ความคิดเห็นที่ 1 บทแปลต้นฉบับที่มีการโพสต์ไว้ หลังจากนั้นฮัตโตริก็ มาดูงานของอิวาเสะที่แก้ใหม่และดูดีขึ้นแล้วแต่อิวาเสะก็รู้สึกได้ว่าระยะ หลังฮัตโตริไม่ได้ชมงานของเธอเลย ฮัตโตริก็เลยบอกว่านั้นเพราะมันเริ่มจะซ้ำๆตลอดเลยแต่อิวาเสะก็ถามว่าแค่ นั้นจริงเหรอจนฮัตโตริก็ถามว่าหมายความว่าไง อิวาเสะก็บอกว่าดูเหมือนฮัตโตริไม่อยากให้เธอรู้สึกดีใจกับคำชมเชยเลยถามว่า เธอนั้นแย่หรือเปล่า แต่ฮัตโตริก็บอกว่างานของอิวาเสะยังถือว่าระดับสูงอยู่เพราะพรสวรรค์ก็ว่า ได้ แต่สิ่งที่อิวาเสะถามไม่ใช่ในฐานะนักเขียนแต่เป็นในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งจนฮัต โตริถึงกับเซ็งที่อิวาเสะพูดเรื่องนี้อีกแล้ว แต่อิวาเสะก็ถามอีกครั้งว่า... (ข้างบนนี้คือ ฉากในหน้าก่อนจะถึงรูปที่แสดงนะครับ และจะเข้าสู่หน้าที่แสดงอยู่นี้ ตั้งแต่บรรทัดต่อไป) อิวาเสะ: ในฐานะผู้หญิง ฉันถือว่าแย่มากเหรอค่ะ? 女性として、だめですか。 --> ตรงนี้ ผมเองไม่เห็นต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นหน้าที่แล้ว ว่าคุยอะไรกันไว้ คงไม่สามารถวิจารณ์ได้ แต่เข้าใจว่า ฮัตโตริชมอิวาเสะในฐานะนักเขียน แต่อิวาเสะถามว่า แล้วในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งล่ะ เธอไม่อยู่ในสายตาฮัตโตริงั้นเหรอ แปลตรงตัว dame ก็แปลว่า ใช้ไม่ได้ หรือ แย่ นั่นแหละครับ แต่ในที่นี้ ความหมายคือ dame ในการที่จะให้ฮัตโตริชื่นชม... ดังนั้น ภาษาไทยที่ตรงที่สุด ก็น่าจะใช้คำว่า "แล้วในฐานะผู้หญิงละคะ ฉันไม่อยู่ในสายตาคุณ/ฉันไม่ดีพอให้คุณชื่นชมเลยใช่ไหมคะ?" จากคุณ : star_seeker เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 10:56:12

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อครับ ฮัตโตริเลยทำหน้าเซ็งแป๊บก่อนจะตอบว่า ฮัต โตริ: เธอยังชอบทาคากิคุงอยู่ใช่ไหม キミは高木くんが好きだったそうだな? -->แปลผิดกาล (tense ในภาษาอังกฤษ) ครับ และ พลาดสำนวนง่าย ๆ สำนวน (ประโยคย่อย ลงท้ายด้วย กริยาที่เป็นรูป dict. form) แล้วตามด้วย sou desu. นั้นแปลว่า "ได้ยินมาว่า.." "เขา/เธอ/พวกเขา บอกว่า..." ต่างหาก ประโยคนี้ต้องแปลว่า "ได้ยินมาว่า เธอเคยชอบทะกะงิใช่ไหม?" ฮัตโตริ: รู้อยู่แล้วสินะว่าทาคากิเขาแต่งงานแล้ว เธอเลยรู้สึกว่าตัวเธอไม่อาจชอบเขาได้อีกแล้ว その高木くんが結婚し好きでいてはならないと判断した。 -->ประโยคนี้ต่อเนื่องจากประโยคที่แล้ว "พอทะกะงิคนนั้นแต่งงาน เธอก็ตัดสินใจว่า จะชอบเขาต่อไม่ได้แล้ว" ตรงนี้เป็นการพูดในลักษณะที่พูดแทน (เดาใจ) คู่สนทนา สำหรับเรื่องนั้นแล้วเป็นเรื่องที่ดีที่จะรู้สึกแบบนั้น そこまではいい。 -->ประโยคต่อเนื่องเช่นกัน "จนถึงจุดนี้ก็ยังโอเคอยู่" คือ หมายถึง การที่จะหยุดรักคนที่มีเจ้าของแล้ว เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ฮัตโตริ: แต่อย่ามาเอาความรู้สึกนั้นมารู้สึกกับผมจะได้ไหม.. その代わりに僕を。 --> "แต่กลับมาชอบผมแทนนี่นะ!" คำว่า sonokawari หมายถึง ทดแทน หรือชดเชยอะไรบางอย่างที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ความหมายของคำพูดของฮัตโตริตรงนี้ก็คือ พออิวาเสะเห็นว่า จะรักทะกะงิต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายแต่งงานไปแล้ว ก็เลยจะหยุดรัก แต่เพื่อการนั้น (การหยุดรักทะกะงิ) เลยจะหันมารักฮัตโตริแทน อิวาเสะ: ไม่ใช่แบบนั้นนะค่ะ 違います。 --> ตรงนี้อิวาเสะปฏิเสธว่า ไม่ได้มาชอบฮัตโตริเพราะจะแทนที่ทะกะงิ ฮัตโตริ: ก็เห็นๆอยู่ชัดๆจะไม่ใช่ได้ไง そうとしか思えない。 --> "ผมเข้าใจได้แต่อย่างนี้แหละ" สำนวน shika...nai จริง ๆ เป็นประโยคบอกเล่าครับ แปลว่า ....เท่านั้น ไม่ได้เป็นความหมายปฏิเสธแต่อย่างไร แต่ถ้าแปลเป็นไทย จะใช้สำนวนไทย ๆ แบบที่คนแปลท่านใช้ไว้แล้วก็ฟังเป็นธรรมชาติดีนะครับ "แต่กลับมาชอบผมแทนที่นะ!" "ไม่ใช่ค่ะ" (ย้ำอีกครั้ง ว่าตรงนี้ เป็นการปฏิเสธประเด็นที่ว่าชอบเพราะจะเอามาแทนคนอื่น ไม่ใช่ปฏิเสธว่าชอบ-- งงไหมเนี่ย) "ไม่ใช่ได้ไง" ฮัตโตริ: (...ให้ตายสิ ทำไมเราต้องโมโหกับเรื่องนี้ด้วย... เราเองก็ผู้ใหญ่แล้วนะ...) 何ムキになってんだ、僕は。。。大人の対応を! --> คิดในใจว่า "ให้ตายสิ เราอารมณ์เสียกับเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ...(ไม่ได้การล่ะ) ต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ" คำว่า taiou หมายถึง การตอบสนอง ปฏิสัมพันธ์ ในที่นี้คือ ฮัตโตริอายุมากกว่าอิวาเสะพอสมควร และมองว่าอีกฝ่ายยังเด็ก ๆ อยู่เลย ดังนั้นเขาจึงต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเธอในฐานะคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ต้องสุขุม เยือกเย็น ใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์นั่นเอง (ก็แบบนี้แหละที่ทำให้อิวาเสะชอบไงล่ะครับ) แล้วฮัตโตริก็บอกว่าอิวาเสะน่าจะมองรอบๆ ตัวบ้างจะได้เจอชายหนุ่มสักคนในรั้วมหาลัยที่อิวาเสะเรียนอยู่ก็ได้แต่อิวาเสะก็ยังปฎิเสธว่าไม่ใช่อีก キミはまだ若いんだ。もっと周りを見て。。。大学にだってすばらしい男性は いません! -->ตรงนี้เป็นการต่อประโยคแบบญี่ปุ่นครับ คือ ฮัตโตริหลังจากคิดในใจว่าต้องเยือกเย็น สุขุมแบบผู้ใหญ่ ก็เลยสอนว่า "เธอยังสาวอยู่เลย ลองมองไปรอบ ๆ ตัวให้มากขึ้นสิ อย่างในมหาลัย คงมีหนุ่ม ๆ ดี ๆ บ้าง..." จริง ๆ ฮัตโตริพูดไม่จบประโยค เพราะในภาษาญี่ปุ่น จะเอากริยาไว้ท้าย คือ คำว่า "มี" แล้วอิวาเสะก็ขัดขึ้นมา โดยการต่อประโยคที่อีกฝ่ายพูดไว้ทันที ด้วยกริยาปฏิเสธ ว่า "ไม่มี" ซึ่งบทสนทนาในลักษณะจะแปลเป็นไทยให้ได้อรรถรสเดิมก็ยากอยู่เหมือนกัน อาจจะต้องแปลตรง ๆ ไปทำนองว่า "อย่างในมหาลัย คงมีหนุ่ม ๆ ดี ๆ บ้าง..." "ไม่มีค่ะ" จนสุดท้ายฮัตโตริก็พูดปิดงานอาทิตย์นี้โดยประชดสำหรับการประชุมที่อิวาเสะ พยายามจะตื้อเขาแต่อิวาเสะก็เหมือนไม่รู้สึกโดนประชดอยู่ดี 。。。わかった。こうして毎週打ち合わせをするんだ。時間をかけて口説いてみればいい。。。 はい。 คิดในใจ はいかよ。。。 (เหงื่อตก) --> ตรงนี้ ไม่แน่ใจว่าฮัตโตริพูดประชดหรือเปล่านะครับ แต่ไม่ได้พูดปิดงานแน่ (ถ้าพูดเพื่อตัดบทสนทนาละก็ใช่) สิ่งที่เขาพูดก็คือ "....(มีจุดนำหน้าแบบนี้แสดงว่า อึ้งไปนานพอควรก่อนจะพูดขึ้นมาว่า) เข้าใจล่ะ อย่างไรก็ตาม (เรา) ก็ต้องมานั่งคุยงานกันอย่างนี้ทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เธอลองใช้ความพยายามเกี้ยวผมไปก็แล้วกัน..." "ค่ะ" ตอบรับทันที ฮัตโตริเลยถึงกับต้องคิดในใจอย่างระอาว่า "ค่ะ...เนี่ยนะ" หรือลองเกลาสำนวนให้เป็นภาษาพูดมากขึ้นก็อาจจะเป็น "...โอเคโอเค ยังไง เราก็ต้องมาคุยงานกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เธอก็ลองพยายามกล่อมผมไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน..." jikan o kakeru แปลตรงตัวว่า ใช้เวลา ทุ่มเทเวลา... ในที่นี้ คือ ให้ใช้ความพยายาม นั่นเอง kudoku แปลตรงตัวว่า เกลี้ยกล่อมด้วยวาจา โดยทั่วไปใช้สำหรับ กรณี หนุ่มจีบสาวด้วยการเกี้ยวพาราสีครับ แต่ในที่นี้ กลายเป็นว่า ฮัตโตริท้าให้สาวจีบตัวเองซะงั้น ทำนองว่า ก็ได้ ถ้าเธอมั่นใจว่าเธอรักฉันจริง ๆ ไม่ได้รักเพราะจะเอาไปเป็นตัวแทนทะกะงิละก็ ลองพยายามทำให้ผมใจอ่อนดูสิ...ประมาณนั้นครับ จากคุณ : star_seeker เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 11:00:14

ความคิดเห็นที่ 3 ก็คงมีประมาณนี้ครับ จขกท. หมดแรงแล้ว..... บางท่านอาจคิดว่าแปลเพี้ยน แปลคลาดเคลื่อนนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย ถึงยังไงก็อ่านได้ใจความหลักตามเดิมที่ต้นฉบับต้องการสื่ออยู่ดี.... ก็ใช่ครับ ถ้าคิดแบบนั้น แต่บังเอิญว่า งานที่ผมทำมันไม่ใช่การแปลการ์ตูน แต่เป็นการแปลบทความวิชาการ หรือเอกสารสำคัญเป็นส่วนใหญ่ ถ้าแปลผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว อย่างแปล tense ผิด จาก "ทำแล้ว" เป็น "จะทำ" หรือกลับกัน ตีความหมายผิด จากปฏิเสธเป็นบอกเล่าหรือบอกเล่าเป็นปฏิเสธ ตีความประธานของประโยคผิด ลูกค้าสั่งให้เราทำ กลายเป็น ลูกค้าบอกว่าลูกค้าจะทำตรงนี้เอง ฯลฯ มันก็จะเกิดความเสียหายขึ้นมาได้มากครับ ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า แม้แต่จุดเล็กน้อย ก็ไม่ควรให้พลาดในการแปล และยิ่งถ้าเป็นไวยากรณ์หรือสำนวนพื้นฐานด้วยแล้ว... จบดีกว่า จากคุณ : star_seeker เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 11:04:53

ความคิดเห็นที่ 4   ต้องบอกก่อนว่า อ่านไม่หมดค่ะ เพราะไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่น ดังนั้น จึงออกความเห็นไม่ได้ในเรื่องการแปลในความเห็นต้นๆ แต่ในความเห็น #3 นั้น เห็นด้วยค่ะว่า การแปลด้านวิชาการ หรือเอกสารทางวิชาการ ซึ่งก็รวมถึงเอกสารทางกฎหมายด้วยนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องแปลตามต้นฉบับ เราจะมาปรับเปลี่ยน หรือปรับปรุงให้เพี้ยนไปไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เอกสารทางวิชาการ ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมา 'ตีความ' นักแปลต้องแปล 'ตามความ' ในเอกสารนั้น บางคนอาจเห็นว่าเอกสารทางวิชาการนั้น ใช้ภาษายุ่งยาก เข้าใจลำบาก นั่นเป็นเพราะ คุณยังไม่พร้อมที่จะแปลเอกสารดังกล่าว คุณอาจมีความรู้ความสามารถ แต่คุณยังไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังแปล นักแปลเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ ไม่ใช่เทวดารอบรู้ไปทุกสรรพสิ่ง ดังนั้น จึงมีบางเรื่องที่รู้เรื่อง บางเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง หากนักแปลยอมรับว่าไม่รู้เรื่อง แล้วพยายามฝึกฝนหาความรู้ในสิ่งที่ไม่รู้เรื่อง ก่อนที่จะไปรับแปลโดยรับเงินเป็นค่าตอบแทนแล้ว ก็จะดีไม่น้อย แต่ในความเป็นจริง นักแปลรับงานจิปาถะโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพงาน เพื่อรับเงินมาเลี้ยงปากท้องให้อยู่รอด เราจึงพบเห็นงานแปลที่ด้อยคุณภาพมากมาย ในขณะเดียวกัน นักแปลก็ไม่รู้หรอกว่า งานของตัวเองนั้น ด้อยคุณภาพเพียงใด เพราะขาด feedback จึงไม่มีการปรับปรุง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น หรือไม่ก็อีโก้จัด ถึงจะมี feedback แต่ก็ไม่รับมาปรับปรุงพัฒนางานให้ดีขึ้น .... เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แล... ในสายตาของอิฉัน จบด้วยอีกคน จากคุณ : d^_^b = o;] เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 18:25:57 A:125.25.81.165 X: TicketID:012689

ความคิดเห็นที่ 5 จะเล่าให้ฟังเรื่องจริงที่เราสัมผัสมา คืองานแปล 3 ภาษา ที่แปลกลับไปกลัีบมา คือ ญี่ปุ่น ไทย อังกฤษ จนทำให้เราตระหนักว่า "ภาษาญี่ปุ่นแปลยากมากๆ" ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ที่เราต้องแปลไทยเป็นอังกฤษ หรือแปลอังกฤษเป็นไทย ถ้าไปเจอต้นฉบับที่แปลมาจากญี่ปุ่นนะ ส่วนใหญ่ มันจะมีข้อบกพร่องมากมาย  เอกสารบางชุดเละจนถึงกับอ่านไม่รู้เรื่อง เราเคยแปล manual การใช้งานเครื่องจักรอะไร ชุดหนึ่งจากอังกฤษเป็นไทย แต่อังกฤษมัีนแปลมาจากญี่ปุ่น ลำดับคำ มันเรียงคล้ายๆภาษาญี่ปุ่น อ่านแล้วโครตปวดหัวเลยหละ เราเห็น email address บนเอกสาร ก็เลยติดต่อไป จะขอให้เขาแปลจากอังกฤษเป็นอังกฤษให้ใหม่ แต่กว่าเขาจะตอบมา เราก็เหลือเวลาไม่กี่วันก้อต้องส่งงานแปลของเราแล้ว ตกลงงานนี้ "ดำน้ำเพียบ" แต่ก็ดีแล้วที่ไม่แส่หาเรื่อง เพราะเคยเจอของแข็งมาแล้ว นั่นก็คือ บางที่เอกสารที่แปล มัีนไม่ควรตกมาถึงมือเรา เพราะลูกค้าขโมยมา (industrial espionage) นั่นเอง  คือในอดีตเราเคยแปลเอกสารกฎหมายจากไทยเป็นอังกฤษเรื่องคดีความที่ฟ้องร้องก้ันอยู่ และอ่านภาษาไทยที่ทนายเขียนไม่เข้าใจ พอโทรไปถาม (ตามเบอร์โทรศ้ัพท์ในเอกสาร) เราโดนคนรับสายตะคอกเอาว่า "ไปได้เอกสารนี้มายังไงกัน" ดีกว่าสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์โชว์เบอร์นะ ม่ายงั้นละยุ่งเลย... อีกงานเป็นเรื่องวิศวกรรมยานยนต์ 2,000 กว่าหน้า แปลอังกฤษเป็นไทย ต้นฉบับภาษาอ้ังกฤษแปลจากญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่อันนี้แสบที่สุด เพราะอะไร?  10 หน้าแรก เราอ่านแล้วเคลิ้มเลย เพราะภาษาอังกฤษมันดีเยี่ยมเหมือนฝรั่งเจ้าของภาษาเขียน textbook ที่เป็นหลักวิชาการจริงๆเลยหละ  แปลไปก็หลงดีใจไปว่า "คราวนี้หละเราจะได้เรียนรู้เรื่องวิศวกรรมยานยนต์" แต่ที่ไหนได้ พอเข้าไปหน้าที่ 11 เฮ้ยมันยังไงๆ กันหว่า? อ่านๆไปภาษาอังกฤษ มันเละแบบสื่อความหมายอะไรแทบไม่ได้เลย เราเลยตีความสถานการณ์ว่า ตอนเจ้าของงาน (บริษัทรถยนต์) เรียกประมูลงานแปลกัน บริษัทแปลในญี่ปุ่นใช้นักแปลระดับเทพที่ bilingual สุดๆค่าตัวคงแพงลิบลิ่ว แปล 10 หน้าแรกมา พอประมูลได้มา ก็ใช้นักแปลชั้นเลว แปลส่วนที่เหลือจนครบ 2,000 กว่าหน้า  แต่ทำไมเจ้าของงานไม่มีระบบ QC เลยหรือถึงไม่รู้ว่าส่วนที่เหลือมันเละหมด  เราคาดว่าคงมี moles อยู่ในบริษัท นั่นแหละ การโกงกัน ยัดเงินใต้โต๊ะกันจึงเกิดขึ้นได้ ระหว่างคนในบริษัทรถยนต์กับบริษัทแปล   ครั้นพองานมาถึงเมืองไทย มันไปเข้าร้านแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ(ที่แปลถูกๆแปลลวกๆ) ขนาดราคาก๋วยเตี๋ยวเรือ ค่าแปลก็ซัดเข้าไปตั้งเกือบล้านบาทแล้ว!!!  งานชุดนี้เนื้อหามันเกี่ยวกับ production process ด้วย ถ้าแปลผิดกระบวนการผลิดอาจพินาศย่อยยับก็ได้!  เราพูดกับเจ้าของร้านแปลก๋วยเตี๋ยวเรือว่า   "ตามหลักจรรยาบรรณแล้ว ควรคืนงานนี้ให้ลูกค้าไป แล้วชี้แจงข้อผิดพลาดของต้นฉบับภาษาอังกฤษ (ที่แปลผิดๆมาจากภาษาญี่ปุ่น)" แต่ เงินตั้งเกือบล้านบาท มีหรือที่ร้านแปลจะคืนงาน ร้่านแปลนั้นยึดลูกค้ารายนี้เป็นลูกค้าประจำ เจ้าของร้านขับรถไปรับไปส่งงานให้ถึงบริษัทลูกค้า (ยอมถ่อสังขารไปถึงต่างจังหวัีดแน่ะ"  อีกหลายเดืิอนต่อมา มีคนดูทีวี แล้วเล่าให้เราฟังว่า "รถญี่ปุ่นยี่ห้อดังกล่าว มีคนซื้อไป แล้วมันมีปัญหา เจ้าของรถเอาไปให้บริษัทรถซ่อม แต่ก็ซ่อมไม่ได้ ก็เลยแค้นเอารถมาออกทีวี แล้วเอาตะลุมพุกทุบมันให้คนดูกันทั่วประเทศเลยหละ" ตัวเรา่เองก็ felt guilty เพราะเป็นหนึ่งในทีมงานแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ จริงๆแล้วเราจะคืนงาน แต่บริษัทแปลก๋วยเตี๋ยวเรือไม่ยอมให้เราคืน เราก็ไม่กล้าคืนเพราะกลัวเขาเลิกจ้าง เพราะสมัยก่อนเมื่อหลายปีมาแล้วเรายังไม่มีงานที่ดีกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือจะทำ สมัียรู้จักกับซือเฮีย nickycharles (ตอนนี้ล่วงลัีบไปแล้ว) ตอนนั้นเราชวนพี่เขาแปลหนังสือ เขาแปลหนังสืออังกฤษเป็นไทยไปเล่มหนึ่ง แล้วเราก็ได้ข่าวมาว่านิยายญี่ปุ่นน่าจะกำลังมาแรง  เรารู้ว่าซือเฮียเป็นนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ที่เคยอยู่ญี่ปุ่นมาเกือบ 10 ปี เราก็ยุให้เขาแปลนิยายญี่ปุ่น เขาตอบเราว่า "ไอ้ห่ะ กรูแปลอังกฤษเป็นไทยง่ายกว่าโว้ย ไม่ไหวว่ะภาษาญี่ปุ่นนี้ กรูฟัง พูด อ่าน เขียนได้ก็จริงอยู่ แต่ให้แปลนี้ ยังมือไม่ถึงว่ะ"   เผอิญช่วงนั้นมีงานแปลไทยเป็นอังกฤษชุดหนึ่ง ภาษาไทยมันแปลจากญี่ปุ่น (ลูกค้าคนละรายกับบริษัทรถ) ซือเฮียช่วยเราแปลเพราะช่วงนั้นเราไม่ค่อยสบาย พอแปลเสร็จ เขาบอกว่า "เฮ้ยกรูอ่านภาษาไทยแล้วรู้ว่ามัีนแปลผิดจากญี่ปุ่นตรงไหน กรูก็เลยแปลเป็นอังกฤษได้ถูก" เราก็เลยยุซือเฮียเล่นตลกๆว่า "ทำไม่ไม่ลองติดต่อบริษัทรถญี่ปุึ่นที่ว่า (ที่เราเล่าให้ฟัง) ล่ะ แล้วกระซิบบอกมันว่า manuals ภาษาอังกฤษของมันน่ะ แปลผิดจากญี่ปุ่นจนเน่า แล้วรับอาสาแก้ให้" ซือเฮียตอบว่า "เฮ้ยอย่าหาเรื่องดีกว่า เดี่ยวมีเรื่องกับไอ้พวก moles ในบริษัท ซึ่งอาจจะเป็นพวกมาเฟีย ก็ได้ หรืออาจมีเรื่องกับบริษัทแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็ได้ อยู่เฉยๆ สงบๆน่ะ ดีแล้ว อย่าหาเรื่อง...555+++..." แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 53 02:51:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 02:29:24

ความคิดเห็นที่ 6 เีิีิรื่องราวมห้ัศจรรย์เกี่ยวกับนัีกแปลญี่ปุ่นอีกรายหนึ่ง มันเหลือเชื่อจริงๆ เขาเป็นชาวญี่ปุ่นที่แต่งงานกับผู้หญิงไทย  หมอนี่ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อ "ชิโอตานิ" หรืออะไรเนี่ย หมอนี่เป็นนักแปลระดับเทพจริงๆ แปลได้ทั้ง 3 ภาษากลับไปกลับมาคือ ญึ่ปุ่น ไทย อังกฤษ อย่างเนียนสุดๆ แล้วภาษาอังกฤษของหมอนี่ีระดับเทพจริงๆเลย เขียนได้เหมือนฝรั่งเจ้าของภาษาจริงๆ ภาษาไทยแกก็เขียนได้ไม่แพ้คนไทย แถมเมียคนไทยของแกนั่นแหละ (ซึ่งคาดว่าคงมีการศึกษาดีเยี่ยม) ทำหน้าที่เป็น editor ให้แกอีกด้วย เราืเชื่อว่าฝีมือระดับนี้นะ หมอนีรับงานแปลได้ราคาสูงมากๆสบายๆเลยหละ  งานแปลญึ่ปุ่นยากระดับร้านแปลส่งให้อาจารย์(คนไทย) ที่สอนภาษาญึ่ปุ่นในมหาลัยแปล อาจารย์ตีกลับมาบอกแปลไม่ได้เพราะยากเกินไป ก็ต้องส่งให้ ชิโอตานิแปล รถที่หมอนี่ขี่นะ ค้นหนึ่งราคาตัวเลข 8 หลัีกแน่ๆเลย ถ้าเขารับงานแปลเองนะ รับได้หน้าละตัวเลข 4 หลักแน่ๆ แต่ดันมาแปลให้ร้านแปลก๋วยเตี๋ยวเรือราคาถูกๆ ทำไมกันหว่า?   วันหนึ่ง ชิโอตานิ จอดรถคันงามหรู แล้วบอกให้แฟนสาวสวยแต่ตัวหรูท่าทางไฮโซมากๆ ซึ่งเป็นเลขาส่วนตัว เดินเอางานแปลมาส่งร้านแปลก๋วยเตี่ยวเรือ  แฟนสาวยื่นเอกสารให้เจ้าของร้านแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วพูดว่า "พี่เขาบอกว่าขอโทษที งานชิ้นนี้แปลช้าหน่อย เลยแปลให้ฟรีค่ะ ไม่ต้องคิดเงินให้หรอกค่ะ" เรายืนมองดูตาค้าง หันมามองหน้ากับเจ้าของร้านแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ พลางคิดว่า เฮ้ยมีงี้ด้วย?  เอม้ันยังไง ยังไงกันหว่า? ตอนนี้่นะก็ยังเป็นปริศนาคาใจว่า "หมอนี่เป็นใครกันหว่า มันรวยขนาดนี้ แล้วเก่งระดับนี้ แล้วมันมาแปลงานก๋วยเตี๋ยวเรือ ราคาถูกๆทำไมกันหว่า?!" จนป่านนี้เรายังคิดไม่ออก แต่เดาว่า "หมอนี่รู้ว่าบริษัทแปลก๋วยเตี๋ยวเรือกำลูกค้าบริษัทญึ่ปุ่นไว้มากหลายรายในมือ ก็เลยแกล้งแปลเพื่อสืบข้อมูลบริษัทญึ่ปุ่นด้วยกัน ออกแนว industrial espionage น่ะ เขาอาจเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทญี่ปุ่น หรือเป็นนักจารกรรมข้อมูลก็ได้" แต่ขอบอกได้เลยว่า ในรอบ 15 ปีของการเห็นเอกสารที่แปล 3 ภาษาสลับไปสลับมานี้ ฝีมือแปลของชิโอตานิ เฉียบขาด และไร้เทียมทานที่สุด ยากที่จะหาผู้ใดมาทาบรัศมีได้ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 02:47:32

ความคิดเห็นที่ 7 เอาละฟะ ชักสนุก ชิโอตานิคือใคร? แล้วเมียเขาที่ว่าสวยๆน่ะ อยากเห็นง่ะ เรื่องแปลนั้น หลักการง่ายๆคือ อย่าแปลผิด แปลขาด แปลเกิน เอาให้ได้แค่นี้ก็แทบไหว้แล้ว ให้แปลไพเราะอีกนี่ถือเป็นน้ำจิ้มก็แล้วกัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 11:25:41

ความคิดเห็นที่ 8 เราเป็นคนหนึ่งที่ตามอ่านspoil เรื่องBakumanค่ะ และก็อ่านทั้งแปลEngกะไทย ก็ขออกตัวก่อนว่าไม่ได้เข้าข้างนะคะ คนแปลแปลจากอิงค์อีกทีนิค่ะ ก็เลยพูดได้ไม่มากว่าเค้าแปลผิดทั้งหมด อย่างตอนอิวาเสะถามว่าทำไมพักนี้ไม่ชมชั้นเลย ไปอ่านของอิงค์ก็แปลแบบนี้ค่ะ อย่างตอนที่ ฮัตโตริถามอิวาเสะว่า เธอยังชอบทาคากิคุงอยู่ใช่ไหม <<สปอล์ยอิงค์แปลมาแบบนี้เหมือนกันค่ะ สรุปคิดว่าท่าจะผิดน่าจะผิดจากการแปลอิงค์ซะส่วนใหญ่เพราะแปลอิงค์ส่วนใหญ่จะแปลมาดื้อๆ แข็งมาก ทำให้เข้าใจได้หลายความหมายค่ะ บางคำเรายังงงๆเลยเค้าหมายถึงไรเนี่ย - -" ปล.สปอล์ยอิงค์ที่ใช้ในการแปลอาจไม่เหมือนกัน(คนละแหล่ง) จากคุณ : Gerken เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 22:11:22

ความคิดเห็นที่ 9   "อย่างตอนที่ ฮัตโตริถามอิวาเสะว่า เธอยังชอบทาคากิคุงอยู่ใช่ไหม <<สปอล์ยอิงค์แปลมาแบบนี้เหมือนกันค่ะ" ไม่เหมือนนะคะ ในภาษาอังกฤษเขาว่า "You liked Takagi-kun, didn't you?" ประโยคนี้อยู่ในรูปของ Past Tense ซึ่ง จขก ก็แย้งมาถูกต้องแล้วว่า ควรต้องเป็น "เธอเคยชอบทากางิ ใช่ใหม" แปลผิด Tense ก็ทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนไปค่ะ จากคุณ : d^_^b = o;] เขียนเมื่อ : วันเนา 53 00:22:59 A:125.27.45.104 X: TicketID:012689