พ้นภยันตราย (คนดีแผ่นดินซ้อง ๖)
|
|
คนดีแผ่นดินซ้อง
ตอนที่ ๖ พ้นภยันตราย
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อ เต็กเชง ได้ทราบว่าตนเป็นหลานของ นางเต็กไทเฮา พระราชมารดาของฮ่องเต้แล้ว ก็เกิดความคิดว่าครั้งนี้ตนหาต้องกลัวใครไม่ ชิงชิว นั้นคิดจะฆ่าตนมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ จำจะต้องไปฆ่าชิงชิวเสียให้หายแค้นในคืนนี้ จึงสั่งให้คนใช้เอาโคมของ โลฮวยอ๋อง มาจุดไฟแล้วนำออกจากวังไปบ้านชิงชิวทันที
ขณะนั้นเป็นเวลาหลังจากกินเลี้ยงแสดงความยินดีแล้ว เต็กเชงกำลังเมาสุรา ก็ถือกระบี่เดินไปตามถนน แม้คนใช้สองคนจะห้ามปรามก็ไม่เชื่อฟัง เมื่อถึงบ้านชิงชิวถามคนในบ้านก็บอกว่าชิงชิวไม่อยู่ ไปกินเลี้ยงกับ พังหอง ที่บ้านขุนนางผู้หนึ่ง เต็กเชงก็ตามไปแต่ด้วยความเมา เมื่อถึงสะพานเทียนฮันเกีย ก็หมดกำลังทรุดนั่งลงที่เชิงสะพานนั้น คนใช้ทั้งสองก็ถือโคมยืนคอยอยู่ด้วยในที่นั้น
ครั้นกินโต๊ะเสร็จแล้วชิงชิวกับพังหองก็ลาเจ้าของบ้านกลับมาถึงสะพานเทียนฮันเกีย เห็นมีคนยืนถือโคมยี่ห้อโลฮวยอ๋องอยู่ ครั้นเข้าไปใกล้เห็นคนนั่งอยู่แต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงของโลฮวยอ๋อง แต่ยังไม่เห็นหน้า สำคัญว่าเป็นโลฮวยอ๋อง จึงเข้าไปคุกเข่าคำนับและพูดว่า ข้าพเจ้าทั้งสองชื่อพังหองกับชิงชิวมาคำนับท่าน เต็กเชงก็เงยหน้าขึ้นดูแล้วก็ก้มลงไปอีกด้วยความเมา พังหองเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นเต็กเชง จึงบอกชิงชิวว่า เต็กเชงไปลักเอาเสื้อกางเกงเจ้าที่ไหนมาใส่ มีความผิดมาก แล้วก็สั่งให้ทหารที่ตามมาด้วยนั้นจับตัวเต็กเชงไว้ แต่เต็กเชงยังไม่รู้สึกตัวจึงไม่ได้ดิ้นรนต่อสู้ คนใช้ที่ถือโคมก็บอกว่า เต็กเชงคนนี้เป็นหลานนางเต็กไทเฮา ผู้ใดอย่าจับไปเลย ทหารเหล่านั้นก็หาฟังไม่ คนใช้ทั้งสองเห็นดังนั้นจึงวิ่งกลับไปวัง เพื่อจะทูลนางเต็กไทเฮาให้ทราบความ
ขณะนั้น เปาบุ้นจิ้น ได้เดินมาตามถนน เมื่อถึงสะพานเห็นมีคนกลุ้มรุมอยู่ จึงใช้ให้คนสนิทไปดู และกลับมาบอกว่าทหารของพังหอง จับชายผู้หนึ่งซึ่งลักเอาเสื้อของเจ้านายมาใส่ เปาบุ้นจิ้นก็เข้าไปยังที่เกิดเหตุ พังหองกับชิงชิวเห็นเปาบุ้นจิ้นมาถึง ต่างก็คำนับกันตามธรรมเนียม เปาบุ้นจิ้นถามว่าชายผู้นี้มีความผิดสิ่งใดหรือ พังหองก็บอกว่า
ชายผู้นี้ชื่อเต็กเชง ลักเอาเครื่องของเจ้ามาใส่ปลอมเป็นเจ้า ข้าพเจ้าเห็นผิดจึงให้จับตัวไว้ จะเอาไปทำโทษ
.
เปาบุ้นจิ้นก็นึกออกว่าเต็กเชงนี้ตนได้ปล่อยไปครั้งหนึ่งแล้ว ได้ยินข่าวว่าพังหอง ชิงชิวจะทำอันตราย บัดนี้ไปเอาเครื่องเจ้าที่ไหนมาใส่ ให้พังหองชิงชิวจับได้อีก และทั้งสองคนนั้นไม่ได้ดูแลว่ากล่าวแต่ฝ่ายทหาร จึงคิดจะเอาตัวเต็กเชงไปชำระถามเอาความจริงก่อน จึงว่า
ซึ่งท่านจะเอาตัวเต็กเชงไปทำโทษนี้ หาใช่พนักงานของท่านไม่ ด้วยพระเจ้าแผ่นดินโปรดให้เราดูแลว่ากล่าวฝ่ายราษฎร เราจะขอเอาตัวเต็กเชงไปถามเอาความจริงก่อน แล้วจึงทำโทษตามกฎหมาย
..
ชิงชิวก็ว่า
.ข้าพเจ้าก็ได้รับคำสั่งให้ว่าฝ่ายทหาร ด้วยเต็กเชงนี้เดิมเป็นทหาร ข้าพเจ้าได้ว่ากล่าวอยู่ ซึ่งท่านจะเอาตัวเต็กเชงไปนั้นไม่ได้
..
เปาบุ้นจิ้นจึงว่า
.เต็กเชงนี้เดิมเป็นทหารก็จริงอยู่ แต่ท่านได้หักบัญชีเสียแล้ว เต็กเชงจึงได้ออกเป็นราษฎร มีทุกข์ร้อนสิ่งใดต้องให้เราชำระ ซึ่งท่านจะเอาตัวเต็กเชงไปนั้นไม่ได้
ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงแก่งแย่งกันไม่ตกลง เปาบุ้นจิ้นจึงว่า
..ถ้ากระนั้นท่านอย่าเอาตัวไป เราก็ไม่เอาตัวมา จงพาตัวไปถวายพระเจ้าแผ่นดินเถิด
.
พังหองไม่อาจขัดได้ ทั้งสามนายจึงคุมตัวเต็กเชงไปถึงหน้าพระราชวัง ยังไม่ทันสว่าง ต้องนั่งคอยอยู่ที่หน้าประตูพระราชวังนั้น ครั้นเต็กเชงสร่างเมาลืมตาขึ้น หาเห็นกระบี่ไม่จึงถามคนคุมว่าเหตุใดเราจึงได้มาอยู่ที่นี่ ทหารของเปาบุ้นจิ้นก็เล่าความให้ฟังทุกประการ เต็กเชงก็รำพึงว่าเราเมาสุราหารู้สึกตัวไม่ นี่หากว่าเปาบุ้นจิ้นช่วยเอาไว้ ถ้าหาไม่ก็คงตายด้วยฝีมือพังหอง ชิงชิวในครั้งนี้ เปาบุ้นจิ้นมีคุณกับเราหนักหนาเราหาลืมไม่
ครั้นถึงเวลาเช้า พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ เสด็จออกให้ขุนนางเฝ้าตามตำแหน่งพร้อมกันแล้ว พังหองจึงกราบทูลว่า
..ชายผู้หนึ่งเป็นทหาร หาได้ราชการไม่จึงยกออกเสียจากราชการ เวลาคืนนี้ชายผู้นั้นไปลักเอาเครื่องแต่งของเจ้ามาสวมใส่ ปลอมเป็นเจ้าไปเที่ยวเล่นตามถนน ข้าพเจ้าพบเข้าจึงให้ทหารจับตัวไว้ จะเอาไปทำโทษ เปาบุ้นจิ้นหายอมให้ข้าพเจ้าทำโทษชายผู้นั้นไม่ ขอพระองค์จงได้โปรด
เปาบุ้นจิ้นจึงกราบทูลขึ้นบ้างว่า
.เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าพาทหารไปตรวจดูตามถนน ว่าจะมีโจรผู้ร้ายรบกวนราษฎรประการใดบ้าง ข้าพเจ้าไปพบพังหองกับชิงชิวจับชายผู้นั้นไว้ ว่าปลอมเป็นเจ้าเอาเครื่องเจ้ามาใส่ จะเอาไปทำโทษ ข้าพเจ้าจึงว่าชายนี้เป็นราษฎรจะเอาตัวไปชำระความจริงก่อน ถ้าได้ความประการใดจึงจะให้ทำโทษต่อภายหลัง พังหองกับชิงชิวหายอมให้ข้าพเจ้าชำระไม่ ว่าชายผู้นั้นเป็นทหาร ทำความผิดจะเอาตัวไปชำระโทษเอง ข้าพเจ้าจึงว่าชายผู้นี้เดิมเป็นทหารจริง แต่บัดนี้ออกเสียจากราชการแล้ว ก็คงเป็นราษฎร ต้องให้ข้าพเจ้าชำระจึงจะชอบ พังหองกับชิงชิวก็ไม่ยอม จึงได้พากันมาเฝ้ากราบทูลให้ทรงทราบ
..
ฮ่องเต้ได้ฟังขุนนางทั้งสองกราบทูลดังนั้น จึงตรัสว่า
ข้อซึ่งเป็นทหารและราษฎรนั้นหาสำคัญไม่ ข้อที่ลักเอาเครื่องเจ้ามาใส่นั้นมีโทษ ให้เปาบุ้นจิ้นเอาตัวไปชำระ ได้ความจริงแล้วให้ทำโทษเสีย
.
ขณะนั้นโลฮวยอ๋องซึ่งได้ทราบความ จากคนใช้สองคนที่ถือโคม กลับไปทูลให้ เต็กไทเฮาทราบเรื่องเต็กเชงถูกจับ และใช้ให้เข้ามาเฝ้าฮ่องเต้เพื่อช่วยเหลือ เข้ามาถึงแล้วก็กราบทูล ความเดิมซึ่งเกิดสัตว์ร้ายขึ้นในสวน เต็กเชงกำจัดสัตว์ร้ายได้ นางเต็กไทเฮาให้หาเต็กเชงมาถามถึงปู่และบิดา ก็ได้ความว่านางเต็กไทเฮาเป็นอาของเต็กเชง นางเต็กไทเฮาจึงให้ตนเข้ามาเฝ้ากราบทูลขอให้ตั้งเต็กเชงเป็นเจ้าด้วย
ฮ่องเต้ก็ตรัสถามว่าแล้วเต็กเชงอยู่ที่ไหนเล่า โลฮวยอ๋องก็ว่าเมื่อคืนนี้ตนเอาเครื่องแต่งตัวให้เต็กเชงใส่ แล้วออกไปเที่ยวเล่นตามถนน จนถูกพังหองชิงชิวจับได้ และเปาบุ้นจิ้นได้พาเข้ามาเฝ้าอยู่บัดนี้
ฮ่องเต้ได้ฟังโลฮวยอ๋องกราบทูลสิ้นข้อความแล้ว จึงตรัสถาม พังหองกับชิงชิวว่า
.เต็กเชงเป็นหลานของเต็กไทเฮา ก็เป็นพี่น้องของเราด้วย เหตุใดจึงไม่ไต่ถามเอาความจริงก่อนจะทำโทษเอาตามอำเภอใจ นี่หากว่าเต็กไทเฮาราชมารดาเราหากริ้วโกรธไม่ ถ้าหาไม่ท่านทั้งสองก็จะมีโทษเป็นอันมาก
.
ทั้งสองนายเห็นเรื่องราวกลับเป็นไปดังนั้น ก็หาอาจกราบทูลประการใดไม่ ต่างคนก็ก้มหน้านิ่งอยู่ ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้เปาบุ้นจิ้นพาตัวเต็กเชงเข้ามาเฝ้าใกล้ ๆ แล้วทรงซักถามถึงปู่และบิดา เต็กเชงก็กราบทูลไปตามความจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้น ฮ่องเต้จึงทรงดำริว่า เต็กเชงนี้เป็นเทือกเถาเหล่าขุนนางนายทหาร แล้วก็เป็นหลานของพระราชมารดาด้วย จึงตรัสกับเต็กเชงว่า มีรับสั่งเต็กไทเฮามาให้ตั้งเจ้าให้เป็นเจ้า เราจะตั้งให้ เจ้าจะยอมหรือไม่ เต็กเชงจึงกราบทูลว่า
..แต่บรรดาขุนนางนายทหาร ซึ่งพระองค์ทรงตั้งแต่งไว้มีเป็นอันมาก ขอพระองค์จงให้ลองฝีมือกับข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าสู้ฝีมือนายทหารคนใดได้ จงโปรดพระราชทานตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นที่ขุนนางผู้นั้นเถิด
..
ฮ่องเต้ก็เห็นด้วย จึงตรัสสั่งเจ้าพนักงานให้จัดสนามรบไว้ให้พรักพร้อม พรุ่งนี้จะเสด็จไปดูทหารประลองฝีมือด้วย ตรัสแล้วก็เสด็จขึ้น โลฮวยอ๋องก็พาเต็กเชงกลับไปวังนำเชงเก๋ง ทูลให้เต็กไทเฮาทราบความ ตามที่เต็กเชงไม่รับเป็นเจ้าให้ฟังทุกประการ เต็กไทเฮาก็เสียใจพูดกับเต็กเชงว่า
..เจ้านี้หาควรจะไปรบพุ่งลองฝีมือกับเขาไม่ รูปร่างอย่างนี้หรือจะสู้เขาได้ ขุนนางนายทหารแต่ละคนนั้น เขาล้วนฝีมือเข้มแข็งเป็นอันมาก ถ้าเจ้าเสียทีเขามา อาจะเอาหน้าไปไว้ไหน จะมิพากันอายแก่เขาหรือ อนึ่งพังหองกับชิงชิวเล่าก็เป็นคู่พยาบาทกันอยู่ นายทหารเหล่านั้นก็อยู่ในบังคับเขาสิ้น
.
เต็กเชงก็ตอบว่า
.เกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้ว ถ้ายังไม่มีความชอบ ซึ่งจะรับเอาที่ตั้งง่าย ๆ นั้นหาควรไม่ ข้อซึ่งจะทดลองฝีมือกับผู้ใดนั้น ข้าพเจ้าหากลัวไม่ ด้วยได้ฝึกหัดเพลงอาวุธไว้คล่องแคล่วทุกอย่าง ท่านอย่าได้วิตกเลย
..
นางเต็กไทเฮายังไม่ไว้วางใจจึงปรึกษากับโลฮวยอ๋องว่า มารดาคิดว่าจะขอยืมเสื้อเกราะและเครื่องทรงของ พระเจ้าซ้องไทโจ๊ มาให้เต็กเชงใส่ ขุนนางจะได้ยำเกรงหาอาจทำอันตรายเต็กเชงไม่ โลฮวยอ๋องก็เห็นชอบด้วย จึงไปจัดเครื่องทรงมาให้เต็กเชงใส่
ส่วนพังหองกับชิงชิวก็เชิญนายทหารเอกสี่คน มาเลี้ยงโต๊ะกันที่บ้าน แล้วบอกว่า
.เรากับเต็กเชงมีสาเหตุกันมาช้านาน เราคิดจะกำจัดเต็กเชงเสีย จึงเชิญท่านทั้งสี่มา ถ้าพวกเรากำจัดเต็กเชงไม่ได้ ข้าพเจ้าเห็นว่าพวกเราจะหาความสบายมิได้
.
เฮงเทียนฮวย จึงว่าซึ่งจะกำจัดเต็กเชงนั้นไม่ยากดอกกลัวแต่เต็กไทเฮาจะทำโทษ พังหองจึงว่าข้อนั้นท่านอย่าวิตก ตนจะรับธุระเอง เฮงเทียนฮวยจึงว่า ถ้าตัดศรีษะเต็กเชงไม่ได้ จะยอมให้ศีรษะตนเองแทน
ครั้นเวลารุ่งเช้า พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ก็เสด็จไปที่ท้องสนาม พร้อมด้วยขุนนางเจ้าพนักงานทั่งปวง โลฮวยอ๋องก็พาเต็กเชงไปเฝ้า ฮ่องเต้เห็นเต็กเชงแต่งเครื่องสำหรับกษัตริย์ จึงตรัสกับโลฮวยอ๋องว่า เต็กเชงใส่เครื่องสำหรับกษัตริย์มาดังนี้หาควรไม่ ถ้าดังนั้นยกบ้านเมืองให้เต็กเชงว่ากล่าวจะมิดีหรือ ท่านจงไปทูลเต็กไทเฮามารดาเราให้ทราบก่อน โลฮวยอ๋องก็ถวายบังคมลาไปทูลนางเต็กไทเฮาตามรับสั่งนั้น แล้วก็กลับมากราบทูลฮ่องเต้ว่า นางเต็กไทเฮาว่าเต็กเชงไม่มีเสื้อจะใส่ มารดาขอยืมให้เต็กเชงใส่สักครั้งเถิด ฮ่องเต้เลยจนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำประการใด ต้องให้เต็กเชงใส่เสื้อทรงอยู่ดังนั้น
เต็กเชงก็เข้าลองฝีมือกับนายทหารชั้นสามก่อน คู่ต่อสู้ก็ครั่นคร้ามเสื้อทรง ปะทะกันได้เพียงสิบเพลง ก็ขับม้าหนีร้องยอมแพ้ แล้วลงจากหลังม้าวางอาวุธเสีย นายทหารชั้นสองก็เข้ามารับมือต่อ พอรบกันได้สิบเพลงก็ถอยหนีเช่นเดียวกัน ถึงคราวเฮงเทียนฮวยนายทหารชั้นหนึ่ง เข้ามาแทน เต็กเชงก็แกล้งทำหย่อนฝีมือเสีย จะคิดอุบายเอาชนะภายหลัง แต่ฮ่องเต้เห็นดังนั้น เข้าพระทัยว่าเต็กเชงสู้ฝีมือเขาไม่ได้ ครั้นจะนิ่งไว้ก็กลัวจะเสียที เต็กไทเฮาจะติโทษเอาได้ จึงมีรับสั่งให้หยุดเสีย ทั้งสองก็ลงจากหลังม้าเข้าไปถวายบังคม
ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าท่านทั้งสองลองฝีมือ ดีเสมอกันทั้งสองฝ่าย จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้เต็กเชงเป็นขุนนางนายทหารเสมอกับเฮงเทียนฮวย.
###########
นิตยสารโล่เงิน กรกฎาคม ๒๕๔๖
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
28 มี.ค. 53 05:26:28
|
|
|
|