ความคิดเห็นที่ 1   เรียน คุณ นางฟ้าตาเหล่(๕๕๕) ผมฝึกภาษาอังกฤษ โดยไม่ไปเรียนที่ไหนเลยเนื่องจากเป็นคนมีฐานะ (ยากจน) ทำให้ต้องฝึกเองมาตลอด สำหรับการฝึกภาษานั้น ควรเริ่มจากการอ่านเมื่ออ่านได้(ถูกต้อง) ก็มักจะฟังได้อย่างถูกต้อง (เท่าที่ผมเดานะ) เพราะว่า เราจะรู้ว่าคำไหน ออกเสียงอย่างไร.. สำหรับการฟังนอกจาก จะฝึกจากการฟังเพลงแล้ว ก็สามารถฝึกจากหนัง (ภาพยนต์)ได้อีกด้วย DVD เดี๋ยวนี้มีฟังค์ชั่น ปิด subtitle ได้ ก็ยิ่งสะดวก หรือจะเปลี่ยนเป็น sub-eng ก็ได้เหมือนกัน... แต่บ้านผมมีแค่เครื่องอ่าน VCD จึงต้องเอากระดาษ ไปปิดซับเอาเอง (ประดิษฐ์ hardware เองเลย ทีเดียว) เมื่ออ่านเยอะ ฟังเยอะ การเขียนก็จะง่ายขึ้นเยอะครับ เพราะเวลาเราเขียน ผิด หรือผิดไวยากรณ์ จิตใต้สำนึกจะฟ้องเราเองเลย ว่า ประโยคมันแปลกๆ ใช่เปล่าหนา~ จนทำให้ต้องมาตั้งกระทู้ถามไว้ใน pantip นี่แหละครับ(อิอิ) มาใช่บริการพวกพี่ๆ เพื่อนๆ ชาว pantip ให้ตรวจสอบอีกทีนึง อย่างไรก็ตาม "เป้าหมาย" สำคัญมากครับ สำหรับผมแล้ว อยากมีแฟนเป็นฝรั่ง (๕๕๕๕๕) ก็เลยมีแรงบันดาลใจให้ฝึกภาษาอังกฤษ อย่างต่อเนื่องจริงจัง(เพราะจริงใจ) เอาโปสเตอร์ ฝรั่งหล่อๆ ไปติดฝาบ้าน แล้วก็คุยกับเค้าดูสิครับ(๕๕๕) อาจจะเหมือนบ้าไปนิด ก็อย่าคุยเสียงดัง (ผมยังคุยกับทีวีเลย กร๊าก) เรื่องโอกาสก็สำคัญ เวลาเจอฝรั่งก็หาเรื่องคุย หาโอกาสคุยให้ได้ครับ มีวันนึงผมไปหลงทางแถวๆ สีลม ที่ห้างโรบินสั้นแถวๆนั้น (ไม่บอกก็รู้ว่า เด็กในเมืองมากๆ) มีคนไทยยืนอยู่ 4-5 คน แทนที่จะถามคนไทย ไม่ครับ ใช้บริการ ชาวต่างชาติสักหน่อย ฝรั่งมันคง งงนะครับ ว่าไอ้นี่มาถามไรตูฟะ? (ตูก็หลงเหมือนกัน ๕๕๕) เอาเป็นว่า เห็นฝรั่งที่ไหน(พันธุ์ใดก็ได้) ก็คุยเข้าไปเลยครับ หาเรื่องคุยให้ได้ ดินฟ้าอากาศ ฝนตก รถติด หิว ไม่หิว คุยกันเข้าไป ทั้งหมดนี่ก็เป็นเทคนิคของผมเองล่ะครับ โฮะๆๆๆ ป.ล. จงอ่านทุกอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษ ครับ~ (แต่ก็ไม่ควรทิ้งภาษาไทย นะครับ ควรใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ควบคู่กันไปด้วยนะครับ เพราะเรายังเป็น คนไทยอยู่เนอะ~) แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 13:18:01 จากคุณ : ลิงใส่แว่น (noptee) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 13:17:16

ความคิดเห็นที่ 2   มีแฟนเป็นต่างชาติโลดครับ จากคุณ : เจ้าชายน้อยคอยรัก (เจ้าชายน้อยคอยรัก) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 13:35:21

ความคิดเห็นที่ 3   ไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย มีแต่สัจธรรมล้วนๆ คนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษระดับเทพที่เราเคยสัมผัสมา ทุกคน อ่านตำราภาษาอังกฤษมากมายหลายเล่ม  เป็นตำราที่ฝรั่งเจ้าของภาษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขียนไว้   ต้นทุนที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องมีก็คือ "คุณต้องอ่านภาษาอังกฤษในระดับ intermediate ให้ได้ก่อนเป็นอย่างน้อยที่สุด มันทำให้เปิด dictionaries อังกฤษ-อังกฤษได้ และค้นข้อมูลจาก Internet ได้ด้วย ซึ่้งจะเป็นประตูก้าวไปสู่ดินแดนการเรียนรู้อันกว้างใหญ่ไพศาล" ถ้าคุณไม่มีต้นทุนที่สำคัญที่ว่านี้ คุณจะไปเรียนกับครูไทยก่อนก็ได้ถ้าคุณเรียนเองแล้วมันเหนื่อยแรงในขั้นต้นๆ แต่เรียนแค่พออ่านภาษาอังกฤษในระดับ intermediate ได้ก็พอแล้ว (ไม่ต้องไปตั้งเป้าว่าเรียนให้พูดได้ หรือเขียนได้ หรือทำข้อสอบอะไรต่อมิอะไรผ่าน)... แล้วที่เหลือคุณเรียนเองได้หมด  ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน เรียนจากตำราที่ฝรั่งเขียนไว้ เรียนเองได้หมด โดยการหาข้อมูลจาก Internet หมายเหตุ เดี๋ยวนี้ ตำราเรียนภาษาอังกฤษสมัยใหม่ มาในหลายๆรูปแบบ เช่น เป็น video clips เปิดดูเปิดฟังเหมือนเข้าไปนั่งเรียนในมหาลัยในต่างแดนเลยหละ สรุปแล้ว เนื้อหาสาระของบทเรียนภาษาอังกฤษที่พวกเราเรียนกันมาในโรงเรียนไทยตั้งแต่เด็กๆ หรือไปเรียนกันในโรงเรียนสอนภาษา หรือแม้กระทั่งในมหาลัยไทย ถ้าเปรียบเทียบกับตำราภาษาอังกฤษแบบเจาะลึก ที่คุณไปแสวงหามาอ่าน ซึ่งฝรั่งเจ้าของภาษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขียนไว้นะ ประการหลังช่วยให้คุณเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหลายๆเท่าตัว  นี่เป็นข้อมูลที่เราค้นพบได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึี่งมันไม่ใช่ความลับอะไรเลย หลายๆคนก็อาจเคยได้ยินระแคะระคายมา แต่ไม่อยากเรียนด้วยวิธีนี้เพราะคิดว่ามีวิธีลัดอย่างอื่น จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 13:38:45

ความคิดเห็นที่ 4   ผมไม่ถึงกับคุยกับโปสเตอร์บนข้างฝานะ   สิ่งที่ผมทำบ่อยๆ และไม่ต้องลงทุนลงแรงมากคือคิดเป็นภาษาอังกฤษ ยังจำได้ว่าสมัยที่โดนบังคับให้เรียนหลักสูตรเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษแบบจานด่วน   วันแรกอาจารย์ฝรั่งถามหน้าชั้นก่อนเลยว่าใครคิดเป็นภาษาอังกฤษได้บ้าง ตอนนั้นออกอาการงงไปพักใหญ่เพราะเพิ่งรู้ว่าความคิดนั้นมีภาษาด้วย   อาจารย์เลยแนะทริคให้ว่าให้พยายามไม่คิดเป็นภาษาแม่ตัวเองแล้วหัดคิดเป็นภาษาอังกฤษดู   แรกติดขัดมาก   แต่สนุกดีครับ ทำบ่อยๆ แล้วได้ผลดีจริงๆด้วย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 14:21:18

ความคิดเห็นที่ 5   ดูหนัง จากคุณ : milkyway23 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 15:06:46

ความคิดเห็นที่ 6   ขอตอบ บ้าง 1. ไม่มีเงินเรียนสถาบันแพง + พื้นฐานภาษา ไม่ดีเพราะไม่เคยคิดว่ามันจะต้องใช้ แล้วทำไง - ไปเรียนต่อ เพราะแรงกระตุ้นคือ เท่ห์ดี (แทบตายเจอ text book) เรียนไปทำงานไป (แทบตายอีก) สถานการณ์บังคับ  ต้องอ่าน ต้อง ทำข้อสอบบ้างวิชาเป็นภาษาอังกฤษ ทำไง ก็ท่อง+ต้องทำความเข้าใจในประโยค ซึมซับไปเอง (แกร่มม่าไม่ได้เรื่อง) เวลาอ่านและแปลคำไหนไม่ออก ข้ามไป ดูประโยคโดยร่วม - ที่นี้เจอวิกฤตอีกรอบ แกรมม่า (เกิดปมในใจ)  ทำไง ซื้อหนังสือ แล้วก็หนังสือ อ่านไปดิ อ่านไป งง (หนังสือที่คนแต่งคนไทย แพงด้วยต่อเล่มก็ 200 up) เช่น Present ปัจจุบัน  Present Continue ปัจจุบันทีมีการกระทำต่อเนื่อง ...โอ๊ยอะไรของมัน งง (เข้าเขียนดีแต่สมองน้อยๆ ของเรางงและโง่เอง) สรุปคือ ไม่จำคำแปล แต่จำว่า แต่ละTense นั้นจะทำงานของ Tense อย่างไร ตอนไหน มากกว่า จำเป็นภาษาอังกฤษ (พอช่วยได้ แต่ก็ยังจำไม่ค่อยได้พอจะเขียนจริงก็สับสนเหมือนเดิม...เฮ้อ) - ต่อไปวิกฤต การฟัง  ทำงานมาไม่เคยเจอฝรั่ง เปลี่ยนงานล่าสุดก็ต้องเจอโดยโดนโอนสายมาให้คุยกับลูกค้า (จำได้ว่าไม่ได้บอกตอนสมัครงานว่า Speak Good excellent) แย่แล้ว สู้ตาย ...:( มันพูดอะไรอ่ะ เร็วมากมาย ก็จำได้มั้งมั่วมัง ฟังไปจดไป แล้วก็ตอบไปว่า ฉันขออนุญาต โอนสาย....สรุปคือ หนังฟังเพลงมันทั้งวัน คำไหนซ้ำๆ ก็จำไว้แล้วไปหาว่า คำนี้เขียนไง สะกดยังไง ...(ซึมซับ ไปเรื่อยๆ พอฟังทันและรู้เรื่องขึ้น) จาก 0 ตอนนี้ก็ 5 แล้วนะคิดเองประเมินเอง - ต่อไปวิกฤต การอ่าน ผู้เก่งกาจทั้งหลายบอกว่าให้หาหนังสือพิมพ์มาอ่าน (ไม่ชอบ ไม่เห็นสนุก อะไรไม่รู้ ศัพท์แบบนี้ยาก พับเก็บไปเสียไป 30 บาท) ก็ไปซื้อหนังสือ ที่เป็นนิยายที่อ่านเรื่องย่อแล้วคิดว่าน่าจะสนุก ละโมบ ใคร ก็แนะนำให้อ่านเล่มเล็ก ๆ หยิ่งไม่อ่าน เพราะทรัพย์ง่ายอ่านแล้วรู้เรื่องจะอ่านทำไม ดูเถอะ นู้นเลยซื้อ P.S. I love you มา อ่านก่อนฝรั่งเอาไปทำเป็นภาพยนต์อีก สรุป คือ อ่านไปได้ 10 หน้า เริ่มไม่รู้เรื่อง เพราะศัพท์เยอะแยะมากมายที่ไม่รู้เดาไม่ค่อยได้ พับเก็บไป ที่นี่ก็อ่านบทควาที่อยากอ่านทางเวป อ่านรายงานการประชุมกับ partner และแล้วก็พึ่งรู้ว่าจะทำไงให้อ่านแล้วรู้เรื่องและสนุก ก็ไปซื้อ ซีรีย์ ที่สนุก ๆ ดู  ต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั่นจะมี แปลไทยหรือไม่มีไม่สนใจ  แล้วไปพาซื้อหนังสือมาอ่านหลังดูจบ เพิ่มความสนุกและความเข้าใจ (ผลคือ การอ่านเริ่มดีขึ้น จับ Tense ได้ เพราะอ่านไปนึกไปด้วยว่า ประโยค นี้ คือ Tense อะไร) ยังมีอีกเยอะเลยที่ลองผิดถูกไปเรื่อย แต่เดี่ยวจะบ่นสะว่าร่ายมาสะยาวไม่มีประโยชน์ ลำคาญ ขอแว๊ปไปก่อน (หนีงานมาตอบ...) โก๋แก๋รสกาแฟ (รอคำแนะนำท่านอื่นเอาไปใช้เพิ่มเติม) จากคุณ : nranee เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 15:22:56

ความคิดเห็นที่ 7   ให้พี่ลิงไปเลย 3 กิฟ กรี๊ดค่ะ กรี๊ด ทำอย่างพี่เขาเลยหล่ะ ดูหนัง ฟังเพลง ทำสิ่งที่เราenjoy พวกseriesก็ชัดแจ้งดี พูดเยอะๆ ฝรั่งเค้าไม่ค่อยสนหรอกว่าใครพูดด้วย มีคนมาสนใจก็ดี๊ด้าแล้ว ได้รับattentionเป็นพิเศษพวกนี้ชอบนัก พอฟังได้ เริ่มอ่านบ้าง อ่านออกเสียงด้วยก็ดีจะทำให้เราจับใจความได้มากขึ้น หูของเราจะทำงานได้ดีมากเวลาสอมอยากจะเก็บข้อมูลอะไร ยิ่งอ่านเยอะ การเขียนก็จะง่ายขึ้น สุดท้ายมีคำถามอะไรก็เข้ามาถามในนี้ได้เสมอ เรายินดีสนับสนุนคนมุ่งมั่นค่ะ ส่วนแรงบัลดาลใจ อันนี้สำคัญเช่นกัน ของปีศาจเองก็ไม่พ้น เท่ห์ดี เช่นกันค่ะ ตอนแรงก็อยากแฟนฝรั่ง แต่ตอนนี้เริ่มหันไปทางอัฟริกัน อเมริกัน get pumped babe! ye can't get nothin wrong tryin darl :D จากคุณ : pisage เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 15:53:22

ความคิดเห็นที่ 8   ขึ้นอยุ่กับเวลา และความขยันอย่างสม่ำเสมอค่ะ จากคุณ : ของขวัญจากGOD เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 18:23:01

ความคิดเห็นที่ 9   คห 1 เขียนได้ฮาจิ๊ปเลยครับ ผม ดูหนัง + อ่านนิยาย + ฟังข่าวอังกฤษเอาครับ ปิดเทอม ก็ยืมมหาลัยมาดู วันสองวันต่อแผ่น จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 18:27:50

ความคิดเห็นที่ 10   "..แบบที่ไม่ต้องไปเรียนที่ศูนย์กวดวิชาบ้างมีไหมคะ?.." >> มีสิ ขอให้ทำจริงๆก็แล้วกัน แบบที่คนข้างบนหลายๆคนเขาทำกันน่ะแหละ คือการเอาตัวเองเข้าไปจุ่มไปแช่หรือ immerse อยู่กับภาษาอังกฤษทั้งภาครับเข้าและส่งออก นานๆเข้ามันต้องซึมซับบ้างแหละน่า จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 23:57:02

ความคิดเห็นที่ 11   "คิดเป็นภาษาอังกฤษ" ทำยังไงครับ โปรดอธิบายให้เห็นภาพด้วยครับ จากคุณ : นิรมาณ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 01:34:13

ความคิดเห็นที่ 12   วิธีที่เราหัด คือแต่งประโยคภาษาอังกฤษไว้ในใจตลอด  เห็นอะไรก็แปลงเป็นภาษาอังกฤษเอาไว้  ตัวเราเองก็ไม่ได้เก่งเลยค่ะ  กำลังอยู่ในช่วงพยายามเหมือนกัน  วิธีนี้ทำไปเรื่อยๆถึงขั้นเอาไปฝันเลยนะ   ดูหนังแล้วพูดตามก็สนุกนะ  เวลาเปิดดูยูทูปหรือเว็บต่างๆ  ก็เข้าไปเขียนอะไรไว้ ทำให้เรากล้าที่จะใช้ ถึงแม้มันอาจจะผิดหรือไม่ถูกหลัก แต่มันคือการเริ่มต้นค่ะ จากคุณ : tibby-bibty เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 01:54:19

ความคิดเห็นที่ 13   เข้ามาช่วยยืนยันอีกคนครับว่าการฝึกภาษาอังกฤษนั้น ไม่มีทางลัด คุณต้องลุยลูกเดียวเลย จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 05:08:38

ความคิดเห็นที่ 14   คนอื่นตอบ จขกท ไปหมดแล้ว ขอตอบ คุณ นิรนาม ละกัน ตามความเข้าใจของผม คิดเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือคิดประโยคเป็นภาษาอังกฤษโดยตรง โดยไม่ผ่านภาษาไทย ซึ่งแน่นอน ตอนแรก ทำไม่ได้หรอก (อยู่ๆ ใครจะทำได้ จริงมั้ย) ที่ทำได้ก็คือ เริ่ม คิดประโยคสั้นๆ ประมาณว่า ประโยคนึงมีสามสี่คำ เช่น พวก การกล่าวทักทายและการโต้ตอบการทักทาย ตัวอย่างเช่น เวลาคุณทักฝรั่ง แบบพื้นๆที่สุดคือ How are you? How are you doing? หรือ  hello?  คำพวกนี้ คุณต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อนแล้วแปลเป็นอังกฤษ หรือว่า พูดไปได้เลย (โดยไม่ต้องคิดเป็นประโยคก่อนด้วยซ้ำ)  ผมหวังว่า คงไม่มีใครคิดเป็นไทยก่อนแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับการทักทายแบบนี้นะ ทำนองเดียวกัน ถ้าคุณฝึกทำแบบนี้บ่อยๆ แต่ด้วยประโยคที่หลากหลายและยาวขึ้น คุณจะมีประโยคอัตโนมัติที่ใช้ได้ในหลายโอกาสทีเดียว โดยส่วนตัวแล้ว หลังจากผ่านขั้นตอนนั้นมาพอสมควร ตอนนี้ เวลาผมจะพูดภาษาอังกฤษ ผมไม่ได้คิดเป็นประโยคภาษาอังกฤษในใจก่อนพูดด้วยซ้ำ คือ พูดออกไปเลย   เทียบได้กับ เวลาคุณคุยภาษาไทยกับใครซักคน ผมคิดว่าคุณไม่คิดเป็นประโยคภาษาไทยในใจก่อน แล้วค่อยพูดออกไป แต่คุณพูดออกไปอัตโนมัติเลย (โดยอาจคิดคร่าวๆว่าจะตอบอะไร แต่ไม่ได้คิดเรียบเรียงประโยคในใจก่อน) จริงมั้ย   ถ้าไม่จริง ผมว่าผมจะต้องอึดอัดที่จะต้องคุยกับคุณเป็นแน่ เพราะคงต้องรอคุณคิดก่อนทุกประโยค แม้ว่าคุณจะคิดเร็วแค่ไหนก็ตาม มันก็ใช้เวลาคิดอยู่ดี แน่นอนว่า มันต้องใช้เวลานานในการฝึกจนกว่าจะสามารถทำได้ และมันจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่อยู่ๆ จากทำไม่ได้เลย ตื่นเช้ามา กลับทำได้เฉยเลย อันนั้น มันฝันกลางวัน จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:22:27

ความคิดเห็นที่ 15   เอาไม้เขี่ยวไปที่คุณ นิรมาณ คห.11 การคิดเป็นภาษาอังกฤษ นั้นง่ายเชียะพ(พูดสำเนียง อ.ยิ่งศักดิ์) เวลา เห็น ดิน ฟ้า อากาศ หิว ไม่ หิว(อีกแล้ว) ให้นึกเป็นอังกฤษไว้ก่อน หรือเวลาใครพูดภาษาไทยกับเรา ก่อนจะเข้าใจ ก็แปลมันเป็นภาษาอังกฤษ ซะก่อน... (ยุ่งยากดีมะ?) เช่น เดินออกมาจากบ้าน เหยียบ อุจจาระสุนัข แทนที่จะอุทาน ว่า แม่...เอ้ย ก็ให้สมองเปลี่ยนเป็น " Oh! Shit , shit" เป็นต้น เวลา ล้ม เวลา ชนใครก็  ทำหน้าแบบ แมรีริน มอนโล แล้วบอกไปว่า "Oops! Sorry ( the number you dial.......)" (๕๕๕) พอทำไปสักพัก เราจะเพลิน มากครับ ไปๆ มาๆ ก็จะกลายเป็นคิดเป็นอังกฤษ แบบอัตโนมัติ จนบางครั้ง สามารถ บ่นเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างธรรมชาติ ตัวอย่างที่ผมมักจะคิดบ่อยๆ (ผิดไวยากรณ์นะ) Ahh~! Bad traffic ( traffic jab) Ouch~! (อยู่บ้านร้องโอ้ย อยู่ข้างนอก ร้อง เอ้าช์) เวลาคนยืนขวางทาง (ทั้งๆที่มีที่กว้างออกเยอะแยะ ก็ยังอยากจะมายืน ออ กันตรงนี้) ให้พูดว่า Excuse me, The prince/princess is coming...(๕๕) เวลาเจอ คนน่าสงสาร ก็ Oh~Poor, หรือไม่ก็ such a pity (ประโยคหลังนี่แอบ มั่วนิดๆ ใครก็ได้แก้ให้ ที) ทำไปมากๆ จะมี เสียงตอบรับจากประชาชนว่า "คนชาติไหนน่ะ" อย่าเพิ่งตอบไปนะครับ ให้แปล เป็นอังกฤษ ก่อน... แล้วตอบไปว่า ... ฉาน เปน คน ฟิ ลิป ปิน (หรือ) อิน โด นี เชีย (แสร้งพูดไม่ชัดด้วยนะครับ) สองสัญชาตินี้ หน้าตาจะละม้ายคล้ายคนไทยที่สุดครับ รับรอง คนเชื่อแน่นอน คนไทย เชื่อง่ายจะตาย (ลองมาแล้ว ๕๕๕) (ปัจจุบัน ก็ได้ฉายา เป็น นาธาน ๒ ไปแล้ว ๕๕๕๕) ป.ล. (ถ้าคุณ นิรมาณเห็นแล้วจงแปลเป็น P.S.) ว่าควรใส่สีหน้า ตอนพูดด้วยจะ ได้อารมณ์ อย่างมาก ถ้าไม่รู้ว่าควรทำ หน้าตาแบบไหน ก็ให้ หาคลิป ในเน็ทดู แล้วปิดเสียง ดูสีหน้าอย่างเดียวครับ ก็จะรับรู้ได้เลยว่า ฝรั่งนี่ ต้องจบมาจากบ้าน AF อย่างแน่นอน ~ (อินซะ) สำหรับคำว่า อิน ฝรั่งใช้คำว่า into นะครับ I got into it (ฉันอินกับมัน) แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 53 12:31:01 จากคุณ : ลิงใส่แว่น (noptee) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:27:44

ความคิดเห็นที่ 16   เราเป็นคนนึงที่ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับสอบผ่านทั้งฟัง อ่าน เขียน แต่พูดนี่สิแย่ เพราะในชีวิตประจำวันไม่ได้ใช้เลย สงสัยต้องทำตามอย่าง คห.1 บอก ฮ่าๆ เดี๋ยวจะปริ้นท์รูป Taylor Lautner ไปติดฝาห้องดีกว่า จะได้คุยกันทุกวัน ตามที่ จขกท.ถามว่าต้องฝึกยังไง แชร์ประสบการณ์ตัวเองละกันนะ อย่างเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ประเภทที่ชอบมากที่สุดก็คือนิยาย เคยอ่านนิยายเล่มนึงจบเล่มหนึ่งแล้ว สนพ.ไม่แปลเล่มสองออกมาซักที เราเลยรอไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเราจึงเริ่มเข้าเวบบอร์ด อ่านนิยายเล่มสองต่อทางอินเตอร์เน็ต(นักเขียนเขาเขียนลงในบอร์ดแล้วได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือ เลยอ่านได้) อ่านไปก็สนุกไป เลยอ่านจนจบเรื่อก่อนที่สนพ.จะตีพิมพ์ซะอีก ตอนนั้นไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะอ่านได้ถึงขนาดนั้น และข้อดีอีกอย่างนึงจากการที่เราใช้เวบบอร์ดนั้นก็คือ ทำให้เรารู้ว่าเขาใช้ภาษาแบบ informal กันยังไง เช่นการพูด แสลง อะไรอย่างนี้ เอาเป็นว่าเราแนะนำว่าให้ จขกท.หัดใช้ภาษาอังกฤษจากสิ่งที่ชอบก่อนละกันนะ จะได้ไม่น่าเบื่อค่ะ จากคุณ : viccivince เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:30:37

ความคิดเห็นที่ 17   ตามนั้นครับที่คุณTiger อู๊ดอธิบายครับ ขอเสริมว่า ความสามารถในการคิดเป็นภาษาอังกฤษได้โดยไม่ผ่านเเปลหรือพึ่งภาษาไทยเลย เป็น time-consuming เเละ painful process มาก เเต่เป็นสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการควรทำ โดยเริ่มปูพื้นฐานตั้งเเต่เด็กเล็ก เพราะมันต้องใช้เวลานาน อาจจะใช้เวลา 10 ปี+ เเละต้องเริ่มตั้งเเต่เล็ก ๆ โต ๆเเล้ว เเค่พอสื่อสารได้ดีในระดับหนึ่ง ก็หรูเเล้ว เเต่จะมาบอกว่า เริ่มตอน 20 เเละอีก 1 ปีผ่านมาสามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษได้เลย --------------สามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษ---------------- เรากำลังพูดถึง process ทั้งหมด เหมือน chip ที่ได้ฝังในสมองครับ ยกตัวอย่างผมก็เเล้วกัน ผมคิดเป็นภาษาอังกฤษได้เเล้ว การตอบกลับเป็นเป็นเเบบSpontaneous เเต่ผมกว่าจะได้มันมา ไม่รู้ว่าตอนไหน รู้อย่างเดียวว่า มันเกิดขึ้นในระหว่างผมใช้ชีวิตอยู่ที่ Melbourne 14 ปีกว่า ผมไปตอนอายุ 18 ก่อนหน้านั้น ผมเก่งเเละสนใจภาษาอยู่เเล้ว + มีพ่อบุญธรรมเป็นคนอังกฤษ คุ้นเคยกับภาษา(ได้เห็น ได้พูด ได้อ่าน)ตั้งเเต่ 8-9 ขวบ +ตลอดเวลา 14 ปีกว่า ผมได้ใช้ภาษาเต็มที่ อ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พูดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ+ ไม่กลัว ไม่อาย ผิดก็เเก้ไขครับ ไม่ใช่พึ่งจะเริ่ม ทุกวันนี้กลับมาเมืองไทยได้ 7 ปีเเล้ว ก็ยังฝึกฝนทุกวันครับ ---สถาบันภาษาทั่ว ๆ ไป ไม่กล้าการันตีคุณหรอกที่จะทำให้คุณคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ เเต่ไม่ใช่ว่า คุณจะถูกฝึกให้คิดเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ฝึกได้ เช่น อ่านเยอะ ๆ เห็นอะไร คิดเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษเลย รู้สึกกับมัน ได้ครับ เเละเป็นวิธีที่ดี ฝึกได้ที่เมืองไทย เเต่ถ้าจะให้ดี Process อย่างที่ผมบอก คนที่เป็นผู้ปกครอง ส่งลูกเข้านานาชาติ ต่อจากนั้นส่งไปเรียนต่อเมืองนอก เมื่อคืนผมก็ Party ของเด็กนักเรียนผม คุณพ่อเขาจะส่งลูกเขาไปเรียนต่ออังกฤษ เด็กคนนี้เพิ่ง 10 ขวบเองนะครับ ใช่ มันใช้เงิน วิธีที่ดีที่สุด ถ้าอยู่เมืองไทย ฝึกเเบบที่ผมเเละทุกคนในนี้เเนะนำครับ เมืองไทยก็เก่งได้ เเต่วินัยต้องสูงสุดนะ เเละสุดท้ายครับ อยู่ที่เป้าหมายว่าคุณจะเอาภาษาไปใช้ทำอาชีพอะไร เเปลกเเต่จริงว่า ถ้าคุณต้องการการเป็นทูตหรืออ่านข่าวภาษาอังกฤษหรืออาชีพที่ต้องใช้ภาษาระดับสูง ๆ คงต้องปูทางเเบบที่ผมเเนะ เเต่ถ้าทั่ว ๆ ไป ไม่น่าจะทำให้คุณเครียดมากครับ เเละ-----------------อย่าโกหกตัวเอง-------------------- โชคดีครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 13:21:56 A:192.168.0.240 X:203.209.118.195 TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 18   คห.15 น่าจะเป็น What's a pity รึเปล่าคะ แต่ This is such a pity ก็น่าจะได้นะ เคยมีเพลงชื่อนี้ เราก็อุทานเป็นภาษาอังกฤษค่ะ คือ Oh shit! ทำได้แค่นี้ 55+ พูดที อาจารย์ฝรั่งหันมามองหน้าเลย =_= แย่มากๆ ต้องแก้ให้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ assessment จะลดฮวบฮาบ เราว่ามันต้องใช้เวลามากๆในการเรียนภาษา ถ้าไม่มีสิ่งแวดล้อม ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง ดูซีรีย์ ฟังเพลง ดูหนัง เจอศัพท์ที่หาไม่เจอ หาแล้วเขียนไว้เลย ใน Ipod เรา จะใส่เนื้อเพลงลงไปด้วย คำไหนไม่รู้ จะเขียนคำแปลไว้ในเนื้อเพลงนั่นเลย ออ แล้วก็ Chat ห้อง English ของ pantip (อันนี้คิดว่าคงไม่ช่วยมาก เพราะคนคุยก็คนไทยด้วยกันนี่แหละ เวลาไม่รู้ก็พิมพ์ทับศัพท์ 55+) แล้วเราก็อ่าน Pride and Prejudice อยู่ อ่านนิยายก็ช่วยได้เยอะเลยค่ะ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 19:11:22