ความคิดเห็นที่ 1 นั่นแหละที่ ข้าน้อยปรารถนา จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : วันเนา 53 02:02:17

ความคิดเห็นที่ 2 เหมาะครับ แต่ท่าทางเงินคงหายไปกับนักการเมืองเยอะมากอยู่ ผมคำนวนๆดู เงินที่หายไปนี่ ทำรัฐสวัสดิการได้สบายๆมากก จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : วันเนา 53 02:10:40

ความคิดเห็นที่ 3   เห็นในบางกระทู้ห้องอื่น ขนาดแค่ส่งของทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศยังพยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงภาษีอยู่เลย จากคุณ : 0*0 เขียนเมื่อ : วันเนา 53 02:32:16 A:58.9.54.233 X: TicketID:213384

ความคิดเห็นที่ 4 อืม ส่วนตัวคิดว่า ค่าครองชีพเค้าสูง ถึงเค้าจะเสียภาษีใ้ห้รัฐเยอะ แต่เค้าก็ได้กลับคืนมาในรูปแบบต่างๆ แต่เมืองไทย เอาแค่เริ่มต้นก็ยากแล้ว แม้ค่าครองชีพเราจะถูกกว่า แต่ค่าแรงประชาชนคนไทยส่วนมากกกกกก ก็ยังน้อยยยย จะเอาที่ไหนไปเสียภาษี 30-40% แต่ละเดือนยังแทบไม่พอใช้เลย เอาแค่ประกันสังคม เดือนละ ไม่เกิน 750 บาท สำหรับคนค่าแรงทั่วๆไปในประเทศ เค้ายังคิดว่าเยอะเลย แต่ส่วนตัวคิดว่าดีค่ะ อยากได้แบบนั้นบ้าง :) จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : วันเนา 53 02:53:06

ความคิดเห็นที่ 5   ถ้าเป็นเมืองไทยก็คงต้องหนักไปที่ภาษีมรดกภาษีที่ดินของคนรวยล่ะค่ะ และต้องภาษีเงินได้เก็บอัตราก้าวหน้า เช่น เงินเดือนต่ำกว่า 10000 บาท เสียแค่ 5% 10000-30000 เสียภาษี 7% 30000-50000 เสียภาษี 10% อะไรทำนองนี้ แล้วขยับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามสัดส่วนรายได้ จากคุณ : ํYou may say I'm a dreamer เขียนเมื่อ : วันเนา 53 03:12:29 A:124.120.130.182 X: TicketID:202685

ความคิดเห็นที่ 6 . เป็นความฝันที่ดี แต่สุดเอื้อมเลยทีเดียว . หากเจ้าของกระทู้ได้ศึกษาและเปรียบเทียบ เรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ รายรับรายจ่าย ทรัพยากรแร่ธาตุ/น้ำมันเชื้อเพลิง ของเขามีใช้เพียงพอในประเทศ ของไทยต้องสั่งเข้ามหาศาล ทรัพยากรมนุษย์ของเขารายได้36,800US$ /ปี/หัว เป็นวิศวกรและแรงงานฝีมือสูง50%ของประเทศ อยู่ในภาคเกษตรเพียง1%เท่านั้น ทรัพยากรมนุษย์ของเรากลับหัวกัน รายได้8100US$ /ปี/หัว เป็นชาวไร่ชาวนา42.4% เป็นวิศวกรและแรงงานฝีมือสูง10%(ถึงหรือเปล่า?ไม่แน่ใจ) พูดกันตรงๆเลยว่าสวีเดน อาชีพวิศวกรรมและงานภาคบริการเลี้ยงตนเองและแบกภาระของประเทศได้สบาย ส่วนประเทศไทย อาชีพเกษตรกรครึ่งประเทศ(เกือบ) แต่มีรายได้12%เท่านั้น เราต้องสนับสนุนชาวไร่ชาวนา25ล้านคนโดยประมาณ คนไทยที่เสียภาษีทางตรง(มนุษย์เงินเดือน) มีเพียง6ล้านคนเท่านั้น(จากพลเมือง65ล้านคน) ในขณะที่เขาเสียภาษีกันเกือบทั้งหมด เขาขายของเชิงคุณภาพ เราขายของเชิงปริมาณ กลับหัวกันอีก วันนี้เป็นรัฐสวัสดิการเท่าเขาเมื่อไร คนไทยกลายเป็นคนจนทั้งประเทศพร้อมกันทันทีครับ ฝรั่งบอกกับผม "คนไทยทำงานหนัก แต่รายได้น้อย" เวลานี้พวกเราเองยังไม่รู้สึกว่ายากจนกันอีกรึ? เราไม่ได้สร้างคนระดับอาชีวะระดับปริญญาตรีขึ้นไป ให้สามารถออกมาทำเศรษฐกิจแบบแข่งขันเสรีกับนานาชาติเขา เพราะอะไรก็ต้องวิเคราะห์กันต่อไป เรามาหาวิธีทำให้คนทั้งประเทศมีคุณภาพเท่าเขา คือคนจน10%หมดไปจากประเทศแบบสวีเดนเลย ดีหรือเปล่าครับ ไอ้ความไม่รู้แล้วให้เขาพามานอนกลางถนน ไอ้เขาคนนั้นน่ะมันเป็นใคร?ช่าง หลอกกันได้ จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : วันเนา 53 07:12:04

ความคิดเห็นที่ 7   ดีไหม ... ดีกว่าเดิมครับ  แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : วันเนา 53 08:07:33

ความคิดเห็นที่ 8 คิดว่าเหมาะมากครับ แต่มีปัญหาหลายๆอย่าง แบบที่รีพลายก่อนๆหน้าเคยพูดไปแล้ว ปัญหาคือค่าครองชีพเรายงัต่ำกว่าเขามาก แต่ค่าแรงเราก็ต่ำกว่าเขามากด้วย ต้องเริ่มเล่นงานภาษีมรดก ภาษีที่ดินก่อนครับ  จะเป็นก้าวแรกที่ดี จากคุณ : เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข (ศุกร์เล็งลัคนา) เขียนเมื่อ : วันเนา 53 09:51:35

ความคิดเห็นที่ 9   แก้ที่คนเท่านั้น คนไทย เพราะหัวทำ หางจึงทำ พวกใหญ่ๆ โตๆ เลี่ยงภาษีกันเป็นว่าเล่น หาช่องว่างทาง กม. กันทุกช็อตทุกเม็ด มีหรือพวกหางๆ จะไม่ทำ เพราะมันเป็นทางลัด เอาง่ายๆ แค่เรื่องระบบราชการ ถ้าคนมีตำแหน่งไม่รับสินบน ใครมาให้ก็ไม่รับ หรือแกล้งรับเพื่อเป็นหลักฐานแล้วจับมันดำเนินคดีไปเลย ใครมันจะกล้าให้ครับ นี่มันรับกันสนุกสนาน รับกันอิ่มๆ ทุกวงการ คนให้ก็ชอบสิครับ รับไปแล้ว ก็อำนวยความสะดวก ดูแค่บนถนนก็พอแล้ว รถทุกคันพยายามหา " ยันต์กันภัย " ไม่ให้ถูกเรียกเวลาเจอด่าน ถ้าใครไม่มี ก็ให้กันตรงนั้น ร้อยสองร้อยว่ากันไป ไม่ต้องเสียค่าปรับให้เสียประวัติ คือมันสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คนรับก็ได้รายได้พิเศษ คนให้ก็ได้ความสะดวก เคยคุยกับคนไทยที่ไปเรียนที่สวีเดนเหมือนกัน ที่โน่นเขาจี้มากเรื่องภาษี ถ้าใครทำอะัไรผิดสังเกต พยายามจะเลี่ยงภาษีนี่ทางการจะรู้ทันที ( การตรวจสอบภาษีของเขานี่ทำกันถี่มาก เรียกว่าออกจะจุกจิกด้วยซ้ำไป ) และอีกอย่าง ปชช. ของเขาก็ยินดีจะเสียภาษีแบบนั้น เพราะได้ผลตอบแทนที่เห็นชัด เป็นรูปธรรมแบบที่ จขกท. ว่ามา บ้านเรา เอาแค่ภาษีที่ดิน + มรดกให้ออกมาก่อนนะครับ แล้วค่อยว่ากัน อย่าลืมแก้นิสัยคนด้วย หุๆ จากคุณ : Avatar of TonyMao_NK51 (2) เขียนเมื่อ : วันเนา 53 13:06:57 A:58.9.102.26 X: TicketID:246102

ความคิดเห็นที่ 10 น่าสนใจมากเลยครับ เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้อิอิ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : วันเนา 53 15:23:34

ความคิดเห็นที่ 11   ประเทศไทย คนมากกว่าครึ่ง อ้างว่าตัวเองยากจน อ้างว่าตัวเองถูกสังคมเอาเปรียบ ต้องการรับของฟรีมากกว่าภาษีที่ตัวเองจ่าย แล้วก็เรียกร้องของฟรีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขอทำงานเหมือนเดิม ทำงานเท่าเดิม ระบบเศรษฐกิจไทยล้มละลายแน่นอนถ้าเอามาใช้กับคนไทยยุคนี จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : วันเนา 53 15:50:16 A:58.9.151.101 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 12 จะทำจริงๆก็พอทำได้ครับ      แต่ต้องหาทางลดจำนวนประชากรไทยออกไปซัก50ล้านคน          ที่สวีเดนทำได้ขนาดนั้น    ต้องยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งคือประชากรเขาน้อย    มีแค่9ล้านคน     ปัญหาต่างๆเลยน้อยตาม            ลองไปดูประเทศอื่นๆที่รวยไม่แพ้สวีเดนแต่มีประชากรมากๆสิครับ    ว่ามีปัญญาทำได้แบบสวีเดนมั้ย     เช่น อเมริกา  ญี่ปุ่น  อังกฤษ  อย่างมากก็ได้ใกล้เคียง      แต่เทียบเท่าสวีเดนนี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด     ซึ่งประเทศคนน้อยๆอย่างเดนมาร์ก นอรเวย์  ก็จัดว่าทำได้ระดับเดียวกับสวีเดน แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 53 22:04:16 แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 53 23:06:08 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันเนา 53 22:02:37

ความคิดเห็นที่ 13   สวีเดน ประชากรทั้งประเทศยังน้อยกว่า กทม.จังหวัดเดียวอย่างที่ว่า แต่พื้นที่+ทรัพยากรแร่ธาตุ เลี้ยงคนทั้งประเทศได้สบาย ถึงกระนั้นประเทศก็เคยเจ๊งเข้ารับความช่วยเหลือจาก imf มาแล้ว คนสวีเดนมีความเป็นอยู่แบบจำกัดประหยัดมัธยัสถ์พอสมควร เอามาเทียบกับไทยไม่ได้หรอก ลองสวีเดนมีคนเท่าไทยก็เจ๊งไปเรียบร้อย นี่ยังไม่นับคุณภาพของคนเทียบกันไม่ได้อีก นักเทนนิสชื่อบิยอห์น บอร์ก อดีตมือ 1 ของโลกชาวสวีเดน เคยได้ยินชื่อมั๊ย พอร่ำรวยขึ้นมา แกย้ายสัญชาติหนีทันที เพราะบอกต้องจ่ายภาษีแพง อิๆ แต่ภาษีที่ว่า 30-40% ก็แค่เท่ากับบ้านเราเท่านั้น เพราะถ้าคนบ้านเราเงินเดือนถึงระดับนึงจริงๆ ก็โดนอัตราภาษี30-40% สูสีสวีเดน ที่มันต่างกันเพราะ จำนวนคนให้รัฐบาลรับเลี้ยง กับความสามาถในการประกอบการสร้างอาชีพที่ทำรายได้ ไม่เท่ากัน จากคุณ : x เขียนเมื่อ : วันเนา 53 22:44:14 A:210.246.64.59 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 14 เคยเรียนมาบ้างเหมือนกันนะครับเกี่ยวกับสวัสดิการรัฐของประเทศสแกนดิเนเวีย ทั้งสวีเดน ฟินเเลนด์ นอร์เวย์ ... ประเทศแถบนี้มีสวัสดดิการรัฐดีดีทั้งนั้น และดีติดอันดับโลกเลยด้วยน่ะครับ น่าอิจฉาเขาเหมือนกันน่ะครับ ผมเคยฝันไว้เหมือนกัน แต่ก็อาจจยากหน่อยนะถ้าทำในเมืองไทย  เฮ้อออ......^^ จากคุณ : มาริอ้วน เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 00:08:25

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าคนไม่เปลี่ยนค่านิยม เปลี่ยนระบบไปก็ไม่ Work ครับ ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป และเห็นด้วยครับที่คนของเรามากเกินไป ทำได้ยาก จากคุณ : หลงลืม เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 16:21:04

ความคิดเห็นที่ 16 ภาษีที่ดินเหมาะทำรัฐสวัสดิการแทนภาษีเงินได้ก้าวหน้า ที่ดินควรเป็นของส่วนรวมเท่าเทียมกันทุกคน เพราะที่ดินไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ผลิต และขาดที่ดินมนุษย์ตาย มูลค่าที่ดินก็มิใช่แต่ละคนทำให้เกิด เช่น ที่ดินว่างเปล่ามีหญ้าขึ้นรก 100 ตร.วากลางเมืองมีราคาสูงขึ้นเรื่อยมาจนเป็นหลายล้านบาท แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินก็จำเป็นต่อการใช้ทำประโยชน์และดูแลเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ วิธีที่ดีจึงควรใช้การปฏิรูปภาษี เชื่อหรือไม่ ทุกคนไม่ควรต้องเสียภาษีเงินได้หรือภาษีอื่น ๆ จากการลงแรงลงทุนที่ก่อผลผลิตและบริการ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนค้าขายของตน เพราะการแลกเปลี่ยนทำโดยสมัครใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเป็นวิถีชีวิตที่ช่วยให้ส่วนรวมสบายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาทำงานทั้งวันแล้วยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการครบ ระบบรัฐสวัสดิการสามารถทำได้โดยเก็บแต่เพียงภาษีที่ดิน ซึ่งถ้าไม่เก็บหรือเก็บน้อยไปจะเกิดการเก็งกำไรสะสมที่ดินอย่างปัจจุบัน ไปไหน ๆ ก็เจอแต่ที่ดินมีเจ้าของแล้ว แต่มักถูกทำประโยชน์น้อยเกินไป ผลผลิตและความเจริญก้าวหน้าของชาติต่ำกว่าปกติ ซึ่งหมายถึงมีคนต้องว่างงานมาก ค่าแรงต่ำ คนจนไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ ต้องเช่าที่อยู่ที่ทำกินในอัตราแพงกว่าที่ควรเป็น (ส่วนแบ่งการผลิตลดต่ำกว่าปกติ) ลัทธิภาษีเดี่ยว (Single Tax) จากที่ดิน ของเฮนรี จอร์จ จะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมขั้นฐานราก แก้ความยากจน ไม่มีการเก็งกำไรที่ดิน จึงไม่เกิดวิกฤตวัฏจักรเศรษฐกิจฟองสบู่ที่รุนแรงก่อความเสียหายย่อยยับซ้ำซากแก่ทั้งคนจนและคนรวยอีกต่อไป (ควรมีภาษีหรือค่าชดเชยการทำความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญหมดเปลืองไปด้วย) และเกิดผลดี คือ 1. ให้เสรีมากขึ้น ลดการถูกเรียกตรวจสอบจากเจ้าพนักงานภาษีของรัฐ เพราะเหลือแต่ภาษีที่ดิน 2. เกิดความยุติธรรม ใครทำงาน ใครลงทุนก่อผลผลิต ได้เท่าไรก็เป็นของเขาทั้งหมด โดยตัดความได้เปรียบเสียเปรียบจากการได้ครองที่ดินมากน้อยดีเลวผิดกัน ออกไปด้วยภาษีที่ดิน 3. เกิดผลดีมีประสิทธิภาพ ที่ดินไม่เสียเปล่ามหาศาลจากการเก็บกักเก็งกำไร การว่างงานจะลด ค่าแรงเพิ่ม และเมื่อคนไม่เสียภาษีเงินได้ก็ได้ค่าจ้างเงินเดือนกลับบ้านเต็มที่ สินค้าของกินของใช้ไม่ถูกภาษี ราคาก็ต่ำลง เงินก็ไม่เฟ้อไม่เสื่อมค่า คนจนก็สบายขึ้น สินค้าขายแข่งกับต่างประเทศได้ดีขึ้น คนต่างชาติก็จะอยากมาเที่ยวมาใช้จ่ายมาลงทุนที่เมืองไทยมากขึ้น (ที่อาจเป็นปัญหาก็คือแรงงานต่างด้าวจะทะลักเข้าไทย) แต่เมื่อระบบปัจจุบันกลายเป็นความเคยชิน จนกระทั่งเราไม่รู้สึกถึงความอยุติธรรมของการปล่อยให้เจ้าของที่ดินได้ประโยชน์จากที่ดินไปโดยไม่ต้องลงแรงลงทุน (unearned income) เราจะเปลี่ยนระบบทันที เจ้าของที่ดินก็จะเดือดร้อนเกินไป จึงควรเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป คือ ค่อย ๆ เพิ่มภาษีที่ดิน เช่น ปีละ 3 % ของค่าเช่าศักย์หรือค่าเช่าที่ดินที่ควรเป็น 33 ปีก็ได้ 99 % ขณะเดียวกันค่อย ๆ ลดภาษีจากการทำงานและการลงทุนลงชดเชยกัน บทความที่เกี่ยวข้อง ทุนนิยมแท้คือรัฐสวัสดิการที่ไม่มีภาษีก้าวหน้า http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=267&c=1 รัฐสวัสดิการจะดีทำไมต้องภาษีก้าวหน้า ? http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=109&c=1 รัฐสวัสดิการดีจริงหรือ ? http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=230&c=1 จากเว็บเศรษฐศาสตร์เพื่อความเป็นธรรม http://utopiathai.webs.com จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 07:51:35

ความคิดเห็นที่ 17 พรรคยุติธรรมของเดนมาร์กเห็นว่าควรเก็บภาษีที่ดินอย่างเดียวตามแบบของเฮนรี จอร์จ เขามีเว็บส่วนหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ที่ http://www.retsforbundet.dk/politik/english.htm (ส่วนท่านที่รู้ภาษาเดนมาร์กก็ดูที่ http://www.retsforbundet.dk ได้ครับ) ข้อความหนึ่งมีว่า The Danish Tax System works like an “opposite Robin Hood”. The income that we earn through productive work is taxed tremendously through income tax. On the other hand the income from land values is almost taxfree. จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 08:43:03

ความคิดเห็นที่ 18 ก่อนอื่นอาจจะต้องมีปฏิรูปภาษีก่อน คือต้องมีการให้ประชาชนทุกคน ทำการยื่นแบบภาษีก่อน เพื่อให้รัฐ มีข้อมูลเบื้องต้นก่อน แล้วจึงค่อยๆ ปรับให้เหมาะสม แต่แค่จะให้ประชาชนทุกคน ที่มีรายได้ยื่นแบบภาษี ผมว่าก็เหงือตกแล้วมั้ง จากคุณ : FisherBoy เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 20:56:27

ความคิดเห็นที่ 19 การศึกษาบ้านเราโดยรวม...ยังต่ำด้อย เตี้ยติดดินมาก ๆ เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว.... การพัฒนา เรื่องสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร...ฯลฯ....ต้องเปลี่ยนแปลงอีกเยอะค่ะ... เฮ่อ...หลายปีอยุ่กว่าจะได้.... แต่อยากได้ค่ะ.... อยากเที่ยวตอนแก่..เหมือนเขาบ้าง....มีเงินกินอยู่สบาย มีคนออกค่ารักษาพยาบาลให้.... จากคุณ : skyrocket เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 22:16:20

ความคิดเห็นที่ 20 เอาเข้าจริงๆ ถ้าเรายังผลักดันกฎหมายให้คนรวยเสียภาษีที่ดิน กับภาษีมรดกยังไม่ได้ ก็ยังไม่ต้องไปหวังถึงรัฐสวัสดิการหรอกครับ จากคุณ : Buzz and Busy เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 23:05:12

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยนะ ชอบมากเลย แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 53 23:43:24 จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 23:42:09

ความคิดเห็นที่ 22 ถูกใจๆ แก้ปัญหาการศึกษาก่อนเป็นอันดับแรก จากคุณ : Mr.Bato เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 23:46:00

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับทุกคนเลย  จากใจจริง จากคุณ : toytoytoy เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 00:09:08

ความคิดเห็นที่ 24 ประชาชนทุกคนต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและการได้มาของทรัพย์สิน แจ้งการมีเงินได้ และเรื่องการเสียภาษีว่าเสียภาษีถูกต้องไหม ถ้าการได้มาของทรัพย์สินไม่สมดุลย์กับรายได้และการเสียภาษีไม่ถูกต้อง ต้องมีโทษทางกฏหมายที่สูง เช่นถูกยึดทรัพย์ที่ควรจะมีมากเกินกว่ารายได้ที่หาได้หลังจากหักภาษีแล้ว แต่ถ้าเป็นคนดี แจ้งเสียภาษีจากรายได้ถูกต้อง รัฐต้องสร้างแรงจูงใจโดยการคืนเงินภาษีแก่ผู้ที่ตกงานและผู้ที่ชราภาพ ตามสัดส่วนของการเสียภาษี กำหนดการคืนเงินขั้นต่ำโดยดูจากค่าครองชีพพื้นฐาน ยกตัวอย่างจากการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี เราได้เป็นเจ้าของรถยนต์ เราจะได้เงินคืนจากการขายรถที่เสียภาษีกูกต้อง หรือรถที่ถูกกฎหมาย ทำให้เรามีแรงจูงใจในการรักษาสิทธิในการชำระภาษี อาจเรียกระบบนี้ว่าระบบภาษีย้อนกลับ ทำให้ประชาชนผู้มีเงินได้อยากเข้าสู่ระบบภาษีนะครับ จากคุณ : AKE (recovery) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 04:01:32

ความคิดเห็นที่ 25 อย่าเชื่อ 1. อย่าเชื่อว่าเราได้ผ่านระบบเจ้าที่ดินหรือศักดินามาแล้ว ถ้ายังมีการเก็งกำไรที่ดินเป็นการทั่วไป ขนาดที่ไปไหน ๆ ก็เจอที่ดินรกร้างมีเจ้าของ 2. อย่าเชื่อว่าถ้าไม่เอาทุนนิยมก็ต้องเอาสังคมนิยม เราเลือกเอาแต่สิ่งที่ดีมาประสานกันได้ 3. อย่าเชื่อว่าระบบรัฐสวัสดิการจะดีด้วยภาษีรายได้แบบก้าวหน้า เพราะภาษีที่แรงเช่นนี้ไม่ส่งเสริมการทำงานและลงทุน เช่น ชาวสวีเดนจำนวนมากย้ายไปอยู่นอกประเทศ 4. อย่าเชื่อว่าระบบภาษีของเราดีเพราะปรับปรุงกันตลอดมา ระบบนี้ไม่คิดแก้ที่ต้นเหตุความยากจน ได้แต่กระจายภาระไปยังภาษีทุกชนิดที่คิดได้ ให้รู้สึกว่าเสียเพียงอย่างละเล็กละน้อย 5. อย่าเชื่อข้อเสนอให้เก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า มันแสดงว่าไม่ได้คิดเก็บภาษีที่ดินทั่วไปให้สูงเสมือนว่าเจ้าของเป็นผู้เช่าจากรัฐ แต่ใช้ภาษีเป็นเครื่องมือปรับเอากับผู้ที่รัฐคิดว่าทำไม่ดีโดยไม่ทันคิดว่ารัฐนั่นแหละคือต้นเหตุแห่งการทำไม่ดีนั้น (เก็งกำไรที่ดิน) แล้วยังใช้อัตราก้าวหน้าอีก อัตราก้าวหน้านี้จะทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินถูกบิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็น ประสิทธิภาพการใช้ที่ดินโดยรวมจะต่ำ และอาจเป็นการส่งเสริมให้มีการคบคิดแจ้งเท็จว่าทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว นอกจากนี้ ถ้าใช้อัตราภาษีก้าวหน้าตามขนาดที่ดิน ยังอาจเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างบุคคลธรรมดากับนิติบุคคลซึ่งขณะเดียวกันหุ้นส่วนก็เป็นบุคคลธรรมดาด้วย ซ้ำเขายังอาจเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลอื่น ๆ อีก 6. อย่าเชื่อว่าต้องยอมได้อย่างเสียอย่าง (tradeoff) ระหว่างความยุติธรรมกับประสิทธิภาพ เพราะระบบภาษีการถือครองที่ดิน (ซึ่งทำให้ลด/เลิกภาษีเงินได้และภาษีจากการลงแรงลงทุนผลิตและค้าได้) จะช่วยให้เราได้ทั้งสองอย่าง 7. อย่าเชื่อว่า *ไม่มี free lunch* ... free lunch ที่มโหฬารและฟุ่มเฟือยที่สุด คือการอุดหนุนจากรัฐบาลที่ให้แก่เจ้าของที่ดิน โดยช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้เรื่อย ๆ เช่น ตัดหรือขยายถนน จัดโครงการรถไฟฟ้า หรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ด้วยการเก็บภาษีจากพลเมืองทั่วไปอย่างมาก แต่กลับเก็บภาษีที่ดินน้อยเกินไป Tax bads, not goods. Tax waste, not work. Pay for what you take, not what you make. Polluter pays. To spare the earth, let’s share her worth. จากเว็บเศรษฐศาสตร์เพื่อความเป็นธรรม http://utopiathai.webs.com จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 08:19:09

ความคิดเห็นที่ 26 อยู่สวีเดนค่ะ ไม่ค่อยได้ใช้บริการของรัฐเท่าไหร่นัก ไม่ค่อยเจ็บป่วย 5 ปีจะไปอนามัยซักที แต่ก็ต้องจ่ายเงินนะ ประมาณเกือบพันบาท ยาต้องซื้อเองจ่ายเอง แต่ถ้าปีหนึ่งค่ายาเกินหมื่น ไม่ต้องจ่าย(มั้ง)ไม่แน่ใจ แย่หน่อยตรงที่ว่า ถ้าเป็นโรคหนักๆ หรือผ่าตัด หรือรอตรวจหมอเฉพาะทาง บางคนรอเป็นชาติ บางคนตายก่อนถึงคิวหมอ ตามข่าวที่ออก และคนใกล้ตัว ส่วนสวัสดิการดูแลคนแก่ก็ดีนะ รวยจนได้บริการเท่ากันหมด ถึงแม้คุณจะมีเงินมาก แต่ถ้าเข้ามาอยู่บ้านพักคนชราก็ได้บริการเท่ากัน แต่...คนที่มีเงินบำนาญมากต้องจ่ายมากว่าคนที่มีเงินบำนาญน้อย หลายคนเรียกร้องว่า ฉันจ่ายเงินมาก ทำไมไม่บริการดีกว่าคนอื่น ส่วนพวกตกงานแล้วได้เงินคนว่างงาน ให้พวกเสียภาษีอย่างเรา ก็ด่าพวกนี้ เพราะว่ามันไม่ยอมหางานทำ เกี่ยงงาน แต่กรมแรงงานเขาให้ปฎิเสธไ้ด้ 3 ครั้ง ส่วนเงินช่วยเหลือคนที่ป่วย หรือ พิการ ก็ดีนะ แต่ไอ้พวกที่ไม่ป่วยจริง เเกล้งป่วย เพราะไม่อยากทำงาน ไอ้พวกนี้เห็นแล้วเสียอารมณ์ เราทำงานจ่ายภาษีแทบตาย พวกนี้นั่งสบาย ถึงเดือนไปรับเงิน ถ้าเป็นพวกพิการหรือคนแก่ เราเต็มใจจ่ายนะ รัฐบาลสวีเดนให้ความสำคัญกับเด็กมาก ถ้ามีลูกเกิน 3 คน จะได้มากขึ้นไปอีก ส่วนมากคนสวีเดนจะมีลูกมาก 3-4 คนขึ้นไป บางครอบครัวมีลูกมากเพื่อเอาเงิน ส่วนแม่ลูกอ่อนหลังคลอดได้เงินว่างงานปีหนึ่งถึงปีครึ่ง ก็จ่ายภาษีแล้วหนิ ก็ต้องได้ล่ะ ลาได้ปีถึงปีครึ่ง แล้วกลับไปทำงาน ถ้าเด็กเข้าโรงเลี้ยงเด็กอ่อนก็ต้องเสียเงิน เขาดูรายได้พ่อแม่ด้วย เริ่มไปโรงเรียนฟรีตอนเข้าอนุบาลไปถึงม.6 ส่วนเด็กอนุบาลถึงป6 ถ้ากินอาหารเช้าที่โรงเรียนและช่วงบ่ายถ้ายังไม่กลับบ้านเพราะพ่อแม่ทำงาน ก็ต้องจ่ายเงินด้วยนะ ไม่ฟรี ต้องอยู่โรงเรียนจนกว่าพ่อแม่จะมารับ ส่วนเข้ามหาวิทยาลัย ฟรีจริงแต่หนังสือไม่ฟรี ได้เงินเรียนนิดหน่อย ไม่พอก็ต้องยืมเงินเรียน เพราะพ่อแ่ม่ที่นี่ไม่นิยมส่งลูกเรียน นอกจากบางครอบครัวช่วยเหลือ ลูกก็ไม่ต้องยืมเงินเรียน ส่วนคนต่างชาติอย่างเรา เรียนภาษาไม่ได้เงิน แต่ถ้าเรียนไปในสายวิชาของที่นี่ได้เงินเรียน เรายังสะสมเงินไปซื้อที่ได้ 1 ไร่ สวัสดิการที่นี่ดีจริงค่ะ แต่ต้องทำงานไม่งั้นอยู่ไม่ได้ ขอเขากินไม่พอ ไม่มีศักดิ์ศรีด้วย เขาจะพูดกันไปทั่ว ยิ่งอยู่เมืองเล็กด้่วย เอ่ยชื่อใครไม่เห็นหน้าก็รู้จักค่ะ จากคุณ : ต้นลูกตาล เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 15:21:50

ความคิดเห็นที่ 27   ดีจัง ชอบๆ แต่เราว่าคงไม่เหมาะกับไทย แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 53 22:47:05 จากคุณ : Neophillia เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 22:46:55

ความคิดเห็นที่ 28 คิดว่าเป็นระบบที่ดีที่เกิดขึ้นยากในประเทศไทยครับ เนื่องจาก 1 รายได้ของรัฐจากการเก็บภาษีต่างกัน 2 คุณภาพของคน ต่างกัน ปล ระบบการศึกษาเป็นแค่ปัจจัยส่วนนึงครับ ที่เมื่อก่อนตอนผมก็เชื่อว่าควรแก้ที่ระบบการศึกษาก่อน แต่เมื่อโตขึ้นทำให้รู้ว่า การศึกษาไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เพราะ คนที่เรียนสูงๆ หรือจบมหาวิทยลัยที่มีชื่อเสียงบางครั้งก็ คิดหรือปฏิบัติ สวนทางการวุฒิการศึกษาที่ได้มาก็เห็นอยู่เยอะ ตัวอย่าง ข้อที่ 1 เรื่องภาษี ลองนึกภาพคนทำงานออฟิศจบใหม่เงินเดือนเริ่มต้น สัก หมื่นห้าพันบาทแล้วโดนหักภาษีเกือบครึ่ง เหลือ หก เจ็ด พันบาท แล้วจะมีชีวิตอยู่รอดไหมล่ะครับ แค่ค่าเช่าบ้านกับค่าเดินทางไปทำงาน ก็เกือบหมดแล้ว อาจจะอดตายก่อนเกษียณ ตัวอย่าง ข้อที่ 2 คุณภาพของคน พอดีมีโอกาสได้ร่วมงานกับคนสวีเดน ทำให้รู้ว่า เขาศึกษาตนเองก่อนที่จะเริ่มเรียน ถึงแม้อาจจะไม่ทุกคนที่คิดแบบนี้แต่ก็น่าจะมีอยู่ไม่น้อย มีเพื่อนคนนึงจบ มัธยมปลายของที่นั่นแล้วยังหาตัวเองไม่เจอ เขายังไม่เรียนทันทีเขาไปทำงาน เข้าไปตัดไม้ในป่าอยู่สองปีพอรู้ว่าตัวเองว่าสนใจอะไรจึงเริ่มเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ วัฒนธรรมไทยไม่ใช่    เด็กจบมัธยมปลายบ้านเราผมคิดว่ามีจำนวนมากยังหาตัวเองไม่เจอแต่ต้องหาที่เรียนในมหาวิทยาลัย เพราะว่าถูกสังคมรอบข้างกดดันทำให้เรียนไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ปัญหากันทีหลัง ก็เลยเรียนไปงั้นๆ เรียนเอากระดาษ อีกข้อที่เคยคุยกันคือเขาทำงานเอาประสิทธิภาพในงานไม่คำนึงถึงจำนวนชั่วโมงทำงาน เขาเล่าให้ฟังว่ามีงานวิจัยชิ้นนึงชี้ให้เห็นว่า การทำงานให้เสร็จก่อนเวลากำหนดแล้วกลับบ้านเป็นผลดีมากกว่าการทำงานให้ครบชั่วโมงตามกำหนด เนื่องจาก ผู้ทำงานสามารถกลับไปใช้ชีวิตส่วนตัวกับครอบครัว หรือพักผ่อนได้มากขึ้นทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ดังนั้นเขาไปทำงานและมุ่งมั่นทำำงานให้เสร็จแล้วกลับบ้าน บางครั้งเขาบอกว่า เสร็จงานบ่ายสองก็กลับแล้ว แต่บ้านเรา ยังไงก็เลิกงานห้าโมงเย็นดังนั้นจึงไม่ได้มุ่งมั่นทำงานให้เสร็จแต่เอาเวลา ห้าโมงเป็นตัวกำหนดหรือเราไม่คิดวิธีการที่ทำให้งานเสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้กลับบ้าน แต่ทำงานไปเรื่อยๆ ซึ่งบางครั้งงานเสร็จไม่ทัน ห้าโมงก็ต้องอยู่ออฟฟิศต่อไปอีก คุณภาพชีวิตยิ่งแย่เข้าไปอีก การเก็บภาษีเยอะทำให้ประชากรมีความสนใจที่จะเฝ้าดูการใช้งบประมาณในประเทศ มากกว่าด้วยครับ จากคุณ : BubbaGump เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 53 01:51:43

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วยกับความเห็นที่บอกว่า จำนวนประชากรเขาไม่เยอะมากด้วย เพื่อนบอกว่า หมู่บ้านที่เขาอยู่ มีคนแค่ สิบห้า คนเอง ยังแซวกันเล่นๆเลยว่า อาชีพทำควรมีในหมู่บ้านยังไม่ครบเลยนะ คนหมดแหละ ของเรามี หกสิบล้านกว่าคน จ่ายภาษีจริงๆ ไม่รู้กี่เปอร์เซนต์ แล้วที่จ่ายเต็มๆจริงๆก็ไม่รู้กี่เปอร์เซนต์ของรายได้ของรัฐที่ต้องมาทำเป็นสวัสดิการ แล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาให้ จากคุณ : BubbaGump เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 53 02:03:41

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเราคิดว่า  ความเท่าเทียมที่แท้จริงควรจะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ความเท่าเทียมทางโอกาสที่มีในปัจจุบัน รัฐสวัสดิการเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในการให้ความเท่าเทียม กับคนทุกคน เพียงแต่ นรวยจะต้องยอมยกส่วนเกินของรายได้มาเสียภาษีในอัตราที่สูง ซึ่งคนรวยซึ่งเป็นคนส่วนน้อย แต่มีอำนาจมากในสังคมไทย ไม่ยอมที่จะเสียภาษีจำนวนมาก แม้ตัวเองจะยังรวยมากๆอยู่ก็ตาม จากคุณ : risei (risei) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 53 07:44:52

ความคิดเห็นที่ 31 คนที่มีเงินได้สุทธิเกินกว่า 150,000 บาท เขายินดีจะเสียภาษีแบบนี้ เพื่อเฉลี่ยให้คนในสังคมบ้างหรือเปล่าล่ะครับ ? แล้วถ้าเสียแล้ว เขาบอกว่า เขาต่างหากที่เป็นคนที่จ่ายให้รัฐมากกว่า ดังนั้น พวกเขาควรจะเป็นคนบริหารรัฐกิจมากกว่า คนที่จ่ายภาษีไม่เท่าเขา แบบนี้ มันยังจะเหมาะกับประเทศไทยอยู่อีกหรือเปล่า ? เหมือนมีฝ่ายไหน ฝ่ายหนึ่ง ก็ไม่รู้ เคยพูดเอาไว้แฮะ เหอๆๆ ปล. คนไทยยิ้มง่ายก็จริง ... แต่จะมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นหรือเปล่ามันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 17:28:47 แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 17:27:54 แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 17:21:11 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 17:19:30

ความคิดเห็นที่ 32 e จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 18:50:02