ความคิดเห็นที่ 1 ตามความเห็นผม หนึ่ง ความเป็นชาตินิยม คนเกาหลี จะไม่ใช้สินค้าญี่ปุ่นเลย ทำให้มีความจำเป็นต้องผลิตสินค้าด้วยตนเอง มีแบรนด์สินค้าเป็นของตนเอง และขายให้กับคนเกาหลีใช้เอง ทำให้เขาสามารถมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองได้ สอง พื้นที่ส่วนใหญ่ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ เนื่องจากอยู่ในเขตหนาว อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอาจจะหนาวกว่าญี่ปุ่น เพราะได้รับอิทธิพลลมหนาวจากประเทศรัสเซียค่อนข้างมาก การเกษตรเพียงลำพังจึงไม่สามารถเลี้ยงดูประชากรในประเทศได้ สาม คนเกาหลีส่วนหนึ่งที่เกิดและอยู่ต่างประเทศ มีการศึกษาที่ีดี เดินทางกลับมาพัฒนาประเทศ พร้อมกับนำเทคโนโลยีติดตัวกลับมาด้วย สี่ กระบวนการนักศึกษา ที่รณรงค์ต่อต้านการคอรัปชั่น และนักการเมืองเผด็จการในอดีต ทำให้อำนาจรัฐในปัจจุบัน มีความมั่นคง และตรวจสอบได้ การทุจริต คอรัปชั่น ถือเป็นความผิดร้ายแรง และอาจจะเป็นชนวนให้เกิดการเดินขบวนขับไล่ได้ในเกาหลี การให้ความสำคัญกับผู้นำประเทศก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเห็นได้จากทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บริเวณที่มีฮวงจุ้ยที่ดี เรียกว่า บลูเฮ้าส์ อันนี้ ตามทัศนะของผมเอง ห้า อยู่ในเส้นทางเศรษฐกิจ ระหว่าง ญี่ปุ่น กับ จีน ทำให้สินค้าทุนเทคโนโลยี มีต้นทุนในการขนส่งต่ำ และมีสายการเดินเรือเป็นของตนเอง ทำให้สามารถส่งออกสินค้าที่ผลิตได้ไปทั่วโลก แรกเริ่มเดิมที เกาหลี อาจจะเริ่มต้นจากการเป็นประเทศ Labor Intensive Country ให้กับญี่ปุ่นมาก่อน แต่กระบวนการเรียนรู้ทำให้สามารถผันตัวเองให้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีได้ และของที่ Made in Korea สามารถขายได้ ในขณะที่ ธานินทร์ ในเมืองไทย ยังไม่รู้ว่ายังมีแบรนด์นี้อยู่หรือเปล่า การสนับสนุนของภาครัฐมีความสำคัญ ที่จะเลือกสนับสนุน ผู้ประกอบการในประเทศ หรือ สนับสนุน เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ถ้าสามารถทำให้สมดุลได้ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ จะเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้พัฒนากับเขาบ้าง ซึ่งยังมองเห็นได้ว่า "ไม่มี" คนไทย ส่งออก รถยนต์ได้มากติดอันดับต้นๆ ของโลก แทบจะเป็น ดีทรอยด์ออฟเอเชีย อย่างที่นักการเมืองฝันไว้ แต่ ลำพัง คนไทย ก็ไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้เลย ต้องพึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทข้ามชาติเท่านั้น ไม่สามารถมีรถยนต์แห่งชาติเป็นของตัวเองได้ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียมีแล้ว ถึงแม้คุณภาพรถที่ผลิตได้จะยังไม่ดีในวันนี้ แต่กระบวนการการเรียนรู้ของเขาก็ยังเหนือกว่าที่บ้านเราเป็น ญี่ปุ่นใช้เวลาผลักดันแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับในเมืองไทย ใช้เวลาก็แค่ประมาณ 30 ปีที่แล้วครับ ส่วนแบรนด์เกาหลี เพิ่งจะเป็นที่ยอมรับของคนไทย ในช่วงเวลาประมาณ 15-20 ปีที่ผ่านมาเอง เอาเป็นว่า ประเทศเราล้าหลังกว่าเขาประมาณ 20-30 ปี โดยประมาณ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ จากคุณ : pianchai เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 09:47:12

ความคิดเห็นที่ 2 จขกท. อยากรู้ในสิ่งที่ผมกำลังทำรายงานเรื่องนี้พอดีเลยในเทอมนี้ เพราะผมกำลังศึกษานโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจในสมัยประธานาธิบดีพักจองฮีเลยครับ ยังไงหากทำเสร็จแล้ว แล้วต้องการดู สามารถติดต่อมาทางหลังไมค์ได้ครับ แต่หากดูในแง่ทางประวัติศาสตร์แล้วจะพบว่า การพัฒนาประเทศของเกาหลีใต้นั้น สามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นปัจจัยได้ดังต่อไปนี้ครับ ได้แก่ ประการแรกคือ การเข้ามาของญี่ปุ่นในช่วงสมัยอาณานิคมระหว่างปี ๑๙๑๐-๑๙๔๕ ปฏิเสธไม่ได้ว่าญี่ปุ่นนอกจากจะเข้ามาปกครองเกาหลีในฐานะอาณานิคมแล้ว ยังได้ใช้ดินแดนในคาบสมุทรเกาหลีเป็นฐานการผลิตที่สำคัญเพื่อป้อนทรัพยากรไปยังหมู่เกาะญี่ปุ่นในช่วงนั้น โดยเฉพาะหลังทศวรรษที่ ๑๙๓๐ เป็นต้นไปที่ญี่ปุ่นเริ่มกลายเป็นมหาอำนาจทางการทหารในเอเชียขณะนั้น ญี่ปุ่นได้ตั้งโรงงานเพื่อผลิตยุทธปัจจัยในเกาหลี ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้ว ญี่ปุ่นได้ทิ้งมรดกที่สำคัญเอาไว้ก็คือ "โรงงาน" และ "เครื่องจักร" นั่นเองครับ ประการต่อมาคือ เป็นผลมาจากข้อแรกคือ ในเมื่อประชากรของเกาหลีในขณะนั้นถูกบีบบังคับเข้าสู่ภาคการผลิตในภาคอุตสาหกรรมหนัก ทำให้กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการต่อยอดอุตสาหกรรมในช่วงที่ได้รับเอกราชแล้วครับ ประการที่สามคือ การเข้ามาพัฒนาทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงสงครามเย็น กล่าวคือ เมื่อเกาหลีใต้แยกออกมาหลังจากที่อเมริกาเข้ามาปลดอาวุธทางตอนใต้แล้ว อเมริกาก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็น "พี่เลี้ยง" ให้กับเกาหลีใต้เกือบทุกด้าน โดยให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน วิชาการ วิจัยต่างๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อการสกัดสั้นคอมมิวนิสต์เหมือนที่อเมริกาทำกับญี่ปุ่นในช่วงนั้นครับ ประการที่สี่ อันนี้ผมคิดว่าสำคัญมากเลยคือ ความมั่นคงทางการเมือง กล่าวคือ เมื่อประธานาธิบดีอีซึงมัน (ซิงมันรี) ถูกขบวนการนักศึกษาขับไล่ออกไปในปี ๑๙๖๐ และการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวของยุนโปซอน มิได้ทำให้เศรษฐกิจมีความก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไร ประกอบกับความไม่มั่นคงทางการเมืองในขณะนั้น เป็นเหตุให้พักจองฮีทำรัฐประหารในปี ๑๙๖๑ และเข้ามาปกครองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จนิยม และจากความมั่นคงทางการเมืองตรงนี้เป็นเหตุให้นโยบายทางเศรษฐกิจในสมัยพักจองฮีสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดยมีการออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คล้ายๆกับของเรา แต่เกาหลีใต้ยกเลิกการออกแผนพัฒนาเมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าได้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่หลังช่วงทศวรรษที่ ๑๙๗๐) พัฒนาอุตสาหกรรม เน้นการลงทุนจากต่างประเทศ แต่อยู่บนพื้นฐานของการเอาเปรียบแรงงาน เช่น กดค่าแรง ปราบปรามการสไตรค์งาน เป็นต้น และจากนโยบายการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ใช้กันในสมัยนี้ ทำให้เกาหลีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในช่วงทศวรรษที่ ๑๙๗๐ หรือในทางวิชาการจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "มหัศจรรย์แห่งแม่น้ำฮั่น" ครับ ประการต่อมาคือ ความคิดแบบชาตินิยมที่หยั่งรากลึกในสังคมเกาหลี อันนี้สนับสนุนให้คนเกาหลีหันมาใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ตลอดจนรูปแบบทางธุรกิจที่เป็นการรวมกลุ่มขนาดใหญ่แบบไซบัตสึของญี่ปุ่น ซึ่งในภาษาเกาหลีเรียกว่า "แชโบล" ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการขยายฐานการผลิตให้กว้างขวางออกไป จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 13:10:00

ความคิดเห็นที่ 4 สาเหตุที่เกาหลีใต้ที่เป็นประเทศเล็ก ๆ  สามารถเจริญเก้าหน้าอย่างรวดเร็วมากนอกนั้น  นอกจากความเห็นที่ 1 และ 2 แล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศนี้ไม่มี สีเหลือง-สีแดง เหมือนประเทศเรา  ไอ้สีเหลือง-สีแดงมีแต่ประเทศไทยเท่านั้น  มันน่าภูมิใจมั๊ย จากคุณ : มีความจริงใจมาให้ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 13:02:34

ความคิดเห็นที่ 5 แบบแผนในการพัฒนาชาติจะทำให้เป็นจริงไม่ได้เลยถ้าขาดคนในชาติที่มีจิตวิญญาณร่วมกัน ตอนไปดูงานที่ประเทศเกาหลีไม่ว่าไกด์ท้องถิ่นชี้ไปทางไหน ไอ้นั่นก็ของเกาหลีเอง ไอ้นี้ก็สามารถทำเองได้ ต่อให้พวกแอนตี้เกาหลีจะชอบพูดว่าเกาหลีขี้ก๊อปชาวบ้าน คิอเองไม่ได้ แต่เราว่าการที่เขาสามารถนำแนวทางของคนอื่นมาปฏิบัติและต่อยอดให้เป็นของตนเองได้นั่นในจุดนี้ก็ต้องยกเครดิตให้เขาเช่นกันนะคะ และที่สำคัญที่สุดก็คือความเป็นชาตินิยม สินค้าที่ผลิตออกมาถ้าคนในชาติไม่ช่วยกันใช้ มันคงไม่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ถึงในปัจจุบัน เครื่องใช้ไฟฟ้าของเกาหลีที่ครั้งหนึ่งถูกมองว่าคุณภาพไม่ต่างจากสินค้าจากจีนแดง แต่ตอนนี้สามารถตีตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่นจนกระจุยไปแล้ว ดังนั้นในความคิดของตนเองสิ่งที่สำคัญที่สุดในแนวทางการพัฒนาประเทศของเขาก็คือ "คน" ค่ะ จากคุณ : นิคกับพิม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 13:06:40

ความคิดเห็นที่ 6 ก๊อปญี่ปุ่น..   แล้วต่อยอด.. จากคุณ : tenno เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 14:59:50