Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่อาญาสิทธิ์ (คนดีแผ่นดินซ้อง ๔)  

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๔ กระบี่อาญาสิทธิ์

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย เต็กเชง เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้านของ จิวเซง แล้ว ก็ไม่มีความสุขสบายใจ เพราะเป็นห่วงเพื่อนร่วมสาบานทั้งสองคน ที่รอคำพิพากษาโทษอยู่ในตะราง โดยไม่รู้ว่าจะเป็นประการใด จิวเซงจึงแนะนำให้ไปอยู่กับเพื่อน ที่เป็นนายทหารชั้นนายหมวดชื่อ ลิมกุ้ย แม้ว่า เต็กเชงจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็เกรงใจจิวเซงจึงต้องจำยอม

ลิมกุ้ยพิเคราะห์ดูเห็นเต็กเชงเป็นคนร่างเล็ก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีฝีมือเข้มแข็งรู้เพลงอาวุธ ดังที่จิวเซงบอก จึงให้เต็กเชงลองรำเพลงอาวุธดู เต็กเชงก็รำเพลงอาวุธหลายชนิดให้ดูอย่างคล่องแคล่วว่องไว ลิมกุ้ยจึงรับเอาไว้เป็นทหารของตน

ฝ่าย ชิงชิว ซึ่งได้รับสั่งให้เป็นผู้กำกับการฝึกหัดทหาร ก็เกลี้ยกล่อมคนมาฝึกหัดทหารเพิ่มเติมขึ้นอีกเป็นอันมาก วันหนึ่งได้สั่งให้ทหารมาประชุมพร้อมกันในสนาม ซึ่งเป็นเวรที่ลิมกุ้ยจะเป็นผู้ดูแลการฝึกหัด ลิมกุ้ยจึงพาเต็กเชงไปที่สนามฝึกหัดด้วย เต็กเชงก็น้อยใจว่าต้องมาเป็นทหารเลวของนายทหารรอง ถึงยี่สิบวันแล้วยังไม่มีทางที่จะแสดงฝีมือ จึงแกล้งเขียนหนังสือเป็นคำโคลงแปะไว้ที่สนามฝึกหัด มีความว่า

ตัวเราชื่อเต็กเชงเปรียบเหมือนหยกอย่างดี มีศิลาห่อหุ้มอยู่หามีผู้ใดรู้ว่าหยกไม่ ถ้าผู้ใดดูออกแล้ว ก็ควรจะนำไปถวายพระเจ้าแผ่นดินได้

เมื่อชิงชิวมาถึงท้องสนามพร้อมด้วยขุนนางทั้งปวง แลเห็นหนังสือเขียนไว้ จึงให้นายทหารคนสนิทไปอ่านดู แล้วกลับมาเล่าความนั้นให้แจ้งทุกประการ ชิงชิวก็นึกได้ว่าเต็กเชงคนนี้ เดิมตี ฮูลุน ตาย แต่ เปาบุ้นจิ้น ชำระไม่ได้ความจริงจึงปล่อยไป บัดนี้ยังมาเขียนหนังสืออวดอ้างว่ามีฝีมือเข้มแข็งอีกเล่า จำจะเอาตัวมาทำโทษเสียให้จงได้ คิดแล้วจึงให้ทหารไปหาตัวเต็กเชงมา

ทหารผู้นั้นก็ไปหาลิมกุ้ย ให้ส่งตัวเต็กเชงมาให้ชิงชิวพิจารณา ชิงชิวก็ว่ามีรับสั่งให้เราฝึกหัดทหาร เจ้ามาเขียนหนังสืออวดอ้างว่ามีฝีมือเข้มแข็งดังนี้ เป็นการกำเริบเหลือเกินนัก มีโทษมาก ว่าแล้วก็สั่งให้ทหารเอาตัวเต็กเชงไปประหารเสีย

ขณะที่ทหารกำลังกลุ้มรุมจับตัวเต็กเชงมัดอยู่นั้น ก็มีเจ้านายชั้นอ๋องห้าองค์มาดูการฝึกหัดทหารด้วย องค์หนึ่งนั้นก็คือ โลฮวยอ๋อง บุตรของ โปยอ๋อง กับ นางเต็กไทเฮา พระราชมารดาของฮ่องเต้ ลิมกุ้ยจึงกระซิบให้เต็กเชงร้องขอความช่วยเหลือ เต็กเชงก็ร้องขอให้ช่วยชีวิตของตนด้วย

อ๋ององค์หนึ่งจึงถามชิงชิวว่า คนที่ร้องให้ช่วยนั้นมีความผิดสิ่งใด ชิงชิวจึงแจ้งความว่า ทหารผู้นั้นมีความผิด ฐานเขียนหนังสืออวดอ้างตนเองเกินไป ไม่ควรเอาไว้

ยือนำอ๋อง ก็ขอโทษไว้ด้วยว่าเป็นทหารใหม่ และสั่งให้ทหารแก้มัดออก เต็กเชงก็คุกเข่าลงคำนับแล้วทูลว่า พระองค์ช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ครั้งนี้ พระคุณหาที่สุดมิได้ ยือนำอ๋องจึงว่า เจ้าเป็นทหารมาอยู่ใหม่ไม่รู้จักการ เราจะยกโทษให้ครั้งหนึ่ง แต่นี้อย่าทำต่อไป

ชิงชิวก็ทูลว่า

“……..บัดนี้มีรับสั่งให้ข้าพเจ้าฝึกหัดทหารเป็นอันมาก เต็กเชงมีโทษถึงที่ตาย ท่านขอเสียก็ตามเถิด แต่จะต้องเฆี่ยนสักแปดสิบที อย่าให้ผู้ใดดูเยี่ยงอย่างกันต่อไป…….”

แล้วชิงชิวก็สั่งให้ทหารเฆี่ยนเต็กเชงแปดสิบที อ๋องทั้งห้าก็ขอลดโทษให้เฆี่ยนเพียงยี่สิบที ชิงชิวก็ยังไม่หายแค้น จึงให้ทหารเอาไม้ที่ทายาพิษมาเฆี่ยนเต็กเชง หวังจะให้ตายในเวลาต่อมา ทหารที่รู้ใจนายก็เอาไม้ทายาพิษเฆี่ยนเต็กเชงจนโลหิตไหล ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส และถูกไล่ออกไปนอกสนามฝึกหัด

เต็กเชงอุตส่าห์เดินไปจนถึงศาลเจ้าอยู่ริมทางแห่งหนึ่ง ก็แวะเข้าไปอาศัย เฮียกงผู้รักษาศาลเจ้าก็ถามว่า มาแต่ไหนเหตุใดจึงถูกเฆี่ยนตีดังนี้ เต็กเชงก็เล่าความให้เฮียกงฟังทุกประการ เฮียกงจึงว่า

“…….ชิงชิวคนนี้เฆี่ยนคนด้วยไม้ทายาพิษตายเสียหลายคนแล้ว ท่านนี้มีข้อสาเหตุสิ่งใดกับชิงชิวหรือ จึงต้องตีด้วยไม้ทายาพิษดังนี้ ท่านจงไปหาหมอรักษาเสียโดยเร็วเถิด ถ้าทิ้งไว้หลายวันคงตายเป็นแน่……..”

เต็กเชงก็ถามถึงหมอที่จะรักษา เฮียกงก็บอกให้ไปหา หลวงจีนอินซิว ที่วัดเซียงก๊กยี่ มียาวิเศษและใจกว้างมีเมตตาแก่คนทั้งหลาย ถึงไม่มีเงินทองก็รักษาให้ เต็กเชงก็ยินดีลาเฮียกงไปที่วัดเซียงก๊กยี่ เรียกให้ศิษย์วัดเปิดประตูรับ และขอให้พาไปหาหลวงจีนอินซิว แล้วเล่าความซึ่งต้องถูกตีนั้นให้หลวงจีนฟังทุกประการ และขอร้องให้ช่วยชีวิตไว้ด้วย

หลวงจีนอินซิวได้ฟังก็สงสารจึงเอาตัวไว้รักษา ให้กินยาและทายาได้สี่วัน เต็กเชงก็ค่อยคลายหายขึ้น เต็กเชงหามีสิ่งใดที่จะตอบแทนคุณหลวงจีนไม่ จึงเอานกทำด้วยหยกที่มารดาผูกติดตัวไว้ตั้งแต่เด็ก มาให้หลวงจีนเป็นเครื่องแทนคุณที่ช่วยชีวิตให้รอด หลวงจีนรับไปพิเคราะห์ดูแล้วถามว่านกนี้เจ้าได้มาแต่ไหน เต็กเชงก้เล่าความว่า

“……..เดิมปู่ข้าพเจ้าเป็นขุนนางนายทหาร ทำราชการมีความชอบ พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานนกนี้ให้ปู่ข้าพเจ้า ครั้นปู่ข้าพเจ้าตายแล้วนกนี้ก็ตกอยู่กับบิดามารดาข้าพเจ้า มารดาข้าพเจ้าจึงเอานกนี้ผูกติดตัวข้าพเจ้าไว้……..”

หลวงจีนก็ว่านกนี้แต่ครั้งปู่และบิดาเจ้า เราหาเอาไว้ไม่ แต่จะเก็บไว้ให้เจ้า จะไปเมื่อใดจงมาเอาไปเถิด

เต็กเชงก็อาศัยอยู่ในวัดกับหลวงจีนอินซิว จนกระทั่งวันหนึ่ง เจงซันอ๋อง ซึ่งชอบกันกับหลวงจีน ได้มาเที่ยวเล่นที่วัดเซียงก๊กยี่ หลวงจีนก็ออกมาเชิญให้นั่งสนทนากันในที่อันสมควร เจงซันอ๋องแลดูที่โต๊ะเห็นมีรัศมีสว่าง จึงถามว่าที่โต๊ะนั้นท่านเอาสิ่งของอะไรไว้หรือ หลวงจีนจึงหยิบเอานกหยกนั้นมาส่งให้ดู เจงซันอ๋องจึงว่าของนี้มีราคามากพลเรือนหามีไม่ ท่านเอามาแต่ไหน ไยจึงมีแต่ตัวเดียวเล่า

หลวงจีนก็บอกว่าชายคนหนึ่งมาให้ช่วยรักษาแผล เมื่อหายแล้วจึงให้นกนี้ แต่ตนเองไม่ต้องการจึงเก็บเอาไว้คืนให้เขาไป เจงซันอ๋องก็ว่าคิดดังนี้ชอบแล้ว หลวงจีนหาควรจะเอาของเขาไว้ไม่ แล้วเจงซันอ๋องก็ขอให้เรียกเจ้าของนกมาถามเรื่องราว

หลวงจีนก็ร้องเรียกเต็กเชงให้ออกมาคำนับเจงซันอ๋อง แล้วเจงซันอ๋องก็ไต่ถามชื่อแซ่และเหตุที่เอานกหยกมาให้หลวงจีน เต็กเชงก็เล่าความทั้งสิ้นให้ฟัง เจงซันอ๋องจึงนึกขึ้นได้ว่าตนกับอ๋องอีกสี่องค์ได้ขอโทษชิงชิวไว้ เต็กเชงจึงพ้นความตาย และถามว่ามีสาเหตุอันใดกับชิงชิวหรือ เขาจึงได้เกลียดชังนักหนา เต็กเชงก็ว่าหามีสาเหตุสิ่งใดมิได้ แต่ครั้งบิดามารดานั้นตนหาทราบไม่

เจงซันอ๋องจึงว่า

“……..เขาทำกับเจ้าได้ความเจ็บแค้นเป็นอันมาก เจ้าจะแก้แค้นบ้างหรือไม่ เราจะให้กระบี่อาญาสิทธิ์ไปฆ่าชิงชิวเสีย ท่านจะทำได้หรือ…….”

เต็กเชงก็ว่า

“….ถ้าท่านเมตตาข้าพเจ้าก็ฆ่าได้ ขอท่านได้ชุบเลี้ยงข้าพเจ้าไว้ครั้งนี้เถิด…..”

เจงซันอ๋องจึงชวนเต็กเชงไปที่บ้าน เต็กเชงก็ลาหลวงจีนรับนกหยกคืน แล้วไปกับเจงซันอ๋องจนถึงบ้าน และอาศัยอยู่หลายวัน

กระบี่อาญาสิทธิ์นั้นเป็นของเก่าครั้งแผ่นดิน พระเจ้าซ้องไทโจ๊ฮ่องเต้ มอบให้เจ้าทั้งห้าองค์เป็นเวรรักษากันคนละวัน ถ้าเห็นผู้ใดไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดิน ก็ให้เอากระบี่เล่มนี้ฆ่าเสีย แล้วจะเอาโทษผู้ฆ่านั้นไม่ได้

พอถึงเวลาที่เป็นวันเวรของเจงซันอ๋องรักษากระบี่อาญาสิทธิ์ จึงเอากระบี่นั้นมาส่งให้เต็กเชง กระบี่นั้นหนักร้อยชั่ง เต็กเชงก็รำกระบี่ให้เจงซันอ๋องดูจนสิ้นเพลง แล้วก็คำนับลาเจงซันอ๋องไป เจงซันอ๋องก็ให้ เล่าบุน กับ ลีจิ้น นายทหารคนสนิทตามไปดูว่าเต็กเชงจะทำอย่างไร ทั้งสองนายก็ตามเต็กเชงไปแต่ห่าง ๆ

เต็กเชงถือกระบี่เดินมาตามถนน เที่ยวถามคนเดินไปมาว่าบ้านชิงชิวอยู่ที่ไหน คนเดินทางก็บอกให้จนไปถึงบ้านชิงชิว และถามคนในบ้านว่าชิงชิวอยู่หรือไม่ คนใช้บอกว่าไม่อยู่ไปบ้าน พังหอง ขุนนางผู้ใหญ่สักประเดี๋ยวก็จะกลับมา เต็กเชงก็เดินไปคอยอยู่ที่สะพานเทียนอันเกียจนถึงเวลาบ่ายก็ไม่เห็นชิงชิวกลับมา จึงเข้าไปซื้อของกินในโรงเตี๊ยม

ขณะนั้นมีม้าตัวหนึ่งฝีเท้าดีแต่ดุร้ายเป็นบ้า วิ่งมาตามถนนเหยียบและเตะคนตายไปหลายคน มีคนวิ่งไล่ตามมาและประกาศว่า ผู้ใดจับม้าได้นายเราจะให้รางวัล เต็กเชงกำลังกินอาหารอยู่ ก็เอากระบี่อาญาสิทธิ์วางไว้บนโต๊ะอาหาร แล้วออกไปดูข้างนอก เห็นม้าบ้าวิ่งมาจึงออกไปขวางและเอาเท้าถีบม้าล้มลง ขาดใจตายไปในทันใดนั้นเอง คนที่ตามมาก็จะพาเต็กเชงไปรับรางวัล เต็กเชงจะไม่ไปพวกนั้นก็อ้อนวอนจนใจอ่อนยอมไปกับเขา โดยลืมกระบี่อาญาสิทธิ์ซึ่งวางทิ้งไว้ที่โต๊ะนั้นเสียสิ้น แต่คนสนิททั้งสองของเจงซันอ๋องตามมาถึง จึงเชิญกระบี่นั้นกลับไปคืนที่บ้านตามเดิม

บ้านเจ้าของม้านั้น ที่แท้เป็น บ้านพังหองพ่อตาของชิงชิว ซึ่งมีนายทหารคนสนิทมาบอกว่า เต็กเชงถือกระบี่อาญาสิทธิ์เที่ยวถามหาบ้านชิงชิวเพื่อจะฆ่าเสีย พังหองจึงห้ามไม่ให้ชิงชิวกลับบ้าน รออยู่ที่บ้านของตนจนกว่าตนจะเข้าไปกราบทูลฮ่องเต้เสียก่อน

พอดีคนใช้พาเต็กเชงมาถึงบ้าน แจ้งว่าม้าของพังหองอาละวาดทำร้ายผู้คน ทหารผู้นี้มีกำลังมาก เอาเท้าถีบม้าล้มลงตาย จึงพามาคำนับรับรางวัล พังหองก็ถามชื่อแซ่ เต็กเชงไม่รู้ว่าพังหองเป็นใครก็บอกชื่อแซ่ไปตามจริง พังหองก็ดีใจว่าจะได้กำจัดศัตรูของบุตรเขย จึงว่า

“………..เจ้ามีฝีมือเข้มแข็งนัก สมควรเป็นขุนนางนายทหาร เราได้พูดไว้ว่าใครจับม้าตัวนี้ได้จะให้รางวัล เราจะให้ตามสัญญาเจ้าอย่าวิตกเลย บัดนี้ที่เมืองซำก๊วนมีข้าศึกมา รบกวนเนือง ๆ เราจะกราบทูลให้เจ้าได้เป็นขุนนางนายทหาร ยกกองทัพไปสู้รบกับข้าศึก เจ้าจงอยู่กับเราก่อนเถิด อีกสองสามวันเราจะทูลให้……..”

แล้วพังหองก็สั่งให้คนใช้จัดที่พักให้เต็กเชงอยู่อาศัยต่างหาก และเข้าไปบอกชิงชิว ว่า

“………บัดนี้เต็กเชงซึ่งจะทำร้ายเจ้านั้น เข้ามาอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว วันนี้เราจะคิดฆ่าเสียให้จงได้ ……..”

ชิงชิวก็มีความยินดีคำนับลาพังหองกลับไปบ้าน พอถึงเวลาเย็นพังหองก็สั่งให้ ลีกีเอ๋ง คนสนิทจัดโต๊ะเลี้ยงเต็กเชง แล้วมอมสุราให้หนักจนไม่ได้สติแล้ว จงเอาไฟเผาที่พักให้ตายเสียจงได้ ลีกีเอ๋งก็บอกว่า

“……..ข้าพเจ้าจะอาสาท่านไปฆ่าเต็กเชงเสียให้จงได้ ซึ่งท่านจะให้เอาไฟเผานั้น ความจะอื้ออึงไป ข้าพเจ้าจะเอาโต๊ะและสุราไปเลี้ยงเต็กเชง ถ้าเต็กเชงเมาสุราแล้ว ข้าพเจ้าจะฆ่าเสียให้จงได้…………”

พังหองก็เห็นชอบด้วย จึงให้ลีกีเอ๋งไปทำการตามที่คิดไว้

ชีวิตของเต็กเชงซึ่งขึ้น ๆ ลง ๆ เฉียดใกล้ความตายมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้จะรอดไปได้ด้วยวิธีใด คงจะต้องรอให้ถึงตอนหน้า.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มิถุนายน ๒๕๔๖

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 53 04:33:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com