Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เขื้อสายกังฉิน (คนดีแผ่นดินซ้อง ๒๒)  

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๒๒ เชื้อสายกังฉิน

“ เล่าเซี่ยงชุน “

พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ กษัตริย์องค์ที่สี่ของราชวงศ์ซ้อง ซึ่งครอบครองราชสมบัติอยู่ในเมืองเปียนเหลียงนั้น เป็นกษัตริย์ที่มีบุญญาธิการมาก จึงมีขุนนางตงฉินช่วยประคับประคองพระองค์ และราชการบ้านเมืองไว้ได้ ในคราวฉุกเฉินเป็นหลายครั้ง ทางราชการภายใน เปาบุ้นจิ้น ซึ่งเป็นที่ เปาเล่งถู ก็ได้กำจัด พังหอง กับ นางพังกุยฮุย และพรรคพวกกังฉินเสียโดยสิ้นเชิง ทางราชการภายนอก เต๊กเชง ซึ่งเป็นที่ เพ็งไซอ๋อง กับพวกโหงวโฮ้วทหารเสือ ก็ได้ยกกองทัพไปปราบปรามเมืองไซหยง และเมืองน่ำหมัน จนข้าศึกศัตรูพ่ายแพ้ราบคาบ ตั้งแต่นั้นมาบ้านเมืองก็เป็นสุขสบาย ราษฎรทั้งปวงได้ทำมาหากินตามภูมิลำเนาของตน ตลอดพระราชอาณาเขต

ฮ่องเต้นั้นมีพระราชบุตรด้วย นางเชาฮองเฮา มเหสีพระองค์หนึ่ง พระนามว่า เตียวชิด ทรงตั้งไว้เป็นฮ่องไทจือสำหรับสืบพระวงศ์ต่อไป ส่วน นางลีกุยฮุย พระสนมเอกนั้นมีธิดาสององค์ องค์ใหญ่ชื่อ นางเตียวเง็กเอง ได้แต่งงานกับ โซเจียง ขุนนางฝ่ายบู๊ไปแล้ว

องค์เล็กชื่อ นางเตียวเง็กบ๊วย อายุสิบหกปียังไม่มีคู่หมั้น ฮ่องเต้ตั้งพระทัยว่าในการสอบไล่คราวนี้ จะเลือกหาผู้ที่สอบไล่ได้ มาเป็นคู่หมั้นของนางเตียวเง็กบ๊วยกงจู๊

ครั้นถึงกำหนดสอบไล่ เจ้าพนักงานได้คัดเลือกแล้วมีผู้สอบไล่ได้สามคน ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้จัดขบวนแห่ขุนนางใหม่เลียบเมืองสามวันตามธรรมเนียม แล้วตรัสถามคนทั้งสามว่าพวกเจ้ามีภรรยาแล้วหรือยัง คนที่หนึ่งและที่สองทูลว่ามีแล้ว แต่ ซึงคี้ คนที่สามทูลว่ายังหามีไม่ ฮ่องเต้ก็ดีพระทัย จึงทรงตั้งให้ซึงคี้เป็นฮู่ม้าราชบุตรเขย แล้วรับสั่งให้แต่งงานอยู่กินกับนางเตียวเง๊กบ๊วยกงจู๊ ตามประเพณี

ขณะนั้นเปาบุ้นจิ้นไปราชการที่เมืองเอ็งพ่ายเสีย เพื่อกำจัดสัตว์ร้ายที่มาอาละวาดทำร้ายผู้คนพลเมือง เดือดร้อนล้มตายเป็นอันมาก

ฝ่ายซึงคี้ฮู่ม้านั้นเป็นบุตร ชิงชิว และเป็นหลานชาย พังหอง ขุนนางกังฉินที่ถูกกำจัดไปแล้ว ครั้นได้เป็นฮู่ม้าแล้วก็กำเริบใจนัก คิดพยาบาทจะหาอุบายกำจัดเพงไซอ๋อง แก้แค้นแทนชิงชิวและพังหองอยู่เสมอ แต่ยังหาโอกาสมิได้จึงต้องสะกดใจนิ่งอยู่

พรรคพวกร่วมใจกับซึงคี้มีอยู่สองคนคือ ชื้อเอ็ง ขุนนางตำแหน่งเซียวสือหนึ่ง และ เล่าอินเหล็ง ขุนนางตำแหน่งซีเบ๊อีกหนึ่ง คนทั้งสองนี้มีสันดานเป็นกังฉิน ชำนาญในการประจบประแจงยิ่งนัก อันพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้นั้น พระทัยมิหนักแน่นมักเชื่อฟังแต่ถ้อยคำประจบสอพลอ เมื่อชื้อเอ็งมีโอกาสได้เฝ้าแหนใกล้ชิด ก็เพ็ดทูลเป็นที่ถูกพระทัย จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นใจเสี่ยงขุนนางผู้ใหญ่

ชื้อเอ็งมีอำนาจขึ้นแล้วก็ตั้งใจจะกำจัดขุนนางตงฉินเสีย แต่ยังเกรงเปาบุ้นจิ้นซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมาไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังทรงยำเกรง ไม่กล้าประพฤติให้ผิดประเพณี ครั้นเปาบุ้นจิ้นต้องไปราชการยังเมืองเองพ่ายเสียแล้ว พวกกังฉินก็มีใจกำเริบ ชวนกันทำการกดขี่ขุนนางและราษฎรเล่นตามอำเภอใจ คนทั้งปวงต่างได้รับความเดือดร้อนยิ่งนัก

ฝ่ายเพงไซอ๋องเมื่อเสร็จการศึกแล้ว ได้ลาพักราชการพา นางโปยโปกงจู๊ ภรรยากับ เต๊กเหล็ง เต็กเฮา ผู้บุตรไปอยู่บ้านเดิมที่เมืองซัวไซ ฝ่าย เซียนเซียนอ๋อง เจ้าเมืองเซียนเซียนก๊ก ซึ่งเป็นบิดาของนางโปยโปกงจู๊ ได้ขอตัวเต็กเฮาบุตรคนรองไปอยู่ด้วยกัน เพื่อสืบตระกูลด้วยมีบุตรสาวคนเดียวคือนางโปยโปกงจู๊

แต่บังเอิญ นางเม่งสีไท้กุ๋น มารดาของเพงไซอ่องกำลังป่วย จึงรอเวลาอยู่ นางเม่งสีป่วยอยู่ไม่นานก็ถึงแก่กรรม เพงไซอ๋องและบุตรหลานทั้งปวงมีความเศร้าโศกเป็นอันมาก ครั้นทำบุญตามประเพณีครบเดือนหนึ่ง และนำศพไปฝังยังฮวงซุ้ยสำหรับตระกูลแล้ว เพงไซอ๋องจึงส่งตัวเต็กเฮาไปยังเมืองเซียนเซียนก๊ก

เซียนเซียนอ๋องก็ประกาศตั้ง เต็กเฮาให้เป็นไทจือ ผู้สืบราชสมบัติเมืองเซียนเซียนก๊กต่อไป

ฝ่ายพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้มีพระทัยระลึกถึงเพงไซอ๋อง จึงให้ทำหนังสือรับสั่งมอบให้ข้าหลวง ถือไปให้เพงไซอ๋องที่เมืองซัวไซ ครั้นข้าหลวงไปถึงเพงไซอ๋องจัดโต๊ะที่บูชา รับหนังสือรับสั่ง ทราบความแล้ว ก็เรียกนางโปยโปกงจู๊มาสั่งเสียให้ดูแลบ้านช่อง แล้วตนเองก็พา เต๊กเหล็งเดินทางไปเมืองเปียนเหลียง เข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามรับสั่ง

ฮ่องเต้ดีพระทัยนักตรัสทักทายปราศรัยด้วยตามธรรมเนียม แล้วเพงไซอ๋องกับเต๊กเหล็งก็เลยไปเฝ้า นางเต็กไทเฮา พระราชมารดาเลี้ยงของฮ่องเต้ ซึ่งเป็นอาของเพงไซอ๋อง เต็กไทเฮาเห็นหน้าหลานก็ระลึกถึงนางเม่งสีไทกุ๋นพี่สะใภ้ที่ถึงแก่กรรมยิ่งนัก ทรงพระกันแสงพลางตรัสรำพันเป็นอันมาก เฝ้าอยู่พอสมควรแล้ว เพงไซอ๋องกับบุตรชายก็ถวายบังคมลากลับ

ครั้นถึงวันขึ้นสิบค่ำเดือนเก้า เป็นวันแซยิดของเต็กไทเฮา ฮ่องเต้เสด็จไปถวายคำนับถวายพระพรก่อน แล้วเพงไซอ๋องกับเต๊กเหล็งและขุนนางทั้งปวง ก็เข้าไปถวายคำนับตามลำดับ เต็กไทเฮากับ โลฮวยอ๋อง ผู้บุตรดีพระทัยนัก รับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงขุนนางทั้งปวงเป็นการรื่นเริง

ครั้นเสร็จการเลี้ยงพวกขุนนางเหล่านั้นพากันกลับไปแล้ว เพงไซอ๋องกับบุตรยังอยู่จนเสร็จงานจึงได้กลับ พอมาถึงหน้าตำหนักนางเตียวเง็กบ๊วยกงจู๊ ก็พบซึงคี้กับ อึ้งซิว ขันทีคนสนิทยืนอยู่ริมทาง ชักชวนให้เพงไซอ๋องแวะสนทนากันก่อน เพงไซอ๋องบอกว่ามีธุระอยู่ไม่ได้ ซึงคี้ก็ขอเชิญเต๊กเหล็งไว้แทนเพื่อให้เป็นที่คุ้นเคย เพงไซอ๋องไม่ใคร่จะเต็มใจอึ้งซิวก็ช่วยอ้อนวอน เพงไซอ๋องเสียไม่ได้จึงให้เต๊กเหล็งอยู่ก่อน ตนเองก็ลากลับไปบ้าน

เมื่อเพงไซอ๋องกลับมาถึงบ้าน เปาบุ้นจิ้นก็ให้คนมาเชิญไปเสพสุราที่บ้าน สักครู่หนึ่งคนใช้ก็เข้าไปหา บอกว่าเต๊กเหล็งถูกซาฮวบซีจับตัวไปชำระความ เรื่องข่มขืนนางเตียวเง็กบ๊วยกงจู๊ จนนางฆ่าตัวตาย

เพงไซอ๋องก็ตกใจรีบลาเปาบุ้นจิ้นไปหาซาฮวบซีโดยเร็ว ซาฮวบซีก็คำนับเชิญให้นั่งแล้วเล่าเรื่องให้ฟังว่า ซึงคี้ไปกราบทูลฮ่องเต้ว่าเต๊กเหล็งข่มขืนนางเตียวเง๊กบ๊วยกงจู๊ จนนางเอากระบี่เชือดคอฆ่าตัวตาย ฮ่องเต้เสด็จมาทอดพระเนตรศพ แล้วทรงกริ้วโกรธเต๊กเหล็งยิ่งนัก จึง รับสั่งให้ตนเอาตัวเต๊กเหล็งมาชำระปรึกษาโทษ

ชั้นแรกนั้นคิดว่าเต๊กเหล็งแกล้งทำเป็นเมาสุรา ไม่พูดด้วย จึงให้เฆี่ยนถามปากคำ แต่เต๊กเหล็งพูดไม่ได้ด้วยยังเมาสุราอยู่ไม่รู้สึกตัวจริง จึงให้งดไว้ก่อน เพงไซอ๋องเห็นบุตรชายสิ้นสติและถูกเฆี่ยนบาดเจ็บ ก็มีความเวทนาจนน้ำตาตก จึงบอก ซาฮวบซีว่าอย่าเพ่อเร่งถามมันในเวลานี้เลย ต่อพรุ่งนี้สร่างเมาแล้วจึงค่อยถามเถิด แล้วเพงไซอ่องก็ลากลับบ้าน ในใจนั้นมีความทุกข์ร้อนเป็นอันมาก

รุ่งขึ้นฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ ขุนนางทั้งปวงเฝ้าอยู่ตามตำแหน่ง เพงไซอ๋องจึงกราบทูลว่า

“……….เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้ากับลูกชายกลับจากวังโลฮวยอ๋อง ซึงคี้ชักชวนบุตรชายข้าพเจ้าไว้ ให้เสพสุราเข้าไปจนเมาไม่ได้สติ แล้วเหตุใดจึงหาว่าบุตรชายข้าพเจ้า ข่มขืนกงจู๊จนฆ่าตัวตายเล่า เรื่องนี้ข้าพเจ้ายังมีความสงสัยนัก เพราะบุตรข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดมา ยังไม่ปรากฎว่าได้เคยกระทำความชั่วสิ่งใดเลย อีกประการหนึ่งเต๊กเหล็งเข้าไปในบ้านซึงคี้ ก็เพราะซึงคี้อ้อนวอนคะยั้นคะยอให้เข้าไป ข้าพเจ้าเห็นว่าอาจเป็นอุบายแกล้งใส่ร้ายกันเป็นมั่นคง ขอพระองค์จงทรงวินิจฉัยโดยเที่ยงธรรมเถิด……..”

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังจึงรับสั่งว่า

“……..บุตรสาวเราอยู่ดี ๆ ถ้าไม่มีใครทำให้ช้ำใจแล้ว จะฆ่าตัวตายเสียนั้นไม่เป็นได้ ซาฮวบซีเอาตัวเต๊กเหล็งไปซักถามได้ความว่ากระไรบ้าง……..”

ซาฮวบซีถวายคำนับแล้วทูลว่า ข้าพเจ้าได้ซักถามแล้วแต่ยังหาได้ความไม่ ด้วยเต๊กเหล็งยังเมาสุราอยู่ ว่าแล้วก็ให้คนใช้หามเต๊กเหล็งเข้ามาให้ทอดพระเนตร ฮ่องเต้จึงรับสั่งกับ ขุนนางทั้งปวงว่า เมื่อเต๊กเหล็งเมาสุราอยู่ดังนี้ ผู้ใดจะรับอาสาชำระให้ได้ความจริงบ้าง

เปาบุ้นจิ้นได้ฟังรับสั่งดังนั้น จึงทูลรับอาสาว่าเรื่องนี้ตนจะรับชำระให้ได้ความจริง ภายในห้าวัน ฮ่องเต้ก็ทรงอนุญาตแล้วเสด็จขึ้น ทหารคนใช้ของเพงไซอ๋องจึงอุ้มเต๊กเหล็งไปส่งที่บ้านเปาบุ้นจิ้น และเปาบุ้นจิ้นก็เรียกตัวซึงคี้ไปด้วย

ครั้นถึงบ้านขึ้นนั่งยังบัลลังก์ที่ชำระความ มีทหารถืออาวุธเรียงรายอยู่สองข้าง เปาบุ้นจิ้นจึงเรียกซึงคี้เข้ามาถามว่า ความเดิมเป็นอย่างไรเต๊กเหล็งจึงเข้าไปได้ในตำหนักกงจู๊ที่ท่านอยู่ ซึ่งคี้ตอบว่า

“……..ข้าพเจ้าเชิญเต๊กเหล็งเข้าไปเสพสุรา สนทนากันในฐานคุ้นเคย ครั้นต่างคนต่างเมาข้าพเจ้าก็พาไปนอนยังที่สมควร แต่เต๊กเหล็งกลับบังอาจลอบไปนอนบนเตียงกงจู๊ พอกงจู๊กลับจากวังโลฮวยอ๋องก็ถูกข่มขืน จึงได้ฆ่าตัวตายเพื่อจะรักษาชื่อเสียง ซึ่งเต๊กเหล็งทำแก่ข้าพเจ้าและกงจู๊ดังนี้ ข้าพเจ้ามีความเจ็บแค้นนัก ขอท่านจงชำระและลงโทษเต๊กเหล็ง แก้แค้นแทนกงจู๊ด้วย……..”

พูดแล้วก็ร้องไห้ เปาบุ้นจิ้นได้ฟังดังนั้น ก็คิดอยู่ในใจว่าข้อหาของซึงคี้ ฟังดูยังกำกวมอยู่ ถ้าเอาพยานของซึงคี้มาสอบสวน ก็คงเบิกความยืนยันเอาเป็นเสียงเดียวกัน จึงพูดว่า

“…….ถ้าเป็นดังนั้นจริง เต๊กเหล็งก็ต้องมีโทษถึงประหารชีวิต แต่ท่านจงกลับไปก่อนเถิด รอให้เต๊กเหลงสร่างเมาข้าพเจ้าจึงจะชำระต่อไป…….”

แต่เวลาได้ล่วงไปถึงสี่วัน เต๊กเหล็งก็ยังไม่สร่างเมา เปาบุ้นจิ้นก็มีความร้อนใจเป็นอันมาก และเห็นว่าเต๊กเหล็งคงจะถูกสุรายาพิษเป็นแน่ แต่น่าประหลาดด้วยซึงคี้กับเพงไซอ๋องและเต๊กเหล็งนั้น มิได้มีสาเหตุโกรธเคืองอันใดแก่กัน เรื่องนี้ชะรอยจะมีข้อแอบแฝงอยู่เป็นแน่ จึงให้ คนใช้ไปเชิญเพงไซอ๋องมาถามว่า เรื่องราวเป็นอย่างไรเต๊กเหล็งจึงได้ไปเสพสุรากับซึงคี้

เพงไซอ๋องก็ว่าซึงคี้กับอึ้งซิวขันที มาคอยดักพบและจะให้ตนเข้าไปเสพสุราด้วย แต่ตนบอกไม่ว่างซึงคี้ก็ขอตัวเต๊กเหล็งไว้แทน เปาบุ้นจิ้นจึงว่า

“…….ถ้าดังนั้นต้องเป็นอุบายใส่ร้ายกันเป็นแน่ และอึ้งซิวก็ต้องร่วมคิดกับซึงคี้ด้วย ถ้าได้เค้าเงื่อนดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าพอจะชำระเอาความจริงได้ ขอท่านจงวางใจเถิด…….”

เพงไซอ๋องได้ฟังก็มีความยินดี นั่งสนทนาอยู่พอควรแก่เวลา แล้วก็ลากลับไป

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : วันเนา 53 06:03:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com