ความคิดเห็นที่ 1   จากที่อ่านมา ดิฉันเห็นว่าเพื่อนคนนั้นของคุณฉลาดกว่าตัวคุณเองเยอะเลยนะ คุณคงจะเป็นพวกชอบดูถูกคนอื่น โง่แล้วอวดฉลาด (ขอโทษทีพอดีนึกสุภาษิตไม่ออก) จากคุณ : korsakoff เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 06:18:00

ความคิดเห็นที่ 2   -*-เค้าทำผิดอะไรเหรอ  ตั้งใจเรียนเพื่อให้คะแนนดีขึ้น เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่เรียน เราว่ายังดีกว่า ไปเล่นกับเพื่อน แล้วได้คะแนนเยอะอีกนะ เพราะเึค้าแสดงถึงความมุมานะ มุ่งมั่น ทำแบบนี้แหละถึงจะประสบความสำเร็จ ไม่มีใครโง่เกินเรียนหรอก จากคุณ : Neophillia เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 06:46:59

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท.ต้องช่วยเป็นกำลังใจให้เพื่อนคนนี้นะคะ เก่งไม่กลัว กลัวขยันค่ะ จากคุณ : งามสรรพ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:26:48

ความคิดเห็นที่ 4   รู้สึกชื่นชมในความพยายาม จากคุณ : ไม่เก่งก็ต้องขยัน เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:27:34 A:124.157.148.89 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลยอ่ะ -*- มีรุ่นน้อง(ที่บังเอิญรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ว่าออกมายื่นคะแนนเข้าใหม่) ก็ประสบปัญหาแบบที่คุณยกตัวอย่าง ชอบมาปรึกษาเราว่าเจอแต่เพื่อนอย่างนี้จะทำยังไง เราก็จะถามว่า" เค้าจ่ายเิิงินค่าเทอมให้แกรึเปล่าล่ะ" นั่นน่ะสิ คบเพื่อนแบบนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตเจริญเลย เป็นเราเราเลิกคบไปแล้ว แทนที่จะแนะนำเค้า ถ้ารู้ว่าเค้าทำผิดพลาดตรงไหน (อ่านเยอะอาจจะอ่านไม่ถูกจุด คุณอ่านน้อย อาจจะอ่านถูกจุด เลยได้คะแนนมากกว่าก็ได้) เพื่อนในกลุ่มเรามี 10 กว่าคน ทั้งหญิงชาย ปะปนกันไป ไม่เคยมีการดูถูกกันเมื่อเราได้คะแนนน้อยกว่า มีแต่จะให้กำลังใจกัน มีเพื่อน แล้วไม่นำพาให้ไปในทางที่ถูกที่ควร ไม่มีดีกว่า สงสารเพื่อนคุณอ่ะ ใจร้ายจัง เอาเวลาที่คุณเอามาพิมพ์ถามคนอื่นอ่ะ แบ่งไปคอยแนะนำวิธีอ่านที่คุณใช้แ้ล้วทำให้คุณได้คะแนนดีกว่าเค้าเนี่ย น่าจะดีกว่านะคะ ปล. ขออภัย อ่านแ้ล้วของขึ้น จากคุณ : noonaa_kade เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:32:58

ความคิดเห็นที่ 6 วัดกันด้วยข้อสอบมาทับถมกัน...นี่คือความคิดของเด็กประถมครับ... ไม่น่าเชื่อว่าคุณเรียนมาระดับสูงแล้ว..... จำชื่อเพื่อนคนนี้ของคุณไว้... แล้วอีก 20 ปี ลองมาดูกันสิว่าผู้ที่ตั้งใจหาความรู้อย่างไม่ท้อถอยนั้น จะมีความก้าวหน้าในชีวิตเช่นใด เมื่อเทียบกับพวกที่เฮฮาไปวันหนึ่งๆ เช่นคุณ และผองเพื่อน ชีวิตของใครจะประสบความสำเร็จและมั่นคงมากกว่ากัร จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:36:21

ความคิดเห็นที่ 7 ก็คงรู้สึกเหมือนเทพเห็นมนุษย์ ราชสีห์เห็นมด.... แต่ความเป็นจริงก็คือ...เพื่อนหมั่นไส้ เขาอาจไม่สนใจ... ราชสีห์อาจเห็นมดเป็นสิ่งมีชีวิตกระจิดริดด้อยค่า...แต่มดอาจไม่รู้หรือไม่สนใจการมีตัวตนของราชสีห์เสียด้วยซ้ำ จากคุณ : powerconduit เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:57:50

ความคิดเห็นที่ 8 ทำไมน้องไม่ไปช่วยสอนเค้าอะคะ  เก่งมากชิมิ วิธีคิดแบบนี้ของน้อง  ไม่ดีนะคะ  มานั่งคิดว่าคนโน้นด้อยกว่า  คนนี้ด้อยกว่า แล้วพอเค้าพยายามก็ไปหมั่นไส้เค้าอีก ถ้าจะไปช่วยสอนแล้วเค้าปฎิเสธค่อยน่าหมั่นไส้หน่อย มีเมตตามากกว่านี้หน่อยสิคะ สังคมจะได้น่าอยู่ จากคุณ : ฝ้ายผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:05:54

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเค้าไม่ขยันแบบนี้ เค้าอาจจะได้คะแนนน้อยกว่านี้ก็ได้นะคะ ถ้าเป็นเรา  เราจะอาสาช่วยติวให้เลยล่ะ (ถ้าเค้าต้องการนะ) และถ้าถามว่ารู้สึกยังไง  รู้สึกชื่นชม  และเอาใจช่วยค่ะ แต่เมื่อเค้าได้คะแนนน้อย ก็จะให้กำลังใจเค้าต่อไปค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 08:44:26 จากคุณ : M.positive เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:42:57

ความคิดเห็นที่ 10 คนที่ทำงานด้วย  ผมชอบคนขยันมากกว่าคนเก่งครับ คนเก่งๆ นี่มักจะประมาท  พาลจะเอาตัวเองไม่ค่อยรอด เจ้าของกระทู้ไปคิดเสียใหม่นะครับ จากคุณ : Control.A เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:51:32

ความคิดเห็นที่ 11 เรานึกภาพคนลักษณะนี้ออกเลย  เพื่อนสมัยมัธยมมีแบบนี้เยอะ   ถ้าตอนนั้นเราตอบตรงๆว่าคงรู้สึกหมั่นไส้  และรำคาญ แต่ไม่ได้ว่าการกระทำนั้นเสียเปล่า   หากเราเอาคนทั้งห้องไปตัดสิน  เค้าก็คงไม่เก่งไปกว่าคนที่หัวดี(+ขยัน) แต่คุณอาจไม่ทันสังเกตก็ได้ว่าทุกครั้งที่เค้าพยายาม เค้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะแค่1คะแนนก็ตาม เราว่าถ้าคุณใกล้ชิดกับเค้าน่าจะลองสังเกตดูว่าเค้ามีวิธีการเรียนแบบไหน   เพราะดูท่าทางเค้าขยันแต่ไม่เห็นผลชัดเจน  และยังดูเหมือนเสียเปล่า น่าจะเป็นเพราะวิธีการมากกว่า  อย่างคนที่เรียนเก่งนอกจากคนหัวดีแล้ว เค้าจะมีวิธีการเฉพาะของแต่ละบุคคล จากคุณ : tibby-bibty เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 09:17:15

ความคิดเห็นที่ 12 คนเก่งผมไม่กลัว ผมกลัวคนขยัน เพราะคนเก่งแล้วหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองเจ๋งเป้งที่สุดแล้ว เขาจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่คนขยันเขาเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็แซงหน้าคนเก่งไป จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 10:08:17

ความคิดเห็นที่ 13 โห โดนซะ.. งั้นเราจะปลอบ พี่ๆเขาเตือนให้รู้ตัว ให้เก็บไปคิดเพื่อพัฒนาปรับปรุงตัวเอง คนที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว รู้หมดแล้ว เขาเรียก น้ำชาล้นถ้วย คือเติมอะไรลงไปก็ไม่ได้เพราะจะไหลทิ้งหมด ไม่มีงอกเงย คุณกำลังทำตัวเป็นน้ำชาล้นถ้วยนะครับ โปรดระวัง ผมเล่นแบดมินตัน แล้วก็ชอบเล่นเดี่ยวมากกว่าเล่นคู่ เล่นเดี่ยวนี่ตัวเราเพียวๆเลย ต้องสู้ ต้องแก้ปัญหา ต้องคิด ต้องวางแผน ต้องดวลกับฝ่ายตรงข้ามแบบตัวต่อตัว ชนะก็ดีใจ แพ้ก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง คู่ต่อสู้เจอมาแล้วทุกรูปแบบ เจอแบบที่เก่งเทพๆก็มี ไอ้อย่างนี้เราสู้เขาไม่ได้จริงๆทุกกระบวน เขาไว เขาแม่น เขาหนัก เล่นไม่นานเราก็ปิ๋วแล้ว ไม่เหนื่อยมาก คู่ต่อสู้ที่อ่อนกว่าเราน่ะ ไงๆเราก็ชนะ จะง่ายจะยากก็อีกเรื่อง ไอ้ที่สูสีก็สู้กันไป ต้องแลกกันด้วยกำลังและสติปัญญา ใครจะแพ้จะชนะก็อยู่ตรงใจ ที่ผมไม่ชอบที่สุดก็คือ ไอ้คนที่มันไม่เก่งแต่ทะลึ่งขยัน มันตีไม่สวยหรอก สโตรคลูกก็ท่าทางเก้งก้าง ฟุตเวิร์คก็ไม่มี วิ่งตั้บๆๆๆๆไล่ลูก เซแซ่ดๆๆๆ จะทันมิทันแหล่ ปัญหาคือ ท่าทางไม่สวยนี่แหละแต่มันกู้ทุกลูก ไล่ทุกลูก ทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่คำว่าถอดใจไม่มีในสารบบ ถ้าวิ่งไม่ทันมันก็ยิ้มทำใจ แล้วก็ตั้งใจเล่นลูกต่อไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรานึกว่ามันตายแล้ว ที่ไหนได้ มาเรื่อยๆครับพระเดชพระคุณ พักหลังเราลิ้นห้อยก่อนมัน มันยำเราซะหมดรูป เพื่อนถาม มรึงแพ้มันได้ไงวะ เราได้แต่ยิ้มแห้งๆบอก กรูก็ยังงงๆตัวเองนี่แหละ แต่สารภาพว่าหมดจริงๆ หมดไส้หมดพุงเลย แพ้ลูกขยัน ถ้าฟอร์มของคุณกับเพื่อนคุณเป็นอย่างว่านี่นะ เพื่อนคุณขยัน แล้วคุณอวดดีอย่างนี้ ไม่ต้องรอถึงยี่สิบปีหรอก ผมว่าสิบปีเห็นผล ผมกล้าท้าพนันว่าเขาต้องก้าวหน้ากว่าคุณ ผมเห็นมาเยอะ ประเภทหมูสนามจริงสิงห์สนามซ้อมนี่มีเป็นกระตั๊ก คนเราเขาบอกว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ผมกล้าถือหางเพื่อนคุณก็เพราะโอกาสยืนระยะของเขามีมากกว่าคุณ นี่เป็นคุณภาพสำคัญของคนเราอย่างหนึ่ง คุณคุยแต่ว่าเรียนเก่งกว่าเขาแต่คนเราจะก้าวหน้าได้ไม่ใช่เรียนเก่งอย่างเดียว มันต้องใช้คุณภาพอย่างอื่นด้วย ความอดทน ความขยัน ความสามารถในการปรับตัว มนุษยสัมพันธ์ ฯลฯ คุณต้องระวังนะครับ อย่าหลงผิดว่าเรียนเก่งกว่าเขาแล้วจะเจริญกว่าเขา หามิได้ ไม่แน่นัก .... จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 10:40:31

ความคิดเห็นที่ 14 นอกจากคะแนนได้ไม่ดีแค่พอผ่าน แต่ตั้งใจเต็มที่ และแถมยังโดนเพื่อนหมั่นไส้อีก คิดว่ามันจะคุ้มแล้วเหรอ ที่เค้าทำตัวแบบนี้...คุ้มซิ ชีวิตจริงๆมันอยู่ข้างหน้า หลังจากที่เรียนจบ และไปทำงานแล้วไม่ใช่หรือ คนเก่งที่มีนิสัยถ่อมตน และช่วยเหลือผู้อื่น มักจะไปได้ไกล แต่คนขยันที่ไม่เก่ง ก็มักจะไปได้ไกลกว่าคนเก่งที่ยะโส และชอบดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่นนะ คิดว่า จขกท. ก็คงจะคุ้มกับการตั้งกระทู้นี้เหมือนกันน่ะแหละนะครับ จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:27:10

ความคิดเห็นที่ 15 ชื่นชมคนขยันครับ อย่างน้อยคนๆนั้นต้องมีเป้าหมาย มีความมานะพยายาม รู้จุดเด่นด้อยแล้วเอามาปรับปรุง ไม่หลงทาง จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:28:08

ความคิดเห็นที่ 16 ที่ท่านพี่แอ๊ดฯพูดมาก็ถูกต้องทุกประการ โดยเฉพาะไอ้ตรงที่ว่าคนที่เรียนเก่งกว่าใช่ว่าจะประสพความสำเร็จกว่าคนที่เรียนอ่อนกว่า เพราะว่าในชีวิตจริงนั้นมันไม่ได้วัดกันแค่ไอ้เรื่องการเรียนอย่างเดียวหรอกครับ แต่มันยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกเยอะแยะ อย่างเช่นบุคคลิกภาพกับมนุษย์สัมพันธ์เป็นยังไง นิสัยเป็นยังไง มีความนอบน้อมถ่อมตน มีความมานะอดทนในการทำงานหรือไม่ รู้จักการแยกแยะอะไรหรือเปล่า หรือว่าเป็นเฉพาะเพียงแค่ว่าฉลาดแต่ไม่เฉลียว ซึ่งมีเยอะครับไอ้คนประเภทที่ว่าฉลาดแต่ไม่เฉลียวนี่ และปัจจัยสุดท้ายก็คือจังหวะและโอกาส หรือพูดง่ายๆก็คือไอ้เรื่องดวงนี่แหละ ดูอย่างผมดิ สุดท้ายก็ต้องออกมาทำเอง เพราะทำงานออฟฟิศแล้วมันไม่รุ่ง เนื่องจากนิสัยผมมันค่อนข้างจะห่วยคือชอบเป็นไอ้พวก lonewolf เล่น woflpack ไม่เป็น ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วก็ออกจะขวานผ่าซากเกินไปหน่อย ไอ้ทีแรกนั้นก็คิดน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาเหมือนกัน ที่เห็นเพื่อนร่วมรุ่นเค้าไปถึงไหนๆกันแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้คิดว่าจะไปเอาเรื่องของเค้ามาหนักหัวเราทำไม จากคุณ : piras เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:32:41

ความคิดเห็นที่ 17 สมัยเราเรียน ม. ต้น นะเจอนักเรียนคนหนึ่ง เป็นแบบเพื่อน จขกท เลยหละ เวลาพัก เขาไม่ไปพัก ไม่ไปเล่น เอาอาหารใส่กล่องมานั่งกิน นั่งเรียนในห้องเรียน เขาเป็นเด็กบ้านนอก คงเด็กท้องนา ตัวดำด้วยแดดกร้าน ตอนเข้ามาเรียนใน กทม เขาคงอ่อนมากๆจริงๆ (เพราะโรงเรียนเก่าเขาอยู่ชนบทไกลปืนเที่ยง) เขาจึงต้องเรียนไล่กวดพวกเรา เราสงสารเพื่อนคนนี้มากๆ ไม่เคยคิดเยาะเย้ยเขาเลย ได้แต่เอาใจช่วยว่าเขาจะเรียนทันพวกเรา กาลเวลาผ่านไป เพื่อนที่นี่สงสารคนนี้ ทำได้จริงๆนั่นหละ ถึงเขาจะไม่เก่งทาบรัศมีเด็กเก่งที่สุด แต่เขาก็สอบได้ที่ 4-5 ของห้อง ซึ่งเก่งกว่าพวกเด็ก กทม ที่คิดว่าหัวไว แล้วขยันน้อย มัวแต่เล่น เสียอีก แต่ไอ้ ที่ 1-3 ประจำห้องน่ะ ไม่มีใครไปเอาชนะพวกเขาได้เลย ด้วยเหตุผลอันง่ายๆก็คือว่า ทั้ง 3 คน เป็นลูกคนจีนหมด พวกเขาไปเข้าโรงเรียนจีนเรียนภาษาจีนกับเรียนวิชาอื่นๆมาแล้วตั้งแต่เด็กๆ เขียนภาษาจีนคล่องแล้ว "ปลอมอายุจากเกือบๆ 20 เข้ามาเรียนปนกับเด็กไทยที่อายุแค่ 14-15 เอง" เด็กอายุมากกว่าประสบการณ์มากกว่า ก็ต้องได้เปรียบอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาวิทย์และคำนวณลูกคนจีนพวกนี้เก่งมากๆ แบบน่ามหัสจรรย์ เรางงว่าเป็นเพราะอะไรกัน?  ครั้นพอเราโตขึ้นเราเคยลองเรียนภาษาจีนดู ก็เลยค้นพบความจริงว่า การทำความเข้าใจระบบการเขียนอักขระจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเปิดพจนานุกรมหาศัพท์ภาษาจีนนั้น "ตรรกะมันเหมือนวิชาคณิตศาตร์มากๆเลยหละ" มิน่าล่ะ จีนถึงมีนักคณิตศาตร์ระดับโลกหลายคน ไม่แพ้ฝรั่งเลยหละ... นี่แสดงว่าลูกคนจีนพวกนี้ เรียนตรรกะชั้นยากๆมาแล้วจนอายุเกือบๆ 20 แล้วปลอมอายุ ลงมาเรียนวิทย์กับคณิตแข่งกับเด็กไทยอายุแค่ 14-15 เอง เด็กจีนก็เลยชนะขาดลอยเลยหละ... แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 12:55:19 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 12:52:46

ความคิดเห็นที่ 18   แฮ่..สารภาพตามตรงว่าเป็นคนเหมือนที่เจ้าของกระทู้ไม่ค่อยชอบนะแหละครับ แถมเวลาเล่นแบดก็เป็นแบบคุณแอ๊ด ปากเกร็ดว่าเลย(แต่เล่นไม่เก่งขนาดนั้นนะ) ตอนสมัยเด็กๆรู้ตัวว่าทำอะไรไม่ทันเพื่อนครับเลยทำให้ไม่อยากทำไปเลย ตอนม.ปลายเรียนสายวิทย์แต่ติดศูนย์วิชาวิทยาศาสตร์ทุกวิชาติดกันสี่เทอม คือนอกจากโง่แล้วยังขี้เกียจด้วยตอนนั้นคิดเลยละครับว่าชีวิตไม่เจริญแน่ เรียนมหาวิทยาลัยก็ทำงานกับเพื่อนลำบากครับเพราะทำอะไรตามเขาไม่ค่อยทัน หลังๆเลยคิดว่าถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไปชีวิตคงเอน็จอนาถ ก็เลยเริ่มอาศัยลูกอึดบอกตัวเองทุกวันละครับว่าถ้าโง่ก็ให้ขยันท่องเข้าไป เคยอ่านหนังสือตั้งแต่เช้าตกเย็นเป็นเดือนสอบออกมาได้แค่ผ่านมีนก็มี แต่ก็ไม่ท้อครับเพราะเมื่อก่อนสอบก็ตกมีนตลอด ทำไปสักปีกว่าๆนี่แหละครับ เข้าเรียนทุกวันเกรดก็เริ่มขยับจากสองนิดเป็นสาม แล้วเป็นสามเยอะๆ หลังๆสามจุดแปดสามจุดเก้าก็เป็นเรื่องปกติ อาศัยลูกอึดล้วนๆ จบมามานั่งดูทรานสคริปต์ตัวเองแล้วรู้สึกภูมิใจครับ จะบอกว่าระยะยาวนี่ขยันอย่างต่อเนื่องมีผลจริงๆนะเพราะคนหัวช้านี่ความท้าทายมันอยู่ตรงที่การเปลี่ยนแปลงทีละนิดนี่ละครับ ถ้าหัวไวหน่อยคงมองไม่เห็นหรอกเพราะอะไรๆก็ดูง่ายไปหมดมันเลยไม่ค่อยท้าทาย จากคุณ : ขยันดีกว่านะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:11:07 A:141.54.140.42 X: TicketID:100676

ความคิดเห็นที่ 19 น่าจะเห็นใจเค้ามากกว่านะคะ นี่ขนาดตั้งใจเรียนแทบตายยังได้ขนาดนี้ถ้าเรียน ๆ เล่น ๆ อย่างพวกน้องนี่ไม่รู้จะเป็นยังไงเลย จากคุณ : Pangploypailin เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:13:32

ความคิดเห็นที่ 20 บอกตรง จากที่เห็น แบบเพื่อนคนนี้ พยายามยังไงก็ไปได้ไม่สุดหรอกค่ะ ถ้าเทียบกับเพื่อนที่หัวดีกว่าร่าเริงกว่า เพราะความขยันอย่างเดียวจะไม่ได้เรื่องของการคิดพลิกแพลง ความรู้รอบตัว และ ไหวพริบต่างๆ รวมไปถึงทักษะสังคมด้วย แต่เจ้าของกระทู้ก็ไม่น่ารักที่ไปหมั่นไส้เขา ควรทำความเข้าใจแล้วชวนเค้าไปเปิดหูเปิดตาบ้าง โดยบอกเค้าว่าฝึกสมองอะไรก็ว่าไป ช่วยปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็งให้เค้า แล้วเค้าก็จะเรียนดีขึ้น และที่สำคัญ คุณจะได้มิตรมาเพิ่มอีกหนึ่งคน อย่างน้อยเผื่อวันไหนไม่ไ้ดเข้าห้องเรียน ยังฝากจดเผื่อ+แลกกันติวได้อีก ดีจะตายไปค่ะ จากคุณ : scarlett เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:34:46

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบอกว่าถ้าคนเก่งอย่าง จขกท และผองเพื่อนคิดได้เท่านี้ ผมว่าอย่าไปเรียนมันเลยนะหนังสือนะ ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะแค่คุณสมบัติพื้นฐานของคนที่มีการศึกษาพึงจะมี อันได้แก่ การเป็นคนที่คิดเป็น + ความเอื้ออาทรที่มนุษย์พึงมีต่อกัน...ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมสงบสุข พวกคุณยังติดลบเอาอย่างมาก อีกหน่อยเรียนจบไปจับผลัดจับผลุได้เข้าไปเป็นใหญ่เป็นโตคงยุ่งน่าดู (เรามีคนแบบนี้ในสังคมของเรามากพอแล้ว แถวบ้านผมเรียกว่า ถ้าเป็นกบเป็นเขียดคงจับขาฟาดกับขอบบ่อตายไปแล้ว) ปรับปรุงทัศนคติของพวกคุณ ด่วน! จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:52:48

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาเสริมคุณ piras ครับ การที่ จขกท เรียนเก่ง มันยังแค่เด็กประถม ถึงแม้ว่าในใบปริญญาบัตรจะระบุว่าปริญญาก็เถอะ จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้นั้น ยังมีปัจจัยอีกเพียบ อย่างที่คุณ piras ว่าจริงๆ ถ้ายังไม่นับปัจจัยอื่น เอาแค่ความรู้พื้นฐานอย่างเดียว แค่นี้คุณก็ต้องขวนขวายหาความรู้อยู่ตลอดเวลาแล้ว เพราะมีวิทยาการใหม่ๆ เกิดขึ้นในโลกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ ฯลฯ ถ้ามัวแต่คิดว่าตูข้านี้แน่ที่สุดแล้วโว้ย เลยไม่ขวนขวายตามโลกให้ทัน ลูกน้องคุณที่ขยัน เขากระโดดข้ามหัวคุณไปได้อย่างง่ายดายนะครับ ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด ก็คือเรื่องบัญชีที่คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการมักเข้าใจว่ามันนิ่งแล้ว ไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็ได้ มันไม่นิ่งหรอกครับ การบัญชีนั้นมีสองอย่าง คือการบัญชีเพื่อเสียภาษีอากร กับ การบัญชีเพื่อการบริหาร การบัญชีเพื่อเสียภาษีอากรนี่แหละครับ ต้องตามให้ทัน เพราะมีกฎหมายใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาเป็นระยะๆ ถ้าไม่ตาม หรือตามไม่ทัน ในบางกรณีผลกระทบของมันถึงขั้นบริษัทเจ๊งได้เลยนะครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:59:47

ความคิดเห็นที่ 23 ขยันเป็นสิ่งที่ดี น่ายกย่อง ชมเชย แต่เพื่อนก็สำคัญ ควรจะมีเวลาให้กับเพื่อนบ้างครับ สำคัญคือการบริหารเวลา จากคุณ : หอบหืด เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 14:23:31

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อนคนนี้จัดสรรเวลา และบริหารสังคมรอบๆ ตัวเค้าไม่ถูกครับ ผมมีเพื่อนหลายคนที่เค้าขยัน ขยันจริงๆ ขยันประมาณว่าตอนอยู่ ม.4-ม.5 ก็อ่านหนังสือแคลคูลัสปี 1 จบไปหมดแล้ว (เดี๋ยวนี้ไม่ได้ติดต่อกัน ไม่รู้ว่าจบ ดร.จาก MIT หรือยัง) แต่ที่โรงเรียนเค้ามีเพื่อน เพื่อนรัก เวลาว่างไปเตะบอล เล่นกีฬา เลิกเรียนก็ยังเล่นกีฬากับเพื่อนๆ ก่อนกลับบ้าน คนขยัน เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ แต่ต้องไม่ทิ้งเรื่องอื่น เพื่อนและสังคมก็สำคัญมากเช่นกัน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:28:03

ความคิดเห็นที่ 25 สาธุ ดูจิตตัวเองก่อนเถอะครับ ช่วยกันให้กำลังใจคนทำดี สังคมไทยจะได้ไม่มีแต่คนค่อยอิจฉากันครับ บาป จากคุณ : pulwadol เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 16:56:36

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นใครทุกข์ เราสงสาร    เห็นใครสุข  เราสุขด้วย   ท่องๆไว้  เป็นที่มาของความสงบทางใจในชีวิต พยายามๆ   สู้ๆ   ให้กำลังใจค่ะ น้องจกท. จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 18:32:22

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วมันผิดตรงไหนคะ จขกท คนเรา ถ้าพยายามแล้วมันไม่ดีเหรอคะ จากคุณ : ม่านปักตระกูลแบล็ก เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 19:23:08

ความคิดเห็นที่ 28 รู้สึกว่า "ทำไมฉันไม่เอาอ่าวเท่าเขา" แค่นั้นแหละ จะหมั่นไส้ไปทำไม? จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 21:35:10

ความคิดเห็นที่ 29 มาอีกแล้วไอ้สันดอนพวกที่ชอบดูถูกคนอื่นนี่ ทำไมไม่แหกตาอ่านดูให้ดีซะก่อนว่าใครกันแน่ที่เรียนอ่อนกว่า ใช่ จขกท.หรือไม่ หรือว่าเป็นเพื่อนของเค้า ถ้าเป็นเพื่อนของเค้าล่ะก็ คุณไปบอกความรู้สึกของเพื่อนต่อ จขกท.เค้าทำไม เค้าไม่ได้ต้องการรับรู้รับทราบอะไรด้วย ไอ้ที่เค้าต้องการทราบก็คือว่าไอ้ที่เค้าคิดและเค้าทำแบบนั้นน่ะมันถูกหรือไม่ มีเจตนาแอบแฝงก็บอกมาตรงๆก็ได้ ไม่ต้องมาเอาอ่าวหรือว่ามาล่มปากอ่าวอะไรแถวๆนี้หรอก เพราะว่ามันไร้สาระ จากคุณ : piras เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 21:57:20

ความคิดเห็นที่ 30 ที่คนเก่งแทบจะไม่ต้องขยัน ก็เพราะว่าโชคชะตาหรือดวงดี แค่เข้าเรียนให้ครบ เขาแทบจะไม่ต้องไปอ่านหนังสือเพิ่ม เนื่องจากเป็นคนเรียนรู้ได้เร็ว ผิดกับคนขยันที่ไม่เก่ง(เรียนรู้ช้า) จึงต้องทำการทบทวนเพิ่มเติมนอกเวลา หนำซ้ำอาจจะขยันโดยเสียเวลาไปเปล่าเนื่องจากใช้เวลาทำความเข้าใจนาน (ก็เพราะว่าเกิดมาไม่ได้ดวงดีเหมือนคนที่เก่งไง) เลยทำให้คนเก่ง(เรียนรู้เร็ว)มีเวลาไปกินเหล้าแต่ก็ยังสอบได้คะแนนดีไงละ(มันคือเรื่องจริงที่เราได้เจอ ไม่อาจจะปฏิเสธได้) แต่คนไม่เก่งแต่ขยันต้องนั่งเรียนนอกเวลาด้วยตัวเอง เพื่อนเราบางคนใช้เวลาเรียนนอกเวลา แต่ก็ยังได้คะแนนน้อยกว่าคนที่เก่งแต่ออกไปกินเหล้า นั่นเป็นเพราะเขาเรียนรู้ช้า การเรียนรู้ไม่ได้แปรผันตรงกับความขยันเสมอไปนะ ของแบบนี้มันอยู่ที่ดวง อยู่ที่ว่าเกิดมาเป็นลูกใครหลานใคร สรุปคือ ถ้าเราเลือกที่จะกลัว เราจะกลัวคนที่เก่งแต่ไม่ขี้เกียจ (จะขยันหรือเปล่าเราไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้แย่จนกระทั่งเป็นคนที่ขี้เกียจ) จากคุณ : RaziexQ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 17:17:04

ความคิดเห็นที่ 31 การเรียนแล้วได้คะแนนนั้นจบที่โรงเรียน ถือว่าจบยกหนึ่งของมวยแห่งชีวิต ขึ้นต้นยกสอง ยกสาม ยกสี่ ยกห้า เขาชกกันบนเวทีชีวิตจริง ไม่ใช่มวยนักเรียน ปัจจัยเรื่องลูกอึด ลูกขยัน ลูกเล่นแปลกๆที่นอกเหนือจากมวยนักเรียน จะเริ่มมีบทบาท แม่ไม้ที่ไม่เคยเห็นไม่เคยใช้อีตอนชกมวยนักเรียนก็จะได้รู้ได้เห็น บางทีก็จะเจอกับตัวเอง หลบหลีกทันแก้ทันก็แล้วไป หลบไม่ทันแก้แม่ไม้ไม่ได้ก็เจ็บละ แม่ไม้ที่เขาห้ามตอนชกตามกติกานั้นพอขึ้นเวทีชีวิตจะมีการงัดมาใช้ทุกวิธี จิ้มลูกตา เตะผ่าหมาก ฯลฯ นอกเหนือไปจากลูกเล่นข้างล่างเวทีเช่น การติดสินบนกรรมการ การจ้างโห่ ฯลฯ คนที่คะแนนยกหนึ่งนำลิ่วนั้น ผมเคยเห็นโดนน๊อกตาตั้งตอนยกหลังๆมาเยอะแล้ว การที่คะแนนนำยกหนึ่งน่ะไม่ได้แปลว่าจะชนะแบเบอร์หรอก มันต้องเก๋าด้วย ขยันออกอาวุธไปเรื่อยๆด้วย เพื่อรักษาความได้เปรียบของตัว เหมือนกระต่ายกับเต่า ประสบการณ์ตรงจากขีวิตของนักสู้ที่ผ่านมาแล้วทั้งมวยนักเรียนและเวทีชีวิตทุกรูปแบบจนเขาเชิญลงเวทีไม่ให้ชกอีกแล้ว กลัวหัวใจวายตายคาเวทีเขา เชื่อพี่เถอะน้อง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 21:12:41

ความคิดเห็นที่ 32 เราว่ามันเกี่ยวกับดวงแค่ครึ่งเดียวค่ะ ที่เหลือมันคือการ สำรวจตัวเอง (ใช้คำน่ากลัวป้ะ 5555) เรื่องมันเริ่มจาก ห้องเราเป็นห้องที่มีเด็กนักเรียนหลากหลาย (มัธยมปลาย) พื้นฐานม.ต้นแตกต่างกัน มีทั้งขยันโคตรๆ และขี้เกียดโคตรๆ (อย่างเรา) เราเฝ้าสังเกตุ คนพวกนี้มาตลอด เพราะเราขยันไม่ได้ครึ่งของเค้า เราจึงได้คำตอบว่า ที่เค้านั่งอ่านกันเป็นชั่วโมงๆๆ หรืออ่านอะไรต่างๆนาๆ มันเป้นการอ่านที่ แบบยังไงดีอ่ะ จับจุด จับประเด็นไม่ถูกอ่ะ สักแต่ว่าอ่าน เรื่องบางเรื่อง มันต้องรู้ 1 2 3 ก่อนแต่พวกเค้าได้ข้ามขั้นตอนไป ไปนั่งจมกะขั้นตอนที่ 4 พอผลสอบออกมาก็เป้นงี้ และ ส่วนใหญ่ จะมาจาก คนที่ละเลยพื้นฐานตอนม.ต้น อย่างเช่น หาพีทากอรัสไม่เป็น แต่มานั่งเรียนตรีโกณ และตะบี้ตะบันอ่านอย่างบ้าคลั่ง กับอีกพวก คือ ไร้เทคนิคในการเรียน อ่านมันเข้าไป ตะบี้ตะบัน (มันเป็นวิธีที่ได้ผล แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน ใช่มั้ยคะ?) บางวิชา ต้องอาศัยความคุ้นเคย ทำโจทย์ อย่างคุณนั่งอ่านทฤษฎีเลข แต่ไม่เคยลองทำโจทย์ ทำโจทย์มันหลากหลาย มันก็เท่านั้น ถูกป้ะ เพราะฉนั้น เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่า เราเป็นคนที่ เรียนรู้จากอะไรแล้วเข้าหัวสมองมากที่สุด อย่าไปตะบี้ตะบัน และอย่าไปจมกับมัน สมัยนี้มีสื่อการสอน การเรียนรู้เยอะแยะ สูตรเลขยากแทบตาย ก็มาแต่งเป็นเพลงร้องกันสนุกสนาน อย่างเรา ให้นั่งอ่าน ไม่เข้าหัว เราก็นั่งทำแม๊ปปิ้งบ้างย่างบ้าง ตามประสา วาดรูป ปากกา 58 สี เอ้อออ มันเวิร์คกว่านั่งอ่านเป็นกองๆ (สำหรับเรานะ) เพราะฉนั้น คนที่คุณ จขกท พูดถึงอ่ะ บางทีเค้าก็อาจจะหัวดี แต่ยังหาจุดยืนของตัวเองไม่ถูกรึเปล่า ว่าควรจะเริ่มที่ตรงไหน ถ้าเค้าหาจุด(อธิบายยังไงดี) มันจะมีจุดๆนึง เรียกว่า เป็นกุญแจดีกว่า ถ้าเค้าหากุญแจในชีวิตเค้าเจอนะ รุ่งกว่าพวกหัวดีแต่ขี้เกียจเป็นไหนๆ เพราะสิ่งที่เค้ามีแต่คนขี้เกียจ(อย่างเรา) ไม่มี ก็คือ "ความพยายามและความมานะอดทน" เพราะคนหัวดี อะไรมันก็ได้มาง่ายๆ นี่คะ คะแนนไม่ต้องอ่านมาก ก็ได้ดี มันเลยทำให้ติดเป็นนิสัยเสียๆ ตอบกระทู้นะ ถ้าเจอคนแบบนี้ รู้สึก ชื่นชม มากๆ และ อยากให้เค้า ค้นหากุญแจให้เจอเร็วๆ จากคุณ : Mammillaria เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 21:38:00

ความคิดเห็นที่ 33 หัวไม่ดีแต่ขยันนี่น่าชื่นชมมากๆนะคะ แต่บางที เราว่าขยันอย่างเดียวไม่พอ ต้องจับประเด็น ต้องรู้วิธีอ่าน วิธีเขียน วิธีอะไรอย่างอื่นด้วย อย่างที่คุณ Mammillaria ว่านั่นล่่ะค่ะ คนที่เราว่าเค้าหัวดีๆ เค้าจับจุดตรงนี้ได้เลยทำให้เหมือนเค้าใช้เวลาน้อยกว่าในการทำความเข้าใจอะไร (อันนี้มาจากประสบการณ์ตรง เปรียบเทียบตัวเรากะเพื่อน) จากคุณ : Auntie DEE เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 53 07:29:06

ความคิดเห็นที่ 34   สำหรับฉัน ฉันคิดว่าเพื่อนคุณเขาฉลาดกว่าคุณอีกค่ะ ประการแรก เขารู้ตัวเองดีว่าเขารู้จุดอ่อนของตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงพยายามตั้งใจและทบทวนการเรียนของเขา ประการที่สอง แสดงว่าเขาเรียนไม่ได้แข่งกับคุณ แต่เขาแข่งกับตัวของเขาเอง แต่คุณเรียนเพื่อแข่งกับคนอื่น จึงกลับกัน ประการที่สาม การที่เขาไม่ไปร่วมกิจกรรมกับคุณ ก็อาจจะเป็นด้วยเหตุผลที่เขาได้อ้างกับคุณ หรือเหตุผลอื่นที่เขาไม่อยากบอกคุณด้วยความที่เขาเป็นคนสุภาพ ประการที่สี่ เพื่อนคุณฉลาดมากกว่าคุณที่ไม่คบคุณเป็นเพื่อนเขาค่ะ ประการที่ห้า ถ้าย้่ายที่เรียนเพื่อนคุณอาจได้คะแนนดีกว่าคุณ จากคุณ : แค่ผ่านมา เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 53 10:59:26 A:203.156.27.244 X:

ความคิดเห็นที่ 35 สมัยเรียนป.ตรี ก็มีเพื่อนหัวไม่ดีึแต่ขยันแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้คนนึงก็จบป.โท จุฬา คนนึงก็ไปเรียนต่อป.เอก ที่เมืองนอก เหอๆๆๆ จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 19:24:48

ความคิดเห็นที่ 36 นานเหลือเกิน แต่อยากตอบนะคะ รู้สึกชื่นชมมากค่ะ คิดแค่ว่า เขามีความพยายาม และตั้งใจ แค่นั้นเอง เราว่าคุณกำลังประมาท และไว้ใจตัวเองมากเกินไปนะคะ ไม่แน่นะคะ เพื่อนคุณคนนี้เขาอาจจะแซงหน้าคุณในวันใดวันหนึ่งก็ได้ ถ้าคุณยังคิดแบบนี้ และถือว่าตัวเองเก่ง ยังคิดดูถูกเพื่อนแบบนี้ นิทานอีสปยังมีเลยนี่คะ กระต่ายกับเต่า กระต่ายคิดว่าตัวเองไว วิ่งได้ชนะแน่ๆ และดูถูกเต่าที่มองว่าเป็นสัตว์เชื่องช้า สุดท้ายก็ประมาทแอบหลับ คิดว่าสักแปปเดียวคงไม่เป็นไร แต่เต่าก็พยายามเดินอย่างช้าๆ พยายามไปเรื่อย จนสุดท้ายก็แซงกระต่าย และชนะในที่สุด นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ความประมาทเป็นหนทางแห่งหายนะ" เราก็หัวไม่ดีนะคะ เราก็เป็นเหมือนเพื่อนคุณ น่ะแหละ เราเคยโดนดูถูกมาก็ไม่น้อย ตอนจะเรียนต่อโท มาถามและปรึกษาในนี้ก็โดนกระแสนั่นนี้ ลองเปลี่ยนที่เรียนดีไหม ลองไปที่อื่นเถอะ อย่าพยายามอีกเลย โดนสาระพัด อีกมากมาย แต่สุดท้ายเราก็พยายาม แล้วก็ได้ ตอนนี้เราเจอเพื่อนเก่าที่เคยเก่งกว่าเราสมัยเรียน พอเราบอกว่าเราเรียนไรที่ไหน พูดไม่ออกเลยค่ะ บางคนถึงขนาดถามเลยนะคะ สอบเข้าได้ไง ไม่น่าเชื่อ คนที่พูดก็เก่งกว่าเรานี่แหละ จ๋อยกิน อึ้งไปเลย สะใจ "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" ยังใช้ได้เสมอค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิงนอกนิยาย เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 10:47:46