีเดียวที่จะเก่งได้คือฝึกและใช้มันเยอะๆ เท่านั้น จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 20:48:04

ความคิดเห็นที่ 76 Well lurking in the shadow, I'm khun fortuneteller's huge fan. But I prefer to go unnoticed and to be a good reader.   In my view, what he said about Fast English is undoubtedly true. The 25 rules are only discrete formulas set to lure those who are hungry for the rapid way of acquiring the skill without investing much. And it will be likely to end up on the easy comes, easy goes basis. According to khun Fortuneteller, Internet is the best source of learning English. Not only are all materials there, you can also learn English around the clock free of charge. I browse through the comments he has given in a number of gratoos, and find that they are all applicable and easy to follow. Now my colleagues said my English proficiency has improved a great deal. Thanks for all your effort and sharing ka แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 21:09:29 จากคุณ : grippy (grippy) เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 21:04:41

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบ เบื่อหมอดู #65 ที่ว่า คุณนี่มันแมนจริงๆ นะ คุณหมอดู คุยกันเรื่อง ภาษาอังกฤษอยู่ดีๆไปลากเรื่องอื่นมาว่าเค้าซะงั้น เบื่อ หมอดู ตอบ คุณกล่าวหาแบบไม่เป็นธรรม คุณ TicketID:136517 ใช้ถ้อยคำรุนแรงกับเราก่อน แล้วไประรานเด็กอินเตอร์ กับคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย คุณทำไมไม่ "ชูประเด็นนี้ล่ะ" ได้แต่ "ชูประเด็นแง่ลบของเรา"  เราตอบแบบหยอกล้อ ไม่ใช่หยาบคาย  ทั้งๆ ที่ คุณ TicketID:136517 ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพกับเราก่อน  การอ้างความเป็นแมนแบบผิดๆของคุณ แล้วถ้าใครยึดแนวคิดคุณ มันก็กลายเป็นพอขึ้นศาลถ้าผู้หญิงเป็นโจทก์ผู้ชายก็ต้องไม่โต้ตอบ เพราะโต้ตอบกลายเป็นไม่ใช่แมนใช่ไหม? คุณใช้เหตุผลผิดๆ เราไม่ได้โต้ตอบเกินความจริง สรุปแล้วคุณลำเอียง แล้วตรรกะคุณผิด ......................................................... ตอบ เบื่อเจ้าของกระทู้ (ffon_wsm)๒ 67  พูดว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหมอดูต้องเอาเรื่องอื่นมากว่าคุณทิชาด้วยละคะ นิสัยอย่างนี้ถึงจะเป็นผู้เชียวชาญด้านภาษายังไงคงไม่ไหวมั้งคะ เฮ้อออ อนาจ ตอบ ููเหตุึผลคุณผิดแบบเป็นลูกโซ่หมด จะอธิบายให้ฟัง 1. คุณ TicketID:136517 หยาบคายกับเราก่อน 2. ความเชี่ยวชาญกับนิสัยสุภาพหรือไม่สุภาพ ไม่มีความสัมพันธ์กันในเชิงตรรกะ 3. คุณยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า เรา นิสัยไม่สุภาพกับ TicketID:136517  เพราะเราแค่หยอกล้ิอเล่นๆ ทำไมไม่ดูน้ำหนักถ้อยคำ ว่าเธอพูดกับเรายังไงก่อน สรุป ถึงคุณพิสูจน์ได้ว่า เรานิสัยสุภาพหรือไม่สุภาพ  คุณก็ยังใช้มันเป็นข้อสรุปไม่ได้ว่า "เราจะเป็นหรือไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาหรือไม่" เพราะมันไม่มีความสัมพันธ์กันในเชิงตรรกะเลย "แล้วอีกอย่างหนึ่ง เราก็ไม่ได้พูดว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา เพียงแต่เราคิดวิธีเรียนภาษาอังกฤษแบบไหนขึ้นมาได้เราก็เขียนมันเล่นๆสนุกๆ..." ............................................. เมฆก๊าซในกลุ่มดาราจักรวังน้ำวน #70 พูด ส่วนที่คุณไปหาเรื่องเก่าของบัตรผ่าน 136517 มาแปะไว้ เราตามไปอ่านแล้วก็เห็นว่าเป็นการตอบกระทู้ธรรมดานะคะ อย่างน้อยก็ดูไม่เหมือนการโชว์พาวทางภาษาสำหรับเราน่ะค่ะ แล้วเราก็คิดว่าเรื่องที่เค้าเคยโพสต์ไม่เกี่ยวอะไรกับประเด็นที่พวกคุณกำลังเถียงกันอยู่เลย ยังไงเอาแค่ประเด็นในกระทู้นี้ดีกว่ามั้ยคะ ตอบ คุณ TicketID:136517 พูดจาไม่สุภาพก่อน เราโต้ตอบแบบหยอกล้อเล่น โปรดอย่าลำเอียง ........................................................... Cryptomnesia #72 พูด ไม่เห็นด้วยกับจขกท. มีสิทธิ์ไม่เห็นด้วย แต่คุณจับประเด็นเราผิด เี่ดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังข้างล่าง ....................................................... ตอบคุณประกอบ 75 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังข้างล่าง จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันครูแห่งชาติ 53 22:32:26

ความคิดเห็นที่ 78 ขอชี้แจงว่า เหตุผลที่ตั้งกระทู้นี้ ไม่ใช่วางแผนมาล่วงหน้าว่าจะมาโจมตี Fast English แต่ไอ้ความที่เห็นแต่ไอ้คำว่า "กฎ 25 ข้อ เรียนแล้วเก่งอังกฤษ fast" เห็นรกหูรกตาจนสุดแสนจะน่่าเบื่อเลย ก็เลยรำคาญ เท่านั้นเอง เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการ "ตั้งกระทู้ถามเองตอบเอง เพื่อหวังผลทางด้านโฆษณากันเสียมากกว่า" ซึ่งสมาชิกหลายๆคนสมควรช่วยๆกันลงคะแนนเสียงตั้งกฎกันขึ้นมาใหม่ว่า ใครจะไปตั้งกระทู้ถามว่า "เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ก็ควรไปตั้งกันที่ pantipmarket ไปเลย"   คือติดต่อให้ webmaster เขาอนุญาตให้ไป "ตั้งคำถามแบบถามเองตอบเองได้เสร็จสรรพกันที่นั่นกันเลย จะได้เป็นแหล่งรวมไปเลย" ซึ่งแยกออกจากห้องสมุดไป ก็จะเป็นระเบียบดี   จริงแล้วเรากะจะเขียนแค่ไม่กี่คำ แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีคนโหวตมันขึ้นมาจนมันกลายเป็นประเด็นร้อนแรง แต่ในเมื่อผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมาก ต่างก็ตั้งความหวังไว้กับ "กฎ 25 ข้อ" และคำว่า “fast” แล้วเคารพบูชามันดุจดังคำสอนศาสดา   งั้นก็เอาตามนั้น ก็ได้ ไม่ว่ากัน ม่ายงั้นก็จะมีการปะทะกันด้วยถ้อยคำอันรุนแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจริงๆแล้ว มันก็ไม่ใช่ธุึระอะไรของเราด้วยว่าใครจะเรียนภาษาอังกฤษเก่งหรือไม่เก่งด้วยวิธีไหน  เรื่องแบบนี้มันสุดแต่ความเชื่อของแต่ละคน ดังนั้น เราจะไม่เสียเวลาพูดเรื่องนี้อีกต่อไป แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 53 00:15:15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 00:00:08

ความคิดเห็นที่ 79   อื้ม... โอเคนะ คุณ fortuneteller ได้กล่าวขึ้นมาโดยที่คุณรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม หาว่าเราหยาบคาย ตรงไหนหรอที่เราหยาบคาย เราไปพูดจาดูถูกอะไรใครหรอ ส่วนที่พาดพิงถึงเด็กอินเตอร์ เอ๊ะ... เราก็ไม่ได้ระบุเป็นบุคคลไปนี่ และก็ไม่ได้ไปพูดพาดพิงให้เด็กอินเตอร์เค้าเสียหายด้วยนะ รู้สึกคุณ kurika ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นในฐานะเด็กอินเตอร์คนหนึ่ง และเขาก็เล่าเรื่องชีวิตขิงเขาให้ฟัง ซึ่งก็แปลกกว่าเด็กอินเตอร์ที่เรารู้จัก เพราะส่วนใหญ่เด็กอินเตอร์เค้าก็มีเงิน พ่อแม่ก็สนับสนุนให้ไปเรียนภาษาที่เมืองนอก เข้าค่ายภาคฤดูร้อน อะไรแบบนั้น ซึ่งเราว่าเราก็ไม่ได้ไปพาดพิงให้เขาเสียหายอะไรเลยนะ อ่อ ... แล้วคุณไปสรุปว่าตรรกะเค้าผิด คุณใช้หลักอะไรมาตัดสินล่ะ คุณหาว่าเราพูดจาร้ายกับคุณ คุณหมายถึงที่เราว่าคุณเรื่องการใช้ภาษาแบบน้ำท่วมทุ่งหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องนั้นเราก็ขอยืนยันนะว่าสำหรับเรามันจริงน่ะ แต่คุณจะยอมรับหรือไม่ยอมรับอันนี้มันก็แล้วแต่คุณนะ แต่ขอติกลับบ้างในเรื่องการใช้ภาษาของคุณ เราเข้าใจว่าคุณเป็นคนมีความรู้สูง น่าจะผ่านอะไรมาเยอะ เรารู้สึกเอะใจมากเลยที่คุณบอกว่าคุณแค่หยอกเล่นๆ กับคำกล่าวหาที่คุณหาว่าเขาเป็น "หน้าม้า" แล้วถ้าบางคนเค้าไม่เล่นด้วยกับคุณล่ะ งั้นเราก็ขอแก้ตัวบ้างว่า เราก็ "หยอกเล่น" กับคุณนะ ในเมื่อคุณดูเป็นคนตรง กล้าที่ใช้ภาษาหยอกเล่นกันแรงๆ ได้ เราก็คิดว่ามันไม่น่าจะผิดถ้าจะใช้ภาษาแบบหยอกเล่นได้ (ถ้าไม่มีการแบ่งระหว่างลีอคอินกับบัตรผ่าน หรือล๊อคอินโนเนมกับล๊อคอินที่คนรู้จักเยอะอ่ะนะ) แต่กลับกลายเป็นว่าคุณรับไม่ได้ คุณหาว่าเราพูดจาร้ายกับคุณ แล้วไม่พอ คุณก็ไปสืบหาเลขไอดี แล้วเอามาป่าวประกาศว่าเราไปตั้งกระทู้โน่นนี่ ดีนะที่เราไม่ใช่คนโลดโผนโจนทะยานมาก เราว่าเราก็ตอบธรรมดาๆ ทั่วไปแบบที่คุณ คห.70 อ่านะ ถ้าเราโลดโผนโจนทะยาน เราก็คงกลายเป็นตัวละครในนิยายของคุณ สงสัยเราคงเละไปกว่านี้อีกแน่ นี่ดีนะที่นี่ยังเป็นในอินเตอร์เน็ท ถ้าเรามีล๊อคอินจริงๆ หรือเป็นคนที่รู้จักกัน คุณจะเอาเลขบัตรประชาชน ชื่อที่อยู่ ข้อมูลส่วนตัว มาโพสประกาศรึเปล่าเนี่ย โห... ใครจะมีเรื่องกับคุณนี่ ต้องคิดหนักเลยนะเนี่ย ยิ่งคุณมาโพสขู่ฟ่อๆ อีกว่า "นี่ถ้ายังดันทุรังทำศึกน้ำลายกับเราละ ไม่กลัวจะยิ่งฟุ้งซ่านหนักไปกว่านี้อีกหรอกหรือ?" โห คุณเป็นมาเฟียคุมบอร์ดนี้รึเปล่าเนี่ย เรากลัวจังเลยจ้า.... (อันนี้ล่อเล่นนะจ๊ะ Oops...) จากคุณ : ทิชา เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 00:10:35 A:125.25.116.201 X: TicketID:136517

ความคิดเห็นที่ 80   โอ้ว ... เพิ่งโพสเมื่อกี๊ เลยไม่ทัน คห. 78 ดีใจมากๆ จ๊ะที่คุณหยุด งั้นเราแปะคำสอนมั่งดีกว่าเนอะ ภาษาเราก็ไม่ค่อยสวยหรูอ่า ไม่ค่อยเก่ง แถมเป็นประโยคบ้านๆ อีกแหนะ... What goes around comes around... จากคุณ : ทิชา เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 00:14:14 A:125.25.116.201 X: TicketID:136517

ความคิดเห็นที่ 81 กระทู้นี้ มันไม่ใช่ถกกันเหมือนพวกนักปรัชญาถกกัน จนมีใครคนหนึ่งพูดว่า "ข้าพเจ้าผิด ท่านถูก ขอบคุณที่ท่านชี้ทางสว่างให้แก่ข้าพเจ้า" แต่กระทู้นี้ มันกลายเป็นถกกันด้วยอารมณ์อันรุนแรง แล้วใช้ lame logic (ตรรกะเป๋ๆ)   นั่นก็เพราะว่า "มีผู้คนเป็นจำนวนมาก ที่พูดจาแบบมี logical flaws (ข้อบกพร่องในเชิงตรรก) ใน arguments (การโต้แย้งด้วยเหตุผล) ดังที่เราชี้ให้ดู ใน คคห ที่ผ่านๆมาแล้ว หลายๆ คคห" มันทำให้เรา "เสียเวลาชี้แจงข้อผิดพลาดในกระบวนความคิดให้กับโจทก์ของเราแต่ละคน โดยการบอกว่าข้อผิดพลาดในเชิงตรรกะ มันอยู่ตรงไหน...!!!" ถ้าถกกันแบบแหกกฎของ logic เราไม่ถกด้วย เพราะมันหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ ยิ่งสรุปไป (ดังที่มีหลายๆคนพยายามสรุป) ก็ยิ่งเฉแบบ lame logic (ตรรกะเป๋ๆ) อีกทั้งมันเสียเวลา และสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์...!!! ลองคิดดูสิว่า ถ้าเรามีโจทก์ 10 ราย แล้วเราต้องมาแก้ข้อผิดพลาดใน arguments ให้เขาหมดทุกประโยค กว่าจะมาถกกันดีๆ ให้มันเกิดดอกออกผลได้ เราก็ไม่ต้องไปทำมาหากินที่ไหนกันแล้ว ดังนั้น หลังจากแปะ คคห นี้แล้วเราจะหยุดตอบโจทก์เรา เพราะไม่อยากเสียเวลาอีก   ใครอยากจะเชื่ออะไรก็เชื่อไป ตามใจพวกท่าน เราขออยู่นิ่งๆ  แบบ non-action action ซึ่งเป็นการ "ใช้ความนิ่งสยบการเคลื่อนไหวตัว" มันจะดีกว่า ดั่งคำสอนที่ว่า Let nature take its own course.  By doing nothing everything is done and taken care for. แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 53 00:17:35 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 00:15:46

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่ต้องสืบ....มีคนไปโพสลิงค์ลงในเวปของ fast เรียบร้อย ?? จากคุณ : coyotybaby เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 01:13:17

ความคิดเห็นที่ 83 There are no golden rules in English. You can never become proficient overnight. No such tours de force. No shortcuts whatsoever. It depends on your inborn talent and the time spent practicing the skill. Nonetheless, we are talking about market segmentation here. Language schools aim for customers who have problems learning the language by themselves. Do not forget that we human aren't born equal. Some couldn't progress without outside assistance. Some just lack the motivation when studying alone. They need a way out. That's where these schools play their hand. They offer solution packages and fuel them with marketing. Though overhyped, these solutions actually help these students to some extent. For the masters, they find these courses pathetic trumperies. But who cares? They are never the target customers anyway. Out of goodwill, they suggest these prospective students not waste their money as they believe there are better alternatives. However, these gimmicks do contribute to some individuals' progress. The masters can look upon these so-called golden rules in a derogatory way. They are just trash to them, but these things do help certain people. Never generalize. A piece of advice: anyone applying for these stairways to heaven should never really believe the whole advertised learning outcomes. You know better than that. จากคุณ : Azure_Mile เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 13:59:52

ความคิดเห็นที่ 84 ^ ^ ^ Hear, hear. It all comes down to the fact that one man's meat may be another man's poison. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 14:47:50

ความคิดเห็นที่ 85 Fortuneteller! Even I don't agree with you totally but I like your several ideas. That's so great! จากคุณ : kk (konku) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 23:41:23

ความคิดเห็นที่ 86 ในฐานะที่ผ่านมาอ่าน(เพราะขึ้นเป็นทู้แนะนำ) อยากจะบอกคุณ ทิชา ว่า ในเนื้อหาที่คุณพิมพ์ไม่มีคำไหน ประโยคไหนหยาบคายไม่สุภาพหรอกค่ะ แต่เมื่อมันมารวมกันเป็น ย่อหน้า  เป็นบทความแล้ว... มันให้ความรู้สึกประชดประชันค่ะ..แบบที่ใครไม่ใช่คนไทย ไม่ได้อยู่ในไทยมาคั้งแต่เกิดอาจจะไม่เข้าใจ แม้คุณจะพิมพ์ด้วยประโยคบอกเล่าธรรมดาก็ตาม "เราว่าคุณ fortuneteller ก็เห็นตอบมาหลายกระทู้ ร่ำว่าอยากจะสอนๆๆๆ ใจจะขาด เพราะคงทนเห็นความโง่อีเดียทในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยไม่ได้ ก็น่าจะเปิดโรงเรียนด้วยซะเลยนะ นี่... อย่าลืมวงเล็บด้วยนะ จากล๊อคอินกูรูภาษาอังกฤษเว็บไซด์ดัง พันทิพ เชื่อเหอะ .... คุณได้รวยตอนแก่แน่นอน เผลอๆ ดังกว่าครูเคทนั่นอีก ส่วนถ้าจะมาบอกว่าก็ไปอ่านตามบล๊อคดูสิ อื้ม...คงไม่ไหวอ่ะ เพราะคุณเองใช้ภาษาไทยไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ คือแบบ... น้ำท่วงทุ่งอ่ะ อ่านแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง แนะนำว่าอย่าเขียนหนังสือสอนภาษา สงสารคนตรวจทาน เดาว่าคุณคงพูดเก่ง ปากไปไวกว่าหัว .... แต่ถ้าพูดน้ำท่วมทุ่งเหมือนเขียนอีกเนี่ย ตัวใครตัวมันจ๊ะ" ---------------------------- ส่วนคุณหมอดู..เขาอยากจะรู้น่ะค่ะ ว่าคุณเป็นใคร และทำไมถึงแสดงความเห็นแบบนี้..คงไม่ผิดมั้งคะ เพราะถ้าคุณทิชาถูกประชดประชันบ้าง คุณจะไม่อยากรู้เหรอคะ? ว่าทำไม? คุณหมอดูก็อยากจะรู้เหตุผลว่าทำไม? และใคร?...ความสงสัยในธรรมดามนุษย์ค่ะ จุดประสงค์ของคุณหมอดูในกระทู้นี้ คือ เบื่อและรำคาญอังกฤษแ(ด)กด่วนนี้เต็มประดา มีประดับห้องอังกฤษเป็นระยะๆมั้งคะ สำหรับคนที่ผ่านไปมาอย่างเราก็เฉยๆ เหมือนที่บางคนดูโฆษณาก่อนหนังฉายก็เฉยๆ บางคนเบื่อก็ทนๆไป บางคนเข้าโรงหลังเพลงสรรเสริญฯ บางคนตั้งกระทู้ด่าเพราะรำคาญ คุณหมอดูก็แค่เป็นจำพวกหลัง... จากคุณ : ธิดาจันทรา เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 02:17:04

ความคิดเห็นที่ 87 เอิ่ม...ประเด็นร้อน แค่ผ่านเข้ามาค่ะ เคยเรียน Grammar ที่นี่ไปหนึ่งคอร์ส (ตอนนั้นสมัครแพ็คเกจคู่ เหลือ TOEFL อีก 1 คอร์ส ยังไม่ได้เรียน Grammar ยังไม่ปึ้ก เลยเอาไว้ก่อน เด๋วเรียน TOEFL ไม่รุ้เรื่องค่ะ -0-) อยากจะบอกว่า...โม้เยอะ สอนเร็ว ตามไม่ทันค่ะ -0- แต่ถ้าวันไหนสมองเราไปทัน ก็ทำให้เข้าใจอะไรชัดมากขึ้น (แต่ส่วนใหญ่จะไม่ทัน) คืิอ..เป็นประเภท รู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ คิดว่าแบบนี้น่าจะถูก แต่อธิบายไม่ได้ว่าทำไม ยังไง ถ้าวันไหนสมองไปทัน ก็ทำให้จำได้แม่นขึ้นอ่ะค่ะ แต่จะบอกว่า เทียบกับราคาแล้ว ไม่คุ้ม... แพงงงงง โม้เยอะ จากคุณ : Lavinia เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 19:59:50

ความคิดเห็นที่ 88 ต้องเข้าใจว่า พื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน และความต้องการก็ไม่เท่ากัน เมื่อมีการตลาดออกมาจี้จุดอ่อน ก็ต้องมีคนที่ทำตามเป็นธรรมดา และแน่นอนว่า โรงเรียนสอนภาษา ไม่ใช่เครื่องจักร ที่จะบันดาลให้ทุกคน ออกมา perfect เหมือนกันหมด  และผู้ที่เรียนก็สมัครใจที่จะเรียน มีกำลังทรัพย์ที่จะจ่าย บางคนต้องการ ภาษาอังกฤษ ที่เป็นแบบ Optimum ไม่ใช่ Maximum 25 กฏจึงเป็นจุดแข็งอย่างชัดเจน ( แสดงว่า Wharton สมคำร่ำลือ) เหมือน เด็กๆ เตรียมเอนทรานซ์ แห่ไปเรียน เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ  คณิต แต่ละที่ก็มีการตลาดแตกต่างกันออกไป  (หนำซ้ำ บางที่ อาจจะเรียกได้ว่า ผูกขาดทางการค้า เสียด้วยซ้ำ) แล้วใช่ว่า เรียน ฟิสิกส์ แล้วต้องทำได้เต็ม 100 หรือ เข้าใจ ไปเสียทุกอย่างในกระบวนการเรียนรู้ของระดับชั้ย ม.ปลาย บางครั้งเป็นเพียงการเก็งข้อสอบ เสียด้วยซ้ำ มองแล้ว ว่า ไม่ว่า Fast English หรือ สถาบันกวดวิชาอื่นๆ ไม่ได้มีความแตกต่างกัน ทุกแห่ง ตั้งขึ้นมาเพื่อหวังผลกำไรทางการค้า (ไม่ใช่การกุศล นี่) ที่นี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า "ต้องการอะไร" มีทุนทรัพย์แค่ไหน เวลาเท่าไร ปัจจัยสำคัญ สำหรับผม ตัวเอง 85%  materials 15% แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 53 00:00:59 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 53 23:58:06 จากคุณ : YesterdaY เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 23:53:43

ความคิดเห็นที่ 89   อ่านกระทู้ที่ลิงค์มาให้ ยังไม่เห็นใครเค้าจะมาเป็นหน้าม้าเลยนะคะ และเราว่าก็ไม่มีใครที่คิดเป็นจริงเป็นจังว่า กฎ 25 ข้อเนี่ย มันคือทุกอย่างของภาษาอังกฤษ เรามองในมุมที่เรียน business มา ที่เค้ามีจุดขายมันไม่ผิดอะไรเลยนะคะ ดีเสียอีก ไม่ได้โฆษณาเกินจริงอะไรด้วย(เค้าไม่บอกนี่คะว่าจำกฎนี้ได้หมดปุ๊บจะกลายเป็นเทพ) จขกท พูดยังกะเข้าไปเรียนแล้วไม่ได้อะไรเลย จริงๆเรียนมันก็ได้ทั้งนั้นแหละ เรียนที่ไหนมันก็ได้ทั้งนั้นแหละ ดีกว่านอนอยู่บ้าน แล้วทุกคนก็อยาก+มีความจำเป็นที่ต้องใชภาษาอังกฤษ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ+มีพรสวรรค์นี่คะ ไม่ใช่ทุกคนที่รักที่จะเรียนภาษา ไม่ใช่ทุกคนที่ขยันแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งถามว่าคนเหล่านั้นผิดไหม ไม่ผิดนี่ ก็มันไม่ใช่ความสนใจของเค้า เค้าแค่อยากเรียนในระดับที่เอาไปทำงานได้เท่านั้นเอง ที่บอกว่า fast eng ไม่มีจริงเนี่ย เค้าก็แค่ตั้งชื่อเค้านั่นแหละ ไม่มีใครคิดว่าไปเรียนคอร์สเดียวแล้วจะกลายเป็นเทพหรอกค่ะ ใครจะโง่ขนาดน้าน จากคุณ : กกก เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:00:20 A:124.120.3.55 X: TicketID:178919

ความคิดเห็นที่ 90 ที่ไหนๆ ก็มีการตลาดของตัวเองกันทั้งนั้น โฆษณาชวนเชื่อลอยฟุ้งรอบตัวเหมือนอากาศ ขึ้นอยู่กับความเราเลือกที่จะเชื่อมันหรือไม่ คนเราต้องใช้วิจารณญาณของตนในการตัดสิน ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราจะชอบ หรือไม่ชอบ เชื่อหรือไม่เชื่อ ล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เราควรเข้าใจในสิทธิอันพึงมีเกี่ยวกับเสรีภาพทางความคิดของผู้อื่น การแสดงความคิดเห็นนั้นมีได้ และเป็นเรื่องดี แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องถกเถียงเอาชนะคะคานกันขนาดนั้น นานาจิตตัง นะคะ ... รักกันไว้ดีกว่า เราอยู่ร่วมกันในสังคม แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 53 11:35:00 จากคุณ : SenoraSpoon เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 11:33:07

ความคิดเห็นที่ 91 ใจเย็นๆกันนะคะ :) เชื่อค่ะ ว่าไม่มีที่ไหน สถาบันไหน หรือโรงเรียนภาษาอังกฤษใดในโลก ที่เรียนรู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างที่ จขกท บอก แต่ถ้าได้เคยเรียนกับอาจารย์บุญชัย มีครั้งนึงที่อาจารย์เคยพูดเองว่า เรียนแล้วได้เลยในเวลาอันรวดเร็วน่ะไม่มีหรอก ถ้าหากไม่ทบทวน ไม่ท่อง เอาจริงเอาจัง เค้าก็แค่สรุปออกมาเป็น 25 กฏ รวมถึงศัพท์ และ materials ต่างๆให้เรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟ เราก็แค่จำให้ได้ ก็แค่นั้นเอง และเราเป็นคนนึงที่ไม่สนใจชื่อสถาบัน จะ fast หรือ slow เราก็เรียนค่ะ ถ้ามันดี ถ้ามันให้อะไรแก่สมองง่อยๆของเราจริง และเชื่อว่า ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ว่า fast english น่ะไม่มีจริง (แต่แอบมีความหวังว่า อยากจะ fast จริงๆบ้าง ก็เลยมาลองอะไรงี้ พอเรียนแล้วชอบก็ชม ไม่ชอบก็ด่า จบ..) ไม่งั้นคงพูดได้เขียนได้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว จริงๆเราคิดว่า ชื่อสถาบัน มันก็แค่เป็น marketing strategy อย่างนึงน่ะค่ะ เหมือนกับการขายของที่มีคู่แข่งเยอะ ๆ เราก็ต้องหาจุดเด่น ที่ที่อื่นไม่มี และขายได้แน่ๆ และหากสังเกตดีๆ Fast English ไม่เคยโฆษณาเลยว่า fast งั้นงี้ (นอกจาก สโลแกนของสถาบัน ที่อาจารย์เองไม่ค่อยพูดถึงด้วยนะ55) ไม่เคยออกมาบอกว่า 25กฏ มันเริศเลอขนาดไหน มันก็แค่กฏ แกรมม่าที่ควรจะจำให้ได้อยู่แล้วในการเขียนและพูด เพราะไม่งั้นเวลาใช้จริงๆ มันก็จะกลายเป็น broken english ถึงคนที่ ไม่เรียนไม่ได้จำ ตาม 25กฏ แต่คนที่พูดเขียนได้ ก็มีแกรมม่าพวกนี้อยู่ในหัว  FE ก็แค่แยกเป็นระบบให้จำได้ง่ายๆก็แค่นั้นเอง และถ้าบอกว่าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษสิ เดี่ยวก็พูดได้เขียนได้ เราว่าได้ค่ะ เพราะมันต้องใช้ ไม่ใช้ก็อดตาย 55 แต่ broken engilsh แน่ๆ เพราะไม่รู้หลัก แล้วบางครั้งฝรั่งก็เข้าใจนะ แต่ผิด เขาไม่แก้ให้ด้วย หรือแก้ให้ แต่เราก็จะรู้เหวอๆ เขินๆนิดนึง(อันนี้เคยโดนค่ะ 55555) เลยคิดว่า เออกฏ25ข้อ ก็ช่วยชีวิต เป็นที่พึ่งให้รู้สึกอุ่นใจว่าเรามีหลักเว้ย เราไม่ได้ดำน้ำลึก เท่าที่แต่ก่อนเป็น ในฐานะคนง่อยๆภาษาอังกฤษน่ะค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นแต่ละบุคคลค่ะ :) จากคุณ : หนูหิวหญ้า เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 00:37:14

ความคิดเห็นที่ 92 สนุกจัง เราภาษาอังกฤษพอใช้ได้ แต่เป็นเก่งแบบ เด็กอินเตอร์ที่ถูกใครหลายๆคนค่อนแคะล่ะ แบบว่าเราโชคดีไง ที่ได้มีโอกาสไปเมืองนอก แต่ขณะเดียวกันก็สงสารเพื่อนๆเราอีกหลายๆคนจับใจ ที่ไม่มีโอกาสอย่างเรา ซึ่งเราก็ต้องวิเคราะที่สาเหตุก่อนว่า ทำไมภาษาอังกิดเราพอใช้ได้ 1.มีโอกาสเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ 2.เรามีความสนใจภาษาอังกฤษมากถึงมากที่สุด 3.เรามีความสนใจเกี่ยวการบ้านการเมืองมาก และความรู้เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในภาษาอังกฤษ ก็เลยต้องพยายามนิดนึง 4.เราโชคดีได้ทำกิจกรรมของมหาลัยที่ได้มีโอกาสเจอเพื่อต่างชาติเยอะ 5.เราชอบดูหนัง ฟังเพลง อังกฤษ ทำไมภาษาอังกฤษคนไทยส่วนใหญ่ภาษาอังกฤษถึงไม่ดี 1.การเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามรร ไร้ประสิทธิภาพ 2.คนไทยทั่้วไปไม่สนใจภาษาอังกฤษ 3.ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะฝึกภาษาอังกฤษได้ 4.ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเลยคือ ไม่ดูชอบหนัง เพลงภาษาอังกฤษ ไม่ได้ทำอาชีพเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น เรามาดูประเด็นในกระทู้นี้ 1.คุณfortuneteller พยายามบอกว่าภาษาอังกฤษต้องเรียนนาน เรียนรู้ ไม่ใช่เรียนลัด ท่องสูตร 2.หลายๆคนบอกว่าเค้าต้องท่องสูตรเพราะภาษาอังกฤษเค้าไม่ดี เนื่องกจากเหตุหลายๆอย่า่งข้างต้น(ยากที่จะเริ่มต่นเอง) 3.คุณfortuneยังบอกอีกด้วยว่า ไม่ควรจะมีการปั่นกระทู้ของสถาบันfast englishโดยหน้าม้า 4.มีการส่อเสียด เสียดสีกัน (Offend)หรือไม่ จริงๆยังมีประเด็นยิบย่อยอีกหลายประเด็นแต่เหนื่อยละ 555+ จากประเด็นที่1 เราเห็นด้วยกะคุณfortuneอย่างมากๆๆเพราะเราก็เรียนอังกฤษด้วยวิธีนี้ แต่ต้องบอกคุณfortuneด้วยว่า มนุษย์เราเกิดมาไม่เท่ากัน แค่บางคนจะเปิดหนังอังกฤษพากย์ไทย ยังเปลี่ยนช่องเลย ฮา เพราะฉะนั้น ก็คงแล้วแต่พฤติกรรมของแต่ละคนล่ะ และแต่ละคนก็มีวิธีในการเรียนรู้ไม่เหมือนกันด้วย บางคนอาจจะเกิดมาเป็นเทพ หรือบางคนอาจจจะเกิดมาขอโง่แล้วขยันจนเป็นเทพ บางคนอาจจะขยันกว่าคนที่ 2 แล้วยังโง่ก็ได้ หรือ บางคนอาจโง่แล้วยังไม่ขยันอีก 555+ เพราะฉะนั้นในประเด็นนี้ขอบคุณในความหวังดีของคุณfortuneนะครับ ประเด็นที่ 2 เมื่อยอมรับประเด็นได้แล้วคนเราต่างเพราะฉะนั้น ถึงแม้Fastenglish จะการเรียนการสอนที่แย่ขนาดไหนก็ยังมีคนบางประเภทที่ยังได้รับประโยชน์อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยล่ืะ ประเด็นที่3 เรื่องการตอบเอง ปั่นเอง คุณfortune ถามความคิดเห็น แต่ไม่ค่อยมีใครตอบแฮะ เราเห็นว่าถ้าพยายามขายของกันจริงๆ(ถ้าพิสูจน์ได้) ก็ควรเอาไปไว้pantip marketเพราะรก ประเด็นที่ 4 นั้น เราเห็นว่าระหว่างคุณทิชาหับคุณfortuneมีการoffendกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะดูด้วยบริบทไหน เถียงกันในหลักการดีกว่าครับ ใครจะล่วงเกินอีกฝ่ายนึงก่อนไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมีอยู่ว่าผู้ทรงเกียรติเขาไม่ทำกันนะครับ  ทั่งคู่เลย การนำเครดิตส่วนตัว มาโจมตีกัน นี่มันนักการเมืองสกปรกพวกนั้นชัดๆ ผมเห็นคุณสองคนแล้วไม่ต่างกับที่ดูในสภาเลย ไม่แปลกใจเลยที่สภาเป็นแบบนี้ก็เพราะคนไทยเป็นแบบนี้ (แปลก ที่คุณfortune พยายามยกหลักlogiacal argumentต่างๆมาข่มนั้น กลับทำผิดหลักเสียเอง) คุณทิชา โจมตี คุณฟอจูนว่า เรื่องเป็นคนพูดน้ำท่วมทุ่ง คุณfortune โจมตี คุณทิชา ว่าฟุ้งซ่านเรื่องรัก ไม่เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษทั้งคู่ เฮ้อ ประเทศไทย! แต่รวมๆแล้วผมชอบความคิดของคุณfortuneนะ แต่ผมแอบไม่เห็นด้วยกับการเรียนอังกฤษแบบเปิดดิกเท่านั้นเอง(ไม่ว่าesl หรือ ดิกใดก็ตาม ดิ้กชันนารีจะมีประโยชน์เฉพาะกับผู้ที่มีความรู้ขั้นปานกลางขึ้นไปเท่านั้น) เราว่าเรียนอังกฤษ มันต้องเรียนแบบเราเรียนภาษาไทย ใช้ผิดถูก ไม่เป็นไร ต้องซุยไปก่อน(คำว่าซุยกว่าจะเข้าใจความหมาย เราต้องเรียนภาษาไทยจนถึงม 6 กว่าจะรู้ แล้ว ลุงๆ ป้าๆจะมาเถียงไรกันเพราะว่าลุงๆ ป้าๆ ไม่มีทางที่จะเข้าใจแน่นอน) ถ้าเรียนภาษาอังกฤษแบบภาษาไทยได้ก็น่าจะเมบแล้ว(ภาษาไทยวันละคำ ยุคpost modern เมบ=เมพ=เทพ เป้นการเพี้ยนมาในกาสรเล่นเกมออนไลน์ประมาณ5ปีที่ผ่านมาได้มีการใช้อย่างแพร่หลายในหมู่วัยรุ่น 555+) สู้ๆนะทุกๆคน ไว้จะกลับมา อ่านต่อ มันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆพะยะค่ะ กระทู้นี้ อิอิอิ จากคุณ : Finkel เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 12:34:43

ความคิดเห็นที่ 93 เฮ้อ!  อ่าน..แล้วปวดหัว มี....ดีกว่า อิอิ หมายถึง อ่านในนี้แล้วปวดหัว   มีหนังสืออยู่กับตัวดีกว่าอ่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 23:17:30 จากคุณ : เบบี้โรส เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 23:11:34

ความคิดเห็นที่ 94 ผมว่าจขกท.เข้าใจผิดเกี่ยวกับ Fast English มากๆเลย บอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ใช่หน้าม้าครับ เป็นคนนึงที่เรียนที่นี่มา 2 คอร์ส (แกรมม่า + โทเฟิ่ล) ไอ้ 25 กฎนั้นเป็นแค่พื้นฐานครับอ.บุญชัยเขาให้ท่องไว้เพื่อให้พื้นฐานแน่นๆ เหมือนกับคุณเล่นบอลนั่นแหละครับถ้าคุณเดาะบอลไม่เป็นคุณก็ไม่สามารถที่จะควบคุมบอลได้ บางกฎใน 25 ข้อนั่นเราเรียนกันมาตั้งแต่ประถมแล้วล่ะครับแต่จำไม่ได้ เขาก็สรุปมาให้ท่อง เพียงแต่ว่า 25 ข้อนั้นมันไม่ใช่ทั้งหมดของ Fast English ครับ นั่นแค่พื้นฐาน ผมกล้าบอกได้เลยว่าคนที่ท่อง 25 กฎได้แม่นยำมากๆเพียงอย่างเดียวไม่มีทางเก่งภาษาอังกฤษได้เลย เพราะ 25 ข้อนั้นมันพื้นฐานมากจริงๆ และชื่อสถาบัน Fast English ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนเรียนภาษาอังกฤษได้เก่งเร็วนี่ครับ ผมเรียนที่นี่มา 6 เดือนแล้วภาษาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ทว่ายังไม่เก่งมากขนาดออกไปทำข้อสอบหรือคุยกับฝรั่งได้คล่องเลย มันอยู่ที่การฝึกฝนด้วยตนเองครับ นำซอฟแวร์ที่เขาให้มามาฝึกฝนอีกที นั่นต่างหากล่ะเป็นสิ่งที่อ.แกต้องการ ไม่ใช่ให้เข้าไปฟังๆแล้วออกมาเก่งเลย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมบอกได้เลยว่าแค่ฝึกฝนด้วยตนเองอย่างเดียวจากการทวนที่เรียนมาทั้งหมด ทวนทุกวันๆ มันยังใช้เวลาเข้าไปร่วม 3 เดือน (ทุกวันนะครับวันละ 2-3 ชม.) กว่าจะเข้าใจ แล้วคำถามคือมันเพียงพอแล้วเหรอ ตอบได้ทันทีเลยครับว่า "ยัง" ต้องฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ และผมก็ไม่คิดว่าเป็นการเสียหายอะไรที่จะทำตามคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะผมคิดว่าอ.บุญแกประสบความสำเร็จมากกว่าหลายๆคนในที่นี้จริงหรือไม่ครับ ไว้วันไหนผมได้ดีแล้วผมจะมาบอกเล่าให้เพื่อนชาวพันทิพย์ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องพระคาถาชินบัญชรที่อ.บุญชัยท่านบอกให้สวดเพื่อทำสมาธิวันละ 9 จบ ผมขอบอกเลยว่าผมสวดพระคาถานี้วันละ 9 จบมาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วก่อนจะมาเจออ.บุญชัยซะอีก มันทำให้สมาธิดีขึ้นมากๆ และไม่มีความว้าวุ่นหรือขุ่นเคืองใจเลยแ้ม้แต่นิดเดียว นั่นทำให้ผมเรียนกับอ.ที่ขี้โม้และสอนอย่างรวดเร็ว(มากๆ)ได้รู้เรื่องมากเพราะผมตามคำพูดของอ.ท่านทัน และจดจำได้อย่างรวดเร็ว ผมไม่ได้พูดเพื่อให้หลายๆคนในที่นี้หมั่นไส้ เพียงแต่อยากเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่อ.บุญชัยท่านพูดมามีอยู่จริง และผมพิสูจน์ได้ 1 ข้อแล้วในเรื่องกำลังสมาธิ และผมกำลังจะพิสูจน์ในเรื่องอื่นๆที่อ.ท่านบอกต่อไป ปล.ถ้าใครอยากสวดคาถาชินบัญชรของหลวงปู่โตก็เซิร์ทกูเกิ้ลได้เลยนะครับมีเป็นเสียงเลยด้วย จากคุณ : giorno เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 04:17:38

ความคิดเห็นที่ 95   ขี้อิจฉามั้ง ฟัดไปทั่ว จากคุณ : mooham เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 15:06:57 A:203.121.167.243 X: