ความคิดเห็นที่ 1   ถ้าของเราก็ "เกิดมาเป็นคนทั้งที ชาตินี้ ฉันต้องสยบภาษาอังกฤษให้ได้ หึหึหึหึ มาเลย อ้ายภาษาอังกฤษ ห้าห้าห้า!" (หัวเราะไปด้วยจะได้อารมณ์มาก) จากคุณ : ชีวีมีความหมาย เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 02:15:17

ความคิดเห็นที่ 2 "สักวันฉันจะเป็นแอร์โฮสเตท"   แค่นี้รับรอง ภาษาเจ๋ง จากคุณ : pinpare เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 02:22:34

ความคิดเห็นที่ 3 คิดถึงอนาคตครับ คิดว่าเราต้องทำได้ดีกว่านี้ จากคุณ : pittnrk เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 02:52:41

ความคิดเห็นที่ 4 สมัยผมเป็นเด็กผมเป็นเด็กขยันเรียนครับ ผมตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเพราะอยากทำข้อสอบถูกหมดแล้วจะได้คะแนนเต็มหรือเกือบเต็ม ผมก็เลยขยันทำการบ้าน ขยันท่องศัพท์ grammar ก็เลยแน่น หนูอาจตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ เช่น จะไปเรียนต่างประเทศ หรือจะเป็นนักธุรกิจระหว่างประเทศ หรือจะเป็นนักแปลที่เก่งที่สุด หรือจะทำคะแนน toefl หรือ toeic เท่านั้นเท่านี้ให้ได้ เป็นต้น จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 03:27:57

ความคิดเห็นที่ 5 ชอบเพลงฝรั่งค่ะ ทำให้อยากทราบความหมายของเนื้อร้อง ก็เปิดดิกเพราะเนื้อเพลงบ่อยๆ เลยชอบเรียนภาษาอังกฤษ จากคุณ : Aunty_Joy เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 07:26:34

ความคิดเห็นที่ 6 ผมไม่อยากเก่งภาษาอังกฤษ ไม่เคยตั้งเป้าว่าจะเก่งภาษาอังกฤษ แต่มันดันเก่งเอง ช่วยไม่ได้ เก่งได้อย่างไร? ผมชอบอ่านหนังสือ อยากรู้เรื่องก็เลยอ่าน หนังสือภาษาไทยไม่มีให้อ่านเพราะคนแย่งจากห้องสมุดหมด ผมก็เลยอ่านแต่ภาษาอังกฤษ อ่านๆไปก็เพลินเพราะได้รู้เรื่องที่ไม่เคยได้รู้ ได้สัมผัสสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส จากเล่มแรกไปเล่มที่สองที่สามที่สี่ที่ห้า........ เผลอแผล็บเดียวเก่งแล้ว ไม่รู้ตัวหรอก อยู่ดีๆท๊อปของจังหวัดไปเรียบร้อยแล้ว ประเด็นคือ เพลิน ครับ ต้องเพลิน ต้องสนุก อย่าไปนึกว่ามันเป็นงาน มันเป็นอะไรที่ต้องเข็นด้วยความลำบากยากเย็น ดังนั้นตอบได้ว่า แรงบันดาลใจของผมคือ Black Beauty + Alice in Wonderland + The Wind in the Willow + Arthur C. Clarke + Isaac Asimov + Henry Kuttner + Clifford D. Simak + S.P. Somtow + ........................................ ad infinitum จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 08:07:54

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะอยากอ่านหนังสือนิยายภาษาอังกฤษได้(แบบเปิดดิกน้อยที่สุด) อยากเขียนภาษาอังกฤษให้มันสละสลวย จากคุณ : อยากเลี้ยงน้องไซแต่ไม่มีตัง เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 08:44:18

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้พอได้มัั้ยคะ !! จากคุณ : pisage เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 09:03:31

ความคิดเห็นที่ 9 "I can because I think I can." ดัดแปลงจาก "They can because they think they can."       "They are able because they think they are able." "They succeed, because they think they can." -- Virgil  Roman epic poet (70 BC - 19 BC) ป.ล. จริง ๆ ในชีวิตคนมันก็มีข้อยกเว้นล่ะนะ ไม่ใช่ว่าตั้งใจ ใช้พลังจิตมุ่งมั่นแล้วจะสำเร็จไปทุกครั้งทุกเรื่อง แต่บางทีครั้งเวลาฮึด ๆ สู้ ๆ ท่องคตินี้ไว้ก็ไม่เสียหลาย เราใช้บ่อย จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 16:11:10

ความคิดเห็นที่ 10   หูยยย... ค.ห.8 นี่แบบว่าเห็นภาพของ จริง จากคุณ : ccr_nuoya เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 20:14:10

ความคิดเห็นที่ 11 เราเกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากกว่าวิชาอื่นใดทั้งหมดมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ประถมถึง ม. ต้น เรียนไม่เคยรู้เรื่องเลย (สมัยเด็กๆเรา iq ต่ำกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วๆไป) เผอิญจบ ม.ต้นแล้วย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างแดน ต้องฟังกับพูดภาษาอังกฤษทุกวันมันเลยเรียนได้ไปเอง แต่ตอนนั้นรู้แค่ฟังกับพูดและอ่านรู้เรื่องแค่หนังสือง่ายๆ...ถ้าอ่านหนังสือยากๆก็อานเหมือนกันกว่าจะอ่านจบเล่มก็เปิด dictionaries แทบคางเหลือง... แล้วเผอิญกลับมาเมืองไทย ตกงานไม่รู้วิชาชีพอะไร ก็เลยกัดฟันเรียนภาษาอังกฤษอย่างหนักเพื่อไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ตลกดีไหมล่ะ? นั่นก็เพราะว่าพอเห็นช่องทางทำรายได้ ทำๆไปก็สนุกดี แต่ไม่ชอบแต่งตัวเรียบร้อย อยากทำงานอยู่กับบ้าน ก็เลยฝึกแปลเอกสารฝึกแปลหนังสือ ทีนี้กลายเป็นต้องเรียนหนักกว่าเดิม...แย่จริงๆ...!!!?? สรุปแล้ว เราเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นกว่าเดิม  ก็ตอนอยู่เมืองไทยนี่แหละ ตอนอยู่เมืองนอกไม่ค่อยเก่งหรอก แค่ฟังกับพูดแต่เรื่องไร้สาระไปวันๆหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เรียนหนักเหมือนตอนมาเรียนด้วยตัวเองในเมืองไทย เราไม่เคยมีคำขวัญอะไรที่จะทำให้ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษเลย เราเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้นเพราะสถานการณ์บีบบัีงคับ ไม่ใช่เพราะใจรักการเรียนภาษาอังกฤษหรอก แต่เป็นเพราะจำเป็นต้องเรียนเพื่อเอาความรู้ไปทำงานแปลเอกสารกับแปลหนังสือ ให้แปลไวๆ แล้วแปลออกมาให้ได้ดีด้วย  ม่ายงั้นอดตาย...555+++... อ้อแล้วเผอิญเรากลับกลายเป็นเรียนได้มากและรวดเร็วตอนอายุเยอะ เพราะสมองเราทำงานย้อนทางกับมนุษย์ทั่วๆไป คนส่วนใหญ่สมองพัฒนาไวฉลาดมากๆตอนเด็กๆ และตอนแก่สมองเสื่อม เรากลายเป็นตรงกันข้ามตอนเด็กๆพัฒนาช้า ยิ่งแก่ตัวสมองเรายิ่งเรียนรู้รวดเร็วแล้วจำอะไรได้เยอะมากๆ เราเกิดมาประหลาดผิดมนุษย์ส่วนใหญ่เขา จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 22:55:34

ความคิดเห็นที่ 12 ขอรับรองเรื่องผิดมนุษย์ว่าเป็นความจริง แบบว่าเรื่องที่คนอื่นเขาอยู่เฉยๆแต่หมอดูกลับไป ส ใส่เกือก จนโดนไล่เหยียบมาแล้ว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 01:03:39

ความคิดเห็นที่ 13 ู^ ^ ก๊ากๆๆ... เราเล่าให้แฟนเราฟังว่าลูกพี่ผมสั้นแล้วก็ยังเห็นเดินเข้าร้านตัดผมวันนั้นอีก ก็เลยแซวว่า "ทำไมไม่โกนเสียเลย" แต่ลูกพี่ตอบว่า "ยังรักสวยรักงามอยู่หน่อยๆ" แฟนเราฟังเลยหูผึ่งขู่เราว่า "ต่อไปนี้ถ้าเราทำตัวเกเรเธอจะแอบตัดผมเราน่ะ...อ๊ะ...จ๊ากๆๆๆ...!!!" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 14:40:39

ความคิดเห็นที่ 14 I'm similar to fortuneteller in that circumstances forced me to become proficient in English. My family was poor (9 children). So I wanted to study abroad by scholarship so as to lessen my parents' burden. The only way I could think of then was to master the English language. I did and could. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 21:56:04

ความคิดเห็นที่ 15 Once upon a time I happened to be in a small town in an English speaking country where there were only 7 fellow Thais. My motivation is as simple as surviving. จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 53 12:05:13

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นคนชอบอ่าน การ์ตูน+นิยาย บางเล่มก็ไม่มีตีพิมพ์ภาษาไทย หรือไม่ก็ออกในเมืองไทยช้า ก็หาอ่านเอา ตอนแรกเริ่มอ่านการ์ตูนก่อน อ่านไม่ค่อย เข้าใจดูภาพแล้วเดาๆไป พอเริ่มรู้เรื่องก็อ่านนิยาย :) จากคุณ : bluefate เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:13:28