PANTIP.COM : K9119304 ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ แตกต่างกันอย่างไรคะ [ภาษาไทย]

ความคิดเห็นที่ 5

มีการใช้ค่อนข้างหลากหลาย

แบบที่ 1:

ปริญญานิพนธ์ (งานเขียนที่เกิดจากการค้นคว้า ศึกษา/วิจัย ที่เป็นส่วนหนึ่งของการจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา: ใช้ได้ทั้งระดับ ตรี โท เอก)

- ระดับ ป.ตรี --> ปริญญานิพนธ์ระดับปริญญาบัณฑิต --> ภาคนิพนธ์

- ระดับ ป. โท --> ปริญญานิพนธ์ระดับปริญญามหาบัณฑิต --> วิทยานิพนธ์ (ในไทย ถ้าแผน ก. ก็เรียกว่า วิทยานิพนธ์ แผน ข เรียกว่าสารนิพนธ์)

- ระดับ ป.เอก --> ปริญญานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต --> ดุษฎีนิพนธ์

แบบที่ 2

- ป. ตรี --> ปริญญานิพนธ์
- ป. โท --> วิทยานิพนธ์ (แผน ก), สารนิพนธ์หรือภาคนิพนธ์ (แผน ข)
- ป. เอก --> วิทยานิพนธ์

แบบที่ 3

- ป.ตรี --> สารนิพนธ์
- ป.โท --> วิทยานิพนธ์ (แผน ก), การศึกษาปัญหาเฉพาะ (แผน ข)
- ป.เอก --> วิทยาพิพนธ์

แล้วก็มีแบบที่ 4,5 ... แล้วแต่มหาวิทยาลัย แม้แต่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะก็ใช้ต่างกัน

คงเหมือนกับมหาวิทยาลัยประเทศอังกฤษ

- ป. ตรี ปีสุดท้ายก่อนจบต้องทำรายงานวิจัยขอจบ เรียนหลักสูตรธรรมดาบางที่เรียกว่า Final year project บางมหาวิทยาลัยเรียกว่า Dissertation ในขณะที่บางหมาวิทยาลัยจะเรียก Dissertation เฉพาะเด็กที่เรียนตรีหลักสูตรออร์เนอร์ดีกรีเท่านั้น

- ป. โท เรียก Dissertation
- ป. เอก เรียก Thesis

ส่วนอเมริกา
- ป. ตรี เรียกหลากหลายเช่น Senior project, Research project, Term paper ฯลฯ แล้วแต่มหาวิทยาลัย สาขา ฯลฯ
- ป. โท เรียก Thesis ถ้าเลือกแผน ก. แบบไทย ถ้าแผน ข. Individual study, Independent study, Research project etc.
- ป. เอก เรียก Dissertation ถ้าเรียนหลักสูตร Doctor of Philosophy (PhD) แต่ถ้าเรียนหลักสูตร Doctor of ...สาขาที่เรียน... บางที่เรียก Dissertation บางที่เรียก Thesis แล้วแต่หลักสูตร/มหาวิทยาลัย

ปล.

หลักสูตร ป.โท ในไทยที่บอกว่าเรียนแผน ข. แล้วจบใน 2 ปี ไม่เสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับหลักสูตร และตัวนักเรียน
- เพราะว่าบางคนก็ใช้เวลาทำ IS เป็นปีก็มี เลยจบไม่ทัน
- บางที่บอกว่า 2 ปี แต่มีวิชาเรียนประมาณ 3 วิชาในปี 2 เทอม 2 เรียนเสร็จก็ครบสองปีพอดี แล้วจะสอบ Comprehensive exam ขอจบตอนช่วงซัมเมอร์หรือต้นปี 3 กว่าจะตรวจข้อสอบ ฯลฯ ก็ประมาณ 2.5 ปี (อันนี้กรณีที่ครั้งเดียวผ่านทุกวิชา) มีบางสาขาของคณะอักษรจุฬาฯ ที่จะสอบ Compre ตอนปี 3 เทอม 2 กว่าจะเสร็จก็ 3 ปี ก็มีครับ

ถ้าเป็น ป.โท ที่อังกฤษ

- สามารถทำ dissertation และจบใน 1 ปี ได้ (ถ้าเป็นหลักสูตร 1 ปี) แต่บางคณะจะจบกัน 1.5 - 2 ปี ก็หลายคนอยู่
- บางหลักสูตรเรียน 1.5 - 2 ปี แล้วค่อยทำ dissertation ก็ใช้เวลา 2-2.5 ปี
- บางสาขาเช่น Social studies, Social work etc หลักสูตรเรียน 2 ปี แต่เด็กต้องทำ dissertation ให้ผ่านตอนจบปี 1 แล้วถึงลงรายวิชาเรียนต่อตอนปี 2 ได้ (แต่พอจบปี 2 แล้วทำแค่ term papers ไม่ต้องทำ dissertation แล้ว)

ดังนั้น จะใช้ว่า dissertation/thesis etc ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่เรียน คงอยู่ที่ว่าแต่ละที่จะเรียกว่าอะไรมากกว่าครับ

ส่วนคุณเจ้าของกระทู้ หากจำเป็นต้องเลือกใช้คำใดคำหนึ่ง แนะนำให้ยึดตามระเบียบของคณะหรือมหาวิทยาลัยครับ เพราะเท่าที่ผมเห็นมา แต่ละมหาวิทยาลัยจะกำหนดคำเรียกตามระเบียบให้เลย แต่ถ้าไม่มีจริงๆ อีกวิธีคือให้สอบถามกับบรรณารักษ์ห้องสมุดที่เรียน เพราะว่าเค้าจะรู้ว่าแต่ละที่ใช้คำไหน (เพราะเจ้าหน้าที่ห้องสมุดต้องจัดหมวดหมู่ให้ถูกต้อง เรียกชื่อเดียวกันหมด เพื่อจะได้สืบค้นหางานได้ในอนาคตครับ)

จากคุณ : JP

เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 04:47:37 A:109.246.5.90 X: TicketID:253731

ความคิดเห็นที่ 9

ขอยืนยันว่าปริญญาเอกสามารถเรียกรายงานการวิจัยว่าทำสารนิพนธ์แบบที่ คห 4 บอกได้ครับ

มีบางมหาวิทยาลัยในไทยใช้คำนี้ เพราะว่าจริงๆแล้วหลักสูตรปริญญาเอกมีหลายแบบ เช่น

แบบที่ 1: จบเอกแล้วได้ PhD (ชื่อสาขา) หรือ Doctor of Philosophy in...(ชื่อสาขา) เช่น PhD (Finance) ถ้าวุฒิไทยก็เป็น ปรัชญาดุษฯ หรือ ปรด (สาขา) ซึ่งแบ่งย่อยเป็น:

1.1 PhD แบบทำดุษฎีนิพนธ์อย่างเดียวโดยไม่ต้องเรียนคอร์สเวอร์ค

1.2 PhD แบบเรียนคอร์สเวอร์คและทำดุษฎีนิพนธ์ด้วย (ซึ่งจำนวนหน่วยกิตของดุษฯจะน้อยกว่าแบบที่ 1)

1.3 PhD แบบเรียนคอร์สเวอร์คและทำดุษฎีนิพนธ์ด้วย (ซึ่งต้องเรียนคอร์สเวอร์คมากกว่าแบบที่ 1.2 แต่ทำดุษฎีนิพนธ์จำนวนหน่วยกิตน้อยกว่าแบบ 1.2)

แบบที่ 2 จบเอกแล้วได้ Doctor of ....(สาขาที่เรียน)...จะไม่ใช่ Doctor of Philosophy แบบปริญญาเอกข้อ 1.1-1.3 จะเป็นปริญญาเอกที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า professional doctorate.

ตัวอย่างเช่น ปริญญาเอกบริหารธุรกิจ DBA (Finance) หรือ Doctor of Business Administration (Finance), EdD (Higher Education) หรือ Doctor of Education (Higher Education)

ผู้ที่เรียนหลักสูตรนี้ส่วนมากจะเรียนคอร์สเวอร์คมากกว่าหลักสูตร PhD แบบ 1.1 และ 1.2 ในขณะเดียวกันก็ทำดุษฎีนิพนธ์ที่มีจำนวนหน่วยกิตน้อยกว่า PhD แบบ 1.1 และ 1.2 เช่นกัน ในบางมหาวิทยาลัยหลักสูตร professional doctorate จะคล้ายกับ PhD แบบ 1.3 (แล้วแต่ว่าที่ไหนจะใช้แบบไหนและนิยมเรียกแบบไหน) ส่วนชื่อปริญญาภาษาไทยมักใช้เป็นชื่อสาขาตามด้วยคำว่าดุษฎีบัณฑิต เช่น ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (บริหารการศึกษา) แต่ถ้าเป็นการเรียนแบบหลักสูตร 1.1-1.3 จะใช้ชื่อว่าปรัชญาดุษฎิบัณฑิต (บริหารการศึกษา) เป็นต้น

OOO แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ "สารนิพนธ์ของปริญญาเอกOOO

ถ้าเป็นการเรียนปริญญาเอกแบบที่ 1 ประเภท 1.3 กับ แบบที่ 2 บางมหาวิทยาลัยจะเรียกดุษฎีนิพนธ์ว่าสารนิพนธืได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะมีจำนวนหน่วยกิตน้อยกว่าการทำวิจัยแบบ 1.1 และ แบบ 1.2

- จะสังเกตุได้ว่า ถึงแม้งานวิจัยปริญญาเอกจะเรียกว่าสารนิพนธ์แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความยากหรือลึกซึ้งน้อยกว่าวิทยานิพนธ์ของ ป.โท

- สารนิพนธ์ของ ป.เอก ใช้เพื่อแบ่งแยกความลึกซึ้งกับจำนวนหน่วยกิตของงานวิจัยในหลักสูตรแบบที่ 1 กับ 2 เพื่อให้รู้ว่ามีความแตกต่างด้านหน่วยกิตเท่านั้น สำหรับงานวิจัยในระดับป.เอกด้วยกัน

ส่วนในอังกฤษ/อเมริกาเองก็มีปริญญาเอกหลายแบบ (จริงๆแล้วของไทยเราก็เอามาจากเค้านั่นแหละ)

เช่นของอังกฤษ ขณะนี้มีปริญญาเอกคร่าวๆดังนี้ (ไม่เคยเรียนของอเมริกา ไม่ขอเล่านะครับ)

1. PhD ( traditional PhD/ PhD by research) ไม่ต้องเรียนคอร์สเวอร์ค แต่อาจมีการเข้า เวอร์คช็อปและสัมนาแล้วทำ PhD Thesis เลย

2. Integrated PhD จะเรียนคอร์สเวอร์คก่อน 1-2 ปี แล้วแต่สาขา/คณะ/มหาวิทยาลัย แล้วทำ Thesis จำนวนหน่วยกิจน้อยกว่า PhD แบบที่ 1

3. New-route PhD จะเรียนและทำวิจัยคล้ายๆแบบที่ 2

4. Preofessional Doctorate เช่น EdD in Leadership = Doctor of Education in Leadership; DLing in Theoretical Linguistics = Doctor of Linguistics in Theoretical Linguistics หลักสูตรนี้จะเรียนคอร์สเวอร์ 1 ปี ทำ assignments ให้ผ่านได้อย่างต่ำเท่าไรก็ว่าไปแล้วแต่มหาวิทยาลัย แล้วทำ Thesis ขนาดประมาณ 60% ของ PhD แบบที่ 1

5. PhD by publication อันนี้แค่ลงทะเบียนเป็นนักศึกษา ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องทำวิจัยเพิ่ม เพียงแค่เขียน Thesis อธิบายงานวิจัยเก่าๆที่เคยทำมาในอดีตและได้ตีพิมพ์ในวารสารที่เป็นที่ยอมรับ หลักสูตรนี้มีเปิดเพียงไม่กี่มหาวิทยาลัย และคนที่เรียนได้มักเป็นอาจารย์อาวุโสของอังกฤษที่มีงานวิจัยเยอะและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Thesis ที่คนเรียนทั้ง 5 หลักสูตรของอังกฤษจะมีความลึกต่างกันขึ้นอยู่กับหน่วยกิจที่เรียนก่อนทำวิจัยด้วย ดังนั้นบางคนจึงเรียก Thesis ของคนที่เรียนหลักสูตร Integrated PhD, New-route PhD and Professional Doctorate ว่า Dissertation ก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า Dissertation ระดับ ป. เอก เหล่านี้มีขนาดเล็ก ลุ่มลึก หรือคุณภาพเท่ากัย Dissertation ที่เด้ก ป.โท ทำ เพราะ Dissertation สำหรับ ป.เอก ใช้แค่เป็นการสื่อว่าผู้ทำวิจัยได้เรียนคอร์สเวอร์มาและทำงานวิจัยขนาดเล็กกว่าคนที่เรียนหลักสูตรปริญญาเอกแบบ PhD เท่านั้น

ดังนั้น การที่ภาษาไทยใช้สับสนปนเปก็มีลักษณะเดียวกันครับ ลองไล่ดูของจุฬาฯ มศว ราม สงขลาฯ (วิทยาเขตปัตตานี) นเรศวร และเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเหล่านี้ใช้ชื่อเรียกแตกต่างกันไปแล้วแต่คณะครับ

จากคุณ : JP

เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 17:45:48 A:109.246.5.90 X: TicketID:253731