ความคิดเห็นที่ 1   อักษรสูง กลาง ต่ำ มีไว้ เพื่อให้เกิดความสับสนทางภาษาครับ ความจริง ถ้าต้องการให้ภาษาง่ายๆสำหรับประชาชน คุณใช้เสียงวรรณยุกต์ให้ตรงกับรูปวรรณยุกต์ก็ได้ แรกๆอาจจะสับสนบ้าง แต่ผ่านไปสักระยะก็ไม่มีปัญหา ภาษาจีนเป็นตัวอย่าง ภาษาจีนโบราณก็ไม่มีสัญญาลักษณ์กำลังเสียงวรรณยุกต์ เมื่อจีนต้องการให้ประชาชนเข้าถึงภาษาเขียน นักภาษาศาสตร์ของจีนสร้างสัญญาลักษณ์กำกับเสียงวรรณยุกต์ให้ตรงกับเสียงวรรณยุกต์ ประชาชนก็ใช้กันสะดวกสะบาย จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 12:36:16 A:58.9.146.175 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 2   ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงก็ไม่มีสัญญาลักษณ์ของวรรณยุกต์ นักภาษาศาสตร์ของไทยเอง เพิ่มสัญญาลักษณ์วรรณยุกต์ไม่ตรงกับเสียงวรรณยุกต์ จนเกิดความสับสน ทำให้ภาษาเขียนยุ่งยาก จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 12:37:38 A:58.9.146.175 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 3   ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมีวรรณยุกต์นะคะ ส่วนที่ว่าทำไมต้องมีอักษรสูง กลาง ต่ำ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ คงต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาศาตร์มาอธิบายค่ะ ป.ล. คุณ คนไทยคะ "สัญลักษณ์" ค่ะ จากคุณ : yampara เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 13:27:23 A:61.90.76.13 X:

ความคิดเห็นที่ 4   ภาษาเขียนก็พัฒนามาเพื่อสนองตอบความต้องการด้านการสื่อสาร ทีนี้ภาษาไทยที่เราพูดมันประกอบด้วยหลายโทนเสียง การสะกดตัวมันก็ต้องมีพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์มากพอที่จะใช้เขียนเสียงเหล่านั้นได้ ไม่งั้นงงตาย5 มา หมา แล้วจะเขียนยังไงดีล่ะถึงจะเข้าใจ จากคุณ : ผมอะนะ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 13:39:55 A:161.200.255.162 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 5 I agree with Rep1 Let's see Mr. Rep4 I think we can write that มา(5) to mean to "a dog". We will be able to write หลา(3) mean "so far" an ลา(2) mean "to hunt"  in the same way is ลา(3) becuase, we have this kind of word "same word difference meaning" very much. I will explain more while I can use Thai keyboard. Thank you. จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 14:00:27

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่าคงทำไม่ได้ครับ คำพ้องเสียงในภาษาไทยมีมากมายเหลือเกิน หากเขียนโดยไม่มีการแยก ให้ชัดเจนงานนี้ งง เต๊กกันเลยทีเดียว.. จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 14:17:48

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าจะหาเหตุผลกันจริงๆ คงต้องโยงไปถึงประวัติศาสตร์กันเลย จากการรวมชนชาติต่างๆ มาเป็นรัฐไทยทำให้มรดกทางภาษาตามมาด้วย ทั้งภาษาไทยแท้ มอญ เขมร ภาษาแขก เช่น บาลี สันสกฤต ภาษาจีน ฯลฯ การที่จะออกเสียงคำต่างๆ จากภาษาที่หลากหลายจึงต้องออกแบบโครงสร้าง ไวยากรณ์และสร้างการออกเสียงให้หลากหลายเพื่อรองรับให้มากที่สุด จะเห็นว่าคำพ้องเสียงของไทยมีอยู่มากมายแต่ถ้ามีกลุ่มอักษรสูง กลาง ต่ำ มาช่วยจะทำให้ลดคำพ้องเสียงไปได้มากคือเสียงเดียวกันแต่เขียนต่างกัน แต่นั่นก็ทำให้ดูน่ารำคาญและเทอะทะเกินความจำเป็นเหมือนกัน ในกรณีภาษาจีนมีคำพ้องเสียงมากที่สุดภาษาหนึ่งในโลกแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอักษรจีนเป็นอักษรภาพทำให้แยกความแตกต่างกันของคำได้ง่าย เรียกว่าพ้องเสียงแต่ไม่พ้องรูปครับ จากคุณ : HonLin เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 16:33:25

ความคิดเห็นที่ 8   ภาษาไทยรับอักขระวิธีที่ปรับปรุงผ่านพ่อขุนรามคำแหงมา ดูจากสำนวนแล้วพ่อขุนรามน่าจะใช้สำเนียงล้านนาตะวันออก ซึ่งบางที่ออกเสียงได้ถึง 7-8 วรรณยุกต์ (ไม่ได้นับรวมในอักษรชุดเดียวกันแต่รวมทั้งสามชุด) โดยคำต่อไปนี้มีเสียงวรรณยุต์ต่างกันนะ ค้า-น้า-ค่า-ข้า-บํ-บ-บ่-ป ใครว่าอักษรนี้สุวรรณภูมิเรารับมาจากอินเดีย ผมกลับคิดต่างว่าอินเดียต่างหากที่รับไปจากสุวรรณภูมิ แล้วกลับมาส่งผลกะทบกับสุวรรณภูมิตามศาสนาพราหมณ์และพุทธอีกที ซึ่งถ้าศึกษาภาษาหลายๆถิ่น จะเห็นความเหมาะเจาะที่อักษรทำมารับสำเนียงพูดพอดี ตอนแรกอาจจะยังชี้ขาดวรรณยุกต์ไม่ได้เด็ดขาด แต่พอจะแยกความต่างเป็นสามกลุ่มได้อย่างชัดเจน บ-ป ยังแยกกันไม่ขาด ธ-ฒ ฐ-ถ ฏ-ต ณ-น ล-ฬ ยังเสียงต่างกันอยู่ ฟ ฝ ยังไม่เกิด ส ฮ ฅ ฃ ษ ซ ทำขึ้นเพื่อรองรับเสียงต่างถิ่นที่นำเข้ามา จากคุณ : เจ้าแห่งศาสตร์มืด เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 16:40:16 A:125.26.223.186 X: TicketID:251205

ความคิดเห็นที่ 9 คำ พูด  มีมาก่อน  ตัวหนังสือ  เป็นพัน ๆ ปี ตัวที่พ้องเสียง สามารถแยกความหมายได้ จากข้อความประกอบ แม้ปัจจุบัน มีตัวหนังสือ แต่เวลาพูดกัน   ก็ได้ยินแต่เสียง   ตัวหนังสือก็ไม่ได้มาลอยอยู่ตรงหน้า ฉะนั้น การพ้องเสียง จึงไม่ใช่ปัญหาสำคัญ ตัวหนังสือคนไท บางกลุ่ม ก็มีแต่ อักษรกลาง  ซึ่งผันได้ทุกเสียง ตัวพ้องเสียง  ก็มีมาก การเขียน  การอ่าน ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 16:51:00

ความคิดเห็นที่ 10   มีใครสังเกตบ้างว่า หน-น๋ หล-ล๋ หว-ว๋ หง-ง๋ หม-ม๋ หย-ย๋ เสียงต่างกัน ซึ่งคำที่มี ห นำ จะออกเสียงหอนำมาก่อนเลย ซึ่งน่าจะตั้งข้องสังเกตได้ว่า คนแถบนี้สมัยก่อนออกเสียงตรีของอักษรพวกนี้เป็นเสียงหอนำตลอด ออกเป็นเสียงตรีเดี่ยวๆเหมือนไทยมาตรฐานในปัจจุบันไม่เป็น จากคุณ : คนที่คุณรู้(แล้วใครหละ) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 16:54:42 A:125.26.223.186 X: TicketID:251205

ความคิดเห็นที่ 11   คห ที่7 ภาษาจีนพ้องเสียงแต่ไม่พ้องรูป ใช้รูปวรรณยุกต์ตรงเสียงวรรณยุกต์ ไม่มีปัญหา ภาษาไทยก็ทำให้พ้องเสียงแต่ไม่พ้องรูปได้ โดยใช้รูปวรรณยุกต์ให้ตรงกับเสียงวรรณยุกต์ ทำเหมือนภาษาจีน ก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน เหมือนภาษาจีนก็ไม่มีปัญหา นักภาษาศาสตร์ของไทยที่สร้างอักษรกลาง อักษรสูง อักษรต่ำ ทำให้โครงสร้างภาษาไทยยุ่งยากเกินความจำเป็น จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 16:59:17 A:58.9.142.210 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 12   ถ้าถ้าทำอย่างที่คุณจขกท.ว่าในสำเนียงไทยมาตรฐานได้ไหม ผมขอตอบว่าได้ แต่ถ้าจะไปสะกดแทนภาษาถิ่นก็คงยากสักหน่อย ตอบตามข้อ 1.สามารถทำได้ 2.ตามรูปล้านนาและอีสาน เอีอ(หรือ เอี เฉยๆ) เอี- ส่วนเอือบางที่เห็นเขียนเป็น เอืออ เอือ- บางที่ก็เห็นเป็น เอีออ เอีอ- 3.จับคู่ให้ ไอ-อาย อำ-อาม เอา-อาว จากคุณ : คนที่คุณรู้(แล้วใครหละ) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 17:08:26 A:125.26.223.186 X: TicketID:251205

ความคิดเห็นที่ 13   #11คุณคนไทย แค่อักษร ก เหนือ อีสาน ไปกลาง-ใต้ เขาก็ออกเสียงวรรณยุกต์ต่างกันแลัว อักษรในสมัยก่อนจึงมีสามชุด ไม่ใส่วรรณยุกต์ เพราะกันความสับสนให้คนต่างถิ่น ความหมายให้ไปเดาจากรูปประโยคเอง พอต่อมาติดต่อค้าขายบวกรบกันไปกันมาเสียงวรรณยุต์เริ่มจะนิ่งเป็นวงกว้าง จึงมีผู้ริเริ่มใส่วรรณยุกต์ลงไป นักภาษาศาสตร์ไม่ได้สร้างให้ยุ่งยากหรอก แค่คนเรามักง่ายจึงลดเสียงในภาษาลงมา พอเริ่มมีคำพ้องมากขึ้นให้เข้าใจยากขึ้น ก็จะมีคนมักยากให้ภาษามีเสียงต่างกันเพิ่มขึ้นให้มันเข้าใจง่ายขึ้น เป็นวัฏจักรของภาษามีขึ้นมีลงไป จากคุณ : คนที่คุณรู้(แล้วใครหละ) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 17:23:45 A:125.26.223.186 X: TicketID:251205

ความคิดเห็นที่ 14 ภาษาไทยรับอักขระวิธีที่ปรับปรุงผ่านพ่อขุนรามคำแหงมา ดูจากสำนวนแล้วพ่อขุนรามน่าจะใช้สำเนียงล้านนาตะวันออก ซึ่งบางที่ออกเสียงได้ถึง 7-8 วรรณยุกต์ (ไม่ได้นับรวมในอักษรชุดเดียวกันแต่รวมทั้งสามชุด) โดยคำต่อไปนี้มีเสียงวรรณยุต์ต่างกันนะ ค้า-น้า-ค่า-ข้า-บํ-บ-บ่-ป ใครว่าอักษรนี้สุวรรณภูมิเรารับมาจากอินเดีย ผมกลับคิดต่างว่าอินเดียต่างหากที่รับไปจากสุวรรณภูมิ แล้วกลับมาส่งผลกะทบกับสุวรรณภูมิตามศาสนาพราหมณ์และพุทธอีกที ซึ่งถ้าศึกษาภาษาหลายๆถิ่น จะเห็นความเหมาะเจาะที่อักษรทำมารับสำเนียงพูดพอดี ตอนแรกอาจจะยังชี้ขาดวรรณยุกต์ไม่ได้เด็ดขาด แต่พอจะแยกความต่างเป็นสามกลุ่มได้อย่างชัดเจน บ-ป ยังแยกกันไม่ขาด ธ-ฒ ฐ-ถ ฏ-ต ณ-น ล-ฬ ยังเสียงต่างกันอยู่ ฟ ฝ ยังไม่เกิด ส ฮ ฅ ฃ ษ ซ ทำขึ้นเพื่อรองรับเสียงต่างถิ่นที่นำเข้ามา เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าครับ อักษรพราหมี  อักษรเทวนครี เกิดก่อนประวัติศาสตร์ประเทศไทยนานมาก แล้วคุณว่า ภาษาไทยจะเอาอะไรไปมีอิทธิพลเหนือภาษาเหล่านั้น ต่อให้ภาษาพูดบรรพบุรุษภาษาไทย เกิดพร้อมๆ กับภาษาสันสกฤตหรือภาษาบาลี แต่สองภาษานั้น มีระบบอักษรก่อน ฉะนั้นภาษาไทยที่รับคำยืมมาใช้ที่หลัง ไม่มีทางที่จะเป็นต้นฉบับของการใช้ตัวอักษร สูงกลางต่ำแน่ อีกอย่าง  คขฃฅ   สษศซ  ถทฐฒฑ  ภพ ฉชฌ ตฏ    อักษรพวกนี้ ในภาษาสันสฤต ออกเสียงต่างกันด้วยนะครับ ไม่ได้ออกเสียงต่างกันแค่วรรณยุกต์พื้นเสียงแบบบ้านเรา จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 20:01:58

ความคิดเห็นที่ 15 อยากให้อ่านที่นี่ดูครับ http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2868.0 จากคุณ : CrazyHOrse เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 20:15:31

ความคิดเห็นที่ 16   คห ที่ 13 ภาษาจีนท้องถิ่น มีเสียงต่างกัน จำนวนของเสียงวรรณยุกต์ก็ต่างกัน เช่น ภาษากวางตุ้งมีเสียงวรรณยุกต์ 8-9 เสียง ภาษาแมนดาริน มีเสียงวรรณยุกต์เพียง 4 เสียง เมื่อกำหนดภาษาแมนดารินให้เป็นภาษาจีนกลางแล้ว เสียงและรูปของวรรณยุกต์ก็กำหนดให้ตรงกัน มีเพียง 4 เสียง การกำหนดให้รูปวรรณยุกต์กับเสียงวรรณยุกต์ไม่ตรงกัน เป็นความยุ่งยากของภาษาไทย (เดิมภาษาไทยก็ไม่เคยมีรูปวรรณยุกต์ ตาม คห ที่ 13 แต่คนที่คิดรูปวรรณยุกต์เข้าไป กลับใส่รูปวรรณยุกต์ไม่ตรงกับเสียง ทำให้ภาษาเขียนยากขึ้น) จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 21:07:30 A:58.9.142.210 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 17 จะเกี่ยวกับทำนองเสนาะหรือเปล่าครับ เพราะถ้าคนสุดท้ายของวรรคเป็นอักษรอยู่ในหมวดใดก็ออกเสียงตามนั้น อย่างไม้สุดสูง สูงก็ออกเสียงที่สูงหน่อยอ่ะครับ จากคุณ : paracelsus (paracelsus) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 22:52:38

ความคิดเห็นที่ 18 ยกตัวอย่างเช่น คำว่า มัน แปลว่า 1.ลื่น 2.พืชชนิดหนึ่ง 3.สรรพนามบุรุษที่สาม 4.สนุก หรือคำว่า คน แปลว่า 1.ทำให้เข้ากัน 2.มนุษย์ คำว่า เขา แปลว่า 1.สรรพนามบุรุษที่สาม 2. อวัยวะบนหัวสัตว์บางชนิด (เขาควาย) 3. ภูเขา ซึ่งเป็นคำที่พ้องทั้งเสียงและรูป แต่เราก็ไม่สับสนมัน ตอนยกเลิก ตัวอักษร และปรับให้มาเป็นอักษรกลางนั้น อาจจะมีสับสนบ้าง แต่เชื่อว่า ไม่เกินสิบห้าปี เราจะชิน และใช้การสะกดแบบใหม่ได้ดีกว่าแบบเก่าแน่นอน เพราะตอนนี้ นักเรียนนักศึกษา และคนทั่วๆไป ส่วนมากก็อธิบายไม่ได้แล้วว่า ทำไม ล่า ออกเสียงโท แต่ว่า ป่า จึงออกเสียงเอก และส่วนมีคนที่ไม่สามารถใช้ตัวอักษรทั้งสามชนิดนี้ได้อย่างดี อยู่มากมาย คิดที่ปัจจุบันและอนาคตนะครับ ส่วนเรื่องในอดีต ที่มาของภาษา เก็บไว้ให้นักภาษาศาสตร์ทำงานกันก็พอ ส่วนตัวผมเห็นว่า ถ้าเราเปลี่ยน ยกเลิกอักษรสูง แล้วปรับอักษรต่ำให้เป็นอักษรกลางทั้งหมด ภาษาไทยจะเรียนง่ายขึ้น และมีคนต่างชาติ สนใจเรียนภาษาไทยมากขึ้น ทำให้ประเทศไทย มีค่ามากขึ้นในเวทีโลกครับ ข้อเสนอให้เปลี่ยนดังนี้ อักษรเป็นอักษรกลางทุกตัว สี่สิบสองตัว เหลือไว้ทั้งหมดก็ได้ หรือยกเลิกอักษรสูงไปให้หมดก็ได้ ยกเลิกการใช้ ห นำอักษรต่ำไม่มีคู่ ให้ใช้จัตวาแทน จากที่ความเห็นบนๆ บอกว่า อักษรต่ำเดี่ยว จะออกเสียงจัตวา มักจะมีเสียง ห นำออกมา ถ้าจะพูดแบบนั้น ที่จริงมันก็นำทุกวรรณยุกต์นั่นแหละไม่เฉพาะเอกกับจัตวา จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 00:05:02

ความคิดเห็นที่ 19 ใช่ครับจริงปรับเสียงให้เป็น 21 รูปเหมือน พาสาลาว จะทำให้ง่ายขึ้นมากครับ ส่วนรูปการเขียนก็ปรับออกมากก็ได้  ไม่ต้องไปคำนึงรากศัพท์เก่าหรือความสวยงาม ถ้าจะคง อักษร สูงกลางต่ำ ไว้ก็ได้ครับ แต่ตัดวรรญยุกต์ หรือ เอก กะ โท ก็เพียงพอ กับเสียงแล้วครับ   ส่วน กลางที่จะผัน จัตวา กับ ตรี  ก็มีไม่กี่คำ ส่วนใหญ่เป็นคำ เลียนเสียงธรรมชาติ  เพราะ อักษรกลาง เป็นเสียงที่ คำไทยไม่ค่อยผันอยู่แล้วครับ คำที่ใช้บ่อย ก็มี เดี๋ยว  ก็ผันเสียงมาจาก เดียว เดี่ยว  ส่วนคำอื่น ๆ ใช้เพื่อผันเสียง ให้ครบเป็น   กา  ก่า  ก้า  ก๊า  ก๋า   เห็นว่า  ก๋าจะไม่ค่อยใช้ เพราะเสียงมันแข็งไป นอกจากภาษาถิ่นเท่านั้น   ก๋า  จะไปคล้าย ขา  เพราะเมื่อเสียงแข็งผัน ไปรูปตรี ก็จะคล้าย พวกเสียงสูง พวกเสียงสูงส่วนใหญ่เป็นเสียงที่พ่นลมออกมา ในขณะที่อักษรกลาง จะเป็นเสียงก้อง ที่มีการสั่น และไม่พ่นลมมาก  เช่น  ปา กับ  พา (ผา)   ทำให้ กลาง ไม่จำเป็น ต้องผันเสียงครบรูป  ป๋า หากพ่นลมออกมาก ก็จะเป็น ผา   ผมเคยคิดว่า จริง แล้วเราต้องกำหนด อักษร 2 ชุดคือตัวที่เริ่มด้วยเสียงกลาง กับตัวที่เริ่มด้วยเสียง จัตวา  แล้วใช้วรรณยุกต์แค่ เอก-โท แค่นี้เราก็ผันได้ หมดแล้ว ไม่ต้องใส่ ห-นำ  หรือสร้างรูปซ้ำซ้อน เมื่อมีเสียง 21 เสียง  ก็มีเพิ่มตัวเสียงจัตวา ไปอีกรูป ก็แค่ 42 ตัวเอง โดยการกดชิพ ที่แป้นพิมพ์ เหมือนตัวเล็ก-ใหญ่ ในภาษาอังกฤษ แป้นที่เหลือไปสร้างรูปสระ ให้ครบก็พอแล้วครับ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 10:26:34

ความคิดเห็นที่ 20 เช่น  ก  แล้วเราก็สร้างอีกรูปของ  ก ที่เป็นเสียงจัตวา  เช่นผมเอารูป k มาแทนเสียง   /ก๋/   ก่อน การผัน เราก็ผันตามกฏ             กา   ก่า    ก้า/ k่า    k้า    kา เหมือนการผันรูปอักษรสูง          คา  ข่า    ค่า/ข้า       ค้า     ขา จะเห็นว่ามันซ้ำที่เสียงโท  จะมี 2 รูปอันนี้เป็นเอกลักษณ์ทางภาษา เพราะว่า รูปเอก นอกจากจะใช้ผันแล้ว ยังให้ความรู้สึกที่เสียงจะสั้นกว่า ตัวที่เป็นรูปโท รูปโท  แม้ว่าไปอยู่ กับสระเสียง สั้น  แต่จะทำคำนั้นเหมือนลากเสียงไปยาวกว่า เช่น คำว่า น้ำ  (เราออกเป็น น้าม)   แต่ ท่าน (ดันออกเป็น ทั่น)  สิ่งเหล่านี้ เราเขียนใหม่ตามรูปใหม่ได้หมด ให้ตรงเสียงสั้นยาวครับ แค่นี้ภาษาไทยก็จะยังคงเสียงที่ไม่เฟ้อเกินไปและรักษาแบบฉบับได้ เมื่อก่อน นักภาษาไปเอาอักษรสันสกฤตมา   ร4 ท่านพบศิลาจารึก พบว่าเพื่อการทำให้ อักษรไทยง่ายเลยคิดอักษรแบบใหม่  แต่ว่าคนหัวโบราณต่อต้านมากไปครับ ไม่งั้น  คอมพิวเตอร์ เราจะเขียนได้ง่ายและพัฒนาระบบกราฟฟิตี้มากกว่านี้ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 10:37:01

ความคิดเห็นที่ 21 1. อักษร สามหมู่ ไม่ได้ คิดกฏก่อนนะคะ แต่เกิดจาก ตัวอักษรที่เราใช้ แล้ว เราแบ่ง รูปอักษร จากเสียงของอักษร พบว่ามันสามารถแบ่งได้ เป็นสามกลุ่ม ตามเสียงของอักษรค่า 2. เทอญ 3. ปัจจุบันนะคะ รวมทั้ง หลักสูตรที่ใช้สอนนักเรียนด้วย นักภาษาจะไม่นับ สระประสม เสียงสั้น จะถือว่าเป็น คำๆเดียวกัน ถือว่าเป็นหน่วยเสียงเดียวกัน เรื่องสระ อำ ไอ ใอ เอา ที่ว่าเป็นคำเป็น เพราะว่าเมื่อประสมกับพยัญชนะต้นแล้วท้ายเสียงจะออกเสียง /-ม/ /-ว/ /-ย/   อืม มมม  จริงๆ เรื่องคำเป็นคำตาย มันจะเกี่ยวกับ การออกเสียงที่เป็นเสียงก้องและไม่ก้องด้วย ยาว...พอสังเขปแล้วกันนะคะ น้ำ ออกเสียง น้าม   นำ ออกเสียง นำ >>> อย่ายึดติดว่า ประสมกับสระเสียงสั้น แล้วต้องออกเสียงสั้น  ตามธรรมชาติแล้ว เราออกเสียงยาว ให้ยึดที่เสียงคะ อย่าดูที่รูป เพราะ ตอนนี้เราพูดถึง เสียง ไม่ใช่รูป จากคุณ : LittleGolden เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 20:34:12

ความคิดเห็นที่ 22   น่าสนใจครับ อยากให้ตั้งและตอบกระทู้แบบนี้กันเยอะ ๆ จะตามเซฟเก็บไว้ให้หมดเลย จากคุณ : พลายแป้ง เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 23:47:23 A:128.178.246.27 X: TicketID:120371

ความคิดเห็นที่ 23   การเปลี่ยนระบบการเขียนยาก เคยพยายามกันมาแล้วมากกว่า ๑ ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ บางภาษาเปลี่ยนได้ เช่น ภาษาจีนที่ใช้แบบใหม่ แต่บางภาษาเปลี่ยนยาก เช่น ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ แต่ อเมริกันเปลี่ยนได้ก็แึค่กล้อมๆแกล้มๆ เวลาเรารับคำมาจากภาษาอื่น ตัวสะกดเป็นส่วนหนึ่งซึ่งช่วยบอกที่มา การจัดอักษรสามหมู่หรือไตรยางศ์ เนื่องจากแต่ละหมู่มีระบบวรรณยุกต์เหมือนกันทั้งรูป ทั้งเสียง เป็นกฎการเขียน ยังมีปัญหาเรื่องหลักศิลาจารึกว่า มาจากสมัยพ่อขุนรามคำแหงจริงหรือ ไม่แน่ว่าบทสรุปเป็นยังไง สระ ต้องแยก ว่าเป็นสระเดี่ยว หรือสระประสม สระ ำ คือ ะ + ม จากคุณ : เจนจิรา เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 07:37:29 A:173.79.137.244 X: TicketID:170090

ความคิดเห็นที่ 24   การเปลี่ยนระบบการเขียนยาก เคยพยายามกันมาแล้วมากกว่า ๑ ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ บางภาษาเปลี่ยนได้ เช่น ภาษาจีนที่ใช้แบบใหม่ แต่บางภาษาเปลี่ยนยาก เช่น ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ แต่ อเมริกันเปลี่ยนได้ก็แึค่กล้อมๆแกล้มๆ เวลาเรารับคำมาจากภาษาอื่น ตัวสะกดเป็นส่วนหนึ่งซึ่งช่วยบอกที่มา การจัดอักษรสามหมู่หรือไตรยางศ์ เนื่องจากแต่ละหมู่มีระบบวรรณยุกต์เหมือนกันทั้งรูป ทั้งเสียง เป็นกฎการเขียน ยังมีปัญหาเรื่องหลักศิลาจารึกว่า มาจากสมัยพ่อขุนรามคำแหงจริงหรือ ไม่แน่ว่าบทสรุปเป็นยังไง สระ ต้องแยกว่าเป็นสระเดี่ยว หรือสระประสม สระ ำ คือ ะ + ม = คำเป็น ไ ตามระบบสัทศาสตร์ เป็นสระประสม คือจากเสียงสระ อะ + สระ อิิ ใ ก็เช่นกัน แต่ที่ใช้ตัวนี้เพื่อบ่งที่มา เสียงเดิมคือ เออว กลายเป็นเสียง ไ เ-า ตามระบบสัทศาสตร์ เป็นสระประสม จากเสียงสระอะะ + สระอุุ จากคุณ : เจนจิรา เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 07:39:35 A:173.79.137.244 X: TicketID:170090

ความคิดเห็นที่ 25 คิดสร้างสรรค์แบบนี้น่าติดตามครับ เช่น#18 และกระทู้ต่อๆมา.....อยากให้ยกตัวอย่างสรุปทั้งหมด ปฏิรูปภาษาแล้ว จะมีลักษณะขั้นสุดท้ายเป็นอย่างไร? ************ มีผลไปถึงการประหยัดพลังานและเวลา******* จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 10:52:42