PANTIP.COM : K9060171 อึดอัดใจเมื่อดูรายการในทีวี...โดยเฉพาะวาไรตี้ และละคร [ภาษาไทย]

ความคิดเห็นที่ 3

คิดตรงกันข้ามกับ จขกท นั่นก็คือ เราว่าประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเช่น อังกฤษหรืออเมริกา ซึ่งพลเมืองเขาไม่พยายามทำตนเป็็น "พลเมืองดี" คอยตำหนิติเตียนผู้คนในเรื่องการออกเสียงอักขระให้ถูกต้อง มันกลับกลายเป็นว่า

"ภาษาอังกฤษพัฒนาก้าวไกลไปมาก จนกลายเป็นภาษาที่มีโครงสร้างอันทรงพลังมากๆ"

ใครที่รู้ภาษาอังกฤษสูสีกับภาษาไทย จะเข้าใจดีว่า การเขียนเรื่องยากๆซับซ้อนมากๆ เช่นเงื่ิอนไขในสัญญากฎหมาย หรือกลไกการทำงานของระบบอะไรที่ไฮเทคมากๆซับซ้อนมากๆ หากเขียนเป็นภาษาอังกฤษจะเขียนได้ม้วนเดียวจบ กระชับมากๆ แต่ถ้าพยายามเขียนเป็นภาษาไทย มันต้องซอยออกเป็นประโยคย่อยๆ ถ้าผูกประโยคซับซ้อนเกินไป คนไทยอ่านแล้วจะงงจนหลงประโยค เพราะภาษาไทยมันมีโครงสร้่างที่ง่ายๆ เหมาะสำหรับชีวิตเกษตรกรอันเรียบง่าย ถ้าเอาไปเขียนเรื่องอะไรยากๆ ต้องวางแผนให้ดีๆ ม่ายงั้นเขียนแล้วเละ ถึงขั้นอ่านไ่ม่รู้เรื่ิอง

จริงๆแล้วเราว่า พวกเราคนไทยควรตระหนักว่า้เวลานี้พวกเราต้องเผชิญกับเรื่องอะไรที่มันซับซ้อนมากๆ เช่นเทคโนโลยีหรือขั้นตอนกลไกการทำงานของระบบอะไรต่างๆ ที่ยากๆ ดังนั้น พวกเราน่าจะมาระดมพลกันคิดหาทางปรับโครงสร้างภาษาไทยให้มันทรงพลังให้มากกว่านี้

"ให้มันเขียนอะไรยากๆได้ง่ายกว่านี้"

จะดีกว่ามาตุกติกกันเรื่องการออกเสียงอักขระเล็กๆน้อยๆ

และการที่ประเทศไทยมีคนที่ทำตนเป็น "พลเมืองดี" พยายามคอยตำหนิติเตียนชาวบ้านเรื่องการออกเสียงอักขระ มันทำให้พวกโฆษกเกิดอาการ"หวาดผวา" แทนที่จะพูดภาษาไทยแบบเป็นธรรมชาติ ให้มันมี connected speech (ทุกภาษาในโลกน่าจะเป็นแบบนี้นะคือพูดเร็วๆแล้วมีเสียงหดหายไปหรือเสียงเปลี่ยนไปบ้าง) มันกลับกลายเป็นว่า

"พวกเขาพยายามพูดเร็วแล้วก็ํพูดให้ชัดถ้อยชัดคำในขณะเดียวกัน ส่งผลให้ภาษาไทยกลายเป็นภาษาที่ผิดธรรมชาตืิ เพราะพูดๆไป แล้วมันชักกระตุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้พวกโฆษกที่ออกเสียง "ร" ชัดจนผิดธรรมชาิติเนี่ย ถ้าเราไ้ด้ยินโฆษกที่ไหนมันพูดแบบนี้นะ เราปวดหัวมากๆ จนถึงกับต้องย้ายช่องสถานีหนีมันไป เพราะทนฟังมันไม่ไหว เจ็บหูมากๆ"

เพื่อความเจริญก้าวหน้าของภาษาไทย คนไทยควรให้ความสนใจเรื่องการเขียนประโยคภาษาไทยให้รัดกุมจะดีกว่า เพราะส่วนใหญ่ปัญหาที่เราเจอทุกวัน ในการทำงาน (แปลไทยเป็นอังกฤษ) เราพบว่า

"คนไทยเป็นจำนวนมากติดนิสัยพูดอย่างหนึ่งแต่หมายถึงอีกอย่างหนึ่ง และพูดซ้ำๆวนไปก็วนมา"

ไปอ่านกระทู้นี้เรื่องคนไทยพูดอย่า่งหนึ่งแต่หมายถึงอีกอย่างหนึ่ง

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7593415/K7593415.html

แล้วคุณจะแปลกใจว่า จริงๆแล้วภาษาไทยเป็นหนึ่งในภาษาที่อ่านเข้าใจยากมากที่สุดในโลก

แต่เรากลับคิดว่า

การพูดเร็วๆว่า "สิบเบ็ด" แทนที่จะเป็น "สิบเอ็ด" หรือพูดเร็วๆว่า "มหาลัย" แทนที่จะ "มหาวิทยาลัย" นั้น เป็นธรรมชาติของภาษาที่พูดเร็วๆเป็น connected speech ซึ่งมันจะต้องมี elision (เสียงหายไป) หรือมี assimilation (เสียงเปลี่ยนไป)

ดังนั้น ใน connected speech การที่จะออกเสียง "ร" ไม่ชัดบ้าง ก็ต้องถือว่า

"เป็นธรรมชาติของภาษา"

เราไม่อยากเห็นคนไทยคิดอย่าง จขกท เป็นจำนวนมากไปอีกกว่านี้ เนื่องจากว่ามันจะเป็นการทำให้พวกคนในวงการวิทยุ ทีวี หรือสื่อต่างๆ เกิดอาการ

"หวาดผวา"

เมื่อหวาดผวาเพราะกลัวโดนประนามว่าออกเสียงอักขระไม่ชัดเจน พวกเขาก็จะทำลาย connected speech ในภาษาไทยไปจนพัีงยับเยิน

ผลที่ได้ก็จะออกมาในทางที่เลวร้าย

เช่น

คนอ่านข่าวจะอ่านข่าวด่วนเรื่องรถไฟตกราง พยายามอ่านเร็วๆเพราะเป็นข่าวด่วนแต่ในขณะเดียวกันพยายามออกเสียงอักขระจนชัดถ้อยชัดคำหมด เวลาฟังแล้ัวมันจะขัดๆหู เพราะมัน

"ชักกระตุก"

เวลานี้มีพวกโฆษกที่ "หวาดผวา" พูดภาษาที่ชักกระตุก (ไม่กล้าใช้ connected speech) ขัดๆหู กันมากมาย ฟังแล้ว ถ้าคุณมีความเข้าใจเรื่องธรรมชาติของภาษานะ คุณจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีมากๆเลยหละ
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 53 12:13:03

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 53 11:25:54

ความคิดเห็นที่ 13

แต่เราเห็นแตกต่างจากคุณ furtuneteller นะ
เราว่าธรรมชาติของภาษาแต่ละภาษาจะนำมาเปรียบเทียบแล้วบอกว่า ภาษาแบบไหนดีกว่าแบบไหน มันยาก

อย่างภาษาอังกฤษมี connected speech ที่พอลิงค์เสียงกันแล้ว เสียงของคำจะหายไป ซื่งมันเป็นธรรมชาติของภาษานี้ มันไม่ได้ทำให้ความหมายของคำผิดความหมายไป แต่ภาษาไทยของเราไม่ใช่ คำในภาษาไทยมีเสียงกำกับไว้ชัดเจนทั้งสระและวรรณยุกต์ ไม่เปลี่ยนไปตามการstress เสียงหนักเบาในประโยคอย่างภาษาอังกฤษ ถ้าออกเสียงผิดกัน ความหมายก็เปลี่ยนไป อย่างคำว่า มหาวิทยาลัย กับ มหาลัย หรือ หมาลัย ไม่สามารถนำมาแทนกันได้ในแง่หลักภาษาและความหมายนะคะ ต่อให้คนนิยมพูดและเป็นที่เข้าใจกันก็ตาม
จริงอยู่ภาษาต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นมันค่อยเป็นค่อยไป และคนส่วนใหญ่ในสังคมมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย การใช้ภาษาและออกเสียงอย่างถูกต้อง จะทำให้ความสับสนลดลงไปได้นะคะ ยกตัวอย่างง่ายๆ คำว่า รัก กับ ลัก ถ้าออกเสียงอย่างถูกต้องเวลาพูด เราก็จะไม่มี มุข(ที่บางคนเรียกว่า มุขควาย)ฝืดๆมาล้อกัน ว่า ฉันลักเธอ ลักอะไร

เพราะภาษาไทยมีความสวยงาม และฟุ่มเฟือยอยู่ในตัวเอง ถ้าใช้อย่างถูกต้อง นอกจากจะสื่อความหมายได้ชัดเจน สละสลวยแล้ว มันยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมทางปัญญาที่เราคนไทยน่าจะภูมิใจที่ได้อนุรักษ์ไว้และส่งต่อให้ลูกหลานได้เห็นความงดงามของภาษา ที่ไม่มีชาติใดจะมาเข้าใจได้ดีไปกว่าคนไทย แม้แต่คนลาวที่มีภาษาใกล้เคียงกับเรามากก็เถอะ ก็ไม่อาจแทนกันได้

ฉะนั้น ก็ไม่แปลกเช่นกันที่จะมีคนบางกลุ่มที่ทนไม่ได้เวลาเห็นใครพูด เขียน อ่าน ภาษาไทยผิดๆ โดยเฉพาะคนที่มีควรหน้าที่ในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง

ส่วนตัวอย่างที่ยกมาในความเห็นที่ 6

ถ้าคนอ่านจะไม่เข้าใจ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของการใช้โครงสร้างที่ไม่ระบุกริยาหรือสรรพนามสับสนอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ข้อความที่ยกมานั้น เป็นการพูดคุยกันระหว่างบุคคลที่มีความเข้าใจในเรื่องที่คุยร่วมกัน

เท่าที่อ่านดู เป็นการคุยทักทายกันน่ะค่ะ คนที่คุยกันรู้จักกันระดับหนึ่ง เราที่เป็นคนนอกอาจจะไม่ทราบว่าคุยกันเรื่องอะไร สถานการณ์แบบไหน แต่คนที่โพสต์ข้อความนี้เค้ารู้กันนะคะ แล้วข้อความก็ไม่ได้มีแค่นี้แน่ ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องก็ไม่น่าแปลก โดยเฉพาะถ้าเป็นฝรั่งเข้ามาอ่าน แต่โดยรวมแล้ว ไม่เห็นว่าจะเป็นประโยคที่แปลกพิสดารจนถึงกับจะอ่านแล้วไม่รู้เรื่องเลยนะคะ สำหรับคนไทย ที่อยู่และใช้ภาษา นอกจากคนที่ไปใช้ชีวิตเมืองนอกนานๆตั้งแต่เด็กอ่านภาษาไทยไม่แตก นั่นก็เรื่องนึง เคยเห็นคนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษดีมากๆ แปลภาษาไทยเป็นอังกฤษผิดความหมายบ่อยๆ นั้นไม่ใช่ความรู้อังกฤษไม่ดี กลับกันคือ อ่านภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาแม่ไม่แตก ต่างหาก คนที่ภาษาเก่ง ไม่ได้แปลว่าจะสามารถเป็นนักแปลที่เก่งได้ค่ะ ถ้าความรู้ภาษาใดภาษานึงไม่แตกฉานพอ
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 20:50:23

จากคุณ : Miya_Aki

เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 15:58:55