|
ความคิดเห็นที่ 32 |
|
เสริมคุณแปลงนามครับ
วันที่ 21 ก.พ. นี้
หากเป็นคติทางฝ่ายมหายาน (จีนนิกาย) จะไม่ใช่พิธีไหว้ ทีกง ครับ แต่จะเป็น ก่งจูเทียน
จูเทียน นั้น ในทางคติมหายาน หมายถึง พระโพธิสัตว์ธรรมบาล 24 พระองค์ ซึ่ง ประกอบไปด้วย
1. พระลักษมีเทวี (大吉祥天) มีชื่อทางธิเบตว่า ลหโม หรือมหากาลี มีกายดุจมหายักษิณีดุร้ายมีงูพิษอยู่ตามร่าง ประทับบนอาชาไนย
2. พระสุรัสวดีเทวี (大辦才天)ทางพุทธศาสนาฝ่ายธิเบต จะผนวกท่านเป็นสมาชิกในกลุ่มของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์
3. ท้าวมหาพรหม(大梵天)เป็นผู้ที่อาราธนาพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่ทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ให้ทรงเมตตาสรรพสัตว์ โดยการหมุนเคลื่อนพระธรรมจักร
4. ท้าวศักรเทวราช, ท้าวอินทราธิราช (帝釋天王)
5. ท้าวธตรฐเทวราช (持國天王) ทรงเป็นเทวราช 1 ใน 4 แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาคุ้มครองโลกทางทิศตะวันออก เป็นเจ้าแห่งคนธรรพ์ ทางจีนจะทรงถือพิณโบราณ
6. ท้าววิรุฬหกเทวราช (增長天王) ทรงเป็นเทวราช 1 ใน 4 แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาคุ้มครองโลกทางทิศใต้ เป็นเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ ทางจีนทรงถือร่มฉัตร บางแห่งทรงถือกระบี่ก็มี
7. ท้าววิรุฬปักษ์เทวราช (廣目天王) ทรงเป็นเทวราช 1 ใน 4 แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา คุ้มครองโลกทางทิศตะวันตก เป็นเจ้าแห่งพญานาค ทางจีนทรงจับพญานาค และดวงแก้วมณี
8. ท้าวไวศรวณ หรือ กุเวรมหาราช (多聞天王) ทรงเป็นเทวราช 1 ใน 4 แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา คุ้มครองโลกทางทิศเหนือ เป็นเจ้าแห่งยักษ์ ทางฮินดูจะนับถือท่านเป็นพิเศษเพราะมีคติว่าท่านเป็นเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ด้วย มาทางธิเบตท่านจะถือร่มและพังพอน แต่ทางจีนจะทรงถือรัตนเจดีย์ แสดงถึงการรักษาพระศาสนา
9. เทพคุยหบดี (密跡金剛天) แปลว่าเทพเจ้าผู้เป็นเจ้าแห่งความลึกลับ ในพระพุทธสูตรกล่าวว่า ท่านเป็นผู้ล่วงรู้ความลับของพระพุทธเจ้าทั้งปวง หรือท่านก็คือสภาวนิรมาณกายหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ทรงล่วงรู้ความลับต่างๆของตนเองได้ โดยที่บรรดาโพธิสัตว์และมหาเทพทั้งปวงมิทรงรู้
10. ขุนพลปัญจิกายักษ์(散脂天) ทรงเป็นมหาขุนพลยักษ์ของท้าวกุเวร เป็นน้องชายของยักษ์ปัญฉาละ เทพผู้รักษาเมืองคันธาระและปัญจิกายักษ์นี้ยังเป็นภัสดาแห่งนางยักษ์หาริติด้วย
11. สกันธเทพ หรือ พระเวทะ (韋馱天) มีอีกพระนามว่าพระขันธกุมาร เป็นเทพแห่งการสงคราม เป็นพระโอรสแห่งพระอิศวรและพระอุมาเทวี ดังนั้นเทวรูปของพระองค์จะทรงเครื่องเป็นจอมทัพทางพระพุทธศาสนาว่าท่านทรงบำเพ็ญบารมีและประกาศหมายมุ่งพระโพธิญาณมาแต่พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ แสนนานมาแล้ว
12. พระปฤถิวีเทพ (堅牢地天) หรือพระธรณีจะมีสร้างทั้งในรูปของบุรุษและสตรี(วสุธรา)แล้วแต่พื้นที่
13. เทพธิดาโพธิทรุม (菩提樹天) คือเทพธิดาที่ประทับอยู่ใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้
14. นางหาริติยักษิณี (阿利帝母天 , 歡喜母天 , 鬼子母天)
15. เทพธิดาอารตินาม หรือ อาภิรดีนาม (訶利帝喃天) ประวัติว่าท่านได้บริจาคทานและบำเพ็ญธรรมมาตั้งแต่สมัยพระรัตนปุษยพุทธเจ้า ต่อมาจึงได้สำเร็จเป็นเทพในที่สุด บางแห่งกล่าวว่าพระนางก็คือพระอภิรดี หรือหาริตินั่นเอง
16. ท้าวมเหศวร (摩醯首羅天) คือพระศิวะหรือพระอิศวรทางฮินดูในฐานะมหาเทพผู้ทำลาย ทางพระพุทธศาสนาสร้างประปฏิมาเป็นรูปพญายักษ์มี 6 พระกรถือเทพาวุธครบมือ
17. เทพธิดามาริจี (摩利支天, 金光明天母) มาริจีแปลว่า พยับแดด หรือคือเจ้าแม่แห่งแสงสว่าง หรือเจ้าแม่แห่งแสงทองยามเช้า ฮินดูเรียกว่า พระอุษาเทวี จีนและธิเบตจะนับถือท่านเป็นพิเศษโดยจะมีบทสรรเสริญบูชาท่านในยามดวงอาทิตย์ขึ้น มาทางเต๋าและจีนจะว่าท่านคือพระดาริกานภาธิราช (斗姥元君, 斗母) โดยทรงดำรงฐานะเป็นพระแม่แห่งดวงดาวทั้งปวงในจักรวาล และเป็นพระมารดาแห่งดาวนพเคราะห์ในพิธีถือศีลทานเจเดือน 9 ด้วย
18. พระสุริยเทพ (日宮天子) คือพระอาทิตย์ผู้ให้แสงสว่างแก่โลกยามกลางวัน เป็นผู้ให้ความอบอุ่นแก่โลก ปกติจะสร้างเป็นรูปเพศบุรุษ (คนละองค์กับพระสุริยประภาโพธิสัตว์)
19. พระจันทราเทพ (月宮天子) คือพระจันทร์ผู้ให้แสงสว่างในตอนกลางคืน ทางอินเดียจะว่าพระจันทร์เป็นเทพบุตร แต่ทางจีนได้ผนวกรวมเข้ากับเทพธิดาบนดวงจันทร์จึงนิยมสร้างเป็นเพศสตรี (คนละองค์กับพระจันทรประภาโพธิสัตว์)
20. พระดารกาเทพ (星宮天子) คือเทพแห่งดวงดาวในทางโหราศาสตร์ทั้ง 28 กลุ่ม (ทางไทยมี 27 กลุ่ม) ด้วยความเชื่อที่ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์จึงทำให้มีการบูชาพระองค์เพื่อชีวิตที่ผาสุกสมบูรณ์
21. ตรัยตรึงส์เทพ (三十三天) คือเทพเจ้าจำนวน 33 องค์ที่เป็นสหายของพระอินทร์ตั้งแต่ครั้งที่ร่วมกันสร้างมหากุศลบนโลกมนุษย์จนได้กำเนิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นนี้ ในพิธีบูชาจะวาดเป็นรูปเทพเจ้าองค์เดียวนั้นหมายถึงเป็นองค์แทนของเทพเจ้าทั้ง 33 องค์
22. พญายมราช (閻羅天) คือพระผู้เป็นใหญ่ในนรกภูมิคอยตัดสินชี้ขาดความดีชั่วของมนุษย์ด้วยความซื่อสัตย์ ยุติธรรม เที่ยงตรง จนมีคำสดุดีพระองค์ว่า ธรรมราชา (法王) อาจแปลว่าคือผู้เที่ยงธรรมก็ได้
23. ท้าวสาครนาคราช (娑揭羅龍王天) คือเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ในห้วงน้ำ ที่จริงแล้วพญานาคราชมีถึง 8 ตระกูล แต่ในที่นี้หมายถึงองค์แทนทั้ง 8 ตระกูล และท่านสาครนาคราชนี้เองที่เป็นพระบิดาของธิดาพญามังกร (龍女) อัครสาวกของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
24. กินนรราช หรือ อัคนีเทพ (緊那羅王天) คือเทพเจ้าแห่งไฟ กินนรราชในอินเดียทำเป็นรูปครึ่งคนครึ่งนก แต่ในจีนทำเป็นรูปมนุษย์ถือฆ้อนและสิ่งที่ตีให้เกิดประกายไฟตามความเชื่อพื้นเมืองของจีนโดยมีชื่อว่าเทพเจ้าเตาครัว (司命帝君)
พิธีนี้โดยปกติ จะจัดในยามแรกของวันชิวเก้า (คือ 5 ทุ่มของวันชิวโป๊ย หากดูตามเวลาสากล) โดยเริ่มจาก พระเถระ นำคณะสงฆ์สวดสาธยายพระพุทธมนต์ อ่านฎีกาประกาศทำพิธีบนพระอุโบสถ แล้วนำคณะสงค์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ชำระมณฑลพิธี จากนั้นก็จะสวดอัญเชิญ(ฮงเซี่ย) พระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์ทั่วทศทิศ เป็นประธานในการประกอบพิธีกรรม จากนั้น สวดอัญเชิญ พระโพธิสัตว์ธรรมบาลทั้ง 24 พระองค์ ตลอดการสวดอัญเชิญนี้ พระเถระจะส่งธูป มาจากโต๊ะทำพิธี 1 ชุด ต่อ หนึ่งพระนามที่สวด เพื่อให้ตีจื่อ(ศิษยานุศิษย์) อัญเชิญส่งต่อไปปัก ณ กระถางธูป ที่โต๊ะบูชา
หลังจากนี้ พระเถระ ผู้นำสวด จะสวดถวายเครื่องบูชา และพระเถระ อีก 1 รูป จะได้ เดินไปยังโต๊ะบูชา เพื่อถวาย(เหี่ยง*) เครื่องบูชา อันประกอบไปด้วย น้ำชา อาหารเจคาว-หวาน ผลไม้ ขนม ลูกอม ช็อกโกแลต ที่จัดอย่างปราณีต (ปราณีตจริงครับ เพราะว่าคนที่เตรียมอาหารจะต้องกินเจ สถานที่ประกอบอาหารจะต้องกั้นไม่ให้คนนอกเข้า รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหารนั้น จะจัดแยกต่างหาก นำมาใช้ได้เฉพาะในพิธีนี้เท่านั้น 1 ปี 1 ครั้ง)
หลังจาก ประกอบพิธีบูชาเสร็จ พระเถระ จะนำ คณะสงฆ์และสานุศิษย์ สวดทำวัตรเช้า และเวียนทักษิณาพระอุโบสถ เป็นจบพิธี ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ (เริ่ม 5 ทุ่ม เสร็จ ตี 2 ครึ่งกว่าๆ)
ซึ่งวันนี้ (21 ก.พ. 53) หากใครสนใจ สามารถเข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์อันหาชมได้ยาก ณ วัดโพธิ์แมนคุณาราม สาธุประดิษฐ์ 19 (นราธิวาสฯ24)
(หมายเหตุ)* คำว่าเหี่ยง ถือว่า เป็นกริยาถวายหรือยกให้ครับ ไม่ใช่การลา ฉะนั้น หากทำการไหว้ ก็ต้องยกของบูชา มาจบถวาย 3 ครั้ง (ยืนยัน 3 ครั้ง แบบเวลาเรากล่าวถวายสังฆทาน) ก่อน แล้ววางไว้ ส่วนตอนจะลาของไหว้ที่ถูกต้อง พนมมือ อธิษฐานบอกกล่าว แล้วกราบลา จากนั้นจึงยกของออกไปครับ ไม่ใช่ยกเหี่ยง(ถวาย) แล้วยกออกไปเลย ลองนึกว่าเราไปกินข้าวตามเหลา เด็กเข้ายกจานข้าวมาส่งให้เราเรากำลังจะรับ แล้ว เด็กก็ยกออกไปฟ่าวววว..... เราจะรู้สึกอย่างไร
จากคุณ |
:
<<First>>
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.พ. 53 01:07:01
|
|
|
|
|