ความคิดเห็นที่ 1 ภายหลังการปฏิวัติซินไฮ่นั้น ปัญญาชนหญิงจำนวนมากก็เลิกประเพณีการรัดเท้าไปหน่ะครับ แต่ค่านิยมแบบนี้บางทีมันก็เลิกยาก สตรีหรือผู้ชายบางกลุ่มก็ยังนิยมการรัดเท้ากันอยู่ (ผู้หญิงเขาก็อยากสวยในมุมมองแบบของเขา และผู้ชายก็ยังอยากได้ภรรยาที่รัดเท้าอยู่) ทำให้การรัดเท้าภายหลังการปฏิวัติซินไฮ่นั้น แม้จะลดลงแต่ก็ยังปรากฎได้ทั่วไปครับ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สตรีชาวจีนฮั่นจำนวนไม่น้อยยังคงรัดเท้ากันอย่างแพร่หลาย ทั้งในวงสังคมชั้นสูง หญิงงามเมือง ขุนน้ำขุนนาง คหบดีเศรษฐี ไปจนถึงครอบครัวฐานะปานกลางบางส่วนครับ แต่สำหรับครอบครัวชาวนายากจนแล้ว การรัดเท้่าก็เหมือนเดิมคือ บางบ้านก็ให้ลูกผู้หญิงบางคนรัดเท้าเพื่อจะได้สามารถหาสามีที่มีฐานะดีหรืออนาคตดีๆได้ แต่ไม่ใช่ลูกสาวทุกคนในครอบครัวชาวนาที่จะได้รัดเท้า เพราะการรัดเท้านั้นจะทำให้ทำงานหนักเช่นทำไร่ ทำนาไม่ได้หน่ะครับ ดังนั้นในครอบครัวคนยากจนชาวฮั่นก็มิได้รัดเท้ากันเสียทุกคนหรอกครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 18:38:43

ความคิดเห็นที่ 2 ลองมาชมภาพเหล่านี้ดูครับ  ... รูปแบบของเท้าที่ต้องเสียไปตลอดกาล... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 18:58:17

ความคิดเห็นที่ 3 ... ภาพจริง ไม่ใช่ CG นะฮะ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 18:59:04

ความคิดเห็นที่ 4 รัดกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ๆ... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 18:59:52

ความคิดเห็นที่ 5 ขนาดของขา กับ ขนาดของเท้าแตกต่างกันมาก... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:02:31

ความคิดเห็นที่ 6 ดูแล้ว น่ากลัวมากกว่าสวยนะผมว่า... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:03:29

ความคิดเห็นที่ 7 .... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:04:29

ความคิดเห็นที่ 8 ... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:05:38

ความคิดเห็นที่ 9 ขนาดของรองเท้า โตกว่ากล่องซองบุหรี่ไม่มากเท่าไหร่ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:06:26

ความคิดเห็นที่ 10 ... แทบไม่เห็นเท้าเลยครับ  ... เล็กมาก ๆ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:07:22

ความคิดเห็นที่ 11 เท้าเล็กนิดเดียว....  ตัวเบ้อเริ่อ !!!!!!!  เฮ้อออ.. จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:13:34

ความคิดเห็นที่ 12 บอกตรงๆว่า รัดแล้วมันเหมือนเท้าหมูมากกว่า สวยตรงไหนเนี่ย - -" จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:31:29

ความคิดเห็นที่ 13 เคยฟังญาติที่เคารพเล่าตำนานว่าด้วยเรื่อง รัดเท้า ที่ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ตี่คา นี่นะคะ เกิดจากปีศาจเสือปลาตนหนึ่งทีฝึกบำเพ็ญภาวนาจนกระทั่งแปลงร่างเป็นคนได้ จนได้มาเป็นนางสนมของอ๋องท่านหนึ่ง เรียก ติ่วอ๊วง ทีนี้ การแปลงร่างเป็นคนของ(นาง) เสือปลานี้ กลับมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่อาจทำให้เหมือนคนได้ ก็คือที่ส่วนเท้าซึ่งจะมีขนยาวผิดมนุษย์มนา ด้วยความชาญฉลาดแต่ทำให้สตรีจีนทั่วปฐพีต้องเดือดร้อนก็คือ นางออกกฎว่า ผู้หญิงทุกคนจะต้องรัดเท้า เพราะหาไม่แล้ว ผู้ที่ไม่รัดเท้าจะต้องอยู่บนคานไม่อาจมีชายใดมาขอแต่งงานด้วยได้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ หลังจากฟังตำนานไปแล้ว ซึ่งยังไม่เคยค้นคว้าดูว่ามีตำนานเช่นที่ว่านี้หรือไม่ มาถึงเรื่องจริงบ้างค่ะ เหล่าซือท่านหนึ่งที่เคยเรียนภาษาจีนกับท่านบอกไว้ว่า ประเพณีการรัดเท้านั้น เป็นหนึ่งในสามหรือสี่เรื่องที่นับเป็นความอัปยศของชาวจีนค่ะ มาเห็นรูปแล้ว รู้สึกว่า น่ากลัวมากจริง ๆ จากคุณ : aiwen^mei เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 23:47:13

ความคิดเห็นที่ 14 ดูแล้วน่ากลัวจริงๆค่ะ เหมือนเป็นโรคร้ายแรงอะไรซักอย่าง .... แต่เคยได้ยินจากสารคดีว่าผู้ชายในสมัยนั้นชอบเท้าแบบนี้ เพราะเห็นแล้วจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ...อึ๋ย เป็นไปได้ไง.. จากคุณ : ภัชสกร (ลืมไม่ลงคงไม่ลืม) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 00:15:16

ความคิดเห็นที่ 15 ความงามแต่ละยุค ย่อมต่างกัน...ครับ อนาคตลูกหลานเราอาจคิดว่า ทำไปได้ไงฟะ เสริมนมอึ่มๆ... ดูแล้วจะอ้วก... จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 01:15:15

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นตามคุณ นายอุดม ครับ ความงามแต่ละยุคและแต่ละวัฒนธรรมก็แตกต่างกันไปนั้นแล สมัยก่อนรัดเท้าแล้วคนรัดเจ็บก็จริง แต่ก็ทำให้สาวๆรู้สึกมั่นใจในความงามของตนเองที่มีเท้าเล็กๆช่วยขับให้ดูเด่นในมุมมองของพวกเขา พวกเธอเหล่านั้นอาจจะพึงพอใจก็ได้หน่ะครับ มีคำกล่าวว่า ผู้หญิงจะพยายามทำตนให้สวยงามที่สุดเพื่อชายที่รัก ก็ในเมื่อค่านิยมของเพศชายเปลี่ยนไปตามยุคสมัย สตรีก็เลยเปลี่ยนค่านิยมความสวยความงามตามเพศชายนี้แลครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 10:20:43

ความคิดเห็นที่ 17   各花入各眼 Beauty is in the eye of the beholder. “女为悦己者容，士为知己者死” [สตรีประทินโฉมเพื่อคนที่ตัวเองพึงใจ บุรุษตายเพื่อคนรู้ใจ ]” จากคุณ : ช่วยเติมเต็ม คห.16 เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 11:13:53 A:58.8.49.234 X:

ความคิดเห็นที่ 18 มันดูน่ากลัวมากกว่าสวย จากคุณ : หรงเออร์ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 15:38:14

ความคิดเห็นที่ 19 การมัดเท้าเป็นเรื่องทางวัฒนธรรมและค่านิยมของสมัยนั้นค่ะ ผู้หญิงที่จะมัดเท้าได้แสดงว่าต้องเป็นชนชั้นสูงหรือเป็นผู้มั่งมีเพราะพวกเธอจะไม่สามารถทำงานหนักๆได้เลย ฉะนั้นหญิงที่ไม่ได้มัดเท้าก็คือชาวนาหรือชาวบ้านหรือกรรมกรดีๆนี่เอง (อย่างที่คุณคห. 1 ว่าไว้ตามนั้นเลยค่ะ) นอกจากบอกถึงฐานะและชนชั้นแล้ว เป็นเรื่องของแรงดึงดูดทางเพศด้วยค่ะ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนผู้หญิงสมัยนี้ที่ใส่ส้นสูง ยิ่งสูงปรี๊ดยิ่งทำให้ช่วงขาดูเรียวมากขึ้น ล่อตาล่อใจเพศตรงข้ามได้ดี เท้าบัวนี่ก็เหมือนกัน สันนิษฐานว่าทำให้ผู้หญิงดูไม่มั่นคง ดูน่าปกป้องน่าทะนุถนอม บางตำราก็ว่าการมัดเท้าจะทำให้ช่องคลอดของผู้หญิงกระชับ เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบุรุษทั้งหลายเวลาอยู่เรียงเคียงหมอน ทว่าบรรดาชายทั้งหลายไม่เคยทราบว่าที่มาของเท้าดอกบัวเป็นยังไง เป็นเรื่องต้องห้ามที่ผู้หญิงจะเผยเท้าของตนให้ชายใดได้ชมไม่เว้นแม้แต่สามีของตัวเอง มีภาพเขียนบางภาพเผยให้เห็นว่าแม้จะอยู่ในที่รโหฐาน ผู้หญิงเปลือยได้ทุกส่วนแต่เท้าเธอยังต้องมีอะไรห่อหุ้มไว้เสมอ (เชื่อว่าถ้าหากผู้ชายรู้ที่มาที่ไปกับลักษณะเท้าจริงๆคงช็อคเลยละมั้ง) คิดว่าวัฒนธรรมนี้เพิ่งถูกล้มล้างจริงๆคงสมัย 'ปฏิวัติวัฒนธรรม' นะคะ (หรือตั้งแต่ก้าวเข้าสู่คอมมิวนิสต์ก็ไม่แน่ใจ) คุ้นๆเหมือนเคยอ่านหนังสือเรื่องหนึ่ง ไม่แน่ใจว่า 'Wild Swans' หรือเปล่า เรื่องนี้พูดถึงผู้หญิง 3 รุ่น (ยาย แม่และตัวเธอเอง) ยังพูดถึงเลยว่ายายของผู้เขียนยังมัดเท้าอยู่ (ช่วงแม่ของผู้เขียนเป็นเรื่องที่เกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมขึ้น) ยายของคนเขียนเป็น Concubine ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร ประมาณเมียน้อยละมั้ง เป็นคนยากจนแต่ยังได้มัดเท้าอยู่ หรือถ้าไม่ใช่ก็คงเล่มอื่น ขอโทษที่จำไม่ได้จริงๆค่ะ เคยถามพ่อเหมือนกันนะคะว่าเคยเห็นคนมัดเท้าไหม พ่อบอกว่าเคยเห็นตอนที่พ่อยังเป็นเด็ก (ตอนนี้พ่ออายุใกล้เกษียนแล้ว พ่อเกิดที่เมืองไทยค่ะ) เป็นอาม่าใกล้ๆบ้าน พาหลานมาเดินเล่น เท้าเล็กนิดเดียวเดินโคลงไปโคลงมา น่าเสียดายที่รู้จักเรื่องมัดเท้านี่ช้าไป ไม่อย่างนั้นคงได้ถามไถ่เอาจากอากงอาม่าเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอบคำถามหรือเปล่านะ ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันค่ะ นี่เป็นหน้าปกของ 'Wild Swans' ค่ะ (จริงๆตอนนี้ได้มาอีกเล่ม เกี่ยวกับปฏิวัติวัฒนธรรมเหมือนกัน ขอไปทำใจก่อนเปิดอ่านดีกว่า) แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 16:13:55 จากคุณ : peiNing เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:11:55

ความคิดเห็นที่ 20 กาารห้ามรัดเท้าอย่างเด็ดขาดนั้นน่าจะเกิดขึ้นภายหลังก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนหน่ะครับ เพราะการรัดเท้าเป็นสัญลักษณ์ของค่านิยมแบบเก่าๆของชนชั้นนายทุน ซึ่งกำลังเป็นกลุ่มคนที่โดนเล่นงานหนัีกที่สุดในยุคการเปลี่ยนถ่ายทางสังคม ในเมื่อการรัดเท้าไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้สวยงามอีกต่อไป และยังถูกห้ามอย่างเด็ดขาดจากทางการ ประกอบกับการหลั่งไหลของแนวคิดใหม่ๆเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ และค่านิยมทางชนชั้น จึงเป็นการปิดฉากการรัดเท้าในจีนไปอย่างถาวรครับ การห้ามรัดเท้านั้นมีการตรากฎหมายขึ้นมาในหลายยุคหลายสมัย เก่าแก่มากๆบางฉบับย้อนไปได้ถึงต้นราชวงศ์ชิงเลยทีเดียว แต่ไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่ เพราะเหล่าชนชั้นสูงเขาก็ยังมีค่านิยมในสตรีที่รัดเท้า และพวกนี้ก็เป็นแกนนำสำคัญในการขับเคลื่อนจักรวรรดิ เมื่อชนชั้นปกครองส่วนใหญ่ไม่เล่นด้วยการรัดเท้าก็เลยยังคงมีอยู่ครับ ในสมัยชิงนั้นสตรีชาวแมนจูจะไม่รัดเท้าเหมือนชาวฮั่นครับ เป็นกฎมณเฑียรบาลมาแต่โบราณของราชสำนักชิง แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์แมนจูแลผู้ใหญ่ในกองธงทั้งหลายก็มีอนุภรรยาและภรรยาเลี้ยงชาวฮั่นที่รัดเท้ากันอย่างเอิกเริกนั้นแล จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:35:52

ความคิดเห็นที่ 21 แต่ก็เป็นอย่างที่คุณ peiNing กล่าวมาครับ ปกติสตรีที่รัดเท้าจะไม่เปิดแสดงภาพเท้าที่ถูกรัดของเธอต่อหน้าึคนอื่น แม้แต่ในบางกรณีต่อหน้าสามีก็ตามที ดังนั้นสามีของเจ้าหล่อนเองก็มิใช่ทุกคนที่จะได้เห็นเบื้องหลังของภรรยาหน่ะครับ (บางคนก็อาจจะเห็นหน่ะนะ) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:42:25

ความคิดเห็นที่ 22 'Wild Swans' เขียนได้ลึกซึ้งกินใจมากกว่าหนังสือแนวเดียวกันอีกเล่มหนึ่ง(ชื่อ"ผีเสื้อ"??) ที่ออกภายหลัง (เรื่องหลัง)เป็นพระนิพนธ์แปลอีกเล่มหนึ่งของสมเด็จพระเทพฯ จากคุณ : เหนียว-อวี่ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:53:02

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทุกท่านมากๆ ครับที่เข้ามาตอบให้ความรู้กับผม _/\_  เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้ฟังแม่เค้าเล่าเรื่องเก่าๆของยายผมให้ฟังครับ ว่ามาจากเมืองจีนแต่เด็ก แต่ไม่รู้มาจากส่วนไหนของจีน(แฮ่ะๆ) รู้แต่ว่ายายผมแกก็โดนรัดเท้าไปแล้วบางส่วน แต่ทนไม่ไหวก็เลยเป็นเหตุให้หนีมาอยู่เมืองไทยกับญาตินั่นแหล่ะครับ จากคุณ : Cafe`tea เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:12:06

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 23     ขอบคุณทุกท่านมากๆ ครับที่เข้ามาตอบให้ความรู้กับผม _/\_  เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้ฟังแม่เค้าเล่าเรื่องเก่าๆของยายผมให้ฟังครับ ว่ามาจากเมืองจีนแต่เด็ก แต่ไม่รู้มาจากส่วนไหนของจีน(แฮ่ะๆ) รู้แต่ว่ายายผมแกก็โดนรัดเท้าไปแล้วบางส่วน แต่ทนไม่ไหวก็เลยเป็นเหตุให้หนีมาอยู่เมืองไทยกับญาตินั่นแหล่ะครับ จากคุณ : Cafe`tea     เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:12:06     ++++++++++++++++++++++++++++++++ เหมือนกันเลยค่ะ ท่านแม่เล่าว่า อาม่าก็หนีมาเมืองไทยเพราะผู้ใหญ่จะจับรัดเท้าตั้งแต่เจ็ดแปดขวบ ยังไม่ทันถูกรัด หนีดีกว่า ยังสงสัยว่า เดินได้ด้วยหรือ เท้างองุ้มขนาดนั้น อยากรู้ว่า ท่านที่เป็นหมอเฉพาะทางด้านกระดูก เห็นแล้วจะว่าอย่างไร จากคุณ : aiwen^mei เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 23:34:45

ความคิดเห็นที่ 25   คุณยายรัดเท้าค่ะ คุณยายเล่าว่า สมัยนั้นใครไม่รัดเท้าถือว่าไม่ใช่ผู้ดี คุณยายเท้าเล็กมาก ตอนเด็กๆ เห็นคุณยายเดินได้ แต่คุณยายอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยเห็นออกนอกบ้านนะคะ การรัด ใช้เศษแก้วไปโรยที่เท้า และง่ามนิ้วเท้า เอาผ้ารัด เลือดออกค่ะ ต้องคอยเปลี่ยน รัดใหม่ จนกว่าเท้าเล็กตามที่ชอบ สมัยเด็กเรียนภาษาจีน (1957-   ）หล่าวซรือที่สอนบอกว่า การรัดเท้า เพื่อให้ผู้หญิงอยู่กับที่ ไม่ไปไหน เป็นเรื่องที่ไม่ทัดเทียมกันทางเพศ (หล่าวซรือยุคนั้น ถือเป็นคนยุคปฏิวัติวัฒนธรรมค่ะ เพราะเริ่มใช้ ตัวจีนย่อแทนตัวเต็ม โดยยังไม่แพร่หลายอย่างปัจจุบัน) และในวังพวกนางสนมรัดเท้า เวลาแสดงระบำจะสวย เพราะเท้าเล็ก ยืนเรียงเป็นวงกลม เอาเท้าชนกัน ส่วนบนก็รำโดยหงายตัวออกมา จะดูเหมือนดอกไม้เบ่งบาน (ต้องนึกภาพตามนะคะ) มาถึงรุ่นคุณแม่ ไม่รัดเท้าแล้วค่ะ คุณแม่ ตามคุณตา-คุณยายไปอยู่สิงคโปร์ตอนหลัง ที่นั่นสังคมเปิด ไม่มีประเพณีพวกนี้ จากคุณ : romanization เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 13:17:32

ความคิดเห็นที่ 26 อาม่าหลายคนเลย ที่เคยโดนรัดเท้า - -* สงสัยจะช่วงนั้นคงนิยม ยายผมก็ไม่รู้ว่ามาจากมณฑลไหน ปู่ผมก็ไม่รู้มาจากมณฑลไหน T-T จากคุณ : Cafe`tea เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:06:42