ความคิดเห็นที่ 2 |
หลายๆคนที่กำลังอยากจะยึดอาชีพนักแปล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทที่เรียนภาษาอังกฤษมาได้แบบดีพอใช้ได้ แต่ไม่ดีเยี่ียมระดับเทพ หลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่า การไปเรียนปริญญาโทการแปล จะทำให้จบมาแล้วแปลเก่งเหมือนเสือ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่
เรามีโอกาสได้พบปะกับมหาบัณฑิตการแปลจุฬารุ่นแรกเกือบจะทุกคนในกลุ่ม แล้วพบว่าคนพวกนี้เคยทำงานเป็นนักแปลที่ชำนาญระดับเขี้ยวลากดินมาแล้วหลายปีก่อนที่จะเข้าไปเรียนปริญญาโทการแปล พอจบมา ไอ้ความที่เก่งอยู่แล้ว (บางคนเขียนภาษาอังกฤษได้ระดับสูสีฝรั่งเจ้าของภาษา) และเอาวุฒิปริญญาโทการแปลมาเป็นใบเบิกทางด้วย มันทำให้พวกเขากลายเป็นเสือติดปีก
แต่ปริญญาโทการแปลรุ่นหลังๆ (นี่พูดโดยทั่วๆไป ไม่ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นมหาลัยไหน นะ) มีคนที่เขียนภาษาอังกฤษได้แค่พอใช้ได้ (เก่งแค่พอสอบผ่านเข้าไปเรียนได้) และเรียนๆไปก็หวังว่าจะจบมาแล้วเป็นเทพได้ แต่มันไม่ใช่ นั่นก็เพราะว่า ทักษะที่ทำเงินได้สูงสุดในการทำงานแปล นั่นก็คือทักษะในการเขียนภาษาที่ 2 เป็นอย่างดีในการแปลจากภาษาที่ 1 ไปเป็นภาษาที่ 2 เนื่องจากว่า การแข่งขันสูงมากๆ เพราะนักแปล (ระดับรองๆ) ส่วนใหญ่จะถนัดแต่การแปลจากภาษาที่ 2 ไปเป็นภาษาที่ 1
facts: ภายในเวลา 2 ปี หรือ 2.5 ปี ของการเรียนปริญญาโทการแปล ซึ่งนักศึกษาจะต้องทำงานหนักโดยการศึกษาอะไรที่ออกแนววิชาการมากๆนั้น มันไม่มีเวลาที่จะเพิ่มทักษะการเขียนภาษาที่ 2 ให้เลิศเลอ perfect ได้นัก
และเมื่อจบมา สิ่งที่จะต้องเจอก็คือการแข่งขันกันในตลาดงานแปล ซึ่งการทำงานรับเงินเดือน หรือการแปลหนังสือภาษาอังกฤษเป็นไทย มันไม่ทำรายได้ให้นักแปลมากนัก รายได้สูงสุดของนักแปล คือ
"freelance translation ที่นักแปลอิสระรับงานแปลราคาแพงๆเป็นชิ้นๆอย่างต่อเนื่องมาจากลูกค้าโดยตรง และเป็นการแปลเอกสารยากๆจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ"
ซึ่งในกรณีนี้ จะมีการแข่งขันกันสูงมากๆ โดยการส่งตัวอย่างการแปลเข้าประมูล
ผลก็คือนักแปลที่อาจจะไม่จบปริญญาเลยสักใบ แต่ bilingual มากระดับเขียนภาษาอังกฤษไม่มีกลิ่นกะปิน้ำปลาเลย จะเอาชนะแย่งงานนักแปลที่มีปริญญาโืทการแปลไปได้สบายๆถ้านักแปลปริญญาโทยังเขียนภาษาอังกฤษได้แค่พอใช้ได้แต่ไม่ดีเยี่ยม
ถามว่านักแปลที่ bilingual มากๆจนเขียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆได้ดีเยี่ยมระดับเทพ แต่ไม่จบปริญญาเลยสักใบ มันมีด้วยหรือ?
คำตอบคือมี มันอาจเป็นคนไทยที่ไปอยู่ต่างแดนมาตั้งแต่เด็กๆแล้วเรียนจบแค่ high school หรือฝรั่งเจ้าของภาษาเรียนจบแค่ high school แล้วมาอยู่ีเมืองไทยจนเขียนอ่านภาษาไทยได้ดี...นักแปลพวกนีึ้มีศักยะภาพสูงมากๆ ในการแย่งงานแปลไปจากนักแปลที่จบปริญญาโืทการแปลซึ่งเขียนภาษาอังกฤษได้แค่พอใช้ได้....
สรุป การพัฒนาทักษะการแปลควรมีเป้าหมายสูงสุดคือ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็น bilingual ที่สามารถแปล จากภาษาที่ 1 ไปเป็นภาษาที่ 2 ได้โดยไม่มี syntactic errors in the writing of second language learners ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วกระบวนการเรียนรู้ในระดับนี้ มักจะเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองจากประสบการณ์ในชีวิตจริง
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 17:36:50
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 17:17:10
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
24 เม.ย. 53 17:14:18
|
|
|
|