ความคิดเห็นที่ 1   มาช่วยเอ่ยครับ         ปรางค์วัดมหาธาตุเมืองเพชร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำสายนี้ไหลจากทิศใต้ขึ้นเหนือ ไปออกที่ปากน้ำบ้านแหลม        เมืองเพชรบุรี เป็นเมืองโบราณซ้อนทับ ที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีมากมายหลายยุคสมัยยาวนานไปกว่า 2,000 ปี จากหลักฐานการตั้งถิ่นฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์  พัฒนาเป็นบ้านเมืองเริ่มแรก ในสมัยวัฒนธรรมอินเดียที่เรียกว่า “ทวารวดี”         วัฒนธรรมทวารวดี ได้นำเอาพุทธศาสนาคติสายเถรวาท เข้ามาในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำเพชรบุรี สายเลือดใหญ่ที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญ          ราว 1,200 ปีที่แล้ว เมืองเพชรบุรีโบราณเป็นชุมชนขนาดเล็กกระจัดกระจายไปตามเส้นทางการเดินทางสำคัญสองสาย คือสายชายฝั่งทะเลและเส้นทางทางบก ที่เชื่อมโยงคาบสมุทร จากหัวเมืองใหญ่จากทางใต้อย่างตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) ไชยา และจากหัวเมืองโบราณฝั่งอันดามันที่ข้ามเทือกเขาตะนาวศรีมาตัดออกทางด่านสิงขรที่กุยบุรี             การที่เมืองเพชรบุรีโบราณเป็นเมืองหน้าด่านหรือเมืองผ่านของผู้คนที่เดินทางจากต่างประเทศในสมัยโบราณ เมืองเพชร ฯ จึงได้ทำหน้าที่ต้อนรับอาคันตุกะทั้ง ที่เป็นผู้คนต่างวัฒนธรรม ต่างเชื้อชาติ ต้องคอยรับวัฒนธรรมและเทคโนโลยีแปลกใหม่ตลอดมา         หากจะบอกว่า เมืองเพชรบุรีโบราณ คือโรงเตี้ยมที่มีเหล่าจอมยุทธ์หรือพ่อค้าวาณิชเดินทางมาแวะพัก และสั่งมันโถวกับเหล้าไหแบบในหนังจีน ก็คงไม่ผิดนัก !!!         อ่านเรื่องราวเมืองเพชรบุรี ต่อได้ที่ "ซอกแซกเมืองเพชรบุรี ตามหาอดีต "ศรีราชธานี" ที่ซ่อนเร้น" ครับ http://www.oknation.net/blog/voranai/2007/08/07/entry-1 ภาพ แผนผังเมืองเพชรบุรี กับการวางจักรวาลมันดารา (มณฑล) มีภูเขาอยู่ด้านหลังหลัง (แทนพระสุเมรุ) ด้านหน้าเป็นแม่น้ำเพชรบุรี และเขตที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ รอบปรางค์วัดมหาธาตุและปราสาทกำแพงแลง เคยเป็นเขตกัลปนา ( เขตเพาะปลูกเพื่ออุทิศถวาย) จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 14:52:44

ความคิดเห็นที่ 2   เมืองเพชรบุรี เป็นเมืองซ้อนทับ บริเวณ นับจาก คูบัว ราชบุรี มายังเขาย้อย วัดมหาธาตุ  พื้นที่เขตบ้านลาด ยันไปถึงอำเภอท่ายาง จรดชะอำ ล้วนพบหลักฐานโบราณสถานและโบราณวัตถุ ในวัฒนธรรม "ทวารวดี" มากมาย เช่นที่ - สถูปเจดีย์มหายานขนาดใหญ่ ที่ทุ่งเศรษฐี อำเภอชะอำ        - ปูนปั้นทวารวดีที่ "ถ้ำยายจูงหลาน" อำเภอบ้านลาด (อ่านเรื่องได้ที่ http://www.oknation.net/blog/voranai/2009/11/02/entry-1 ) ครับ        - ร่องรอยอิฐ มีเม็ดแกลบข้าวป้อมอ้วน ที่เนินแดง วัดมหาธาตุ ฯลฯ          จากยุคสมัยของวัฒนธรรมทวารวดี ที่มีเมืองเพชรบุรีเป็นสถานีการค้า เข้ามาสู่สมัยวัฒนธรรมวัชรยานบายน ที่ทิ้งหลักฐานไว้มากมาย แต่หลายหลักฐานก็ถูกทำลาย ซ้อนเร้น อำพราง ด้วยเหตุผลชาตินิยมในยุคหนึ่ง หลักฐานสำคัญคือ ปราสาทกำแพงแลง ปราสาทอานุภาพแห่งวัชรยาน ที่พบรูปสลักแบบเดียวกับในกัมพูชา ทั้งรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ปรัชญาปารมิตา พระมหาไวโรจนะ ( พระพุทธรูปนาคปรก) และอื่น ๆ ภาพ รูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จากปราสาทกำแพงแลง อนุเคราะห์ภาพโดย คุณ พยุง  วงษ์น้อย นักโบราณคดี หน่วยศิลปากรที่ 1 จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:06:58

ความคิดเห็นที่ 3   วัตถุโบราณ ในยุควัฒนธรรมวัชรยานบายน อีกชิ้นหนึ่ง เคยวางอยู่ที่มุมของวิหารระเบียงคดทิศตะวันออก (ด้านหน้า) เป็นรูปครุฑยุคนาค ศิลปะแบบปลายบายน ปัจจุบันถูกเคลื่อนย้ายไปแล้ว วัดมหาธาตุเพชรบุรี จึง "อาจ" เคยเป็น "วัด" แบบวัชรยาน ศูนย์กลางของวิษัยปุระนาม "ศรีชัยวัชรบุรี" ที่ปรากฏชื่อในจารึกปราสาทพระขรรค์ เดมน่าจะ มีกำแพงล้อมรอบ มีปราสาทประธาน กุฏิ วิหาร มีโคปุระ และบรรณาลัย แบบปราสาทเขมรที่กำลังขุดค้นที่วัดมหาธาตุราชบุรี อีกเมืองในเครือข่ายที่เชื่อมโยงอำนาจการปกครองระหว่างภูมิภาคตะวันตก จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:14:34

ความคิดเห็นที่ 4   ภายหลังการสิ้นอำนาจของเมืองพระนคร ขอมเมืองเพชร ก็ได้รับอิทธิพลแบบแผนคติความเชื่อของเถรวาททวารวดี - เถรวาทพม่า รื้อถอนทำลาย รูปเคารพและดัดแปลงปราสาทเดิมให้กลายเป็น "มหาธาตุ" ศูนย์กลางเขาพระสุเมรุ ปราสาทหลายแห่งในวัฒนธรรมบายน กลายมาเป็นมหาธาตุขนาดใหญ่ จากวัสดุก่อสร้างทั้งหินทรายและศิลาแลงเดิม ในช่วงกรุงศรีอยุธยา ปรางค์วัดมหาธาตุ ได้รับคติใหม่ คือ "จักรพรรดิราช" และ "ไตรภูมิ" แบบเถรวาทลังกา มีการสรางปรางค์ทิศขึ้นเพิ่มอีก 4 ทิศ เพื่อแสดงขอบเขตหรือผังของจักรวาล ที่มีทวีปทั้ง 4 ( แทนปรางค์ทั้ง4 ) มีเขาพระสุเมรุ (ปรางค์ประธาน) สูงกว่าทวีปที่รายล้อมอยู่ตรงกลาง วัดมหาธาตุเพชรบุรี และอีกหลายแห่ง (สุพรรณ ราชบุรี  ฯ) ได้กลายเป็นปรางค์ 5 ยอด มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 20 -21 เป็นต้นมา จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:22:28

ความคิดเห็นที่ 5   โอ๊ว ความรู้เต็มเลยขอบคุณครับ จากคุณ : หมาเห่าเครื่องบิน ~ บ๊อก บ๊อก เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:29:57

ความคิดเห็นที่ 6   ในช่วงกลาง (ปราสาททอง พระนารายณ์) และปลาย ( พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ) กรุงศรีอยุธยา ได้มีการสร้างเสริมให้สูงขึ้น บูรณะและขยาย รวมทั้งการเพิ่มเติมระเบียงคด และสร้างวิหารขนาดใหญ่ไว้ด้านหน้า ในคติจักรวาลและเขตมณฑลสรวงสวรรค์        รูปแบบของระเบียง จึงมีความคล้ายคลึงกับวิหาร ระเบียงคดของวัดพุทไธสวรรค์เป็นอย่างมาก         ในช่วงรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้มีการบูรณะปฏิสงขรณ์วัดสำคัญในเขตเมืองเพชรบุรี ที่กลายเป็นราชธานีแห่งที่ 2 มีการดัดแปลงพระพุทธรูปพระประธานให้มาเป็น "พระทรงเครื่อง" ในคติ "ท้าวชมพูบดี" จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:30:47

ความคิดเห็นที่ 7   นอกจากพระประธาน ในช่วงรัชกาลที่ 4 ยังได้โปรดให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของพระพุทธรูปปูนปั้นที่เรียงรายในวิหารระเบียงคด เฉพาะบริเวณด้านทิศตะวันออก ( อันเป็นทิศด้านหน้า ทิศสำคัญในคติความเชื่อ) ให้กลายมาเป็นพระทรงเครื่องเช่นเดียวกับพระประธานของวิหาร จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:33:47

ความคิดเห็นที่ 8   พระพุทธรูปสำคัญในวิหารหลวง มีพระประธานที่ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อมหาธาตุ" เป็นประธาน ภาพด้านหลังจะวาดเป็นรูปดาวดึงส์(แต่มีอาคารแบบยุโรป) ด้านข้างเป็นภาพเทพชุมนุม ด้านหน้าเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ             ถัดจากพระประธาน น่าจะเป็นพระพุทธรูปแทนหลวงพ่อบ้านแหลม และ ถัดมาเป็นพระพุทธรูปแทนหลวงพ่อเขาตะเครา ที่ทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ( ในคติชาวบ้าน เรียกให้เป็นพี่ - น้องกัน) ในเขตลุ่มน้ำเพชรบุรี นับจากสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา      ด้านหน้าสุด เป็นธรรมจักรหินตะกอนสีเทา ปิดทองเปลว จากพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีร่องรอยการสลักรูปธรรมจักรและพระพุทธรูป จำนวนมากในเขตอำเภอบ้านลาด - ท่ายาง ครับ จบแค่นี้ละกัน จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:48:33

ความคิดเห็นที่ 9   ผมอยู่เมืองเพชรแท้ๆ ยังไม่รู้อะไรเท่านี้เลยครับ (บ้านอยู่ติดวัดมหาธาตุเลยหละ 5555 แถมเรียนเอกท่องเที่ยวอีกต่างหาก - -*) ขอบคุณมากครับพี่ ^^ จากคุณ : หมาเห่าเครื่องบิน ~ บ๊อก บ๊อก เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:52:11

ความคิดเห็นที่ 10   ฮึ..ขนาดพระพุทธศาสนาเขายังบอกว่าเพิ่งเข้ามาสมัย พ.ศ. ๓๐๐ กว่า ๆ เลย (ทั้ง  ๆ ที่สมัยพุทธกาลก็มีมาเผยแพร่แล้ว รอยพระพุทธบาทที่สระบุรีก็เพิ่งทำสมัยอยุธยา, พระพุทธฉายก็มาสร้างเอายุคหลัง อะไรนะ อ๋อเทคนิคเดียวกับลูกปัดเปอร์เซียหรือไงนี่แหละ....๕๕๕๕๕) แล้วนับประสาอะไรกับวัดมหาธาตุ  จะมีใครสนใจ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 19:09:00

ความคิดเห็นที่ 11   หลวงพ่อมหาธาตุจะเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กๆถือพัด ตั้งอยู่ด้านหน้าขององค์พระประธานทั้ง 3 ในพระอุโบสถหน่ะครับ หลวงพ่อบ้านแหลมและหลวงพ่อวัีดเขาตระเคราจะประดิษฐ์ฐานอยู่ซ้ายและขวาของหลวงพ่อมหาธาตุครับ เป็นองค์จำลองขนาดเล็กกว่าองค์จริงเช่นกัน พระประธานอีก 2 องค์ที่ถูกวางไว้ด้านหน้าหลวงพ่อทรงเครื่องนั้น เล่ากันว่าย้ายมาจากพระอุโบสถเก่าในช่วงที่ซ่อมแซมหน่ะครับ แต่ตอนหลังก็ไม่ได้ย้ายกลับไปที่เดิม จึงกลายเป็นพระประัธาน 3 องค์เรียงกันดังปัจจุบัน สมัยก่อนที่โรงเรียนวัดมหาธาตุเคยเป็นตลาดสดมาก่อน และคึกคักกว่าสมัยนี้มาก แต่พอตอนหลังย้ายตลาดสดออกไปและสร้างเป็นโรงเรียนขึ้นมาแทน ย่านนั้นเลยเงียบเหงาลงไปหน่อยในยามกลางวัน ปล. ขนมเบื้องกับไอติมหน้าวัด อร่อยมากๆครับ ข้าวเหนียวมะม่วงป้าเขียวหน้าวัดก็อร่อย หุหุ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 11:12:07

ความคิดเห็นที่ 12   เคยไปวัดมหาธาตุ แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นปราสาทขอมมาก่อน ถ้างั้นวัดกำแพงล่ะ ก็ร่วมสมัยกับชัยวรมันที่ 7 เช่นกัน แต่อยู่ห่างกันไม่มาก จะมีสองปราสาทอยู่ใกล้กันขนาดนี้เลยหรือ ถ้างั้นก็ต้องมีใครสร้างก่อนใครกันแน่ แล้วถูกดัดแปลงมาเป็นวัดมหายานในสมัยเดียวกัน จากคุณ : VET53 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:12:42

ความคิดเห็นที่ 13   พระพุทธรูปทรงเครื่อง นิยมมีในยุคอยุธยาไม่เกิน 500 ปี จากคุณ : โฟมน่ารัก เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:10:32