ความคิดเห็นที่ 1 ทำไมคิดช้าจริง เรื่องการรับจ้างทำผลงานวิชาการและรับจ้างทำปริญญานิพนธ์นั้นมีมานานแล้ว  ถ้าถามว่าจะโทษใคร  ผมตอบเลยว่าต้องโทษหน่วยงานที่กกับดูแลสถาบันอุดมศึกษา  (เปลี่ยนบ่อยจนจำไม่ได้แล้วว่ามีชื่ออะไรบ้าง) ไปดูเถอะครับ  หลักสูตรปริญญาโทที่รับคนทำงานแล้วเข้ามา "เพิ่มวุฒิ" โดยไม่มีการสอบคัดเลือกนั้น  ทุกแห่งจะมีพวกที่สักแต่ว่ามานั่งเรียน  แล้วก็จ้างคนที่เรียนหลักสูตรเดียวกันนั่นล่ะทำรายงาน ทำวิทยานิพนธ์ ผมบอกให้ก็ได้ว่าตอนนี้ธุรกิจรับจ้างทำผลงานวิชาการกำลังเฟื่องฟูในแวดวงข้าราชการพลเรือน  เพราะมหาบัณฑิตไร้คุณภาพที่จบออกมาด้วยการจ้างคนอื่นนั้น  บัดนี้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการตามระบบใหม่มาครบหนึ่งปี  และมีสิทธิได้ปรับระดับ  ซึ่งต้องอาศัยผลงานทางวิชาการ วิทยานิพนธ์ของตัวมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยประคองเองยังทำไม่ได้  ผลงานวิชาการที่ต้องฝ่าฟันลำพังตัวไม่ต้องพูดถึง  กลับไปจ้างอีกดีกว่า   ง่ายจะตายไป   ที่สำคัญ   เรื่องแบบนี้หากคนรับจ้างไม่ออกมาเป็นพยาน  ไม่มีทางพิสูจน์ได้ จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : วันเนา 53 15:40:47

ความคิดเห็นที่ 2 ขอโหวตได้ไหมคะ เป็นปัญหาด้านการศึกษาที่เลวร้ายและยิ่งฝังรากลึกไปเรื่อยๆ เด็ก ป.ตรี ก็ด้วย เดี๋ยวนี้จบมาด้วยการจ้างทำ thesis กันแล้ว ถึงได้ทำอะไรไม่เป็นเลย ก็แหม.. พวกตำแหน่งสูงๆ ก็เล่นวิธีนี้เหมือนกันนี่หว่า! แล้วจะแก้ปัญหากันยังไงละเนี่ย... จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : วันเนา 53 22:17:22

ความคิดเห็นที่ 3 การลอกเลียน ผมว่าตรวจสอบได้ไม่ยากครับ เคยมีถึงขั้นเอาวิจัยมาเปลี่ยนเฉพาะข้อมูลของผู้วิจัย เช่น ชื่อ สถาบัน แล้วนำส่งด้วยซ้ำ แต่เรื่องจ้างทำผมว่าคงจะยากสักหน่อย อาจจะต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น มีการเรียกดูงานและตรวจสอบโดยการสัมภาษณ์ระหว่างการดำเนินการเพิ่มขึ้น จากคุณ : นายนู้น เขียนเมื่อ : วันเนา 53 23:45:37

ความคิดเห็นที่ 4 สงสัยเพราะแบบนี้เลยมีคนบอก จบ ป.โท เกลื่อนเมือง....ปริมาณกับคุณภาพสวนทางกัน จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 01:35:28

ความคิดเห็นที่ 5 มีรับจ้างทำ อ.3 กันเกลื่อนเมือง ก็เป็นแบบนี้ลูกหลานเราถึงโง่ลงๆ แล้วชาติเราจะไปได้อีกสักเท่าไหร่ มีแต่คนขี้โกงและโง่เต็มบ้านเต็มเมือง เฮ้อออออออออออ จากคุณ : LeboN เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 02:53:37

ความคิดเห็นที่ 6   มีครับเพื่อนผมเรียน MBA ม.นXXXXXXXXX จ้าง อจ. ม.เอกชนแถว เลยลาดพร้าวไป ทำบทที่ 4-5 ให้ในราคา 10,000 บาท จากคุณ : engartist เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 08:16:45

ความคิดเห็นที่ 7 เวรกรรม.... ( _ _!!! แล้วอนาคตของชาติจะทำไงนี่ เฮ้อ.... คุณภาพ และ ปริมาณ มันจะมาพร้อมกันไม่ได้เชียวเหรอ ครูก็เอาแต่ทำอ. ๓ หนังสือหนังหาก็ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจ ระบบประเมินนี่ท่าจะมีปัญหา หรือว่าเป็นที่ระบบโครงสร้างองค์กร จากคุณ : ลูกแพนด้า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 08:50:10

ความคิดเห็นที่ 8 อีกครั้ง คนอยู่ในวงการที่อยากให้พัฒนาในทางทางที่ดี และไม่อยากเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น ก็ปวดใจกันไป จากคุณ : ลูกแพนด้า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 08:51:21

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะแก้ไขจริงๆก็ทำได้ ว่าแต่จะแก้กันจริงหรือเปล่า หรือแค่ยกขึ้นมาเป็นประเด็นเหมือนกันว่าแก้ไข แต่ไม่บังคับหรือบังคับใช้ไม่ได้ จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 09:38:56

ความคิดเห็นที่ 10 ก็นักศึกษาส่วนมากอยากจบไวไว ไม่อยากอยู่ 4-5-6-7-8 ปีไงล่ะ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 11:59:31

ความคิดเห็นที่ 11 ทำให้ได้จริงๆเหอะค่ะ ไม่ดูไหนไกล เพื่อนเราเองนี่ละ จ้างทำ Thesis แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 53 13:24:23 จากคุณ : 9line เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 13:24:07

ความคิดเห็นที่ 12 เดี๋ยวนี้ปีปีหนึ่งเด็กจบโทมากกว่าตรีซะอีกครับ จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 13:32:01

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อนครูที่ต่างจังหวัด  อยากเป็นอาจารย์ 3 , ครูชำนาญการ ก็จะมีมือปืนรับจ้าง ทำวิจัยให้  ทำเอกสาร ให้ บางทีคนที่จะประเมินครูนะแหละ เป็นคนรับจ้างทำผลงานให้ เวลาประเมิน ถ้าอยากผ่านต้อง พาไปเลี้ยง จ้างกันทำผลงานเป็นทอดๆ ไป เอาตำแหน่งครูชำนาญการ  อาจารย์  3 มาอวดกัน ใครอยากได้ก็ไปจ้างทำกันอีก เป็นอย่างนี้ ทั่วเขตการศึกษา เอนจอนาจ สังคมการศึกษาไทย  มากๆ   "ใครคือครูครูคือใครในวันนี้ ใช่อยู่ที่ปริญญามหาศาล ใช่อยู่อยู่ที่ เรียกว่าครูอาจารย์ ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน ครูคือผู้ชี้นำทาง ความคิด ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้ สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์ ปณิธานเพื่อมวล ชนใช่ตนเอง ครูจึงเป็นนักสร้างผู้ใหญ่ยิ่ง สร้างคนจริง สร้างคนกล้า สร้างคนเก่ง สร้างคนให้เป็นตัวของตัวเอง ขอมอบเพลงนี้มาบูชาครู โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากคุณ : GiveForAll เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 13:33:31

ความคิดเห็นที่ 14 เอ.. เคยเห็นเมืองนอก เวลาเค้าทำวิจัย ทำสารนิพนธ์ เค้าจะมีวิธีการสอบแบบปากเปล่าด้วยไม่ใช่เหรอคะ แบบ.. ให้เข้าไปให้ห้อง แล้วให้อาจารย์ซักถามสิ่งที่วิจัย (แนวๆ เดียวกับคณะลูกขุนสอบสวนเลย) เค้าถึงจะให้ผ่านได้ มิน่า ประเทศเรา คนจบโท มานี่ดูๆ แล้วไม่ต่างกับคนจบตรีเท่าไหร่ บางคนจบโท MBA (โคตรฮิต) มา แต่คุยกันเรื่อง FTA ไทย-สหรัฐ เค้าไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง.. งง จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 16:23:32

ความคิดเห็นที่ 15   test จากคุณ : engartist เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 19:22:17

ความคิดเห็นที่ 16 อย่าว่าแต่ครูเลย ข้าราชการทั่วไปนี่แหละ อยากเลื่อนจากระดับปฏิบัติการ (C3-5 เดิม)เป็นชำนาญการ (C6-7 เดิม) ยังจ้างคนอื่นทำผลงานให้เลย (พวกข้อเสนอแนวคิดเพื่อพัฒนางาน) แต่ก็ดีนะ เงินจะได้หมุนไปในชุมชน แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 53 19:47:29 จากคุณ : JM2p เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 19:46:44

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าไม่ต้องพูดถึง ป.โท - ป.เอก หรอกครับ แค่ ป.ตรี มันยังจ้างกันทำ นับประสาอะไรกับ ป.โท - ป.เอก แล้วก็ยังมีคนเห็นด้วยกับการจ้างคนอื่นทำ จากคุณ : kanthalak เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 20:49:15

ความคิดเห็นที่ 18 การจ้างทำเนี่ย จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากอาจารยที่ปรึกษา กับ กรรมการสอบเอาจริงเอาจังมากๆ - หากไม่ได้ทำเอง อาจารย์ซักหนักๆตอนทำเล่ม เขียนบทต่างๆ ก็ตายแล้ว แก้ต่างไม่ได้ แก้ประเด็นไม่ได้ ยังไงก็รู้อยู่ดีว่าไม่ได้ทำเอง - หากไม่ได้ทำเอง เจอกรรมการล่อไปหลอกมา เดี๋ยวก็ตายอนาถ คงต้องถามก่อนว่า ทำไมอาจารย์ที่ปรึกษากับกรรมการสอบวิทยานิพนธ์จับไม่ได้ ใส่ใจเด็กในควบคุมแค่ไหน จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 22:28:45

ความคิดเห็นที่ 19 เคยไปร่วมประชุมวิจัยระดับชาติ ีคนมีตำแหน่งใหญ่โตในกระทรวงขึ้นนำเสนองานวิจัยตัวเอง (ย้ำว่าของตัวเองคนเดียวนะครับ) แต่เวลาโดนถามหล่อนตอบไม่ได้ โยนให้ลูกน้องช่วยตอบซะงั้น ฮือฮากันมั้ย คนใหญ่ในกระทรวงยังจ้างทำเลยอะ Thailand Only??? (ไม่มั้ง...... ประเทศอื่นๆ ก็เป็น) จากคุณ : TEEMTARO เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 22:47:32

ความคิดเห็นที่ 20 การจ้างทำผลงาน ในสังคมราชการ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ยอมรับได้ไปแล้ว ตอนเข้าไปทำงานตอนแรก เพื่อนครูถามว่าทำThesis ทำเองหรือจ้างทำ เราตอบว่าทำเองซิ จะจ้างได้ไง ถ้าจบแล้วจะภูมิใจได้เหรอ ไม่เคยมีความคิดจะจ้าง หรือให้ใครทำให้อยู่ในหัวเลย แล้วก็รังเกียจมาก ๆด้วยคนที่ทำแบบนั้น เพื่อนครูคนนั้นก็บอกว่า ดี ๆ ทำเองได้ เราก็เลยตอบว่า อ้าวก็เรียนเองนิ เรียนแล้วจะทำไม่ได้ได้ไง ถ้าไม่งั้นก็อย่าจบเลยดีกว่า เค้าก็เลยเงียบ อยู่ ๆไป ก็ได้รู้ว่าพวกครูที่ ร.ร.จ้างคนทำผลงานทั้งนั้นเลย บางคนหมดเป็นแสน ๆ มีโจ๊กเล่าขานกันเรื่องเผยน่าน ก็คือว่ามีครูที่อยู่จังหวัดน่านคนหนึ่งจ้างร้านลอกผลงานของครูที่อยู่จังหวัดแพร่ โดยให้เปลี่ยนคำว่าจังหวัดแพร่ให้เป็นน่านให้หมด สงสัยคนทำจะง่วงเลย ไปเปลี่ยนคำว่าเผยแพร่ เป็นเผยน่าน คนตรวจก็เลยรู้ว่าลอกผลงานของคนอื่นมา เพราะคำว่าเผยน่าน ได้ยินข่าวว่าต่อไป การเลื่อนวิทยะฐานะต่อไปนี้ จะดูจากผลสอบ NT ของนักเรียน ก็คิดว่าดีเด็ก ๆจะได้ไม่ถูกทิ้งขว้าง เวลาที่ครูทำผลงาน ครูจะได้ใส่ใจกับการเรียนรู้ของเด็ก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนั้นมั้ยหรือจะมีขบวนการโกงอะไรอีก เราว่าน่าจะมีการสอบปากเปล่า สอบสอน หรือไม่ก็สอบปฏิบัติไปเลย แต่ก็เข้าใจน่ะว่าครูบางร.ร.ก็มีภาระงานเยอะจนไม่มีเวลาพัฒนาตนเอง ถ้าเลือกได้เราก็อยากให้ครูได้มีเวลาให้กับเด็ก ๆและทุ่มเทกับการสอนอย่างจริงจัง แต่บางทีก็รู้สึกว่าระบบต้องการอะไรจากครูกันแน่ พัฒนาเด็ก งาน หรือแค่ขอให้โรงเรียนผ่านการประเมิน ซึ่งการประเมินอะไรบางอย่างมันก็ไม่ได้มีประโยชน์กับเด็กเลย อาจารย์เราเคยสอนเราว่า โลกมันใหญ่ แต่มือเรามันเล็ก เราไม่สามารถเอามือเล็ก ๆของเราไปโอบอุ้มโลกทั้งใบได้ แต่ให้เราเอามือเล็ก ๆของเราทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโลกโดยเริ่มต้นที่ตัวเราถึงแม้ว่ามันจะเป็นมือเล็ก ๆ เป็นสิ่งที่น้อยนิดก็ตาม จากคุณ : AunRak เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 00:19:02

ความคิดเห็นที่ 21   มหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยก็มีสอบปากเปล่าค่ะ หมายถึงตอนส่ง Thesis ไปแล้วนะคะ สอบ Thesis ค่ะ ตอนนี้เราเองก้อเรียโทอยู่เหมือนกัน MBA ที่เค้าฮิตกันนั่นล่ะ เราว่าการเรียนต่อโทเนี่ย สำคัญต้องเลือกที่มหาวิทยาลัยค่ะ เพราะหลักสูตรที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น บางที่ใช้อาจารย์ซ้ำกัน แต่มันจะต่างกันก็ตรงเพื่อนร่วมห้องที่เราเรียนนี่ล่ะ เพราะการเรียนโทไม่ใช่มาท่องหนังสือแล้วสอบเอาเกรดสูงๆ แต่เป็นการเรียนเพื่อแชร์ประสบการณ์และความคิดในโลกแห่งการทำงานจริงมาแก้เป็นกรณีศึกษา ซึ่งหลายคนคงทราบดี เด็กจบ MBA บางคนจริงอยู่บางทีเราคุยแล้วกังขาอยู่ในใจว่าจบมาได้อย่างไร ดูมีความรู้รอบตัวน้อยจัง ความรู้เฉพาะด้านกับที่เรียนมานิ่งน้อยลงไปอีก แต่ก็ขึ้นอยู่กับคนมากกว่า มหาวิทยาลัยที่เราเรียนอยู่ ถ้าถามว่าเน้นอะไร คงบอกได้ว่า 40% เน้นเงิน ส่วนที่เหลือคงเน้นให้ความรู้จริงๆ ที่พูดนี่ไม่ได้จะมายกหางตัวเองว่าเก่งอะไรนะคะ แค่ยกตัวอย่างให้ดู หลังจากสอบ Thesis แล้วยังมีสอบ Compre เป็นการทบทวนความรู้ที่เรียนมา 3 วิชาหัวใจหลักเพิ่มอีก หากใครสอบ Thesis ผ่านแต่สอบ Compre ไม่ผ่านก็เรียนไม่จบไปโดยปริยาย ส่วนตัวเลยคิดว่า พวกที่จ้างคนอื่นทำ Thesis เพราะตอนเรียนในห้องไม่สนใจ ไม่มาเข้าเรียนแล้วเนี่ย ต่อให้สอบ Thesis ผ่านก็คงเฉียดฉิวน่าดู ส่วนสอบ Compre ไม่ต้องพูดถึง หลักสูตรเรามีตัวอย่างให้เห็นกันมานักต่อนักแล้วค่ะ ยังไงก็ไม่ผ่านต้องสอบใหม่อยู่ดี พิมมาตั้งเยอะ ขอตัวไปทำบท 3 ก่อนนะคะ จะส่งอยู่แล้ว เพิ่งถึงบท 3 T_T จากคุณ : qmerci@hotmail.com เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 02:57:30 A:124.121.166.13 X: TicketID:250413

ความคิดเห็นที่ 22 นี่ถ้าไม่ได้อ่าน คห.18 & 21 คงหดหู่ยิ่งกว่านี้อีกเยอะ เพราะมีแต่ คห. จากความรู้สึกนึกคิดเอาเอง และอารมณ์ "ใครว่าไหนฉันว่าด้วย" แทบทั้งนั้น ไม่ได้รู้จริง ไม่ได้มีประสบการณ์ตรง .. แต่อยากแสดงความเห็นมั่ง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 07:50:33

ความคิดเห็นที่ 23 การสอบวิทยานิพนธ์ไม่ได้เป็นเครื่องประกันคุณภาพหรอกครับ  เพราะกรรมการสอบนั้นก็คือ กรรมการวิทยานิพนธ์และอาจารย์ที่ปรึกษานั่นเอง   ซึ่งคนพวกนี้ก็ถูกกำกับว่าเด็กต้องจบในเวลาอันควร ระยะหลัง สกอ. กำหนดว่าประธานต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก   ซึ่งดูจะดีขึ้นหน่อย  แต่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก  จากประสบการณ์เมื่อผมสับนักศึกษาเละคาเขียง  กรรมวิทยานิพนธ์ก็ออกมาตอบแทนซะนี่  เลยไม่รู้ว่าตกลงแล้วสอบใครกันแน่ เคยเจอไหมล่ะครับว่าทำวิทยานิพนธ์มาถึงขนาดส่งเล่มสอบแล้ว  ไม่มีใครรู้เลยว่าสมมติฐานในการวางแผนการทดลองนั้นผิด ผมเจอกับตัวมาแล้ว อันนี้ประสบการณ์ตรงแล้วก็มีอารมณ์หงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงด้วย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 09:34:48

ความคิดเห็นที่ 24   เห็นด้วยกับคุณ Tanis ค่ะ ไม่เพียงแค่นั้นนะคะ อาจารย์มหาวิทยาลัยบางแห่ง ก็อนุญาตให้นักศึกษาบางท่านที่มาเรียนเพื่อเพิ่มวุฒิ จบก่อนกำหนดอีกด้วย หรือไม่มีมาตรฐานอะไรอีกแล้ว ในวงการศึกษา จากคุณ : เตติญญ่า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 10:22:55 A:125.24.108.182 X: TicketID:153756

ความคิดเห็นที่ 25 เยอะแยะมากมายครับ เมืองนอกก็เป็น ดังนั้นการสอบปากเปล่า จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด และต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษารับรอง แต่ปัญหาใหญ่อีกปัญหาคือ อาจารย์ที่ปรึกษาในเมืองไทย ก็ไม่ค่อยทำงานวิจัยกันสักเท่าไรนักนะครับ ใช้เด็กๆ เป็นเครื่องมือต่อยอดความรู้ของตัวเองออกไป คงต้องแก้ไขระบบกันชุดใหญ่เลยทีเดียว จากคุณ : นะนะ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 13:46:09

ความคิดเห็นที่ 26 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย และการมีระบบจัดไฟล์ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบทที่ หนึ่ง สอง สาม (บทความงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง) สามารถย่นย่อเวลาในการทำงานวิจัยได้เป็นอย่างดี ยิ่งสาขาวิชาสังคมศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ MBA เพราะสามารถนำเอางานของคนที่ทำค้างไว้ หรือรับจ้างทำไว้หลายเล่มหรือรับจ้างพิมพ์งาน มาทำการตัดแปะเชื่อมโยงจนเป็นผลงานได้ แต่ถ้าตั้งใจและขยันอ่านกันจริง ๆ ก็จะพบว่าไม่มีความเชื่อมโยง ดัชนีอ้างอิง ก็ผิดพลาด หรือมีการอ้างอิงงานเก่ามาก เช่น เกินกว่าสิบปีเป็นต้น หรืออ้างภาษาอังกฤษ แต่ดัชนีและปีที่ตีพิมพ์เก่ามากเกินไป ปัญหาที่สำคัญคือ มีการตรวจอ่านกันจริงหรือไม่ โดยเฉพาะจากอาจารย์ที่ควบคุมงานวิจัย/วิทยานิพนธ์ การใช้ประโยชน์จาก google ค้นคว้า ให้ตรงประเด็นและใช้อย่างชาญฉลาด ช่วยในการคัดลอกงานและนำมาเสนอผลงานมาก เพราะสามารถ copy และ paste ในประเภทงาน word powerpoint หรือนำงานที่เป็น word powerpoint มาเปลี่ยนแปลงสลับไปสลับมาได้ ยกเว้น acrobat ที่มีการแปลงได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ ก็ชักไม่แน่ใจตนเองว่าผิด/บาปหรือไม่ เพราะได้เขียนเผยแพร่ใน pantip.com/tech/basic ไว้ แต่คิดว่าเป็นวิทยาทานในการทำงานและค้นคว้า และการทำงานให้มีหลักการและดูดีมีสกุลมากขึ้น จากคุณ : ravio เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 16:53:43

ความคิดเห็นที่ 27 เพื่อนที่รู้จัก ยังเอารายงานจากสถาบันหนึ่ง...ไปส่งสถาบันเขาเลย.... แค่นี้ก็แย่แล้วค่ะ..... เฮ่อ.... จากคุณ : skyrocket เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 22:17:33

ความคิดเห็นที่ 28 อย่าว่า แต่ปริญญาเลย มัธยม ยังมี - -* จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 07:30:15

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นบุคคลหนึ่งที่เคยโดน คนอื่นช่วยหาเอกสารวิชาการนำมาประกอบวิทยานิพนธ์ให้ครับ ซึ่ง เนื้อหาในงานวิจัยเหล่านั้นล้วนคัดลอกจากของคนอื่นโดยไม่อ้างอิงแหล่งที่มา มาทั้งสิ้น ยังดีที่ผมเฉลียวใจ เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาผมค่อนข้างเข้มงวดตรวจทุกประโยคข้อความ ว่าเราทำเองหรือไม่ หรือถ้าอ้างอิงๆจากใคร มีให้เครดิตเค้ามั้ย ผมเลยโชคดีมานั่งทำใหม่ก่อน ไม่งั้นอาจซวยเพราะความหวังดีของคนที่ช่วยเหลือผมก็เป็นได้ ซึ่งตอนนี้ก็เลยพอทราบว่ามหาวิทยาลัยที่ไทยบางแห่งก็ยอมปล่อยงานวิจัยที่ก๊อปปี้คนอื่นออกมาโดยไม่ให้เครดิตเค้านี่เยอะอยู่  แถมยังคงมีการปล่อยให้นศ.ป.โท เสนองานวิจัย ปล่อยให้จบกันแบบง่ายๆ บางข้อความก๊อปปี้เค้ามาทั้งดุ้นก็ไม่อ้างอิง เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญจริงๆครับ อย่างที่ท่านบนๆบอก ถ้าอาจารย์ที่ปรึกษาหรือว่ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นไม่เคร่งครัดพอ ปล่อยให้เด็กจบมาๆๆๆ ปัญหาเหล่านี้ก็คงมีผลกับระบบการศึกษาไทยไปเรื่อย บุคลากรที่จบมาก็ไร้คุณภาพ เพราะพวกรับจ้างทำวิทยานิพนธ์เต็มบ้านเต็มเมือง ตัวคนไปจ้างเค้าก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะศึกษาอย่างแท้จริง เห้ออออ... แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 53 10:05:20 จากคุณ : . (เด็กท้ายวัง) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 10:03:41

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้ขอเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่เกิดกับคุณแม่เราเองค่ะ คุณแม่ได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ และ เป็นกรรมการตรวจผลงานสำหรับผู้ที่ขอตำแหน่งทางวิชาการ ขณะที่กำลังนั่งตรวจผลงานบุคคลคนหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งบริหารขั้นสูงอ่านไปอ่านมาก็พบว่าบุคคลคนนั้นลอกเอาผลงานของแม่เราซึ่งเป็นผู้ตรวจมาทั้งบทเลยทีเดียวไม่มีการตัดทอน แม่เราควันออกหูเลยก็เลยพยายามเสาะหาหมายเลขโทรศัพท์เพื่อจะขอพูดคุยด้วย ก็ได้เบอร์มือถือมาเฉ่งไปทางโทรศัพท์บอกให้เขามาพบที่ที่ทำงานแม่เรา ตอนแรกก็อิดออดบอกว่าอยู่ต่างจังหวัดมั่งอะไรมั่ง จนแม่เราบอกว่าถ้าไม่มาพบก็จะดำเนินเรื่องไปตามลำดับ เค้าผู้นั้นในสายโทรศัพท์ก็บอกว่า "นี่อาจารย์จะฆ่าผมให้ตายเลยเหรอ" แม่เราก็คิดในใจว่า "แล้วเมิงทำทำไมล่ะวะ" พอมาพบหน้าก็บอกอีก "ผมคิดแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้" ทำเอาแม่เราไม่ไหวจะเคลียร์เหมือนกัน สุดท้ายแม่เราก็ตัดสินใจให้เขาทำหนังสือสารภาพแล้วก็ชดใช้ค่าเสียหาย เพราะ หนังสือที่เขานำมาขอผลงานนั้น เขาพิมพ์ขายด้วย ตอนแรกเรายังคิดว่าแม่จะทำมากกว่านี้ แต่แม่บอกว่าถ้าเอาเรื่องตั้งกรรมการสอบเค้าก็ต้องออก แล้วก็มีชนักติดหลัง เอาแค่พอหลาบจำแบบนี้ดีกว่า อายุก็ยังไม่มากมาย แม่เราก็อายุมากแล้ว การไล่ตีคนให้จนตรอกไม่มีที่ไปแม่บอกว่าทำแล้วไม่สบายใจ ---------------------------------------------------------------------- ไหน ๆ ก็มีคนพูดถึงประเด็นเรื่องเวลาแล้วก็ขอนำเรียนนิดนึงว่าเดี๋ยวนี้เกณฑ์การประกันคุณภาพในมหาวิทยาลัยมันเข้มข้นมากขึ้นทีเดียวค่ะ อาจารย์หนึ่งคนต้องสอน ต้องทำวิจัย ต้องบริการวิชาการ และ อาจจะมีงานจิปาถะใน office งานบริหาร รวมทั้งต้องทำผลงานทางวิชาการ ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ก็มีสิทธิไม่ผ่านการประเมินได้ ซึ่งพูดตรง ๆ ว่าจะให้ทำทั้งหมดเวลาคงไม่พอที่จะทำได้ หรือ ทำได้ก็คงไม่มีประสิทธิภาพเท่าใดนัก อาจารย์บางท่านสอน 5 วิชา 6 วิชา ไม่ใช่อาจารย์ระดับประถมนะคะที่กล่าวถึง อาจารย์มหาวิทยาลัยนี่แหละ แค่เตรียมการสอนให้ทันอาทิตย์ชนอาทิตย์ก็ไม่มีแรงจะไปทำอะไรต่อแล้วค่ะ แต่ด้วยเกณฑ์การประเมินต่าง ๆ ก็บีบให้ต้องทำวิจัย และ การบริการวิชาการ ซึ่งทำออกมาได้ไม่เต็มศักยภาพ เพราะ งานอื่น ๆ ที่ต้องทำมันล้นมือไปหมด บางท่านก็หาทางออกด้วยการจ้าง บางท่านก็ลงมือทำเองลุ่ม ๆ ดอน ๆ แล้วก็โดนด่าไปตามระเบียบ ก็อยากจะทำให้ดีอยู่หรอกแต่ช่วยลดงานอื่น ๆ ลงไปได้ไหม อันนี้ไม่รู้ว่าคนเขาคิดอย่างไรกันนะคะสำหรับการสอน 5 วิชา 6 วิชา เคยได้ยินบางท่านบอกว่าสำหรับมหาวิทยาลัยมันเรื่องปกติด แต่ตัวเองคิดว่าไม่ปกติหรอกค่ะ การสอนระดับมหาวิทยาลัยที่ต้องการความลึกด้านเนื้อหาวิชาการเทอมนึงสอน 3 วิชานี่ก็ถือว่ามากแล้วนะ เจอไปเกือบครึ่งโหลแบบนี้ก็แย่ จากคุณ : วรินทร์รตา เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 12:05:57

ความคิดเห็นที่ 31 ทางสายอื่นคงจะมีนะครับ แต่ถ้าทางสายวิทย์ผมว่าน่าจะยากครับ แค่เจอตอนสอบป้องกันเข้าไป ถ้าไม่ได้ทำเองผมว่าเดี้ยงครับ จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 14:53:24

ความคิดเห็นที่ 32   คห 14 คุณ ณ พิชา ถ้าอยากคุยเรื่อง FTA ต้องไปคุยกับเด็ก MBE ค่ะ คุยกะเด็ก MBA ไม่รู้เรื่องแน่นอนค่ะ เนื้อหาหลักสูตรต่างกันค่ะ ความถนัดก็ต่างกันค่ะ จากคุณ : angii เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 17:36:28 A:202.176.100.120 X: TicketID:208823

ความคิดเห็นที่ 33 งานเข้า พวกคุณๆๆ แล้ววววว จากคุณ : นินจาชิโนบิ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 18:37:16

ความคิดเห็นที่ 34 มหาวิทยาลัยแถวบ้านผมก็เป็นครับ และเป็นเรื่องปกติมาก ตั้งแต่ ป.ตรี สถานที่จ้างทำก็ .... หน้า ม. น่ะแหละครับ แต่ละคนมีเจ้าประจำกันด้วย จ้างกันตั้งแต่รายงานยิบย่อย ไปยัน Thesis ส่วนถามว่าทำไมรอดกันมาได้ ก็เพราะว่า อาจารย์ทั้งหลายเค้าก็รู้ครับว่าจ้าง จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 20:27:44

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วคนที่รับจ้างนี่เค้าก็จบ ป โท หรอคะ แอบงงว่ามาทำงานแบบนี้เนี่ยนะ จากคุณ : นางาเสะจัง เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 22:04:09

ความคิดเห็นที่ 36 @ความคิดเห็นที่ 32 ผมคิดว่า ความรู้พื้นฐานทางเศรษฐกิจแบบนี้ เด็ก MBA ยังไม่กระดิกบ้างเลยหรอครับ จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 22:11:25

ความคิดเห็นที่ 37 เคยถูกว่าจ้างตั้งแต่สมัยเรียนป.ตรีเลยล่ะค่ะ ทั้งอาจารย์ 3 ทั้งวิทยานิพนธ์ของระดับปริญญาเอก(อันนี้เค้ามาจ้างตอนจบโทแล้ว) เราอึ้งเลยล่ะค่ะ ปฏิเสธไปเพราะคิดว่าชั้นจะไปทำได้ไง เรียนก็คนละสาขากัน มิน่า เดี๋ยวนี้เวลาฟังสัมนาที่มีดอกเตอร์จบใหม่หลายๆครั้งรู้สึกว่า ไม่คุ้มเงินค่าสัมนาเล้ย เสริชกูเกิ้ลก็ได้เฟ้ย... อีกนิด อาจารย์ 3 เดี๋ยวนี้เค้าจะจ้างครูคนที่ผ่านอาจารย์3 แล้วทำ แบบที่แก้ให้จนกว่าจะผ่านนี้ประมาณ 70,000  ทำอาจารย์ 3 คอมโรงเรียน ปริ้นโรงเรียน แต่เด็กไม่ได้เรียน - -" จากคุณ : ฝอยทองน้อย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 23:10:29

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่รู้ หนูทำเอง "การผลิตเอทานอลจากหญ้าเนเปียร์ลูกผสมโดยใช้ยีสต์Sac." ท่านใดต้องการต่อยอดหลังไมค์ได้นะคะ ยินดีให้ข้อมูล แล้วเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกัน 18 คนก็ไม่เห็นมีใครจ้างนะคะ มันมีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ยยยยยยยย ช่างกล้า แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 53 23:35:10 จากคุณ : plako-plako เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 23:33:54

ความคิดเห็นที่ 39 ประเด็นน่าสนใจดีนะคะ ไม่แน่ใจว่าระบบการเรียนการสอนบ้านเราตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแต่ดูเหมือนว่าในระดับมหาวิทยาลัย ภาระงานของอาจารย์มากเกินไปหรือเปล่าคะ ทั้งสอน ทั้งวิจัย เพราะดุอัตราส่วนระหว่างอาจารยืกับนักศึกษาแล้วไม่สมดุลกันเลยค่ะ แต่เป้นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าการขอตำแหน่งอาจารย์เพิ่มในมหาวิทยาลัยบ้านเรานั้นค่อนข้างยากพอสมควร อาจารยืบางท่อนสอน 20 ชม สัปดาห์ ยังไม่รวมเวลาที่ต้องออกเดินทางไปสอนต่างจังหวัดอีกตามโครงการที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ ดูแล project เด็ก บางท่านดูแลถึง 20 คน ไหนทางมหาวิทยาลัยจะมีโครงการให้ร่วมมือกับเอกชนอีกเพื่อเป็นการสรรหารายได้และพัฒนางานให้นำไปใช้ได้จริง เห้นภาระงานแล้วเหนื่อยค่ะ เพราะดูเหมือนมหาวิทยาลัยบ้านเราต้องเอาทุกด้าน แตบุคคลากรดูเหมือนจะไม่เพียงพอรึเปล่าค่ะ จากคุณ : jinjung เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 53 09:28:31

ความคิดเห็นที่ 40 อาจารย์มหาวิทยาลัยภาระงานสอนเยอะ แล้วยังต้องทำงานวิจัย เขียนตำรา ไม่ใช่เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการอย่างเดียว แต่รวมถึงการประเมินต่อสัญญาจ้างด้วย แต่เรื่องจ้างนี่คงนำเหตุผลข้างบนมาอ้างไม่ได้นะ อยู่ที่จิตสำนึก คิดจะเป็นอาจารย์สอนคนอื่น ก็ต้องสอนตนเองให้ได้เสียก่อน เป็นกำลังใจให้ละกัน วงการศึกษาบ้านเรายังต้องยกเครื่องอีกเยอะ เฮ้อ.... จากคุณ : ลูกแพนด้า เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 53 09:41:37

ความคิดเห็นที่ 41 นอกจากมัธยมจะมีจ้างทำแล้ว ประถมก็มีด้วยนะ มีน้องจ้างให้ทำรายงานให้ - -" จากคุณ : gloomie เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 02:17:25

ความคิดเห็นที่ 42 ประเด็นเรื่องภาระงานของอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นนอกจากเกณฑ์การประกันคุณภาพที่บีบเข้ามาแล้ว ตอนนี้ยังมีกรอบ TQF เข้ามาบีบให้หนักขึ้นยิ่งกว่า จริง ๆ ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งดีนะคะ เพราะ เจ้ากรอบนี้ทำให้เกิดมาตรฐานที่เท่าเทียมกันในระดับอุดมศึกษา ถ้าทำกันดี ๆ คำว่า "เรียนที่ไหนก็ได้คุณภาพเหมือนกัน" อาจจะเป็นจริงขึ้นมาในอนาคตอันใกล้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับภาระงานที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสอน การบริการวิชาการ งานวิจัย ภาระการนิเทศนักศึกษาไม่ว่าจะนิเทศการดูงาน หรือ นิเทศสหกิจศึกษา คงต้องเรียนว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย หลายท่านอาจจะคิดว่าแล้วเลือกทำไม่ได้หรือ ทำบางอย่างได้ไหม ไม่ทำบางอย่างได้ไหม มันน่าจะอลุ้มอล่วยกันได้ ในทางทฤษฎีทำได้ค่ะ มีระเบียบกำหนดอะไรเอาไว้ชัดว่าเลือกได้ แต่พอเป็นทางปฏิบัติกลับ "ทำไม่ได้" อย่างที่มีอยู่ในระเบียบ เพราะ กำลังคนไม่เพียงพอ และ ว่ากันตามจริงแล้วงานทุกชิ้นที่กล่าวมาข้างต้นก็อยู่ในเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงาน หากขาดงานใดงานหนึ่งไปความมั่นคงในหน้าที่การงานก็สั่นคลอนไม่มากก็น้อยค่ะ ทีนี้มาถึง TQF คงเคยทราบกันมาบ้างว่า TQF ต้องมีการกรอกฟอร์มต่าง ๆ กันยิบย่อย เพียงแค่เตรียมการสอน และ มีแนวการสอนแบบเดิม ๆ (course syllabus) นั้นไม่พอแล้ว แนวการสอนจะต้องกระจายผลลัพธ์การเรียนรู้ให้ครบทั้ง 5 ด้าน (ด้านความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น) นอกจากนั้นจะต้องบอกว่ามีจะวัด และ ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับเด็กได้อย่างไร หลังจากนั้นก็ต้องเขียนรายงานการสอนว่าสอนได้ตามแผนหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแปลงจากแผนเกิน 25 % ก็ต้องอธิบายสาเหตุ ต้องดูคะแนนปกติหรือไม่ (หมายความว่ามีลักษณะเป็นโค้งปกติหรือไม่ ไม่เบ้ซ้ายขวา) ถ้าไม่ปกติก็ต้องอธิบายต่อว่าเหตุผลเพราะอะไร (ที่กล่าวนี้เป็นกรอบ TQF ที่ลงรายวิชานะคะ ไม่ว่าถึงหลักสูตรทั้งหมด) แล้วลองนำมาผนวกกับภาระงานปกติที่รับอยู่ งานสอนอย่างน้อย 12 คาบต่อสัปดาห์ (อันนี้คือเกณฑ์แต่รับจริงจะมากกว่านี้ 15-20 คาบ) บริการวิชาการ นิเทศนักศึกษา วิจัย เอาแค่นี้ก่อน + TQF อีกประมาณ 3-5 วิชา (แค่กรอก 1 วิชาก็เลือดตากระเด็นแล้ว) ดังนั้นกว่าวงการการศึกษาไทยจะได้ "คุณภาพ" คงต้องรอดูกันยาวค่ะ จากคุณ : วรินทร์รตา เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 08:49:11