 |
มองการเมืองไทย ย้อนสมัยรัตนโกสินทร์ (ยังเติร์ก ภาค 137){แตกประเด็นจาก K8924778}
|
|
สวัสดีปีใหม่ค่ะ..
เนื่องวันวาระของวันมหาสงกรานต์นี้ ดิฉันขอให้พวกเราน้องพี่ชาวยังเติร์ก ประสบแด่ความสุขกาย สบายใจ และ ร่มเย็นเป็นสุข คิดสิ่งใดขอให้ได้สมความปรารถนาค่ะ..
สื่อศิลปไปเดินเล่นอยู่ที่ฝรั่งเศสค่ะตอนนี้..เห็น ว่าจะไปโรมต่อก่อนกลับ เค้าบอกว่าจะเปิดมือถือไว้..แต่โทรไปก็ไม่ยักรับ สาย..ไม่รู้ไปติดสาวปาริเชียงที่ร้านขายหลุยส์ วิตตองแถวๆย่านฌองส์หรือเปล่า?
ระหว่างที่เขาไม่อยู่..ก็เกิดเหตุการณ์สูญเสียที่ทำให้คนไทยจิตตกกันทั้งประเทศ ดิฉันไม่อยากอ่านข่าวหรือฟังข่าวทางทีวีออนไลน์เลย..เพราะเกรงว่าจะทำให้ใจหายใจคว่ำไปกว่านี้...ตามประสาคนแก่น่ะค่ะ.. เพราะเคยเห็นบ้านเมืองในยุคร่มเย็น..มีรถราง..ไปเที่ยวบางปู...ไปเดินตลาดนัดสนามหลวง.. ไปกินไอสครีมที่เฉลิม ไทย..ซื้อผ้าพาหุรัด...ไปเยี่ยมก๋งที่ปราจีน..วิ่งเล่นในโรงสี..สนุกกับการ ไปนั่งดูเขายกยอจับปลามาได้เยอะแยะ ปิดภาคบางปีก็ได้ไปเพชรบูรณ์ไปเยี่ยม สายญาติฝ่ายมารดาซึ่งการไปมาในระยะนั้นต้องเรียกว่าสุดมหาโหด เพราะต้องนั่งรถไฟไปลงที่พิษณุโลก แล้วนั่งรถโดยสารต่อไปยังเพชรบูรณ์ที่ต้องข้ามเขาไปหลายลูก เส้นทางคดเลี้ยวเลี้ยวไปมามีโค้งมรณะนับไม่ถ้วนเพราะ ปากเหวอยู่ใกล้นิดเดียว แต่ก็สนุกมาก..เพราะเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดเล็กนิดเดียว..รู้จักกันหมด.. จำ ได้ว่า..เข้าไปกราบไหว้ผู้ัใหญ่ไม่ว่าบ้านไหน..ได้ขนมนมเนยและสตังค์ติดกระเป๋าออกมาเป็นฟ่อน
พูดถึงคุณแม่..จะมาแอบเล่าให้ฟังว่า..เมื่อสองสามปีก่อนที่ว่ามีอาการหลงๆ ลืมๆจนหลานชาย(ลูกชายดิฉัน) ต้องประกบติด ดูแลกันใกล้ชิด นั้น..ดิฉันใช้ วิธีโทรศัพท์ไปคุยด้วยทุกวัน หรือเว้นวัน..คุณแม่ก็บอกว่า..ไม่ได้หลง..แต่บางทีไม่ได้ตั้งใจฟัง.. เมื่อ สองเดือนก่อน..ดิฉันไปอ่านข้อเขียนของคุณหมอท่านหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับความ จำของคนสูงอายุ ท่านว่า..ผู้สูงวัยที่ไม่มีลูกหลานเล็กๆแล้วควรจะมีสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข หรือแมวไว้คอยดูแล..เพราะความรักความเอาใจใส่ระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงนั้นจะ กระตุ้นให้มีแอคทีฟ ใส่ใจจดจำในการดูแลหาอาหาร อีกทั้งการคลอเคลียช่างประจบประแจงนั้น.. เหมือนกับเป็นยาวิเศษ...
ได้อ่านดังนั้น..ดิฉันก็เปิดเว๊บพันทิบมาร์เก็ต แผนกสัตว์เลี้ยงทันที..หาลูกหมาพันธ์ปั๊ก..เพราะเราเคยเลี้ยงปักกิ่ง (หน้าตามันมู่หู้คล้ายๆกัน)แต่..ปักกิ่งจะไม่เหมาะกับเมืองไทย เนื่องจากขนดกหนาและร่วงเยอะ, ชิวาวา..ก็ไม่ไหว..มันวิ่งเร็วยังกะจรวด เห่าเสียงดัง..ก็เลยเลือกพันธ์ปั๊ก.. หาอยู่นานนะคะ สองสามอาทิตย์ได้..เพราะอยากได้ตัวผู้..ส่วนใหญ่เขาจะขายแบบเ้อาไปเป็นพ่อพันธ์..มีเพ็ดดีกรี..จึงเรียกราคาซะน่าตกใจ..
ดิฉันไม่ต้องการเพ็ดดีกรี หรือสุนัขประกวด..ต้องการสุนัขที่แข็งแรง ปั๊กแท้..ก็เลยไปได้ที่จังหวัดพิษณุโลก..เขายินดีส่งทางเครื่องบินไปให้ สุวรรณภูมิซึ่งเราต้องขับรถไปรับเองจากหัวหิน..แต่ต้องรอไปอีกสองอาทิตย์ เพราะเจ้าปั๊กตัวนี้อายุยังไม่ถึงสองเดือน เขาห้ามบิน.. รอก็รอ..ดิฉันส่งเงินไปให้เพื่อเป็นการยืนยันว่า..เอาแน่..ขอให้ดูแลให้ดีๆ ฉีดวัคซีนมาให้พร้อม..
และเมื่อถึงกำหนด..เขาก็มาค่ะ..บินมาแบบหมาไฮ โซ..ใส่กรงสีฟ้าสวยมาเชียว (ลูกชายเล่าให้ฟัง) คุณแม่รอรับสมาชิกใหม่ ที่บ้านที่หัวหิน..และตั้งชื่อคอยท่าให้แล้วว่า..เจ้าอั่งเปา..เพราะมาถึงใน วันตรุษจีนพอดี
จากวันที่เจ้าอั่งเปามาอยู่ในความดูแลของคุณ แม่..เชื่อไหมคะ..ว่าท่านมีพัฒนาเกินร้อย..รื่นเริืง สนุกสนานกับการเล่าเรื่องของสุนัขของท่าน ยามคุณแม่นอนเล่นอ่าน หนังสือ..เจ้านี่ก็จะคลอเคลีย..แทรกหน้าเข้ามาอ่านด้วย ประจบประแจง..จนหลงกันไปทั้งบ้าน.. ที่สำคัญที่จะเล่า..นั่นคือ สามสี่วันก่อนโทรไปหา..ลูกชายบอกว่า..คุณยายกำลังเขียน หนังสือ..........!!!!!! ดิฉันก็ถามว่าเขียนอะไร..ลูกบอกว่้าไม่ทราบ เพราะอ่านไม่ออก..(ลูกชายอ่านภาษาไทยไม่ได้ค่ะ) ก็เลยขอคุยกับคุณแม่..ถามท่านว่าเขียนอะไร เห็นหลานชายบอกว่าเขียนเป็นงานเป็นการ..สมุดใหญ่ขนาดยักษ์ คูณแม่ตอบมา เสียงแจ๋ว..ว่า..เขียนชีวประวัติประวัติของตัวเอง..เริ่มตั้งแต่จำความได้ จนโตมาในยุคที่เพชรบูรณ์กำลังเกือบจะได้เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย..จนมาถึง มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพในยุคที่ต้องล่องเรือ ขึ้นช้าง ลงม้า ต่อเกวียน..กว่าจะถึงพระนคร..
ดิฉันได้ยินแล้วถึงกับน้ำตาเอ่อ..เพราะการเขียนชีวประวัติของคุณแม่ครั้งนี้ถือว่าเป็นของขวัญที่ประมาณค่าไม่ได้สำหรับดิฉัน เพราะนอกจากจะเป็นเครื่้องยืนยันว่า..คุณแม่แข็งแรงดีทั้งสมองและจิตใจแล้ว..ท่านพูดเสมอว่า..เรื่องชีวิตของท่าน นั้น..ยิ่งกว่าคำว่า"มหัศจรรย์" อีกเป็นไหนๆ
หมายเหตุ..คุณแม่ดิฉัน อายุ ๘๔ แล้วค่ะ มีลายมือที่งดงามมาก ทั้งภาษาอังกฤษและไทย..เนื่องจากการคัดลายมือในระบบการศึกษาสมัยนั้นถือว่า ฝึกอย่างโหดเข้าข่าย ไม้เรียว เจียวเหวย.. โดยเฉพาะสถานศึกษาอย่างเขมะสิริอนุสสรณ์ เพียงแต่พอมาถึงยุคดิฉัน..สถานที่ศึกษาที่เดียวกัน..แต่ทำม๊ายย..จึงเขียน ไม่ได้ดีอย่างรุ่นแม่ก็ไม่รุ..อาจเป็นเพราะรุ่นดิฉันอย่างมากก็แค่โดนหยิกเพียงเจ็บๆคันๆ
เท่าที่เล่ามาเพราะอาจจะโดนใจ หรือ ละม้ายกับครอบครัวใดที่มีผู้สูงวัยที่ต้องดูแล..ปัญหามีทางออกง่ายๆ อย่างที่เล่ามานี่ละค่ะ
จากคุณ |
:
WIWANDA
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเนา 53 15:13:41
|
|
|
|  |