Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กังฉินคิดร้าย (คนดีแผ่นดินซ้อง ๗)  

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๗ กังฉินคิดร้าย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ เห็นว่า เต็กเชง จะสู้ฝีมือ เฮงเทียนฮวย ไม่ได้ จึงมีรับสั่งให้เลิกการลองฝีมือ และแต่งตั้งให้เป็นนายทหารตำแหน่งเดียวกับเฮงเทียนฮวย แต่ เต็กเชง กราบทูลว่า

“…….ซึ่งพระองค์ทรงพระเมตตา จะตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นขุนนางนั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ข้าพเจ้าจะขอลองฝีมือกับเฮงเทียนฮวย ให้ถึงแพ้ชนะก่อน ถ้าข้าพเจ้าชนะเฮงเทียนฮวยแล้ว ก็ควรที่ข้าพเจ้าจะเป็นขุนนางนายทหารได้……..”

พังหอง จึงกราบทูลว่า

“…….ถ้ากระนั้นต้องทำหนังสือทัณฑ์บนไว้คนละฉบับ ถ้าผู้ใดเสียท่วงทีถึงชีวิตอย่าให้มีผิด จึงจะชอบ…….”

โลฮวยอ๋อง จึงพูดกับเต็กเชงว่า อย่ามานะสู้รบกับเขาเลย มีรับสั่งโปรดให้เป็นขุนนาง จงยอมรับเสียเถิด เต็กเชงก็หายอมไม่ และทำหนังสือทัณฑ์บนไว้คนละฉบับตามที่พังหอง กราบทูลนั้น

แล้วทั้งคู่ต่างก็ขึ้นม้าถืออาวุธเข้าสู้รบกันได้สามสิบเพลง ถ้อยทีปัดป้องว่องไวยังหาเสียท่วงทีกันไม่ แต่พอสู้กันต่อไปอีกสิบเพลงเฮงเทียนฮวยก็สิ้นกำลัง ขยับจะขับม้าหนี เต็กเชงเห็นได้ทีก็ฟันด้วยง้าวตัวขาดสองท่อน ถึงแก่ความตายในท่ามกลางท้องสนาม บรรดาขุนนางที่ไม่ได้เป็นฝ่ายเฮงเทียนฮวย ก็สรรเสริญเต็กเชงว่ามีฝีมือเข้มแข็ง ควรเป็นขุนนางนายทหารได้

เต็กเชงก็ลงจากหลังม้าเข้าไปถวายบังคมฮ่องเต้ ก็โปรดตั้งให้เป็นขุนนางนายทหาร แทนเฮงเทียนฮวยตามสัญญา แม้พังหองจะคัดค้านหาว่าเต็กเชงฆ่านายทหารผู้ใหญ่ตาย มีความผิดอยู่ ฮ่องเต้ก็ไม่ตรัสประการใด โลฮวยอ๋องจึงว่า การอันนี้แล้วแต่หนังสือทัณฑ์บนเป็นที่ตั้ง ถ้าเต็กเชงตายจะเอาโทษกับผู้ใดเล่า พังหองจึงนิ่งไป

เต็กเชงก็ได้เข้าไปอยู่บ้านเฮงเทียนฮวยตามตำแหน่ง จึงมีความสุขสบายขึ้นและคิดถึงผู้มีคุณ ซึ่งได้อุปการะมาตั้งแต่ยังยากจนอยู่ ก็ไปคำนับคนเหล่านั้นทุกบ้าน ครั้นไปถึงบ้าน เปาบุ้นจิ้น คำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว เปาบุ้นจิ้นจึงว่า

“……ท่านมาหาข้าพเจ้านี้ ข้าพเจ้ามีความยินดียิ่งนัก ข้าพเจ้าจะว่าท่านสักอย่างหนึ่ง จงให้อภัยแก่ข้าพเจ้าเถิด ฮูลุนเป็นคนหยาบช้าข่มขี่ราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน ท่านกำจัดเสียนั้นก็มีคุณแก่ราษฎรเป็นอันมาก แต่ซึ่งท่านถืออาวุธไปคอยทำร้ายพังหองชิงชิว ในเวลากลางคืนนั้นไม่ควร……..”

เต็กเชงก็ตอบว่า

“………ซึ่งท่านว่านี้ถูกต้องชอบแล้ว ถ้าท่านเห็นข้าพเจ้าทำการสิ่งไรผิดอย่างธรรมเนียมแล้ว จงช่วยตักเตือนสั่งสอนข้าพเจ้าด้วย แต่ข้าพเจ้าวิตกด้วย เตียตง หลีหงี เป็นโทษนั้น ถ้าได้ช่องทางเวลาใด ท่านได้สงเคราะห์กราบทูลให้พ้นโทษด้วย……..”

เปาบุ้นจิ้นก็รับปากว่าถ้าได้ช่องเมื่อไร ก็จะช่วยกราบทูลให้ เต็กเชงก็มีความยินดีคำนับลากลับมาบ้าน

ยังมีขุนนางนายทหารคนหนึ่งชื่อ เจียเง็ก มีความชื่นชมฝีมือของเต็กเชงเป็นอันมาก จึงมาหาที่บ้าน เต็กเชงก็เชิญให้นั่งในที่อันสมควร คำนับกันตามธรรมเนียมแล้วก็ถามว่า ท่านเป็นขุนนางตำแหน่งใด มีธุระสิ่งใดจึงมาหาถึงบ้าน เจียเง็กก็ตอบว่า

“……..ข้าพเจ้าเป็นขุนนางนายทหาร อยากจะรู้จักท่านไว้ ถ้าสืบไปเบื้องหน้าข้าพเจ้ามีธุระสิ่งใดจะได้มาพึ่งท่าน เมื่อวันท่านรบกับเฮงเทียนฮวยนั้น ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูกิริยาพังหอง เห็นมีความอิจฉาท่านเป็นอันมาก ท่านมีข้อสาเหตุกับพังหองประการใดหรือ…….”

เต็กเชงก็เล่าความหลังตั้งแต่ฆ่าฮูลุนตาย จนฆ่าเฮงเทียนฮวย ให้เจียเง็กฟังทุกประการ เจียเง็กจึงว่า

“……..ทุกวันนี้ข้าพเจ้ามีความแค้นพังหองอยู่ บิดาข้าพเจ้าก็ตายเพราะพังหอง ข้าพเจ้าก็คิดจะตอบแทนพังหองอยู่ แต่ยังหามีช่องไม่ บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นได้ช่องแล้ว ถ้าท่านคิดอ่านถือรับสั่งอาญาสิทธิ์นางเต็กไทเฮามา ก็จะกำจัดพังหองได้……..”

เต็กเชงจึงว่า

. “……..ท่านคิดนี้มิชอบ ครั้นจะทำดังนั้นก็จะมีความนินทา การซึ่งจะกำจัดพังหองนั้นไม่ยากดอก ด้วยพังหองเป็นคนไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม มีแต่จะหาความผิดใส่ตัวอยู่เนือง ๆ ท่านอย่าวิตกเลย ถ้าได้ช่องเมื่อใด เราก็จะกำจัดเสียเมื่อนั้น……..”

เจียเง็กก็มีความยินดี จึงคำนับลาเต็กเชงกลับไปบ้าน

ฝ่ายนางเต็กไทเฮาเห็นหลานชาย มีฝีมือเข้มแข็งได้เป็นขุนนางนายทหารผู้ใหญ่ ก็มีความยินดี จัดหาเครื่องแต่งตัวให้มีความสง่างาม โดยให้ช่างทำเสื้อเกราะและหมวกทองคำ ประดับด้วยหยก และขนนกอวนเอียอันมีราคามากคู่หนึ่ง แล้วก็ให้หาเต็กเชงเข้ามาประทานเครื่องแต่งตัวให้ และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยง ครั้นเห็นเต็กเชงเสพสุรามากนัก ก็ไม่ให้เต็กเชงกลับบ้าน กลัวว่าจะไปก่อเรื่องเหมือนครั้งก่อนอีก เต็กเชงจึงต้องค้าง อยู่ที่ตำหนักนางเต็กไทเฮาคืนหนึ่ง

ครั้นเวลาเช้าจึงว่ากับเต็กเชงว่า

“………ทุกวันนี้อาได้เป็นที่เต็กไทเฮา เจ้าก็ได้เป็นขุนนางนายทหารใหญ่ ได้ดีด้วยกันในเมืองเปียนเหลียงแล้ว แต่ญาติของเราซึ่งอยู่เมืองซัวไซนั้น จะมีความสุขหรือประการใดไม่แจ้ง อนึ่งจะต้องทำที่ฝังศพบิดามารดาและญาติกาผู้เฒ่าผู้แก่ของเราเสียให้ดีกว่าก่อนจึงจะชอบ เจ้าจงจัดคนที่ไว้ใจได้ ให้ไปสืบหาวงศ์ญาติและทำที่ฝังศพปู่และบิดาเสียใหม่ เจ้าจะเห็นประการใด……..”

เต็กเชงก็เห็นชอบด้วย นางเต็กไทเฮาจึงจัดเงินสี่พันตำลึง มอบให้เต็กเชงรับไปทำตามที่สั่งนั้นทุกประการ

ฝ่าย ฮูคุน บิดาของ ฮูลุน นั้น ตั้งแต่เต็กเชงฆ่าบุตรชายตาย ก็มีความเจ็บแค้นเป็นอันมาก คิดจะแก้แค้นอยู่มิได้ขาด ครั้นแจ้งข่าวว่าเต็กเชงได้เป็นขุนนางนายทหารผู้ใหญ่ และเป็นหลานของนางเต็กไทเฮาด้วย ก็เสียใจนักสิ้นปัญญาหารู้ที่จะทำประการใดไม่ จึงไปปรึกษา พังหองว่าจะทำประการใดดี จึงจะกำจัดเต็กเชงได้

พังหองก็บอกว่าได้คิดอุบายไว้แล้ว ว่าจะกราบทูลฮ่องเต้ให้เต็กเชงกับเจียเง็กคุมเสื้อเกราะ ไปส่งที่เมืองซำก๋วน แล้วมีหนังสือลับไปถึงเจ้าเมืองยินอันกุ้ย ถ้าเต็กเชงผ่านมาให้พักในกงก๋วนสำหรับรับแขกของเมือง ซึ่งมีปีศาจดุร้ายทั้งสองคนก็จะตายด้วยอำนาจปีศาจ ฮูคุนก็ท้วงว่าทั้งสองคนเป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งเต็กเชงเคยฆ่าสัตว์ร้ายในสระของนางเต็กไทเฮา และเจียเง็กก็เคยฆ่างูใหญ่ที่บ้านพ่อตา จนได้บุตรสาวสาวมาเป็นภรรยาทุกวันนี้ คงจะไม่ตายเพราะปีศาจเป็นแน่

พังหองก็ว่าจะมีหนังสือไปบอกเจ้าเมืองทองก๋วนอีกคนหนึ่ง ถ้าสองคนนั้นผ่านมาก็ให้หาหนทางฆ่าเสีย คงจะไม่รอดไปได้แน่ ฮูคุนก็มีความยินดีคำนับลาพังหองกลับไปบ้าน

แล้ววันรุ่งขึ้นพังหองก็เข้าเฝ้าฮ่องเต้ แล้วกราบทูลว่าซึ่งโปรดให้จัดเสื้อเกราะไปส่งให้ทหารของ เอียจงเปา ที่เมืองซำก๋วนนั้น บัดนี้ได้ครบจำนวนแล้ว ฮ่องเต้ตรัสถามว่าจะให้ผู้ใดคุมไปส่ง พังหองก็ทูลว่าเห็นแต่เต็กเชงกับเจียเง็กเท่านั้น ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้เต็กเชงกับเจียเง็กมาเฝ้า แล้วตรัสว่า

“……..เจ้าทั้งสองจงคุมเสื้อเกราะออกไปส่งให้กองทัพเอียจงเปา ณ เมืองซำก๋วน ให้ทันกำหนดแต่ในกลางเดือนนี้……”

เต็กเชงจึงกราบทูลว่า

“…….ซึ่งพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้ากับเจียเง็ก คุมเสื้อเกราะไปส่งกองทัพนั้น ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานเตียตง หลีหงีไปด้วย……..”

ฮ่องเต้ก็โปรดยกโทษเตียตงและหลีหงี แล้วให้เปาบุ้นจิ้นเอาตัวมามอบให้เต็กเชง ทรงกำชับว่า เจ้าทั้งสองจงรีบไปให้ทันกำหนด และให้พนักงานทำหนังสือรับสั่งไปถึงเอียจงเปาด้วยฉบับหนึ่ง แล้วก็เสด็จขึ้น

เต็กเชงก็ไปลานางเต็กไทเฮา แล้วแจ้งความตามที่มีรับสั่งให้คุมเสื้อเกราะไปส่งกองทัพ ให้ทันภายในกลางเดือนนี้ นางเต็กไทเฮาก็มีความวิตกจึงจะให้โลฮวยอ๋องไปด้วย ถ้าไม่ทันตามกำหนด เอียจงเปาจะได้เกรงใจงดโทษไว้ แต่เต็กเชงทูลว่า

“……..ซึ่งท่านจะให้โลฮวยอ๋องไปกับข้าพเจ้านั้น พระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ข้าพเจ้าจะไปให้ทันกำหนดให้จงได้ เมื่อข้าพเจ้าไปไม่ทันกำหนดก็ตามแต่บุญวาสนาเถิด อันจะให้โลฮวยอ๋องไปด้วยนั้น คนทั้งปวงจะติเตียนนินทาได้ว่า เอาอำนาจโลฮวยอ๋องมาเป็นกำลังจึงทำการสำเร็จไปได้…….”

นางเต็กไทเฮาก็ยังไม่วายวิตกจึงให้ทำหนังสือฉบับหนึ่ง ส่งไปให้เจ้าเมืองซำก๋วนด้วย การไปราชการของเต็กเชงคราวนี้ ฝ่ายศัตรูก็มีหนังสือให้พวกตนช่วยกำจัด และฝ่ายหวังดีก็มีหนังสือไปให้พวกตนช่วยเหลือ รวมเป็นหลายฉบับ เต็กเชงกับเจียเง็กและเตียตงหลีหงี ก็นำทหารสามพันคุมเสื้อเกราะสามสิบหมื่นบรรทุกเกวียน ออกจากเมืองหลวงมุ่งตรงไปเมืองซำก๋วนโดยด่วน

ครั้นถึงเมืองยินอันกุ้ย เต็กเชงพักเกวียนไว้นอกเมือง อองเตง เจ้าเมืองก็ออกมาต้อนรับพาไปพักที่กงก๋วน พอถึงเวลาดึกประมาณสองยามก็มีปีศาจมาปรากฎตัว เจียเง็กก็ออกไปต่อสู้กับปีศาจแล้วก็เลยหายไปด้วยกันทั้งคู่ เต็กเชงก็เที่ยวตามหาเจียเง็กแต่ก็ไม่พบ พอเดินกลับก็เห็นเทพารักษ์ขวางหน้าอยู่ จึงคุกเข่าลงคำนับแล้วถามถึงเจียเง็ก

เทพารักษ์บอกว่าคงจะได้พบกันในภายหลัง แล้วเทพารักษ์ก็มอบหน้ากากเป็นรูปคน กับลูกธนูที่มีปลายทั้งสองข้าง ให้เต็กเชงอย่างละสามอัน แล้วบอกว่า ดวงดาวที่ดุร้ายเรี่ยวแรงนั้น จุติมาเกิดในเมืองข้าศึกเป็นอันมาก ยากที่จะปราบปราม ถ้าสู้รบกับข้าศึกแล้วเสียท่วงที เข้าที่คับขันจงเอาหน้ากากปิดหน้า ข้าศึกเห็นจะสดุ้งตกใจกลัว แม้อยู่บนหลังม้าก็อาจพลัดตก ถ้าถูกข้าศึกไล่ติดตามจงเอาลูกเกาทัณฑ์นี้ขว้างไป ก็อาจสังหารข้าศึกได้ เทพารักษ์บอกความแล้วก็หายไป เต็กเชงได้อาวุธวิเศษก็ยินดีนัก

ถึงเวลาเช้าเต็กเชงจึงว่ากับอองเตงว่า

“…….ที่กงก๋วนนี้ปีศาจดุร้ายนักตัวก็ย่อมรู้อยู่ เหตุใดจึงให้พวกเรามาสำนักอยู่ ถ้าพวกเราเป็นอันตรายด้วยอำนาจปีศาจ จะมิเสียราชการของพระเจ้าแผ่นดินไปหรือ บัดนี้เง็กเจียก็หายไป ตัวมีความขัดเคืองเราเราด้วยเหตุใด จงบอกไปแต่ตามจริง หรือผู้ใดบอกให้กระทำ ถ้าตัวไม่บอกความตามจริงเราจะฆ่าเสีย……..”

อองเตงได้ฟังก็ตกใจจึงบอกตามจริง ว่าพังหองมีหนังสือมาให้ทำ ตนเองเป็นคนหาปัญญาไม่ ขอจงงดโทษสักครั้งหนึ่งเถิด เต็กเชงก็ว่าตัวมีความผิดเป็นอันมาก แต่จะยกโทษให้ครั้งหนึ่ง และต้องให้คนเที่ยวสืบหาเจียเง็กให้จงได้ แล้วเต็กเชงก็คุมทหารรีบออกจากเมืองไป ด้วยความเป็นห่วงว่าจะล่าช้า

ครั้นเดินทางไปถึงเมืองทองก๋วนก็แวะเข้าไปหยุดพัก เบเองเหลง เจ้าเมืองก็ออกไปต้อนรับตามธรรมเนียม เต็กเชงพักพอหายเหนื่อยแล้วก็รีบออกเดินทางต่อ เบเองเหลงก็สั่งให้ เล่าเข่ง ทหารเอกรีบตามไปฆ่าเต็กเชงเสียให้จงได้ พอเดินทางไปได้ประมาณสิบลี้ เป็นเวลากลางคืน เล่าเข่งก็ปลอมเป็นทหารของเต็กเชง เดินปนไปในขบวนคอยหาโอกาสจะทำร้ายในเวลามืด.

############

นิตยสารโล่เงิน
สิงหาคม ๒๕๔๖

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 05:27:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com