ศึกสองด้าน (คนดีแผ่นดินซ้อง ๑๙)
|
|
คนดีแผ่นดินซ้อง
ตอนที่ ๑๙ ศึกสองด้าน
เล่าเซี่ยงชุน
เปาบุ้นจิ้น ได้ฟัง เต็กเซง และนายทหารทั้งหลาย พูดจาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับอาสาไปต่อสู้กับข้าศึกเมืองไซหยง จึงว่า
อันพังหองนั้นเป็นคนโกง คนทั้งปวงก็ย่อมรู้อยู่ด้วยกันแล้ว มิใช่ว่าเราจะไม่เกลียดชังเมื่อไร ก็คอยหาช่องทางที่จะกำจัดอยู่เป็นนิจ ผู้ประพฤติการชั่วเช่นพังหองแล้ว คงจะจับผิดได้สักเวลาหนึ่งเป็นแท้ ท่านคอยดูเถิด
เต็กเซงได้ฟังเปาบุ้นจิ้นพูดจาถูกใจ จึงว่า
..ซึ่งท่านจะให้ข้าพเจ้ารับอาสาออกไปรบกองทัพเมืองไซหยงนั้นก็ไม่ขัด แต่เห็นว่าได้บอกเข้าไปกราบทูลว่าตายแล้ว บัดนี้ไม่ตายจะมิเป็นการทำกลอุบายไปหรือ ความผิดจะมีดอกกระมัง
..
เปาบุ้นจิ้นจึงว่าข้อนั้นอย่าวิตก เป็นธุระของข้าพเจ้าที่จะกราบทูลพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เอง แล้วก็ลากลับมาเฝ้าฮ่องเต้ที่เมืองเปียนเหลียง
ขณะที่ฮ่องเต้กำลังตรัสปรึกษากับเหล่าขุนนางด้วยราชการทัพ ได้ทอดพระเนตรเห็นเปาบุ้นจิ้นจึงตรัสว่า ข้าศึกยกกองทัพมาติดเมืองซำก๋วน เต็กเชงก็ตายไปเสียแล้ว จะได้ผู้ใดไปรบศึก เปาบุ้นจิ้นจึงกราบทูลว่า
..เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าฝันเห็นเต็กเซงมาบอกว่า ยังไม่ถึงกาลกำหนดที่จะตาย ร่างกายก็ยังไม่เปื่อยเน่า ขอให้ข้าพเจ้าได้ช่วยด้วยเถิด เต็กเซงมาเข้าฝันว่าดังนี้ ข้าพเจ้าจะเอาของวิเศษซึ่งโปรดพระราชทานให้เก็บไว้ แต่ครั้งแก้นางอีสีฮูหยินนั้น ไปแก้เต็กเซงลองดู
ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ดีพระทัยนัก จึงตรัสว่าดีแล้วตามแต่ใจท่านเถิด พังหอง ซึ่งเฝ้าอยู่ด้วยก็กราบทูลว่า
.พระองค์อย่าได้เชื่อถือ เปาบุ้นจิ้นเอาความเท็จมาว่า เมื่อครั้งแก้นางอีสี ฮูหยินนั้น ด้วยเป็นคนพึ่งตายใหม่ ๆ แก้ให้เป็นขึ้นมาได้ก็ควรจะเชื่อฟัง นี่เต็กเซงตายไปช้านานถ้าจะประมาณก็เกือบปีมาแล้ว ป่านนี้มิยังเหลืออยู่แต่กระดูกหรือ พระองค์ไม่ควรจะเชื่อฟัง
.
เปาบุ้นจิ้นก็ว่าถ้าเราไปแก้เต็กเซงเป็นขึ้นมาได้ ท่านจะว่ากระไร พังหองก็ว่าถ้าไปแก้เต็กเซงไม่กลับเป็นขึ้นมาได้ ท่านจะว่ากระไรเล่า
เปาบุ้นจิ้นจึงว่าถ้าร่างกายเต็กเชงยังปกติดี เหมือนเต็กเซงมาเข้าฝันแล้ว ข้าพเจ้าแก้ไม่ได้ก็สุดแต่จะทำโทษ ฮ่องเต้เห็นเปาบุ้นจิ้นกับพังหองเถียงกันจึงตรัสว่า
..ท่านทั้งสองอย่าเถียงวุ่นวายไปเลย ทำหนังสือทัณฑ์บนกันคนละฉบับ ถ้าเปาบุ้นจิ้นไปแก้เต็กเซงกลับเป็นขึ้นมาได้ เหมือนถ้อยคำที่ว่า จะถอดพังหองให้ถอยยศต่ำลงไป ถ้าเปาบุ้นจิ้นแก้เต็กเซงไม่กลับเป็นขึ้นมา จะได้ทำโทษเปาบุ้นจิ้น ดังนี้ท่านทั้งสองจะยอมหรือไม่
ทั้งสองคนก็กราบทูลว่ายอม ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้พนักงานทำหนังสือทัณฑ์บน ให้ไว้คนละฉบับ เปาบุ้นจิ้นก็กลับไปที่ศาลเทียนอองเบี้ย เล่าเรื่องราวให้เต็กเซงฟังทุกประการ แล้วก็พาเต็กเซงกับนายทหารคนสนิททั้งสี่กลับมาเมืองเปียนเหลียง เต็กเซงก็ไปหามารดาและเล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟัง นางเม่งสี ผู้มารดาก็ดีใจเป็นอันมาก
ครั้นครบกำหนดสามวัน เปาบุ้นจิ้นก็พาเต็กเซงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เมื่อทอดพระเนตรเห็นเต็กเซง จึงตรัสว่า
..เมื่อครั้งนั้นเรากำลังโทโสไม่ทันคิด จึงสั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่า ต่อนาง เต็กไทเฮามาว่าจึงคิดขึ้นมาได้ เนรเทศให้ออกไปก็หมายจะไมให้อยู่ครบถึงสามปีดอก จะให้กลับเข้ามาทำราชการดังเก่า เจ้าก็ตายไปเราเสียดายนัก บัดนี้เจ้ากลับเป็นขึ้นมาได้เราดีใจนักหนา
.
เต็กเซงจึงกราบทูลว่า
.ข้าพเจ้าตายครั้งนี้ ไปเมืองผียมบาลดูบัญชีชื่อข้าพเจ้าไม่มี จึงได้ปล่อยมา แล้วบอกว่าให้ไปหาเปาบุ้นจิ้น จึงจะช่วยให้กลับเป็นขึ้นมาได้
ฮ่องเต้ก็ตรัสให้อาสาออกไปปราบข้าศึกเถิด เต็กเซงก็บ่ายเบี่ยงว่า ขุนนางผู้ใหญ่ยังมีอีกมาก ตนเองจะขอกราบถวายบังคมลากลับไปอยู่บ้านเดิม ฮ่องเต้จึงตรัสว่า
..เจ้าอย่าบิดพริ้วไปเลย ทุกวันนี้ไม่เห็นผู้ใดแล้ว ที่จะป้องกันเมืองซำก๋วนได้ เว้นแต่เจ้าผู้เดียว ถ้าเมืองซำก๋วนเสียกับข้าศึกแล้ว ที่ไหนเมืองเปียนเหลียงจะตั้งอยู่ได้ อนึ่งตัวเจ้ามิใช่คนอื่นที่ไหนมา ถ้าจะว่าก็เป็นญาติของเรา ด้วยนางเต็กไทเฮาเป็นพระราชมารดาเลี้ยงของเราก็จริง แต่เหมือนพระราชมารดาประสูติ ด้วยได้เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ยังเป็นทารก พระเดชพระคุณเป็นอันมาก เหมือนกับมารดาประสูติ ตัวเจ้าก็เป็นหลานอันสนิทของนางเต็กไทเฮาเราก็นับว่าเป็นญาติ ซึ่งข้าศึกยกกองทัพมาย่ำยีถึงเพียงนี้ เจ้าไม่เอาเป็นธุระจะให้บ้านเมืองเสียแก่ข้าศึกหรือ ถึงเจ้าจะไม่เห็นแก่เรา ก็จงเห็นแก่นางเต็กไทเฮาเถิด
.
เต็กเซงเห็นพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ตรัสรำพันวิงวอนต่าง ๆ ก็กราบทูลว่าพระองค์จะให้ข้าพเจ้าออกไปสู้รบกับข้าศึกแล้ว ก็จะต้องสนองพระเดชพระคุณให้ได้
เปาบุ้นจิ้นก็กราบทูลว่า พังหองแพ้ข้าพเจ้าแล้ว ขอพระองค์ได้โปรด ฮ่องเต้ก็ตรัส ว่าการนี้สุดแล้วแต่หนังสือทัณฑ์บน จึงมีรับสั่งให้ถอดพังหองออกจากที่ขุนนางผู้ใหญ่ ให้เป็นแต่ ขุนนางผู้น้อย พังหองได้ความอัปยศแก่ขุนนางเป็นอันมาก ก็ถวายบังคมลากลับมาบ้าน แล้วก็ทำหนังสือไปถึง ชิงชิว เจ้าเมืองซำก๋วนซึ่งเป็นพรรคพวก เล่าความที่เต็กเซงตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมา และบัดนี้มีรับสั่งให้เป็นแม่ทัพ ยกออกมารบกับข้าศึกที่เมืองซำก๋วนแล้ว จงระวังตัวให้ดี
พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ก็โปรดให้เต็กเซงเป็นที่ เพงไซอ๋อง ดังเก่า แล้วให้คุมทหารสิบหมื่นเป็นกองทัพยกไปเมืองซำก๋วน เพงไซอ๋องจึงให้ เมงเตงก๊ก เป็นทัพหน้า เตียตง หลีหงี เล่าเข่ง เจียเง็ก แยกกันคุมทหารเป็นสี่กอง เจียวเทงกุ้ย เป็นกองลำเลียง ออกเดินทางตรงไปยังเมืองซำก๋วน เมื่อมาใกล้จะถึงเมืองซำก๋วนทางประมาณหกสิบลี้ เจ้าเมืองและทหารเอกอีกสองนายก็ออกมาต้อนรับ นำกองทัพเข้าไปในเมือง
ทหารเอกทั้งสองก็ว่ากับเพงไซอ๋องว่า ตัวท่านตายไปแล้วกลับเป็นขึ้นมาได้ ข้าพเจ้ามีความดีใจนัก เพงไซอ๋องจึงตอบว่า เมื่อตนตายไปนั้น ผู้ที่ดีใจก็มีผู้ที่เสียใจก็มี ครั้นกลับเป็นขึ้นมา ผู้ที่ดีใจก็มีผู้ที่เสียใจก็มี ทั้งสองได้ฟังก็ยิ้มอยู่ แต่ ชิงชิวนั้นนิ่งอยู่มิได้พูดจาประการใด
เพงไซอ๋องก็ให้ทำหนังสือฉบับหนึ่ง ให้เล่าเข่งถือไปส่งให้ แม่ทัพข้าศึก มีความว่า
เราชื่อเต็กเซงเป็นที่เพงไซอ๋อง ถือรับสั่งพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ยกกองทัพมาแล้ว เวลาพรุ่งนี้ให้แม่ทัพแต่งทหารออกมาสู้รบ ดูฝีมือกันถึงแพ้และชนะ ถ้ารู้สึกตัวกลัวตายก็ให้ยอมนบนอบเสียโดยดี และยกทัพกลับไป เอาธงสำหรับเมืองมาถวาย เป็นเมืองขึ้นส่งเครื่องราชบรรณาการไปตามเดิม
แต่ มัวมั่วฮั่น แม่ทัพข้าศึกไม่ยอม ได้ยกทหารออกมาสู้รบกันอยู่เป็นเวลานาน การศึกครั้งนี้ ในตอนต้นกองทัพเพงไซอ๋องรบกับกองทัพของเมืองซินโลก๊ก ซึ่งเป็นพวกของกองทัพเมืองไซหยง รบกันอยู่ประมาณเดือนครึ่ง ทหารเอกของเพงไซอ๋องฆ่าทหารเอกของเมืองซินโลก๊กตายไปสองคน ยังเหลืออีกสามคน ก็ถูกตีแตกพ่ายต้องถอนทัพกลับไปเมืองซินโลก๊ก
เจ้าเมืองซินโลก๊กมีความโกรธเป็นอันมาก จึงให้ แม่ทัพคนเดิมกับทหารเอกสิบสองคน ทหารรองสองร้อย ทหารเลวสิบหมื่น ยกไปรบแก้ตัวอีก
ทางเมืองไซหยงเมื่อรู้ข่าวการศึก ว่ากองทัพฝ่ายตนเสียทีแก่กองทัพเพงไซอ๋อง ก็โกรธ เทกลังเหงีย ขุนนางที่ได้ส่งไปติดต่อกับพังหอง ให้หาหนทางฆ่าเพงไซอ๋องในครั้งก่อนเป็นอันมาก เพราะเทกลังเหงียกลับมาบอกว่าเพงไซอ๋องตายแล้ว จึงได้ยกกองทัพไปด้วยคิดว่าเมืองเปียนเหลียงนั้นสิ้นคนมีฝีมือแล้ว
คราวนี้จึงให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย แต่ขุนนางขอโทษไว้ จึง ให้ถอดออกจากขุนนาง ลงเป็นไพร่เลี้ยงม้าและกระบือเสีย แล้วให้ยกกองทัพอีกสิบหมื่น ไปสมทบกับทัพเมืองซินโลก๊ก
ฝ่ายเพงไซอ๋องเมื่อมีชัยชนะครั้งแรก ก็ทำหนังสือกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ ฮ่องเต้ก็ดีพระทัยมีรับสั่งให้ยกกองทัพไปตีเมืองซินโลก๊กก่อน เมื่อได้เมืองซินโลก๊กแล้วจึงยกไปตีเมืองไซหยงต่อภายหลัง เพงไซอ๋องก็ยกพลไปตามรับสั่ง จึงพบกับกองทัพของทั้งสองเมืองที่บรรจบกัน มีทหารรวมยี่สิบหมื่น
ครั้งนี้เพงไซอ๋องส่งทหารเอกของตน เข้ารบกับทหารเอกของกองทัพเมืองซินโลก๊ก ก็ฆ่าทหารเอกข้าศึกตายไปสามคนและจับเป็นเชลยได้คนหนึ่ง กองทัพเมืองไซหยงก็ยกออกมารบบ้าง เพงไซอ๋องก็ให้ทหารเอกออกรบหลายยก จึงจับตัวแม่ทัพใหญ่มาประหารชีวิตเสีย ต่อมากองทัพเมืองซินโลก๊กก็ส่งทหารเอกที่มีวิชาอาคมมาก ออกมารบอีกคนหนึ่ง
คราวนี้สามารถจับตัวทหารเอกของเพงไซอ๋องทั้งห้าคน ติดอยู่ในค่ายปีศาจได้ แต่เพงไซอ๋องก็ใช้กระจกวิเศษที่อาจารย์ให้ไว้ แก้เอานายทหารเอกของตนรอดมา และฆ่านายทหารของฆ่าศึกได้อีกสามคน กับจับตัวมาประหารอีกคนหนึ่ง
ครั้นแม่ทัพเมืองซินโลก๊กยกพลเข้าปล้นค่ายของเพงไซอ๋อง ก็ถูกโอบล้อมตีแตกกระจาย แล้วเพงไซอ๋องก็ยกพลเลยเข้าตีค่ายใหญ่ของทัพเมืองซินโลก๊ก ฆ่านายทหารตายไปอีกสองคน และค่ายก็แตกพ่าย มัวมั่วฮั่นก็พาทหารที่เหลือ หนีกลับไปที่ด่านเบ็กก๊วนหน้าเมือง ซินโลก๊ก
แต่นายด่านไม่ชอบกันจึงไม่ยอมเปิดประตูด่านให้ และเยาะเย้ยว่า ท่านอวดฝีมือว่าเข้มแข็งแล้ว เหตุใดจึงวิ่งหนีมา พาเอาทหารไปล้มตายมากมายนัก จงกลับไปรบกับเพงไซอ๋องให้ชนะก่อน จึงจะให้เข้ามาในด่าน ถ้าแพ้แล้วเราไม่เปิดประตูด่านให้ มัวมั่วฮั่นมีความแค้นนัก จึงเอากระบี่เชือดคอตาย ตรงหน้าด่านนั้นเอง
เพงไซอ๋องก็ยกกองทัพมาใกล้ด่านประมาณยี่สิบลี้ คิดเสียดายชีวิตของทหารทั้งสองฝ่าย จึงไม่เข้าตีด่านเบ็กก๊วน และแต่งหนังสือไปถึงเจ้าเมืองซินโลก๊ก มีความว่า
เมืองซินโลก๊กไม่มีข้อขัดเคืองกับเมืองเปียนเหลียง และเมืองเปียนเหลียงนั้นเป็นศัตรูกับเมืองไซหยงต่างหาก เหตุใดจึงมาพลอยเจ็บร้อนด้วย ช่วยยกกองทัพมาสมทบกับเมือง ไซหยงตีด่านซำก๋วน บัดนี้พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ขัดเคือง ให้เรายกกองทัพมาปราบปรามเสียให้ราบคาบ ถ้ารู้สึกตัวกลัวตายก็ให้ยอมสวามิภักดิ์เสียโดยดี ซึ่งเรามีหนังสือมาทั้งนี้ด้วยความเมตตาปรารถนาจะไม่ให้มีความยากแค้น เดือดร้อนแก่อาณาประชาราษฎร
เจ้าเมืองซินโลก๊กแจ้งความในหนังสือแล้ว ก็ปรึกษากับขุนนางทั้งปวง เห็นว่าการยกกองทัพไปช่วยเมืองไซหยงนั้น เป็นการผิดมากอยู่ และนายทหารเอกของตนก็ตายหมดแล้ว ไม่มีผู้ใดจะออกไปสู้ได้อีก จึงยอมทำหนังสือขออ่อนน้อมแก่เพงไซอ๋อง มีความว่า
ซึ่งข้าพเจ้าแต่งให้มัวมั่วฮั่นเป็นแม่ทัพคุมทหารไปตีเมืองซำก๋วนนั้น ด้วยเสียไมตรีเจ้าเมืองไซหยงไม่ได้ จึงได้เป็นไปดังนี้ โทษข้าพเจ้าผิดขอท่านได้อภัยกับข้าพเจ้าเถิด ตั้งแต่นี้ไปข้าพเจ้าขอยอมเป็นเมืองขึ้น ถวายเครื่องบรรณาการพระเข้าแผ่นดินซ้องทุกปีมิได้ขาด
แล้วก็จัดสิ่งของที่ดีมีค่าเป็นเครื่องบรรณาการ มอบให้ขุนนางนำไปส่งให้ เพงไซอ๋องที่ค่ายหน้าด่านเบ็กก๊วน เพงไซอ๋องก็ให้เมงเตงก๊กคุมเครื่องบรรณาการ กับหนังสือ กราบทูลฮ่องเต้ ไปส่งที่เมืองเปียนเหลียง แล้วก็ยกทัพออกจากแดนเมืองซินโลก๊ก เพื่อตีเมือง ไซหยงต่อไป.
##########
นิตยสารโล่เงิน สิงหาคม ๒๕๔๗
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 53 06:08:59
|
|
|
|