ความคิดเห็นที่ 1 มีสัตว์ของชาวจีนมาช่วยค้ำจุนด้วย จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:00:51

ความคิดเห็นที่ 2 ดูเหมือนจะเป็นแขนนาง หรือคันทวย แต่ตำแหน่งที่ติดตั้ง มันไม่ใช่ตำแหน่งของคันทวย น่าจะใช้ประดับเสาอย่างเดียว จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:05:00

ความคิดเห็นที่ 3 คติความเชื่อของกลุ่มไทยลาวจะใช้นาค เป็นราวเป็นบันได สำหรับให้พระพุทธองค์เสด็จกลับจากเทศน์โปรดพุทธมารดาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ที่นี่นาคกลายพันธุ์มาเป็นมังกรแล้ว เอาล่ะ ตัวยาว ๆ คล้ายๆ กันนั่นแหละ จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:13:58

ความคิดเห็นที่ 4 เข้าไปถ่ายรูปกันใหญ่เลย จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:15:02

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นภาพนี้แล้วคิดเห็นลายฟอกคำที่ผนังสิมวัดเชียงทองที่หลวงพระบาง เพียงแต่ที่วัดเชียงทองพื้นเป็นรักสีดำเท่านั้นเอง งานศิลปะแบบนี้เรียกว่าลายติดดอก แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 53 21:35:49 แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 53 21:33:14 จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:16:38

ความคิดเห็นที่ 6 แปลงร่างแล้วครับ จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:17:49

ความคิดเห็นที่ 7 ... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:18:15

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนของหลังคาจะอ่อนโค้งคล้ายวัดเชียงทอง จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:23:27

ความคิดเห็นที่ 9 เจ้าสิงห์ตัวนี้ยืนยกขาข้างขวดมานาน เหนื่อย เลยนั่งพักซักเดี๋ยว กลายมานั่งเป็นทวารบาลอยู่หน้าโบสถ์ พอยืนขึ้นยกขาหน้า มันต้องไปอยู่ข้างขวดทันที  น่าสงสารมันเนาะ จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:26:28

ความคิดเห็นที่ 10 เดินดูรอบ ๆ วัด จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:27:27

ความคิดเห็นที่ 11 ... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:28:26

ความคิดเห็นที่ 12 ... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:29:05

ความคิดเห็นที่ 13 เครื่องไม้หลังคา จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:29:44

ความคิดเห็นที่ 14 ไอ้ที่ห้อยย้อยลงมาตรงมุมปลายสุดของหลังคาเรียกว่าดอกหยอด จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:37:32

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมาเบิ่งครับ จากคุณ : กุมารสยาม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:38:35

ความคิดเห็นที่ 16 .... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:39:05

ความคิดเห็นที่ 17 ตามที่ฟังมาเขาบอกว่า วัดนี้สร้างเมื่อ พ.ศ.1055 ส่วนวิหารหลังนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 1126 จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:52:59

ความคิดเห็นที่ 18 ... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:53:30

ความคิดเห็นที่ 19 .... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:53:54

ความคิดเห็นที่ 20 .... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:54:53

ความคิดเห็นที่ 21 ... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:55:19

ความคิดเห็นที่ 22 ... จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:55:45

ความคิดเห็นที่ 23 แถมด้วยลายผ้าทอไทลื้อครับ จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:56:48

ความคิดเห็นที่ 24 โอ ...มี กุมารสยามมาปาดด้วยแหละ เหมือนเดินคนเดียวกลางป่า จู่ ๆ ก็เจอเพื่อนยังงั้นเลยล่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ จากคุณ : ทองเบิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 21:59:19

ความคิดเห็นที่ 25 อยากไปเที่ยอย่างนั้นจัง แหะ แหะ แหะ  ภาระครอบครัวเยอะ ขอบคุณครับ จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 03:52:14

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ทราบว่า เป็นไม้อะไรครับ อีกไม่ช้า อาจารย์ ทองเบิ้ม จะไปเก็บข้อมูล ไทลื้อ สิบสองปันนา  อีกครั้ง ก็จะได้ดูภาพที่หายาก  กันอีก แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 53 18:02:29 จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 09:19:14

ความคิดเห็นที่ 27   ประโยคเด็ดครับ ในวัดมีพระไป่ ดูดังจะไม่มีพระอยู่ซะนี่ จากคุณ : คนที่คุณรู้ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 12:20:01 A:125.26.223.248 X: TicketID:251205