|  | 
				
					|  ความคิดเห็นที่  19 |   
ที่คุณ HotChoc บอกมาเรื่องว่า สยามไม่มีปัญญาไปต่อกรกับฝรั่งได้ ตรงนี้จริงครับ แต่มันเป็นความจริงอยู่บนพื้นฐานที่ว่า
 ๑..เราไม่มีงบประมาณแผ่นดินมาก อย่างที่ผมได้เรียนไปแล้วตัวอย่างเช่น กรณีสร้างป้อมพระจุลฯ ต้องใช้เวลาเกือบสิบปีกว่าจะสร้างเสร็จ ตัวป้อมและปืนอาร์มสตรองเองก็ยังต้องใช้ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มาจัดหาเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ นั่นคือส่วนหนึ่งที่ผมบอกว่า งบประมาณเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในการพัฒนาสยาม รองลงมาก็คือเรื่องของการจะหาแรงงานมาทำการก่อสร้าง
 
 ถ้าจะบอกว่า สยามไม่สามารถเลยมันก็ไม่ใช่เสมอไปนะครับ เพราะขนาดงบประมาณของสยามในตอนนั้นต้องแบ่งไปทำอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ ส่วน
 
 เราก็ยังพอที่จะยันฝรั่งเศสได้ในสมรภูมิทางด้านภาคอิสาน ซึ่งก็รบติดพันกันหลายเดือน จนมาถึงเหตุการณ์ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ร.ศ. ๑๑๒ นั่นคือจุดสิ้นสุด
 
 อย่างที่ผมได้เดาไปแล้วในความเห็นที่ ๖ ของผมนั่นเอง  ถ้างบประมาณของสยามมีมากกว่านี้สักเท่าตัว ผมเชื่อว่าเราก็ไม่ด้อยกว่าฝรั่งหรอกครับ
 
 
 ๒.. การที่อังกฤษ หรือ ฝรั่งเศส จะมายึดสยามได้ ต่อให้กองทัพสยามง่อยเปลี้ยจริง ไม่สามารถต่อกรได้จริง
 
 ผมก็เชื่อว่า คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่ชาติอื่น ๆ จะยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเอง
 
 เพราะอย่างในวันก่อนที่จะมีการยิงกันที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา บรรดากงศุลของประเทศที่เหลือ ทั้งปรัสเซีย ฮอลแลนด์ อเมริกา ต่างก็สั่งให้เรือรบของประเทศตัวเองมาจอดลอยคออยู่ที่หน้าสถานฑูตของตัวเองประจำสยาม
 
 ผมเชื่อว่า ประเทศเหล่านั้นคงไม่ปล่อยให้สองประเทศนี้(ฝรั่งเศส,อังกฤษ)รวมหัวกันมุมมิบสยามได้ตามอำเภอใจแน่ ๆ  ยกเว้นว่าจะร่วมมือกันเหมือนอย่างที่ไปรุมกินโต๊ะราชวงศ์ชิง แล้วแบ่ง ๆ กันได้ลงตัวก็ว่ากันไปอีกกรณี
 
 แต่สถานการณ์ในขณะนั้น ปรัสเซีย ก็กำลังเขม่นกับ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ได้ที่เลยล่ะครับ
 
 ผลประโยชน์ที่ชาติอื่น ๆ เล็ง ๆ ไว้ตรงนี้ จะเห็นได้ชัดตอนที่สยามเปิดความสัมพันธ์กับปรัสเซีย เพราะปรัสเซียสามารถได้สิทธิเป็นผู้จัดการรถไฟสยาม , และกำลังเตรียมจะได้สิทธิการขอตั้งสถานีเชื้อเพลิงที่เกาะในภาคตะวันออกของสยาม และ ทางใต้ด้วยเช่นกัน
 
 ยิ่งถ้าสมมติเรือโคเมตจมลงไป ฝรั่งเศสเลือดเข้าตา บ้าศักดิ์ศรีจะมามุมมิบสยามให้ได้ ผมยิ่งเชื่อว่า อังกฤษก็คงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งให้เห็นได้ว่ามีส่วนร่วมกับการกระทำของฝรั่งเศสในการยึดสยาม
 
 อย่างเก่งอังกฤษก็คงหลับตาข้างเดียว แกล้งถ่วงเวลาในการช่วยหลือสยาม เหมือนอย่างที่ในวันเกิดเหตุยิงกันที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ทางฑูตสยามประจำลอนดอน ก็แจ้งเรื่องไปยังอังกฤษเพื่อขอให้อังกฤษมาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย แต่อังกฤษก็ดึงเช็งไว้ ทำเป็นหลับตาข้างเดียว ไม่รู้ไม่ชี้ จนฝรั่งเศสทำการสำเร็จนั่นแหละครับ
 
 
 เพราะฉะนั้น (ผมเดา) เราก็คงได้เปิดหน้าซัดกับฝรั่งเศสตัวต่อตัว ไม่ต้องกังวลอังกฤษจะรุมกินโต๊ะครับ
 
 
 ๓..การเปิดประเทศด้วยนโยบาย "เสด็จประพาสยุโรป" นั่นก็หลังจากเหตุการณ์รบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านไปตั้ง ๓ ปีแล้วนะครับ
 
 จริง ๆ แล้ว ร.๕ ทรงมีพระราชปณิธานที่จะเสด็จประพาสยุโรปตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ ตามคำกราบบังคมทูลถวายรายงานของที่ปรึกษาชาวต่างประเทศ
 
 "..แต่ติดที่ ท่านผู้สำเร็จราชการไม่เห็นด้วย.."  จึงทรงทำได้เพียงแค่ เสด็จพระราชดำเนินประพาสมาเลเซีย สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย เท่านั้น
 
 ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินไปครั้งนั้น ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรต่อการยอมรับ หรือหาพันธมิตรในหมู่ชาติจากยุโรปได้มากนัก (ผมเดา)  แต่ถ้ามีผลต่อการพัฒนาพระราชอาณาจักรก็มีแน่นอน
 
 
 
 ๔..สุดท้ายก็อย่างที่ผมได้บอกไปเช่นกันว่า  "การเมืองภายในสยามเอง" ก็เป็นตัวบั่นทอน การพัฒนาศักยภาพของสยามทำให้เสียเวลาไปหลายปี
 
 ดังรายละเอียดในกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9045558/K9045558.html
 
 โดยเฉพาะความเห็นของท่านเจ้าคุณแม่ทัพนั่นแหละครับ
 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 11:54:39
				 
				 
				
					| จากคุณ | : 
ผ้าพับไว้   |  
					| เขียนเมื่อ | : 
29 มี.ค. 53 11:44:51 |  
					|  |  |  |  |