Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตายให้พ้นภัย (คนดีแผ่นดินซ้อง ๑๗)  

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๑๗ ตายให้พ้นภัย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ เฮงเจีย นายบ้านตำบลอิวเลงเอียได้ทราบว่า เต็กเซง จะต้องตายภายในสามวันก็ตกใจมาก รีบขึ้นม้ากลับเข้าไปในเมืองเปียนเหลียง แจ้งให้ นางเม่งสี มารดาของเต็กเซง ทราบว่าเต็กเซงป่วยมากหาหมอมาก็ไม่รับรักษา ขอท่านจงคิดอ่านเถิด นางเม่งสีก็ตกใจยิ่งนัก จึงให้คนใช้รีบไปบอกกับนายทหารคนสนิททั้งสามนาย คือ เตียตง เมงเตงก๊ก เจียวเทงกุ้ย ให้ทราบเรื่องโดยเร็ว ทั้งสามนายก็พากันมาเยี่ยมเต็กเซง

เมื่อเห็นว่ามากันพร้อมหน้าแล้ว เต็กเซงจึงบอกว่า เราป่วยมากเห็นจะไม่รอด ถึงจะตายขอให้มีความสบายสักหน่อยเถิด บัดนี้ทหารเมืองไซหยงซึ่งถูกฆ่าตาย เป็นอสูรกายมา รบกวน ไม่มีความสุขเลย ขอจงขับไล่ให้ไปเสียเถิด เจียวเทงกุ้ยกับเมงเตงก๊กก็ชักกระบี่ไล่ฟันแทงไปตามประตูหน้าต่างฝาตึก ทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน สมมุติว่าขับไล่ปีศาจ

เมื่อทั้งสองนายออกไปพ้นแล้ว เต็กเซงก็เล่าความลับกับเตียตงว่า เมื่อคืนวันก่อน เฮงเซียนเล่าโจ๊ว ผู้เป็นอาจารย์ได้มาปรากฎกายให้เห็น แล้วบอกเราว่าเวลานี้เราเคราะห์ร้ายนัก ให้ซุ่มซ่อนเสียอย่าให้ผู้ใดรู้ ให้ยาไว้เม็ดหนึ่งถ้ากินแล้วเข้าไปแล้วก็ปรากฎดุจดังว่าตาย อีกเม็ดหนึ่งกินเข้าไปให้กลับฟื้นคืนมาได้ แล้วกำชับเตียตงว่า

“……บัดนี้ยาเม็ดที่กินตายเราได้กินเข้าไปแล้ว ยังอีกเม็ดหนึ่งสำหรับจะแก้ให้ฟื้นขึ้นมานั้น ท่านจงเก็บไว้ให้ดี แม้นเราตายไปคนทั้งปวงรู้ปรากฎทั่วกันแล้ว จงเอายานี้กรอกเราเข้าไปก็จะกลับฟื้นขึ้นมาดังเก่า แล้วจะได้ไปซุ่มซ่อนเสีย ไม่ให้ผู้ใดรู้เห็น ต่อถึงกำหนดเราจึงจะออกหน้าให้ปรากฎว่ายังอยู่ อนึ่งความเรื่องนี้เจ้าจงไปบอกมารดาเรา กับนางเต็กไทเฮาให้รู้ด้วย นอกนั้นอย่าให้ผู้ใดรู้เลยเป็นอันขาด………”

ครั้นเต็กเซงบอกความลับกับเตียตงแล้ว เจียวเทงกุ้ยกับเมงเตงก๊กกลับเข้ามา เต็กเซงจึงร้องว่าเราเหลือที่จะเจ็บปวดเวทนา ปีศาจจะมาเอาชีวิตเราไป เห็นจะไม่รอดครั้งนี้แล้ว เมงเตงก๊กก็ตกใจกลัวเต็กเซงจะตาย จึงร้องขอโทษกับปีศาจทั้งปวงว่า อย่าผูกใจเจ็บกับเต็กเซงเลย มิใช่ว่าจะแกล้งจงใจฆ่าฟันท่านทั้งปวงเมื่อไร เป็นการรับสั่งขัดไม่ได้ เกรงพระราชอาญาจึงจำเป็นต้องทำ ขอท่านจงมีเมตตาอย่าเพ่อเอาชีวิตเต็กเซงไปเลย

ฝ่ายเต็กเซงก็ขาดลมหายใจ นิ่งแน่ไปด้วยกำลังยาวิเศษ ปรากฎเหมือนหนึ่งตาย ทั้งสามนายก็ร้องไห้อาลัยรัก รวมทั้งเตียตงก็พลอยแสร้งทำด้วย ครั้นคลายความโศกแล้ว เจียวเทงกุ้ยจึงพูดกับเฮงเจียว่า

“………เต็กเชงตายครั้งนี้ด้วยโรคปัจจุบัน เราสงสัยมากอยู่ด้วยตัวท่านก็เป็นพวกพ้องพังหอง คู่สาเหตุกับเต็กเซง จะคิดอ่านกันวางยาให้เต็กเซงตายดอกกระมัง ถ้าแม้นทำจริงก็รับเสียโดยดี ถ้าไม่รับเราจะฆ่าเสีย……..”

เฮงเจียจึงว่า

“……..ท่านอย่าได้มีความสงสัยข้าพเจ้าเลย อันตัวข้าพเจ้าอยู่ในบังคับพังหองจะว่าเป็นพวกพ้องก็จริง แต่ข้าพเจ้ามีความรักใคร่เต็กเซงมากนัก ด้วยเห็นว่าเป็นคนดีมีคุณต่อแผ่นดินมาก ท่านอย่าได้มีความสงสัยเคลือบแคลงในข้าพเจ้าเลย……..”

เจียวเทงกุ้ยก็ไม่เชื่อพูดจาขู่เข็ญต่าง ๆ เตียตงจึงห้ามว่า

“……..ท่านอย่าสงสัยเลย เฮงเจียนี้ถึงเป็นพวกพ้องพังหองก็จริง แต่เขาไม่เป็นเช่นนั้นดอก ซึ่งเต็กเซงตายครั้งนี้ ด้วยอำนาจปีศาจมาเอาชีวิตไป……..”

เจียวเทงกุ้ยก็ยอมเชื่อ จึงรีบขึ้นม้าเข้าไปในเมืองเปียนเหลียง บอกความกับนาง เม่งสีผู้มารดา และ นางเต็กไทเฮา ผู้เป็นอาให้ทราบความตั้งแต่เต็กเซงป่วยจนตาย ทั้งสองนางก็ร้องไห้เศร้าโศกรำพันต่าง ๆ แล้วเจียวเทงกุ้ยก็ไปบอก เปาบุ้นจิ้น และขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยให้รู้ทั่วกันว่าเต็กเซงตายแล้ว เวลานั้นเฮงเจียก็ทำหนังสือแจ้งมา ให้เปาบุ้นจิ้นได้ทราบความเช่นเดียวกัน

เปาบุ้นจิ้นแจ้งเรื่องเต็กเซงตายแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เข้าเฝ้ากราบทูลให้ พระเจ้าซ้องยินจง ทรงทราบว่าเต็กเชงตายเสียแล้ว ฮ่องเต้ก็ตกพระทัยตรัสว่า

“……..เต็กเซงยังเป็นหนุ่มอยู่ทีเดียวไม่ควรจะตายเลย เราเสียดายนักด้วยมีคุณต่อแผ่นดินเป็นอันมาก เมื่อครั้งนั้นเราให้ทหารพาไปฆ่าด้วยกำลังโทโส ต่อมานางเต็กไทเฮามาว่า จึงคิดขึ้นมาได้ ไม่ฆ่าให้ถอดออกเสียจากที่เพงไซอ๋อง เนรเทศไปอยู่ที่ตำบลอิวเลงเอียสามปี จะให้กลับเข้ามาเป็นเพงไซอ๋องทำราชการตามเดิม เราคิดไว้ว่าจะไม่ให้เต็กเซงอยู่ถึงสามปีดอก หมายว่าจะให้ไปอยู่สักห้าหกเดือน ก็จะให้กลับมาเป็นเพงไซอ๋องดังเก่า บัดนี้มาตายเสียดายนัก…….”

เปาบุ้นจิ้นเห็นฮ่องเต้รำพันดังนั้น ก็กราบทูลว่า

“………เต็กเซงเป็นโรคปัจจุบันตาย ข้าพเจ้านึกสงสัยอยู่ เกลือกจะมีผู้ทำร้ายให้ตาย ด้วยยาพิษดอกกระมัง ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานไปพิจารณาชันสูตรดูให้สิ้นสงสัย……”

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“……..ท่านอย่าไปชันสูตรให้วุ่นวายเลย ไหน ๆ เต็กเซงก็ตายเสียแล้ว เวทนาแก่ศพ คิดอ่านกันไปคำนับศพเต็กเชงเถิด……….”

เปาบุ้นจิ้นจึงกราบถวายบังคมลาออกไปจัดการศพเต็กเชงตามรับสั่ง

ฝ่ายเตียตงก็ให้เฮงเจียกับเมงเตงก๊ก อยู่เฝ้าศพเต็กเซงที่บ้าน ตนเองรีบขึ้นม้าไปหานางเม่งสี และนางเต็กไทเฮา เล่าความลับตามที่เต็กเซงสั่งไว้ให้ฟังทุกประการ ทั้งสองนางแจ้งแล้วก็หายความเศร้าโศก แล้วเตียตง เจียเง็กและเจียวเทงกุ้ย ก็พานางเมงสี กับ โลฮวยอ๋อง ตัวแทนของนางเต็กไทเฮาไปจัดการศพที่ตำบลอิวเลงเอีย

เมื่อขณะจะยกศพใส่หีบนั้น นางเม่งสีเห็นเหมือนกับ
คนตายจริง ๆ ก็มีความวิตกขึ้นอีก จึงกระซิบถามเตียตงว่าเต็กเซงไม่ตายจริงหรือ ดูไม่เห็นผิดกับคนตายเลย เตียตงก็กระซิบตอบว่า อย่าทุกข์ร้อนไปเลย ด้วยเต็กเซงกำหนดไว้ว่าให้เอายาซึ่งให้ไว้นั้น แก้ในสี่สิบเก้าวันตามคำที่อาจารย์สั่ง นางเมงสีก็ค่อยคลายวิตก

ขณะนั้นขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย พากันมาคำนับศพมากมาย เปาบุ้นจิ้น จึงพูดกับศพเต็กเชงว่า

“……..ตัวเจ้ายังหนุ่มอยู่ไม่ควรจะตายเลย หรือคนที่มีข้อสาเหตุคิดกลอุบายให้เจ้าตาย ด้วยยาพิษหรืออุบายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าแม้นทำกับเจ้าแล้วจงมาเข้าฝันบอกให้เรารู้ด้วย จะได้ชำระเอาตัวผู้ซึ่งกระทำกับเจ้า มาลงโทษแก้แค้นให้……..”

พังหองได้ยินเปาบุ้นจิ้นพูดกับเต็กเซงดังนั้น ก็หัวเราะแล้วว่า

“……..ตัวท่านก็ประกอบด้วยสติปัญญา สารพัดจะรู้การทั้งปวง เหตุใดจึงพูดกับศพ ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นว่าศพพูดด้วยสักคำ ก็นอนนิ่งอยู่ตามธรรมดา เมื่อท่านสงสัยว่าจะมีผู้ทำร้ายให้เต็กเซงตาย ก็จงชำระเอาให้ได้ตัวเถิด จะต้องพูดให้มากมายไปทำไม……..”

เปาบุ้นจิ้นจึงว่า

“……..แม้นเราได้พิจารณาชันสูตรดูซากศพแล้ว แม้นมีผู้ทำกับเต็กเซงจริง คงจะเห็นพิรุธในศพ นี่เป็นจนใจด้วยรับสั่งห้ามไม่ให้ชันสูตร ครั้นจะขืนทำก็กลัวความผิด ถึงกระนั้นถ้าจะชันสูตรจริงก็ได้ จะมีโทษประการใดจึงค่อยรับพระราชอาญาต่อภายหลัง……..”

นางเม่งสีเห็นเปาบุ้นจิ้นพูดจาแข็งแรง กลัวว่าจะเปิดหีบออกชันสูตรศพ จึงห้ามว่า อย่าชันสูตรเลย เวทนาแก่ศพ เต็กเซงตายครั้งนี้ด้วยกำลังปีศาจ ท่านอย่าสงสัยเลย เปาบุ้นจิ้นก็ไม่อยากจะขัดใจ จึงงดความคิดของตนไว้

ครั้นขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยคำนับศพ และพากันกลับ
ไป เจียวเทงกุ้ยกับเมงเตงก๊กก็พานางเม่งสีกลับไปส่งที่บ้านแล้ว เตียตงกับเจียเง็กจึงเที่ยวเดินดูที่ซึ่งจะเอาศพ เก็บไว้ เมื่อเดินไปได้ประมาณสามสิบลี้ ก็พบศาลเทพารักษ์แห่งหนึ่งไม่มีคนเฝ้า รกรุงรังอยู่ในที่ลี้ลับชอบกล มีหนังสือเขียนไว้ที่หน้าศาลว่าเทียนอองเบี้ย เตียงตงกับเจียเง็กก็เดินเลยไปถามชาวบ้านใกล้เคียง ชาวบ้านก็บอกว่า ศาลเทียนอองเบี้ยนี้รกร้างมาช้านานได้สักห้าปีมาแล้ว ด้วยปีศาจดุร้ายนักไม่มีใครจะมาอยู่ได้ จนชั้นแต่เฮียกงผู้ดูแลศาลก็ทนปีศาจไม่ได้ จึงเป็นศาลร้างอยู่ดังนี้

เตียตงกับเจียเง็กจึงพากันกลับมาหามเอาหีบใส่ศพเต็กเซง ไปไว้ที่ศาลเทพารักษ์นั้น แล้วก็ช่วยกันเปิดหีบขึ้น เตียตงก็เอายาซึ่งเต็กเซงให้ไว้ ละลายน้ำกรอกปากเข้าไปประมาณครู่หนึ่ง เต็กเซงก็ฟื้นลุกขึ้นออกมาจากหีบนั่งอยู่เป็นปกติ แล้วก็พูดว่า เมื่อตายไปนั้นเปรียบเหมือนนอนหลับเคลิ้มไป เมื่อขุนนางทั้งปวงมาประชุมพร้อมกันนั้น เขาพูดกันได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง แล้วจึงถามว่าศาลนี้เหตุใดจึงรกร้างไม่มีผู้คน คนสนิททั้งสองก็เล่าความที่ชาวบ้านบอกมาทุกประการ เต็กเซงก็ว่า

“………ข้าพเจ้าจะต้องซุ่มซ่อนอยู่ในศาลนี้ กว่าจะถึงกำหนดซึ่งเฮงเซียนเล่าโจ๊วมาบอกไว้ จึงจะได้ออกให้คนทั้งปวงรู้เห็น ท่านทั้งสองจะไปมาเข้าออกที่ศาลนี้แล้ว แม้นผู้ใดถามก็บอกว่ามาเฝ้าศพเรา แต่ปีศาจที่ศาลนี้รบกวนนัก คนทั้งปวงจะได้ไม่ไปมา…….”

เตียตงก็ว่าจะไปเก็บข้าวของที่ตกค้างอยู่ที่ตำบลอิวเลงเอียมาไว้ที่ศาลนี้ เต็กเซง จึงสั่งเจียเง็กว่า

“……..เวลาพรุ่งนี้ท่านจงเข้าไปในเมืองเปียนเหลียง บอกความกับมารดาข้าพเจ้า และนางเต็กไทเฮาให้รู้ด้วย ว่าข้าพเจ้ากลับ เป็นขึ้นมาดังเก่าแล้ว บัดนี้ซ่อนตัวอยู่ในศาลเทพารักษ์เทียนอองเบี้ย……..”

ในคืนนั้นก็มีปีศาจปรากฎตัวขึ้น แต่ทั้งสามนายก็ต่อสู้ป้องกันตัว จนปีศาจต้องหนีไป ครั้นรุ่งเช้าเจียเง็กก็เข้าไปในเมืองเปียนเหลียง แจ้งความตามที่ได้รับคำสั่งทุกประการ แล้วก็เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ในเวลาเสด็จออกว่าราชการ กราบทูลว่า

“………ข้าพเจ้ากับเต็กเซงเข้ามาสวามิภักดิ์ ทำราชการสนองพระเดชพระคุณช้านาน ได้ทรงพระกรุณาโปรดชุบเลี้ยงให้มียศศักดิ์ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่บัดนี้เต็กเซงก็ถึงแก่กรรมแล้ว ข้าพเจ้าจะขอถวายบังคมลาออกจากราชการ ไปอยู่เฝ้าศพสนองคุณเต็กเซง……..”

พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ก็ตรัสว่า ซึ่งท่านจะลาออกเสียจากราชการนั้นไม่ได้ พังหองซึ่งเฝ้าอยู่ด้วยก็ทูลว่า

“………..อันธรรมเนียมคนซึ่งเกิดมาแล้ว ก็ย่อมประกอบด้วยความกตัญญูต่อเจ้านาย บิดามารดา มิตรสหาย จึงจะเป็นที่สรรเสริญแก่เทพยดาและมนุษย์ ซึ่งเจียเง็กจะขอลาออกจากราชการ ไปเฝ้าศพเต็กเซงด้วยความกตัญญู ขอพระองค์จงโปรดให้เจียเง็กไปเถิด……….”

ฮ่องเต้จึงตรัสว่า

“……….ซึ่งท่านว่านั้นก็ถูกต้องด้วยแบบอย่าง ทุกวันนี้ทัพศึกก็ไม่มีบ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเจียเง็กจะไปเฝ้าศพเต็กเชงก็ตามใจ……..”

เจียเง็กก็มีความยินดีถวายบังคมลามาบ้านนางเม่งสี ก็พบกับ เล่าเข่ง และ หลีงีซึ่งถือรับสั่งฮ่องเต้ให้ไปรับ นางโปยโปกงจู๊ ภรรยาของเต็กเชงกลับมา และเข้าแจ้งแก่นางเม่งสีว่า มารดาของนางโปยโปกงจู๊ถึงแก่กรรม จะต้องจัดการศพมารดาก่อน ต่อขึ้นปีใหม่จึงจะเข้ามามาเฝ้า เจียเง็กจึงเล่าความเรื่องเต็กเซงตาย ให้ทั้งสองฟังทุกประการ นายทหารคนสนิทของเต็กเซงทั้งสองนาย ก็รีบเข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ กราบทูลเรื่องภรรยาของเต็กเซงต้องทำศพมารดา จะเข้ามาเฝ้าเมื่อขึ้นปีใหม่ แล้วก็ทูลลาออกจากราชการไปเฝ้าศพเต็กเซงทั้งสองคน ฮ่องเต้ก็โปรดให้ไป

เจียเง็กจึงให้เจียวเทงกุ้ยกับเมงเตงก๊ก อยู่เป็นเพื่อนนางเม่งสี และดูแลป้ายชื่อ เต็กเซงซึ่งปักไว้บูชาเซ่นไหว้ ส่วนตนเองกับเพื่อนอีกสองคน ก็พากันไปอยู่ที่ศาลเทียนอองเบี้ย ตั้งแต่นั้นมาเต็กเซง เจียเง็ก กับเตียตง หลีงี และเล่าเข่ง ก็อาศัยอยู่ที่ศาลเป็นสุขสบาย เหมือนกับไปตั้งบ้านอยู่ใหม่ ไม่มีใครกล้ำกรายมารบกวนเลย.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 06:34:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com