Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มูลคดีซับซ้อน (คนดีแผ่นดินซ้อง ๑๒)  

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๑๒ มูลคดีซับซ้อน

" เล่าเซี่ยงชุน "

เมื่อ เปาบุ้นจิ้น รับจะตัดสินคดีความที่ เพงไซอ๋อง หรือ เต็กเซง แม่ทัพใหญ่ของเมืองเปียนเหลียง ถูกกล่าวหาว่าฆ่า นางฮองเกียว บุตรสาวของ เอียเทา ซึ่งเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับเพงไซอ๋องได้ไม่ถึงสิบวัน ก็เรียกเอาสำนวนการสอบสวนของ ชุยสิน และ บุนงวนภัก มาตรวจดูก็ได้ความ ตามที่จดไว้ว่า

หลังจากการแต่งงานผ่านไปได้เจ็ดวัน เวลากลางคืนประมาณสองยาม เจียวเทงกุ้ย นายทหารของเพงไซอ๋อง ได้มาตะโกนเรียกเอียเทาที่บ้าน ว่าบุตรสาวมาแล้ว เร่งออกมารับโดยเร็ว เวลานั้นเอียเทานั่งดูหนังสืออยู่ ได้ยินเสียงก็ตกใจรีบออกมาจากห้อง ถามว่าดึกดื่นป่านนี้มีธุระสิ่งไร เจียวเทงกุ้ยก็ชูศรีษะนางฮองเกียวบุตรสาวของตนให้ดู แล้วบอกว่า

".....นี่แหละศรีษะนางฮองเกียวบุตรสาวของท่าน จะทำร้ายเพงไซอ๋อง แต่เพงไซอ๋องฆ่าเสียแล้ว เราจึงได้เอาศรีษะมาให้แก่ท่าน....."

แล้วเจียวเทงกุ้ยก็เอาศรีษะอันปราศจากตัวนั้นวางลงตรงหน้า แล้วก็เดินกลับไป

เอียเทาก็รีบไปหา พังหอง ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พังหองจึงนำความขึ้นกราบทูล พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ให้ลงโทษ เพงไซอ๋องก็ให้การแก้ตัวว่า ภรรยานั้นตั้งใจจะฆ่าตนก่อน พระเจ้าซ้องยินจงจึงรับสั่งให้ชุยสินกับบุนงวนภัก เป็นตุลาการผู้ชำระความเรื่องนี้

ตุลาการทั้งสองก็ไปที่บ้านเพงไซอ๋อง เห็นศพภรรยาเพงไซอ๋องกลิ้งอยู่แต่ตัว ไม่มี ศรีษะ จึงให้คนใช้เอาศรีษะจากบ้านเอียเทา มาดูบาดแผลและจดหมายไว้ แต่เมื่อสอบถาม เพงไซอ๋อง ก็ให้การว่า

หลังจากแต่งงานแล้วสามวัน เวลาค่ำ นางอีจี สาวใช้ของภรรยาก็มาบอกว่า นางฮองเกียว มาอยู่ที่ห้องหอถึงสามวันแล้ว ขอเชิญให้ไปหาสักหน่อย แต่ตนเองไม่ยอมไป เพราะไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานด้วย ภรรยาจึงให้สาวใช้ไปบอกเรื่องนี้ แก่ นางเม่งสี มารดาของตน

วันที่เจ็ดนางเม่งสีจึงมาจูงมือเพงไซอ๋องไปส่งที่ห้องหอ มอบตัวให้กับนางฮองเกียว แล้วก็กลับไป นางฮองเกียวก็ว่า

".....ตั้งแต่บิดาส่งตัวข้าพเจ้ามาให้อยู่กับท่าน ข้าพเจ้ายังไม่ได้คำนับท่าน....."

พูดแล้วก็สั่งให้คนใช้ยกโต๊ะมา นางก็รินสุราคำนับเพงไซอ๋อง และชวนเพงไซอ๋อง เสพสุราพูดจากันตามธรรมเนียม พอเสพสุราจนมึนเมาแล้ว นางฮองเกียวจึงชวนพูดคุยถึงเรื่องการศึกสงครามที่เมืองไซหยง เพงไซอ๋องก็เล่าความตามที่ได้รบกับข้าศึกให้ฟังทุกประการ โดย บอกว่า ได้ฆ่าทหารเอกเมืองไซหยงไปสามคน คือ เฮกหลี แชเล่าไฮ และ ตัดมัวฮวย

ครั้นถึงเวลาดึกเพงไซอ๋องก็เข้าไปนอนในมุ้ง ยังมิทันหลับ ก็เห็นนางฮองเกียวถือกระบี่เดินเข้ามาเปิดมุ้งแล้วว่า วันนี้แลจะแก้แค้นแทนสามีเรา แล้วก็เงื้อกระบี่ขึ้นหมายจะตัด ศรีษะเพงไซอ่องซึ่งนอนอยู่ เพงไซอ๋องก็หลบได้ แล้วเอาเท้าถีบถูกท้องภรรยากระเด็นล้มคว่ำลงไป เพงไซอ๋องจึงฉวยกระบี่นั้นตัดศรีษะภรรยา ด้วยกำลังโทโสไม่ทันได้ตรึกตรองสิ่งใด แล้วก็หิ้วเอา ศรีษะภรรยาออกมานอกห้อง เห็นนายทหารของตนนั่งเสพสุราอยู่สองคนคือ เมงเตงก๊ก กับ เจียวเทงกุ้ย จึงเล่าเรื่องให้ฟัง เจียวเทงกุ้ย ก็คว้าศรีษะนางฮองเกียววิ่งไปบ้านเอียเทา

ตุลาการทั้งสองฟังความแล้วก็จนปัญญา ที่จะพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก ไม่รู้จะตัดสินคดีนี้อย่างไร จึงสั่งให้คนใช้เอาศพนางฮองเกียวไปฝังตามธรรมเนียมก่อน

เปาบุ้นจิ้นทราบความแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงไปคอยเฝ้าฮ่องเต้ในที่เสด็จออกขุนนาง เมื่อเจอพังหองคำนับกันแล้ว เปาบุ้นจิ้นก็ถามว่า

".....ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่า นางฮองเกียวบุตรสาวเอียเทา ซึ่งยกให้เป็นภรรยาเพงไซอ๋อง นั้น ท่านชักโยงจัดแจงจริงหรือ....."

พังหองก็ว่า

"....ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้จัดแจงดอก เอียเทาเข้ากราบทูล จะยกบุตรสาวให้กับเพง ไซอ๋อง พระเจ้าซ้องยินจงทรงเห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้ข้าพเจ้าเอาเป็นธุระ ก็ช่วยกันไปตามกระแสรับสั่ง....."

เปาบุ้นจิ้นก็ว่า

".....บัดนี้เกิดความกันขึ้นจนถึงล้มตาย เหตุใดท่านจึงนิ่งเฉยเสียไม่ชำระ...."

พังหองก็ออกตัวว่า ฮ่องเต้ได้รับสั่ง ให้ชุยสินกับบุนงวนภัก เป็นตุลาการ ตนเองจึงไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

เปาบุ้นจิ้นจึงว่า

"....อันธรรมเนียมหญิงกับชาย พึ่งอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ มีความรักใคร่กันมาก นี่อยู่ด้วยกันไม่ทันจะถึงสิบวัน มาฆ่ากันตายดังนี้เป็นที่สงสัยนัก อนึ่ง เพงไซอ๋องเล่าก็มิใช่ว่าเป็นคนมุทะลุดุร้าย เช่นคนพาลนั้นเมื่อไร เขาก็ประกอบด้วยสติปัญญารู้จักผิดและชอบทุกอย่าง ได้เป็นถึงแม่ทัพ รับราชการล้วนสำคัญก็สำเร็จ พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคง จึงโปรดชุบเลี้ยงแต่งตั้งให้เป็นที่เพงไซอ๋อง ข้าพเจ้าตรึกตรองดูเห็นความเรื่องนี้ชอบกลอยู่ เกลือกจะมีผู้คิดอ่านใช้กลอุบายให้กำจัดเพงไซอ๋องดอกกระมัง ถ้าแม้นเป็นเช่นข้าพเจ้าว่าแล้ว ถึงตัวท่านก็จะพลอยผิดกับเขาบ้าง....."

พอดีพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เสด็จออก ทอดพระเนตรเห็นเปาบุ้นจิ้นเฝ้าอยู่ จึงตรัสถามถึงข้อราชการ ที่รับสั่งให้ไปช่วยราษฎรตามหัวเมือง เปาบุ้นจิ้นก็กราบทูลรายชื่อหัวเมืองซึ่ง ขัดสนด้วยเสบียงอาหาร และได้แจกจ่ายช่วยเหลือไป ให้ทรงทราบทุกประการ ฮ่องเต้จึงพระราชทานน้ำชาซึ่งเป็นของเสวย ให้เปาบุ้นจิ้นกินหน้าที่นั่ง แล้วตรัสถามชุยสินกับบุนงวนภัก ถึงเรื่องที่ให้ชำระความ

ตุลาการทั้งสองก็กราบทูลว่า เรื่องนี้เหลือสติปัญญาแล้วแต่จะทรงโปรด ฮ่องเต้จึง รับสั่งให้เปาบุ้นจิ้นรับไปชำระให้เรียบร้อย

เมื่อเปาบุ้นจิ้นกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ให้คนใช้ไปตามตัวเอียเทามาพบ และถามว่า บุตรสาวของท่านนั้นชื่อใด อายุสักเท่าใด เดิมเป็นอย่างไรจงบอกไปตามจริง

เอียเทาก็ให้การว่า

".....บุตรข้าพเจ้าซึ่งถึงแก่กรรมนั้น ชื่อว่านางฮองเกียว อายุได้สิบเก้าปี ข้าพเจ้ามีความรักใคร่เพงไซอ๋องมาก หมายจะยกบุตรสาวให้ จึงเข้าไปกราบทูลว่าจะยกนางฮองเกียวให้ เพงไซอ๋อง พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นดีด้วยแล้ว ครั้นถึงวันดีข้าพเจ้าก็ส่งบุตรไปให้ เพงไซอ๋อง อยู่ด้วยกันไม่ทันสิบวัน เพงไซอ๋องฆ่าบุตรข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าได้ความเจ็บอายเดือดร้อนนัก ขอท่านได้ชำระทำโทษเพงไซอ๋อง ให้ตายตกไปตามกันเถิด....."

เปาบุ้นจิ้นก็ซักต่อไปว่า

".....อันบุตรท่านก็เป็นสาวแล้ว ควรจะตกแต่งให้มีเรือน ข้าราชการที่มียศศักดิ์เสมอกันก็ถมไป เหตุใดจึงทิ้งละเลยไว้ ให้บุตรสาวจนอายุได้ถึงสิบเก้าปี แล้วเข้าไปกราบทูลยกบุตรสาวให้เป็นภรรยาเพงไซอ๋อง อันธรรมเนียมผู้ซึ่งจะตกแต่งบุตรชายหญิง ให้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันนั้น แต่แรกก็ต้องพูดจาเลียบเคียงชักโยง ให้รู้ตัวด้วยกันทั้งสองฝ่ายก่อน ถ้ายินยอมพร้อมใจด้วยกันแล้ว จึงได้ตกแต่งให้อยู่กินด้วยกันต่อภายหลัง นี้ตัวท่านหาทำตามธรรมเนียมไม่ นิ่ง ๆ ก็เข้าไปเฝ้ายกบุตรสาวให้เป็นภรรยาเพงไซอ๋อง เราพิเคราะห์ดูรูปความเห็นชอบกลอยู่ จะคบคิดกันทำกล อุบายกำจัดเขาดอกกระมัง....."

เอียเทาก็แก้ว่า

"....ซึ่งข้าพเจ้ายกบุตรสาวให้เพงไซอ๋องนั้นเพราะหมายจะพึ่งวาสนา ด้วยเห็นว่าเพงไซอ๋องเป็นหลานนางเต็กไทเฮา และก็มีความชอบในแผ่นดินเป็นอันมาก ถึงบุตรสาวข้าพเจ้า จะเป็นภรรยารองก็ไม่มีความรังเกียจ ด้วยความอยากจะใคร่ได้เพงไซอ๋องเป็นเขยอย่างเดียว ครั้นจะยกลูกสาวให้ตามลำพัง ก็กลัวเพงไซอ๋องจะบิดพริ้วเสีย จึงเข้าไปเฝ้าเอาพระบารมี พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เป็นที่พึ่ง เพงไซอ๋องจึงบิดเบือนไม่ได้....."

เปาบุ้นจิ้นก็ให้เรียกเพงไซอ๋องมาซักถาม ตามข้อกล่าวหาของโจทก์ว่า

".....เขายกบุตรสาวให้เป็นภรรยาแล้ว ชอบแต่จะมีความยินดีรักใคร่ เป็นเหตุอย่างไรจึงฆ่าเขาเสีย...."

เพงไซอ๋องก็ให้การยืนยันว่า

"....ซึ่งเอียเทาเข้าไปกราบทูลยกบุตรสาวให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าก็ไม่สู้จะเต็มใจแต่ขัดรับสั่งไม่ได้ก็ต้องรับ อย่าว่าแต่บุตรสาวเอียเทาเลย ถึงบุตรผู้อื่นจะต่ำลงไปกว่าบุตรเอียเทาก็ดี ถ้าตกเป็นภรรยาแล้ว ก็ต้องรักมิน้อยก็มาก นี่บุตรสาวเอียเทาทำร้ายข้าพเจ้าจึงฆ่าเสีย....."

เปาบุ้นจิ้นก็ว่า

".....ถึงบุตรสาวเอียเทาทำร้ายท่าน ก็ชอบแต่จะจับเอาตัวไว้จึงจะควร ท่านฆ่าเสียก่อนดังนี้ไม่ชอบ....."

เพงไซอ๋องก็ยอมรับว่า

".....ข้อซึ่งบุตรเอียเทาทำร้าย ข้าพเจ้าไม่จับตัวไว้ ฆ่าเสียนั้นมีความผิดจริง ด้วยกำลังโทโสไม่ทันคิด....."

เปาบุ้นจิ้นจึงว่า

".....บัดนี้เอียเทาเขาจะแก้แค้น แทนบุตรสาวเขา ท่านจะว่ากระไร....."

เพงไซอ๋องก็ว่า

".....การอันนี้ข้าพเจ้าสงสัย จะเป็นกลอุบายคิดมากำจัดข้าพเจ้า ขอท่านได้สืบสวนให้เห็นจริงก่อน อันตัวข้าพเจ้านี้ มีผู้คิดทำร้ายอยู่เป็นนิจ ท่านก็ย่อมแจ้งอยู่แล้ว....."

เปาบุ้นจิ้นจึงไกล่เกลี่ยขอให้ทั้งสองประนีประนอม ยอมเลิกแล้วต่อกันเสีย แต่ เอียเทาไม่ยอม เพราะเพงไซอ๋องพิสูจน์ไม่ได้ ว่าบุตรของตนผิด เพียงแต่แก้ตัวโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น เปาบุ้นจิ้นจึงให้เอาตัวคู่ความทั้งสองไปควบคุมไว้ก่อน แล้วจะได้หาพยานหลักฐาน มาประกอบการพิจารณาคดี ให้กระจ่างต่อไปว่า จำเลยพูดจริงหรือเท็จ.


##########

นิตยสารโล่เงิน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 06:05:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com