ความคิดเห็นที่ 1 การนำพระบรมศพ กลับกรุงเทพฯ เป็นเรื่องใหญ่ในตอนนั้นครับ ด้วยเพราะสมัยนั้นยังอยู่ในสมัยสงครามครับ การเก็บพระบรมศพไว้ที่อังกฤษ นอกจากไม่ต้องด้วยพระราชประเพณีนิยม และการถวายพระเกียรติพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ฉะนั้น เพื่อเป็นการตัดปัญหาต่างๆ จึงจัดการถวายพระเพลิงแบบสากลนิยม และเชิญพระบรมอัฐิกลับมายังประเทศไทย ในอีก ๔ ปีต่อมา จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 22:41:33

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วทำไม พระบรมอัฐิของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ถึงได้รับการถวายพระเพลิง ในขณะที่รัชกาลที่ 7 ไม่มีการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิแต่ประการใดอาจจะเนื่องมาจากสถานการณ์ในขณะนั้นที่เพิ่งพ้นภภาวะสงครามก็ได้ จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 53 23:52:17

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ยินว่าเป็นเพราะภาวะทางเศรษฐกิจของรัฐสมัยนั้นไม่เอื้ออำนวย ขนาดบริหารงานปกติ ก็ต้องมีการออกพันธบัตร ออกกู้เงินมาใช้ในการ บริหารราชการแล้ว จึงไม่มีการจัดพระราชพิธีออกพระเมรุพระบรมศพขึ้น ทั้งที่ได้มีการออกแบบไว้เสร็จสรรพทุกองค์ประกอบแล้ว จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 00:42:05

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องมันเยอะมากครับช่วงนั้น รัฐบาล คนในรัฐบาลคณะราษฎร์ ก็ใช่จะโปรมาทางกษัตริย์ อะไรตัดได้ก็ตัด อะไรไม่ให้ได้ก็ไม่ให้ ผมยังจำคณะราษฎร์แถลงตอนเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เลย "พระมหากษัตริย์ไทย ไม่เคยทำประโยชน์ให้ประเทศไทยเลย" ซึ่งรัชกาลที่ ๗ ได้มีพระราชดำรัสน้อยพระทัย ในการที่คณะราษฎร์มาเฝ้าฯขอพระราชทานนิรโทษกรรม จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 09:39:43

ความคิดเห็นที่ 5 ในทัศนะของหนู มองว่าเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำเป็นสาเหตุหลัก  ส่วนสาเหตุรองคงเป็นการลดความสำคัญของราชวงศ์ลง เพราะในช่วงนั้น กระแสการเกลียดเจ้าของรัฐบาลก็มีมากเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:51:34

ความคิดเห็นที่ 6 ประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ของตอนนั้น ไม่เหมือน ตอนนี้ครับ จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 16:11:28

ความคิดเห็นที่ 7 จะบอกเหมือนความเห็นของคุณ natthaset ว่า อาจเป็นเพราะด้วยเหตุผลทางการเมืองในช่วง ๒๕ ปีของการครองอำนาจของราษฎร (๒๔๗๕-๒๕๐๐)ที่จะ "ลดทอน" ความสำคัญและภาพลักษณ์ของราชวงศ์ลง โดยเฉพาะในสมัยจอมพลป. ที่นับได้ว่าเป็นช่วงที่ "เจ้า" ตกต่ำถึงขีดสุดก็ว่าได้ พิจารณาเอาง่ายๆอย่างเพลงชาติที่เราร้องกันอยู่ทุกวันนี้นับว่าเป็น "มรดก" ที่ตกทอดมาจากสมัยคณะราษฎร โดยเราจะเห็นวาทกรรมชาตินิยมที่ไม่อิงกับราชวงศ์เลย นั่นคือไม่มีการกล่าวถึงบทบาทและความสำคัญของราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย อย่างเช่น "เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน" ที่มีกลิ่นอายของความทฤษฎีทางการเมืองแบบประชาธิปไตยอยู่มาก (โดยเฉพาะ "ประชารัฐ")  และผสมกับความคิดแบบชาตินิยมเผ่าไทย เป็นต้น (ผมฟันธงเลยว่าหากรัฐบาลในปัจจุบันจะประกวดบทร้องเพลงชาติไทยเสียใหม่ วรรคแรกๆของเพลงจะต้องพูดถึงความสำคัญของราชวงศ์แน่นอน เพราะเดี๋ยวนี้วาทกรรมราชาชาตินิยมช่างแรงเสียเหลือเกิน และอย่างเพลงชาติในวรรค "สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี" นั้น ปัจจุบันน่าจะต้องเปลี่ยนเป็น "สละเลือดทุกหยาดเป็นราชพลี" ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ครับ) ดังนั้นหากพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นก็เข้าใจได้ไม่ยากครับว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ดังที่ จขกท. ถามมาครับ ปล. หาก จขกท. เรียนอยู่ที่จุฬา จะแนะนำให้ลงทะเบียนเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ของคณะอักษรศาสตร์ หรือมาลงเรียนบางวิชาของคณะรัฐศาสตร์คงจะสนุกไม่น้อยทีเดียวครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 20:17:54 จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 20:17:27

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะ ว่าสมัยนั้น ทางคณะราษฎร์  ต้องการลดบทบาทของกษัตริย์ และราชวงศ์ ให้เหมือน อารยะประเทศอย่าง อังกฤษ และญี่ปุ่น  คือ กษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งภายหลัง ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 21:56:13 จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 21:55:47

ความคิดเห็นที่ 9 คห.7-8 โดนใจ อยากให้กิฟแต่หมดแล้วเอาใจไปไปแทนนะ แต่ระวังๆอมยิ้มด้วยนะคะ จากคุณ : ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 23:51:35

ความคิดเห็นที่ 10 เอ้ มีการนำพระอัฐิของรัชกาลที่ 7 กลับเมืองไทย มีพระราชพิธีใหญ่โต อยู่นะ  เพราะ รัชกาลที่ 7 ท่านสวรรคตที่เมืองนอก แล้วจะเอาพระบรมศพกลับมาตอนนั้น  เรื่องคงจะยาว เพราะขนาดพระนางเจ้ารำไพพรรณีโดยเสด็จมากับ พระอัฐิ  ท่านก็มาโดยเรือ นะ ส่วนของพระบรมราชชนก นั้นท่านสิ้นพระชนม์เมืองไทย ถ้าจะดูกันจริงจริง ไปดูเรื่องงานพระบรมสมเด็จพระปิตุฉาเจ้าดีกว่า  เพราะเป็นช่วงรัฐบาลดังกล่าวอยู่พอดี ส่วนที่คณะราษฎร์ประกาศ ว่า ระบบสถาบันไม่เคยทำประโยชน์ให้ไทย   ไม่มีอะไรมาก  แค่ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วก็เงินที่ส่ง พวกเค้าไปเรียนเมืองนอก นั่นแหล่ะ  มาจากไหน  สงสัยนึกว่าตัวเองเป็น นักเรียนทุนแลกเปลี่ยน  afs yfu rotary อะไรกันมั้ง ไปอยู่เมืองนอกกันไม่กี่ปี อะ เห็นชีวิตฝรั่งแบบผิวเผิน ก้กลับมา อยากเหมือนเค้าบ้าง แต่ก็จริงนะ เงินที่ส่งไปเรียน เป็น investment ที่แย่ เพราะกลับมาแต่ละคน ไฟแรงก็จริง  แต่ตอนหลัง นอกจากเผาอะไรต่อมิอะไรจนวายวอด  ไฟก็เริ่มหันมาเผา พวกเดียวกันเอง ตอนพวกตัวเองเป็นใหญ่ ก็อำนาจคับฟ้าไม่เบา อยู่กินกันดีดีทั้งน้านนนนนนน จากคุณ : tinglee tingamee เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 07:00:19

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ประชาชนลูกตาสี-ตาสา ที่ส่งไปเรียนเป็นส่วนน้อยครับ   เพราะส่วนใหญ่ที่ส่งไปเรียน  เป็นราชวงศ์และบรมวงศานุวงศ์ เชื้อสายเจ้าอยุธยาเก่า  และขุนนางศักดินาทั้งนั้น และที่สำคัญ  คือ  คณะราษฎร์  "ไม่ได้" ต้องการล้มสถาบันกษัตริย์   เพียงแค่จำกัดอำนาจ เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 13:43:43 แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 13:41:48 จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 13:38:25

ความคิดเห็นที่ 12 ขัดแย้งกับ ประชาธิปไตยปลอมๆที่ส่งเป็นพันธุกรรมร้ายถึงปัจจุบันน่ะสิครับ ปีแรกของการผลัดเปลี่ยนอำนาจ มีการโกงการเลือกตั้ง ประชาชนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร นายก คณะรัฐบาล ก็พยายามอยากได้อำนาจ อยากมี จนประเทศเป็นอย่างทุกวันนนี้ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 17:59:30

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าจำไม่ผิด   เลือกตั้งครั้งแรกนั่น   ประชาชนไม่มีสิทธิเลือกด้วยซ้ำ    ให้ผู้ใหญ่บ้านตามหมู่บ้านต่างๆเป็นตัวแทนคนในหมู่บ้านมาเลือก      ไม่ควรจะเรียกว่าการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 20:22:02 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 20:21:29

ความคิดเห็นที่ 14 ความเห็นที่ 13 ครับ เค้าเรียกว่า การ เลือกมาให้ทำท่าว่าเลือกตั้ง ความเห็นที่ 11 ครับ แต่คนในคณะราดหน้า ที่เป็นตัวนำเนี่ยยยยย  ขายควายไปเรียนเหรอครับ ไม่ว่าจะอะไร คณะราดหน้า พลาด ครับ  ถ้าหลักการณ์ดีจริง planning ดีจริง  รู้จักคนไทยจริงจริง  ป่านนี้ คงดีกว่านี้เยอะ อันนี้ช่วย clear ผมหน่อยนะ เพราะได้ข่าวว่า ระบบการศึกษาที่คณะราดหน้า ทำให้คนไทย ก็เป็นระบบ แบบ ไม่ให้คิดเป็น  เพราะต้องการจะ จำกัด อำนาจ อยู่ในกลุ่มและตระกูลตัวเอง ในอนาคต  จริงหรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่เห็น ลูกหลานช่วงนั้นก็ อยู่ดีกินดี มี( ^o^ )อยู่ในบ้าน มีคนขับรถ จนเกิดเป็นละครน้ำเน่า ของไทย เต็มไปหมดตามทีวี  ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา  แล้วกลับมาเชิดใส่ คนไทยตาสีตาสา กันสุดตัว ตรงไหนครับที่ว่า ราดหน้า เค้าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง จากคุณ : tinglee tingamee เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 06:17:25

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าจำไม่ผิด หลังจากที่รัชกาล7 สละราชสมบัติแล้ว รัฐบาลสมัยนั้นสั่งยึกพระราชทรัพย์ของรัชกาลที่7 นะครับ วังศุโขทัย และพระราชวังไกลกังวล ก็ถูกยึดให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย ดังนั้นจะไปหวังให้รัฐบาลในสมัยนั้นมาถวายพระเกียรติก็เห็นทีจะยากครับ พ่อเล่าว่าปู่ของผมซึ่งเคยเป็นมหาดเล็กหน้าห้องพระบรรทมของรัชกาลเคยเล่าว่า ตอนที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินกลับมาประทับที่เมืองไทยแล้ว และปู่ได้ไปเข้าเฝ้าสมเด็จฯนั้น ในฐานะที่เป็นข้าในพระองค์นั้น สมเด็จฯทรงรับสั่งกับปู่ว่า "ชั้นนึกว่าจะไม่ได้กลับมาเสียแล้ว" แปลว่า รัฐบาลในสมัยนั้นคงจะบีบเค้นพวกเจ้าเอาเรื่องทีเดียวครับ ส่วนงานพระศพสมเด็จพระปิตุฉาเจ้าฯนั้น เคยอ่านเจอในหนังสือสักเล่มนึง (ไม่แน่ใจว่าของอาจารย์ สมภพ จัทรประภารึเปล่า) บอกว่าการพระศพนั้น รัฐบาลแจ้งมาว่า "ไม่มีเงิน" ดังนั้นสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อการนี้เองครับ จากคุณ : เลียว เวียน ซาน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 13:09:11

ความคิดเห็นที่ 16 ก็บอกแล้วประเทศไทยมันประชาธิปไตยปลอมๆ พอนานเข้าของที่หุ้มไว้แต่เปลือกมันก็เริ่มโผล่มา จากคุณ : เจือจาง เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 13:35:03

ความคิดเห็นที่ 17 ประชาธิปไตยแบบไทย จำเป็นต้องเหมือนฝรั่งต่างชาติด้วยหรือ การที่เรามีแนวทางของเราที่เหมาะกับเรา มันก็ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนต่าิงชาิติ จากคุณ : โกเมศ (GIFTCGM) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:46:21

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่กล่าวหาว่า ราชวงศ์ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศ จะเห็นได้ว่าพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ล้วนแต่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากมาย โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่5 ถือได้ว่าเป็นรากฐานของความเจริญของประเทศในสมัยปัจจุบันทั้งนั้นเลย (การเลิกทาส,เลิกฝิ่น,เลิกการพนัน,สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน,หลักการปกครองฯลฯ) เชื่อว่าคนไทยทุกคนรู้ซึ้งเรื่องนี้ดี แต่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของบางคห,ในกระทู้นี้เรื่องการสร้างชาติ เพราะถ้าไม่มีเปลี่ยนแปลงการปกครองในอดีต จากราชาธิปไตยมาเป็นประชาธิปไตยอย่างในปัจจุบัน และคุณๆทั้งหลายอาจจะไม่ได้มานั่งเล่นอินเตอร์เน็ทโดยหยิบยกเรื่องราชวงศ์มาวิจารย์กันอย่างเสรีแบบนี้ก็เป็นได้นะคะ อย่าให้ถึงกับต้อง เลิกร้องเพลงชาติหรือเปลี่ยนเนื้อเพลงชาติใหม่เลยค่ะ เราพอใจกับประชาธิปไตยในแบบของเราแบบนี้มากกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 53 20:02:33 จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 19:59:13