Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วันนี้... รู้สืกดีจริงๆ ที่ MIT ปฎิเสธไม่รับผมเข้าเรียนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว...  

เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เป็นปีนึงที่ผมอกหักสุดๆ เพราะสถาบันการศึกษาในฝันที่ผมเคยได้ยินชื่อตั้งแต่เด็กๆปฎิเสธใบสมัครของผม

สถาบันนั้นคือ MIT (Massachusetts Institute of Technology)

บรรดาลูกช้างเชิงดอยรุ่นผมที่สมหวัง มีแค่สองคนที่ฝ่าด่านเข้าไปได้ ในขณะที่เพื่อนม. ปลาย มีตามเข้าไปอีกประมาณ 2-3 คน ในปีต่อๆมา

ส่วนตัวผม มีวาสนาได้แค่ State U. ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่ตอบรับ แต่สุดท้ายก็เลือกต่อโทในเมืองไทย เนื่องด้วยหลายๆสาเหตุ เลยอดเป็นนักเรียนนอกกับเขา ยังผลให้น้อยอกน้อยใจในโชคชะตามาจนทุกวันนี้

จวบจนช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้พบเพื่อนกลุ่มนี้ ที่ถือเป็น High Flyer หรือดาวรุ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ผมนี้ช่างโชคดีเสียเหลือเกินที่ไม่มีวาสนาเข้า MIT ได้เหมือนเพื่อนๆกลุ่มนี้ ?

เพื่อนๆกลุ่มนี้ แต่ละคนเท่าที่ถามไถ่มา ล้วนมีค่าตัวไม่ต่ำกว่า 300K มากกว่าผมเกือบสองเท่า ทำงานทั้งในสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง บริษัทอสังหาชั้นนำ ฯลฯ

ผมน่าจะอิจฉาเขา แต่เปล่าเลย ....

เพราะขณะที่ผมพอใจกับชีวิตของตัวเอง ที่มีทุกอย่างพอกินพอใช้ตามอัตภาพ บ้าน-รถไม่ต้องผ่อน รถมีของบริษัทให้ไช้ มีเงินเก็บพอจะมั่นใจว่าตายไปแล้วลูกเมียไม่เดือดร้อน

แน่ล่ะ สิ่งที่ผมมีเทียบอะไรไม่ได้กับเพื่อนๆกลุ่มนี้ เพราะเขามองไปถึงบ้านดากอากาศหรูๆ หรือเครื่องบินเล็กไว้ขับเล่นเสาร์อาทิตย์ รถสปอร์ตราคาแพง ฯลฯ

ฟังแล้วน่าจะมีความสุข แต่เอาเข้าจริงๆ ทุกคนกลับบอกว่าชีวิตตัวเองบัดซบมาก เพราะเทียบกับคนอื่นๆที่จบ Ivy league ด้วยกันแล้ว เงินเดือนเกิน 500K ไปหมดแล้ว แถมยังมี Stock Option หรือเลื่อนขั้นเป็น Partner กันไปหมดแล้ว

เงินเดือนที่สูงเสียดฟ้า (สำหรับผม) จึงรู้สึกว่าน้อยนิดมากสำหรับพวกเขา และที่น่าตกใจคือหลายๆคนบอกเงินไม่พอใช้เพราะ Life Style ที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องใช้เงินในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นเพื่อรักษา Status

ขอย้ำ ว่าไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนนะครับ คนที่เงินเดือนสูงๆ และยังมีความสุขกับชีวิตดีก็มีอีกเยอะ แต่สิ่งที่ผมเห็นเพื่อนๆ ศิษย์เก่า MIT เหล่านี้มีเหมือนกันก็คือความทะยานอยาก (คนละอันกับความทะเยอทะยาน) ที่สูงกว่าคนทั่วไป (อย่างผม) หลายสิบเท่า

ทุกวันนี้ผมรู้สึกพอเพียงกับชีวิต เพราะรู้สึกว่าตัวเองมาได้แค่นี้ก็ไกลมากแล้ว เพราะไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน เรียนจบก็แค่โทในประเทศ หากก้าวหน้ามากกว่านี้ ก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว

ส่วนเพื่อนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มองเห็นศักยภาพของตัวเองว่ายังไปได้อีกไกลมาก (ทั้งๆที่ทุกวันนี้ก็ไกลกว่าผมหลายปีแสงแล้ว) จึงต้องขวนขวายหาทางไป และไม่พอใจกับตัวเองในวันนี้เพราะมองเห็นว่ามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า

แน่นอนว่าบั้นปลายชีวิตเขาคงมี "ความสำเร็จ" ที่ยิ่งใหญ่กว่าผมกว่าผมหลายพันเท่า

แต่ถ้าเป็น "ความสุข" ล่ะก็ผมว่าไม่แน่นะครับ

จากคุณ : FlyingBuffalo
เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:31:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com