ศึกติดเมือง (คนดีแผ่นดินซ้อง ๑๘)
|
|
คนดีแผ่นดินซ้อง
ตอนที่ ๑๘ ศึกติดเมือง
เล่าเซี่ยงชุน
เมืองเปียนเหลียงอยู่เป็นสุขมาไม่นาน ม้าใช้เมืองซำก๋วนก็นำหนังสือจาก ชิงชิว เจ้าเมือง มากราบทูล พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ มีความว่าเมืองซินโลก๊กกับเมืองไซหยง ยกกองทัพมีพลประมาณยี่สิบหมื่นมาตีเมืองซำก๋วน ได้คุมทหารออกรบก็สู้กำลังข้าศึกไม่ได้ ต้องรักษาเมืองมั่นไว้ ถ้าช้าวันไปเมืองซำก๋วนจะเสียแก่ข้าศึก ขอให้กองทัพเมืองเปียนเหลียงยกไปช่วยโดยเร็ว ฮ่องเต้ได้ทราบแล้วก็ตกพระทัย จึงรับสั่งให้หาขุนนางมาประชุมพร้อมกัน แล้วตรัสปรึกษาว่าบัดนี้กองทัพเมืองไซหยงยกมาติดเมืองซำก๋วน คนถึงยี่สิบหมื่น ชิงชิวผู้รักษาเมืองฝีมือก็อ่อน จะได้ผู้ใดออกไปสู้รบกับข้าศึกดี
พวกขุนนางทั้งปวงก็กราบทูลว่า
..แต่ก่อนทัพศึกมีมาก็ได้ เอียจงเปา ครั้นเอียจงเปาตายแล้วก็ได้ เต็กเซง ครั้นเต็กเชงตายก็ไม่เห็นผู้ใด เห็นแต่ พังหอง เป็นขุนนางผู้ใหญ่ควรจะออกไปสู้รบได้
..
พังหอง ได้ฟังก็ตกใจด้วยไม่เคยออกทัพออกศึก จึงกราบทูลฮ่องเต้ว่าตนเป็นแต่ขุนนางฝ่ายพลเรือน รู้ราชการบ้านเมืองไม่เข้าใจการศึกสงคราม บุนง่วนภัก ขุนนางนายทหาร ผู้เฒ่าจึงกราบทูลว่า
..ข้าพเจ้าก็แก่ชรา ครั้นจะรับอาสาออกไปรบกับข้าศึก สนองพระเดชพระคุณ ก็เห็นจะสู้ข้าศึกไม่ได้ แต่ก่อนก็ได้เต็กเซง บัดนี้เต็กเซงก็ถึงแก่กรรมแล้ว ยังอยู่แต่ทหารของเต็กเซง คือเจียเง็ก เตียตง หลีหงี เล่าเข่ง เจียวเทงกุ้ย เมงเตงก๊ก หกคนนี้พอจะออกไปสู้รบกับข้าศึกได้
..
ฮ่องเต้ได้ฟังก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงตรัสให้ปรึกษาหารือกัน แล้วสืบหาดูว่าผู้ใดจะมีฝีมือเข้มแข็งอีกบ้าง จะได้จัดทัพให้ออกไปสู้รบกับข้าศึกต่อไป ตรัสแล้วก็เสด็จเข้าข้างในด้วยความไม่สบายพระทัย ครั้นเสด็จไปถึงตำหนัก นางเชาฮองเฮา มเหสีใหญ่ นางก็ออกมารับเสด็จเข้าไปในตำหนัก ดูกิริยาฮ่องเต้เห็นไม่สบายพระพักตร์เศร้าหมอง จึงกราบทูลถามว่าพระองค์ทุกข์ร้อนด้วยสิ่งใดหรือ
พระเจ้าซ้องยินจงก็ตรัสเล่าให้ฟังว่า กองทัพเมืองไซหยงยกมาตีเมืองซำก๋วนไม่มีผู้ใดจะออกไปสู้รบกับข้าศึก เราจึงวิตกนักด้วยเมืองซำก๋วนเป็นด่านหน้าอันสำคัญ ถ้าเสียแก่ ข้าศึกแล้วเมืองเปียนเหลียงก็จะเป็นอันตราย แต่ก่อนได้ เอียจงเปา กับ เต็กเซง เดี๋ยวนี้ก็ตายไปหมดแล้วไม่เห็นใครเลย
นางเชาฮองเฮาจึงกราบทูลว่า พระองค์ไม่ควรจะกำจัดเต็กเซงเสีย เต็กเซงมีคุณต่อแผ่นดินมากนัก ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า
..อันเต็กเซงนั้นแต่เดิมเรากำลังโทโส สั่งให้เอาตัวไปฆ่านั้นจริง ครั้นนางเต็กไทเฮามาขอโทษเราก็ให้ไม่ฆ่าฟัน ถอดออกจากที่เพงไซอ๋อง เนรเทศให้ออกไปอยู่ตำบลอิวเลงเอียนนอกเมือง ครบสามปีจะให้กลับมาเป็นขุนนางตามเดิม
นางเชาฮองเฮากราบทูลว่า
เต็กเซงอายุยังไม่ควรที่จะตาย ถ้าแม้นพระองค์ไม่ถอดเนรเทศไป ให้อยู่เป็นขุนนางในเมืองเปียนเหลียงก็เห็นจะยังไม่ตาย เต็กเซงตายครั้งนี้ด้วยความตรอมใจ ซึ่งว่า เต็กเซงเอาธงปลอมถวายนั้น ถ้าสงสัยให้เต็กเชงกลับไปเอาธงสำหรับเมืองมาก็จะได้
ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า
.ข้อนี้เราผิดจริง ด้วยไม่ทันตรึกตรอง ไหน ๆ เราก็ได้ผิดไปแล้ว เดี๋ยวนี้ทัพศึกมีมาเข้มแข็งนัก จะคิดอ่านอย่างไรดี
..
นางเชาฮองเฮาก็กราบทูลว่า การนี้สุดแล้วแต่ขุนนางจะคิดอ่านกัน ฮ่องเต้ก็จนใจมิรู้ที่จะตรัสประการใดต่อไป
ฝ่าย ชุยสิน ขุนนางตำแหน่งโหรรู้วิชาเชี่ยวชาญ ในการที่จะดูฤกษ์และดาวเหตุการณ์ดีและร้ายทั้งปวง ได้ไปหา เปาบุ้นจิ้นในเวลาบ่าย พูดคุยกันถึงเรื่องทัพเมืองไซหยงมาติดเมืองซำก๋วน เปาบุ้นจิ้นก็ว่าเราเสียดายเต็กเซงนัก ถ้าแม้นอยู่แล้วการทัพศึกมีมาก็ไม่วิตก
ซุยสินจึงว่าเมื่อคืนนี้ได้พิเคราะห์ดูดาวประจำตัวเพงไซอ๋องยังไม่ดับสูญ ปรากฎอยู่ข้างทิศตะวันออกเฉียงใต้ สงสัยว่าเต็กเซงจะไม่ตายจริง แต่เปาบุ้นจิ้นไม่เห็นด้วย บอกว่าเมื่อวันไปคำนับศพได้ดูเห็นแน่แล้วว่าเต็กเซงตาย แต่ประหลาดที่หน้ายังสดชื่นอยู่ ซุยสินก็ยืนยันว่าถ้าไม่เชื่อ เวลาค่ำวันนี้จงดูดาวด้วยกัน จะได้ชี้ให้ดู
เวลานั้นเย็นจวนจะค่ำแล้ว เปาบุ้นจิ้นจึงชวนซุยสินให้อยู่กินอาหารเย็นด้วยกันที่บ้าน พอค่ำมืดลงซุยสินก็พาเปาบุ้นจิ้นขึ้นไปบนหอสำหรับดูดาว แล้วชี้บอกดาวประจำตัวเพงไซอ๋อง ให้ดูแล้วว่า
อันตำราดาวซึ่งข้าพเจ้าได้เล่าเรียนสังเกตุไว้นั้น ถ้าแม้นเห็นดาวสำหรับตัวผู้ใดยังมีอยู่แล้ว ถึงจะตายไปก็อย่าเพ่อเชื่อก่อน คงจะกลับเป็นขึ้นมา ครั้งนี้ถ้าเต็กเซงตายเป็นแน่แล้ว ตำราควรจะต้องเผาไฟเสีย ถึงจะเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ท่านจงไปสืบดูข้างทิศตะวันออกเฉียงใต้ เผื่อจะได้ความบ้างดอกกระมัง ถึงได้เห็นแก่ตาว่าเต็กเซงตาย ข้าพเจ้าก็ยังเชื่อตำราอยู่
ครั้นเวลารุ่งเช้าเปาบุ้นจิ้นกับนายทหารคนสนิทแปดคน ก็ไปที่ตำบลอิวเลงเอีย เมื่อไปถึงเป็นเวลาเย็น ก็เข้าไปหา เฮงเจีย ผู้รักษาตำบลบอกว่าเรามีธุระมาเวลาก็จวนค่ำ จะต้องอาศัยพักอยู่ที่นี้สักคืนหนึ่ง ต่อเวลาพรุ่งนี้เช้าจึงจะไป เฮงเจียก็จัดที่พักให้อยู่
เปาบุ้นจิ้นก็ถามว่าท่านมาเป็นขุนนางอยู่ตำบลนี้ ผู้ใดจัดแจงแต่งตั้งให้มาเป็น เฮงเจียบอกว่าพังหองเป็นผู้แต่งตั้ง เปาบุ้นจิ้นก็ว่า เจ้าเป็นพวกพ้องพังหอง อันเต็กเซงตายนั้นก็เป็นคู่พยาบาทกับพังหอง ท่านทำกลอุบายเอายาพิษวางหรือจึงตาย เฮงเจียก็ว่าไม่ได้ทำเลย
เปาบุ้นจิ้นก็บอกว่าเต็กเซงมาเข้าฝันบอกว่า พังหองให้ท่านทำอุบายเอายาพิษวางเต็กเซงจึงได้ตาย เฮงเจียก็บอกว่า เดิมพังหองมีหนังสือมาถึงตนหลายครั้ง จะให้คิดอุบายฆ่าเต็กเซง แต่ตนเห็นว่าเต็กเซงเป็นคนดี มีคุณต่อแผ่นดินเป็นอันมากจึงไม่ยอมทำ ขออย่าได้สงสัยเลย เมื่อเต็กเซงป่วยตนก็ได้หาหมอมารักษา เต็กเซงนั้นตายด้วยอำนาจปีศาจเป็นแน่
เปาบุ้นจิ้นถามว่าหนังสือที่พังหองมีมาถึง ได้เก็บไว้หรือไม่ เฮงเจียก็ว่าหนังสือนั้นเมื่อตนอ่านรู้ความแล้วเขาก็เอากลับไป เปาบุ้นจิ้นก็มิได้ซักถามต่อไป
ครั้นเวลารุ่งเช้า เปาบุ้นจิ้นให้ทหารไปสืบรู้ว่าศพเต็กเซงอยู่ที่ศาลเทียนฮองเบี้ย ซึ่งเป็นศาลร้าง พอถึงเวลาค่ำก็พาทหารแปดคนไปที่ศาลเจ้า เห็นประตูปิดอยู่จึงให้ เตียกิด นายทหารคนหนึ่งปีนกำแพงศาลย่องขึ้นไปบนหลังคา ค่อย ๆ แหวกกระเบื้องมองลงไปดู เห็นแสงไฟและมีเสียงพูดกันอยู่หลายคน จับความได้ว่าเป็นการปรับทุกข์กันถึงเรื่องที่พังหองคิดอาฆาตพยาบาท จะล้างผลาญเต็กเซงอยู่ตลอดเวลา มีคนหนึ่งพูดว่า
.ข้าพเจ้าจะอาสาแอบเข้าไปตัดศรีษะพังหองมาให้แก่ท่านจงได้
ก็มีเสียงตอบว่า
..ท่านอย่าทำเลยจะร้อนถึงราษฎร กับอนึ่งเฮงเซียนเล่าโจ๊วผู้เป็นอาจารย์ของเราได้บอกไว้ว่า เวลานี้วาสนาชะตาพังหองกำลังขึ้น
อีกคนหนึ่งก็ว่า
..วันนี้เราไปเยี่ยมนางเมงสีผู้มารดาท่าน เมื่อเดินมาตามทางได้ยินราษฎรชาวบ้านพูดกันว่า กองทัพเมืองไซหยงยกมาติดเมืองซำก๋วน ชิงชิวไม่อาจออกสู้รบรักษาเมือง มั่นไว้ มีหนังสือมาขอกองทัพเปียนเหลียงให้ยกไปช่วย ก็ยังไม่เห็นผู้ใดออกไป
คนหนึ่งพูดว่า
อาจารย์ของท่านได้บอกไว้ว่า ตัวท่านกำลังเคราะห์ให้ซุ่มอยู่สักปีหนึ่ง จึงออกหน้าให้คนทั้งปวงเห็น ตั้งแต่ท่านมาอยู่ที่นี่ก็นานเห็นจะได้ปีหนึ่งแล้ว จงออกรับอาสาตีทัพเมืองไซหยงให้แตกเอาความชอบ
..
อีกคนหนึ่งก็ขัดว่า
.เราไม่อยากได้ความชอบแล้ว แต่ทำราชการมาก็นาน แล้วความชอบในแผ่นดินก็มาก ยังไม่พ้นความผิด อันความชอบของเรานั้น เปรียบเหมือนหนึ่งเมฆเห็นปรากฎ บัดเดี๋ยวใจก็หายสูญไป
เตียกิดก็กลับออกมาเล่าความที่ได้ยินนั้น ให้เปาบุ้นจิ้นฟังทุกประการ เปาบุ้นจิ้น ก็พาทหารกลับที่พัก ครั้นรุ่งเช้าก็พาทหารทั้งแปดคนนั้นกลับไปที่ศาลนั้นอีก เมื่อเห็นประตูปิดอยู่ก็ร้องเรียกให้เปิดและบอกว่า นางเม่งสี ผู้มารดาให้คนมาเยี่ยมเต็กเซง คนข้างในก็เปิดประตูรับ เปาบุ้นจิ้นกับทหารก็ถลันเข้าไป หลีหงี ซึ่งเป็นคนเปิดประตูก็ตกใจถามว่าท่านมาธุระสิ่งใด
เปาบุ้นจิ้นก็ว่าเหตุใดท่านเอาเต็กเซงของเรามาซ่อนไว้ หลีหงีว่าเต็กเซงตายแล้วแต่เปาบุ้นจิ้น ไม่ฟัง บอกว่าเรารู้แล้วว่าเต็กเซงยังไม่ตาย แล้วก็เดินเข้าไปข้างใน จึงพบตัวเต็กเซงซึ่งหลบไม่ทัน
เต็กเซงก็คำนับเปาบุ้นจิ้นแล้วถามว่า ทำไมจึงได้รู้ว่าตนยังไม่ตาย เปาบุ้นจิ้น ก็หัวเราะแล้วว่า ท่านทำอุบายหลอกแต่คนอื่น อย่ามาหลอกเราเลย แล้วก็เล่าความที่มีกองทัพเมืองไซหยงมาติดเมืองซำก๋วน แต่ไม่มีผู้อาสานำทัพไปรบข้าศึก ฮ่องเต้กับขุนนางทั้งปวงก็ปรารภถึงเต็กเซงทุกคน และซุยสินดูดาวสงสัยว่ายังไม่ตาย จึงมาสืบดูจึงรู้ความจริง
เต็กเซงก็ว่าจงนึกว่าตนดับสูญไปแล้วเถิด เปาบุ้นจิ้นก็ว่า
.ซึ่งท่านจะคิดเช่นนี้ไม่ควร ด้วยเรารู้ความอยู่ว่า แต่ก่อนเทือกเถาเหล่ากอท่าน แต่ล้วนทำราชการอาสาแผ่นดินมีความชอบสิ้นทั้งนั้น ทุกวันนี้ท่านเปรียบเหมือนอกไก่ เมืองเปียนเหลียง ถ้าไม่ได้ท่านแล้วเห็นว่าจะเป็นเชลยแก่ข้าศึก ซึ่งท่านจะละเลยทิ้งเสียไม่เป็นธุระนั้นไม่ได้
.
เต็กเซงก็ว่า
.ท่านมาสรรเสริญข้าพเจ้าดังนี้เห็นจะเหลือเกินนัก ตัวข้าพเจ้าเป็นเด็กอ่อนความคิด ซึ่งไปทำศึกเมืองไซหยงมีชัยชนะนั้น ใช่ว่าจะเป็นด้วยอำนาจข้าพเจ้าเมื่อไร เป็นด้วยบุญบารมีพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ปกแผ่คุ้มเกรงรักษาจึงไม่มีอันตราย ข้าพเจ้าไปทำราชการสนองพระเดชพระคุณก็ช้านาน ความชอบมีมากแล้ว แต่ก่อนก็ดีใจหมายว่าจะได้ความสุขสบาย กลับมาได้ความทุกข์เสียอีก ข้าพเจ้าคิดว่าจะไปทำสวนทำนาค้าขาย พอได้เลี้ยงบุตรภรรยา กับปรนนิบัติมารดากว่าจะหาชีวิตไม่ ซึ่งจะทำราชการต่อไปอีกนั้น ข้าพเจ้ากลัวความผิดนัก
.
เปาบุ้นจิ้นก็แย้งว่า
.ท่านจะคิดอย่างนี้ไม่ชอบ พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้พระองค์ก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม ประกอบด้วยความเมตตากรุณาประชาราษฎรเป็นอันมาก ตั้งพระทัยจะให้มีความสุข ทั่วกัน อนึ่งผู้ซึ่งเป็นข้าราชการตั้งอยู่ในความสัตย์สุจริต มีคุณต่อแผ่นดินแล้ว ก็ทรงพระกรุณาเมตตาชุบเลี้ยง ใช่ว่าจะเข้าด้วยผู้กระทำผิดไปทีเดียวเมื่อไร แต่การครั้งนี้เพราะด้วยท่านเสียทีแก่พังหอง หาเหตุใส่โทษเอาด้วยปัญญาโกง จึงได้เป็นไป ครั้งนี้เราก็ไม่เห็นใครที่จะต้านทานกับ ข้าศึกศัตรู เห็นแต่ท่านผู้เดียว ถ้าจะออกตัวไม่เอาธุระเสียแล้ว ก็เหมือนหนึ่งปราศจากความเมตตาแก่อาณาประชาราษฎร และไม่มีความกตัญญูต่อพระเจ้าแผ่นดิน
เต็กเซงได้ฟังก็นิ่งอยู่ แต่นายทหารคนสนิททั้งหลายก็ว่า ซึ่งจะให้พวกตนออกสู้รบกับข้าศึกเหมือนแต่ก่อนนั้น ไม่ยอมแล้ว ให้ฮ่องเต้กับพังหองออกไปรบกับข้าศึกเองเถิด
เมื่อแม่ทัพและเหล่าทหารเอกคู่ใจทั้งหมด มีความเห็นดังนั้น ท่านเปาบุ้นจิ้น จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรต่อไป.
##########
นิตบสารโล่เงิน กรกฎาคม ๒๕๔๗
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
9 เม.ย. 53 05:31:56
|
|
|
|