PANTIP.COM : K9091679 ถามเพื่อวางแผนการเรียนล่วงหน้าให้ลูกสาววัยรุ่นค่ะ..หากสนคอมพิวเตอร์ [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 4

รู้ของระบบONET ANET รุ่นแรกนะค่ะ แต่หลังๆมาก็เหมือนๆกันเพียงแต่ปรับวิธีนิดหน่อย กับค่าคะแนน น้ำหนักคะแนนเท่านั้น

ข้อมูลเหล่านี้ เด็กๆที่สนใจดีจะรู้กันดีอยู่แล้ว หรือติดต่อถามจากอาจารย์ฝ่ายแนะแนว(ที่เขาขยันและห่วงลูกศิษย์)

ไอ้ที่ต้องเลือกสอบนั้นก็ให้ดูว่าเราเล็งจะเข้าอะไร ที่ไหน ซึ่งมันก็มีวิชาหลักๆที่จะต้องสอบไม่กี่ตัวค่ะ และต้องเลือกดูว่าจะไหวสอบไหม

อย่างแรกคือต้องศึกษาก่อนว่า สายที่ต้องการเข้านั้น เราต้องการที่ใด เล็งเอาไว้ในใจ แล้วจดออกมาว่าเขามีเงื่อนไขต้องเอาผลวิชาใดมายื่น ส่วนใหญ่มันก็จะคล้ายๆกันค่ะ (เงื่อนไขในคณะเดียวกันบางทีก็อาจจะย่อยลงไปเช่น คณะทางภาษา ก็จะให้ใช้คะแนนภาษาที่สามต่างกันไป ฝรั่งเศส ญี่ป่น อาหรับ เยอรมัน หรือบาลี หรือไทย สังคม ก็ว่าไป)

ตอนที่แป๋มสอบOnet Anet รุ่นแรก ปีแรก แป๋มสอบไปทั้งหมด 4 วิชา คือ อังกฤษ2 ไทย2 สังคม2 และ ภาษาจีน ซึ่งเป็นการสอบของพวกศิลป์ค่ะ สอบกั๊กหมดเพื่อที่จะเลือกว่ามันจะไปตรงเงื่อนไขของคณะที่เราต้องการ ซึ่งก็เป็นพวกทางด้านภาษา และสังคมศาสตร์

อีคะแนนสูงนั่นไม่ได้หมายความว่าต้องสอบเยอะจึงได้เยอะ แต่เป็นการนำคะแนนวิชาที่ "เขาระบุเป็นเงื่อนไขสำหรับการยื่นขอเข้าศึกษา" มาคิดคำนวณ ถ้าส่วนผสมต่างกัน คะแนนก็จะต่างกันไป ในแต่ละคณะ หรือแต่ละที่อาจระบุว่าวิชานั้นวิชานี้มีค่าเท่าไหร่ (ประมาณว่าเป็นกี่%ของคะแนน ต้องทำการคำนวณค่ะ)

สมมุติมีวิชา A B C D E กับ W X Y Z

คณะที่หนึ่งระบุว่า ต้องยื่นคะแนนวิชา A B C กับ X

--- นักเรียนคนหนึ่งอาจได้ 8000 คะแนน
คณะที่สองระบุว่า ต้องยื่นคะแนนวิชา A B C D E กับ X Y
--- อาจได้ 6500
คณะที่สามระบุว่า ต้องยื่นคะแนนวิชา D E กับ X Y Z
--- อาจได้ 7540

ตอนเรา ตอนคำนวณสำหรับคณะนึงโด่งไป8000 กว่า แต่อีกคณะ(ที่เล็งเข้าไว้เป็นอันดับรองดันได้ 6000 หน่อยๆเองเลยกาทิ้งไป)

3.6 ไม่ใช่ขี้เหร่นะคะ (ตอนเราเข้ามหาวิทยาลัย ถึงจะสายศิลป์ มัธยมระดับกลางก็เถอะ ก็ 3.7 หน่อยๆเอง)

เรื่องอนาคตดูตามความสนใจของน้องเขาด้วยนะคะ วัยรุ่นมีกระแสที่อยากไล่ตามเยอะไปหมด เผื่อให้เขาได้คิดเองและวางแผนเองบ้าง เขาจะได้มีความมั่นใจและรู้สึกดีเมื่อไปเรียน

สอนเขาให้เชื่อตัวเองมากกว่าเพื่อน และฟังพ่อแม่เป็นแนวทาง ไม่ใช่ประกาศิต จะช่วยให้เขาเติบโตอย่างแข็งแรงในสังคม มีความมั่นใจ กล้าที่จะตัดสินใจเอง (ไม่ใช่รั้นหรือไม่เชื่อฟังนะคะ)

แป๋มเองพ่อแม่มีส่วนต่อการเรียนมาก แต่พ่อแม่ไม่มีแผนเรื่องเรียนให้เลย เรื่องเรียนทั้งหมดเป็นคนจัดการและวางเอง แต่ขอคำปรึกษาพ่อแม่บ้างในฐานะที่พ่อแม่มีประสบการณ์มากกว่ากับการเอ็นสะท้านนนซ์

จริงๆก็รู้ว่าพ่ออยากให้เรียนนิเทศ (แถมระบุด้วยว่า ต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่รถไฟฟ้า และ MRT เข้าถึงโดยตรงเท่านั้น ตายเลยสิ เพราะมันก็มีที่เดียวที่สองอย่างเทียบถึงเลย ก็ต้องตะกายกว่าจะเข้าได้) เพราะจะตรงกับสายงานที่พ่ออยากให้เราทำ คือกลับมาสืบต่องานด้านของพ่อ แป๋มโชคดีที่รักและชอบมันด้วยความผูกพันไม่คิดจะไปทางอื่น แต่พ่อก็เคยเปิดโอกาสว่าให้เลือกอย่างอื่นบ้างก็เลือกด้านภาษาไป (แต่ไงๆก็ต้องกลับมาทำงานให้พ่อ) สุดท้ายก็วกกลับมานิเทศอยู่ดี...แต่ตอนนี้กำลังกลุ้มเพราะต้องต่อโททันทีที่จบตรีเดือนหน้าตามที่พ่อขอ ประสบการณ์ยังไม่มีสักนิด แต่ก็ต้องเรียนต่อไป เฮ้อ....แถมเรียนที่เดิมไม่ได้ไปไหนเลย อยากไปนอก พ่อแม่ไม่ให้ไป
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 53 21:28:00
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 53 21:07:44

จากคุณ : kurika

เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 21:05:13