ความคิดเห็นที่ 1 ตกใจเหมือนกันค่ะ อย่างว่าปีนี้ปีแรกที่ใช้ระบบgatpat เด็กเลยไม่กล้าลงเท่าไหร่ จะมีคะแนนอยู่จุดๆหนึ่งที่เด็กจะเริ่มไปเลือกธรรมศาสตร์ ม.เกษตร ฯลฯ ประมาณว่าคนที่1-70คะแนนถึง คนที่71-74 คะแนนปวกเปียก แต่ใจถึงลองเลือกดู แล้วหมอนี่คือคนที่75พอดีรึเปล่า   มั่วเอานะคะ5555 หรือ...เลี้ยงกุมารทอง       โอ้ว..ไปกันใหญ่ละ อ้อ รุ่นพี่เข้าปี49ก็มีปรากฏการณ์แบบนี้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : BlueSeasons เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 02:19:50

ความคิดเห็นที่ 2 กล้ายื่น สอท ก็กล้ารับครับ เหอะๆๆๆ ปัจจัย หลายอย่างครับ - นิติ จุฬา อั้นไว้รอ ที่ 1 ประเทศ เหมือนปีที่ผ่านๆมา ทำให้เด็กคิดว่าต้องพวกเทพ 75+ ขึ้นเท่านั้นถึงจะติด เลยไม่กล้าลงกัน - คนลงครบ 75 เเล้วไม่มีคนลงเพิ่ม  เลยตัดที่คนนี้ เหอะๆๆๆ - ไอ่คนนั้น ดวงมัน เทพ ฮ่าๆๆๆ.....ผมคิดให้ตายก็ไม่ได้ สองพันหก นิติ จุฬา มีทั้ง 88xx เเละ 26xx อิอิ จากคุณ : วีรวรรธน์ (weerawatnaks) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 02:29:13

ความคิดเห็นที่ 3 อยากให้รับรวมครับ ทุกสาขาวิชาตัดกันหมด ห้าห้าห้า รัฐศาสตร์ จุฬาฯ สมัยก่อน ไม่ว่าจะจบสายวิด สายสิน ก็เอาคะแนนเทลงหม้อ แล้วคัดเอาสูงสุด 60 อันดับแรก นี่พอเลือกรับเป็นวิชา มันเลยเป็นงี้ แต่ต้องยอมรับว่า ดวงดีจริงๆ ป.ล.ผมว่า เรียนไม่รอดหรอกครับ โดยเฉพาะวิศวกรรมศาสตร์คอม เนี่ย ขนาดเทพๆยังต้องถอน ติดเอฟเลย คิดหรอว่าคนคะแนนได้วิชาละ 30 40 คะแนน จะสู้เทพในคณะได้ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 04:52:00

ความคิดเห็นที่ 4 คะแนนสูงสุด กับ ต่ำสุด ต่างกันขนาดนี้ จับเรียนรวมกันจะเรียนด้วยกันรอดไม๊ครับเนี่ย จากคุณ : ฟุตลอง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 07:21:50

ความคิดเห็นที่ 5 ดูแค่สูงสุดต่ำสุดยังบอกไม่ได้นะครับ ต้องดูที่ค่าเฉลี่ย  เพราะปีนี้เกณฑ์ต่ำสุดจะต่ำทุกคณะเลย เป็นไปได้ว่าข้อสอบยาก ให้ดูที่ค่าเฉลี่ย ว่ากองที่ช่วงคะแนนไหน จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 08:34:55

ความคิดเห็นที่ 6   ที่จุฬาฯ แต่ละคณะจะตัดเกรดกัน จะตัดอิงกลุ่มซะส่วนใหญ่ ลองคิดดูแล้วกัน ว่าถ้าคะแนนเฉลี่ยของนิติ จุฬาฯ(สูงสุด 89% ต่ำสุด 26%) อยู่ที่ 75% น้องที่เข้ามาที่ 26.1% จะเป็นอย่างไร เมื่อต้องมาเรียนรวมห้องเดียวกันกับเพื่อนๆ แต่ก็นับถือความกล้าหาญชาญชัยของน้องมาก อย่างว่าละ อันดับ 1 เขาให้เลือกคณะที่เราอยากเข้ามากที่สุดนิเนอะ ถึง 26% ก็เลือกเลย ก็คนมันใจรัก อิอิ และน้องก็ถูกหวยเลย เพราะไม่มีใครกล้าเลือก จากคุณ : icutou เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 09:12:15 A:125.27.16.38 X: TicketID:138818

ความคิดเห็นที่ 7   ความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยไง จากคุณ : ริสาสาวสวย เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 09:28:55 A:10.100.95.100 X:203.155.165.15 TicketID:142104

ความคิดเห็นที่ 8 ระยะทางพิสูจน์ม้า   กาลเวลาพิสูจน์คน.. ผมว่าน้องมีความตั้งใจที่จะเรียนคณะนี้ ไม่แน่นะ   เข้ามาด้วยคะแนนต่ำสุด    แต่จบไปคะแนนอาจจะเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองก็ได้  ใครจะไปรู้... ให้โอกาสน้องก่อน...นี่เพิ่งเริ่มต้นเอง จากคุณ : takop เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 09:49:09

ความคิดเห็นที่ 9 ปี 47 ก็คะแนนสูงเว่อร์อ่ะ.... จากคุณ : giang_au เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 09:57:35

ความคิดเห็นที่ 10 อยากจะให้เข้าใจใหม่ว่า ที่1ประเทศ มันอาจจะไม่ใช่คณะนินิศาสตร์ก็ได้ คือมันคิดเป็น เปอร์เซน ซึ่งแค่ละคณะก็มีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ถ้าจะบอกว่าเด็กที่ได้คะแนนที่1 เป็นคนไหน ก็บอกไม่ได้อยู่ดี -------------------------------------------------------------------- มันก็เหมือนตอนหลายปีที่แล้ว ที่มีคณะนึง จำไม่ได้แล้วค่ะ เป็นคณะฮิตมาก แต่คะแนนต่ำสุดก็ต่ำจริงๆ มันเป็นเพราะระบบมันเปลี่ยนไปทุกปีด้วยมั้งคะ เด็กๆก็เลยเลือกเรียนแบบไม่อิงดูจากปีก่อนๆ คะแนนต่ำสุดของคณะ ถ้ามันต่ำขึ้นมา มันก็ไม่ได้หมายความว่า คณะนั้นแย่นะคะ เราเข้าคณะไปด้วยคะแนนเกือบต่ำสุดเลย เรียนไปก็แซงคนที่เข้ามาที่1ที่2ได้ เด็กคนที่ได้26เปอร์เซนต์ อาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในอนาคตก็ได้ เพราะว่าตอนเรียน ตอนสอบ ตอนทำงาน มันคนละเรื่องกัน การศึกษาบ้านเรามันเปลี่ยนไปทุกปีแหละค่ะ ก็ต้องมาตกใจกันทุกปีแหละ หุหุ -*- แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 53 13:37:16 จากคุณ : ไข่เจียวต้นหอม เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 13:33:42

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะว่า เค้าไม่กล้าเลือกกันอ่ะค่ะ ระบบมันเพิ่งเปลี่ยน คนที่หลุดจากสอบตรงมาแล้ว ก็ไม่กล้าเสี่ยงกัน มีคนที่คะแนนถึงแต่ไม่ได้เลือกเยอะแยะไปค่ะ เพราะคิดว่าคะแนนตัวเองไม่ติดแน่ๆ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 14:01:51

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ใช่แค่คณะสายวิทย์อ่ะครับ คะแนนของคณะสายศิลป์เกือบทุกคณะน่าตกใจหมดครับ นิติยื่นเลขก็น่าตกใจมาก รวมทั้งคณะสายศิลป์รัฐศาสตร์ นิเทศ คือถ้าคิดในแง่ที่ว่าGATเฟ้อมาก ทุกคนคาดการณ์ในแง่ที่ว่าคณะเหล่านี้คะแนนสูงล้นหมดครับ คะแนนออกมาแบบนี้ถือว่าง่อยมาก ในขณะที่GATเฟ้อขนาดนั้น มีปัญหาแน่ๆแล้วล่ะครับ ตอนแรกผมคิดว่า75xxยังถือว่าธรรมดา พอคะแนนออกมา แต่ละอัน อึ้งกิมกี่ คะแนนง่อยมากๆ คณะปี 49 ที่เกิดขึ้นคือ วิศวะ สำรวจ จุฬาฯ ครับ 3x% แต่ไม่น่าแปลกใจเพราะรู้สึกว่าจะเพิ่งแยกรับปีนั้น(ไม่แน่ใจนะครับ) ปล. ^ ^วิศวะ ปีนี้ คะแนนต่ำมากครับ(ไม่นับวิศวะคอมนะ) เด็กเก่งไปตกที่เกษตร ลาดกระบังซะเยอะครับ ไม่กล้ามาระบบกลาง รวมทั้งเกษตรมีการรับสำรองเยอะมาก ลาดกระบังรับไปพันกว่าคน สูงมาก จากคุณ : int.anti เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 19:21:15

ความคิดเห็นที่ 13 อย่าไปคิดว่าน้องคนที่ได้ 26%  จะเรียนไม่ไหวดิ คนเราถ้าดวงดีซะอย่าง  อะไรก็ไปรอด จากคุณ : เป็ด (Brave_AE1) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 20:12:11

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ 26% คือต้องให้คนทั้งคณะพร้อมใจกันทำคะแนนGAT PAT O-net ให้ได้0คะแนนอ่ะครับ - - จากคุณ : int.anti เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 20:17:35

ความคิดเห็นที่ 15   ผมว่าไม่ไหวนะ... 2600 ผมลองคำนวนดูเล่นๆ คะแนนมันต้องระดับเฮงซวยมากๆนะครับ เกรดประมาณเฉียดๆ 2 Onet 8 วิชารวมกันได้ 100 Gat 50 Pat 40 นีก็คร่าวๆครับ ไมไ่ด้ดูถูก แต่ผมมองว่าโง่ครับ ไม่เอาใจใส่เรียนเลยด้วยซ้ำ ทำเต็มที่แล้วแต่ได้ไม่ดีพอ กะ ไม่ทำอะไรเลยแล้วก็ไม่ดี มันไม่เหมือนกันนะครับ... กรณีนี้ผมว่าไม่ใช่เรียนไม่เก่งหรอก คะแนนเน่าได้ขนาดนี้น่ะ จากใจ... จากคุณ : Intania #81 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 23:01:19 A:58.8.25.63 X: TicketID:173916

ความคิดเห็นที่ 16 เอ่อ ขออนุญาตให้ความเห็นในฐานะที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยหน่อยนะครับ จากประสบการณ์ที่สอนนิสิตมาก็หลายปี อยากจะบอกว่า คนที่เข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงๆนั้น ไม่จำเป็นว่าจะจบออกไปด้วยระดับเกียรตินิยมหรือว่าเก่งเทพตอนเรียนครับ เมื่อสองปีที่แล้วนิสิตที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคะแนนสูงสุดของทั้งคณะที่ผมสอน ก็เป็นเด็กที่คะแนนสอบเข้าได้รองบ๊วยของสาขาครับ ส่วนคนที่คะแนนสอบเข้าสูงสุด ปรากกว่าเป้อครับ ต้องเรียนห้าปี แล้วเหตุการณ์เช่นนี้ก็มีให้เห็นมันทุกปีครับ นิสิตบางคนที่เขามาด้วยคะแนนสูงๆ แต่พอเข้ามาแล้วหลงระเริง ควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะไม่มีใครมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช อยู่หอพักห่างพ่อห่างแม่ ทำตัวเหลวแหลก ติดการพนันก็มีให้เห็นเยอะไปครับ แถมครูบาอาจารย์ว่ากล่าวตักเตือนก็ด่าอาจารย์ลงเฟซบุคก็มี (ผมเพิ่งอ่านไป ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กสมัยนี้คิดว่าอาจารย์เป็นแค่คนรับจ้างสอนเท่านั้น) แต่บางคนคะแนนสอบเข้ามาแล้วไม่สูงมาก แต่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่พอ ดูแลตัวเองได้ดี ก็สามารถประสบความสำเร็จในการเรียนได้ครับ ผมจะบอกนิสิตที่นั่งเรียนหมู่ผมเสมอว่า คะแนนที่สอบเข้ามานั้นไม่ว่าจะสูงหรือต่ำแค่ไหน มันก็แค่วัดว่าคุณได้เข้ามานั่งตรงนี้เท่านั้น พอเข้ามาแล้วคะแนนที่สอบเข้ามาได้มันก็เป็นศูนย์ ทุกคนเริ่มนับหนึ่งใหม่หมด คนที่คะแนนสูง เก้าอี้ก็ไม่ได้ใหญ่กว่าหรือกว้างกว่าคนที่คะแนนน้อยกว่า รวมทั้งไม่ได้มีสิทธิมานั่งเรียนหน้าชั้นใกล้อาจารย์มากกว่าคนที่ได้คะแนนน้อยกว่า คนที่ตื่นเช้าและมาเรียนเท่านั้นจึงจะมีสิทธิได้นั่งข้างหน้า แล้วพอคุณเข้ามานั่งเรียนตรงนี้แล้วก็จงอยู่กับปัจจุบัน ระลึกสติอยู่กับปัจจุบันให้มาก ให้รู้ตัวทุกขณะว่าทำอะไรอยู่ เพราะถ้าพลั้งเผลอไปแม้เพียงชั่วขณะก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้เรียนไม่จบได้ การเรียนมหาวิทยาลัยมันไม่ใช่วิ่งร้อยเมตรครับ แต่เป็นการวิ่งระยะไกล ถ้าใครเคยวิ่งทางไกลอย่างน้อย half marathon อย่างผมจะรู้ดีกว่า คุณจะประสบความสำเร็จและเข้าเส้นชัยได้นั้นคุณต้องวิ่งให้ได้สม่ำเสมอ ต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวครับ จึงจะเข้าเส้นชัยได้ครับ ส่วนใครจะเข้าที่ 1 ที่ 2 หรืออันดับที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่ อันนั้นมันขึ้นอยู่กับแทคติคและเทคนิคของแต่ละคนครับ สำหรับคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ดีใจด้วยครับ แต่บอกเสียก่อนว่าอย่าดีใจนานครับ พอเข้ามาเทอมแรกเดี๋ยวก็รู้เองครับว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยกับชีวิตในโรงเรียนมันต่างกันมาก อย่ามัวแต่นั่งฝันหวานนึกถึงความเก่งของตัวเองในอดีตครับ จงอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดี แล้วอนาคตมันก็จะดีตามมาเองครับ ส่วนคนที่สอบไม่ได้นั้น เสียใจได้แต่อย่าเสียใจนานครับ ผมเองสมัยม.6 ก็สอบเอนทรานส์ติดเภสัชที่หาดใหญ่แต่ที่บ้านยากจน เลยต้องสละสิทธิ์แล้วมาเรียนวิทยาศาสตร์ที่รามคำแหงแทน อยู่รามคำแหงก็ต้องหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด ทำงานสารพัด ทุลักทุเล แม้ว่าจะเรียนนานหน่อย แต่ก็สามารถผ่านมาได้อย่างภาคภูมิใจ ผมเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น สถาบันที่สั่งสอนอาจจะมีส่วนบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจและมุ่งมั่นของตัวเราเองครับ ต่อให้เราเรียนในสถาบันที่ดีเลิศขนาดไหน แต่ถ้าคุณขาดซึ่งความมุ่งมั่นและตั้งใจ ก็คงยากที่จะประสบความสำเร็จได้ครับ (นึกแล้วยังเสียดายลูกศิษย์ผมคนนึง มาโดนไทร์เอาตอนปี 8) จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 53 17:36:51

ความคิดเห็นที่ 17 ยังไงผมก็ว่าไม่รอดน่ะครับ คุณกุ้งบก หัวสมองคนที่ทำเลข ฟิ เคม ได้ 60 70 กับ หัวสมองคนทำได้ 30 40 คนละหัวกันนะครับ ไม่ได้ดูถูก แต่คิดว่าน่าจะเข้าใจน่ะครับ อย่างผม หัวผมทำเลข ฟิ ได้อย่างมาก 40 ขยันอย่างไร พยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถอัพเปน 60 70 80ได้ แต่สำหรับ ไทย สังคม อังกฤษ ชีววิทยา เคมี ไรแบบนี้ อัพได้ ผมมองไม่ออกเลยว่า คนได้ต่ำสุดของคอมจุฬาฯ จะเอาชีวิตรอดจากการสอบ การเรียนในคณะได้อย่างไร เหมือนจับเด็กห้องไทยสังคมบ๋วย มาเรียนกับ ห้องคิงเตรียมอุดม น่าจะเห็นภาพชัด คนไม่มีหัวด้านนั้น อย่างไรก็ไม่มีหัวด้านนั้นครับ ขอยืนยัน อันนี้ตรงข้ามกับ มีหัว แต่ขี้เกียจนะครับ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 53 23:28:44

ความคิดเห็นที่ 18   "คห.16 กุ้งบก" ตรรกะที่ยกมานี่ คงใช้ได้กับ คณะที่คะแนนสูงสุด 81% ต่ำสุด 77% หรือ สูงสุด 41% ต่ำสุด 38% ประมาณว่า ช่วงต่างคะแนนในห้อง มันน้อยมาก แต่สำหรับ อันนี้ บอกเลยในฐานะรุ่นพี่ว่า รอดยาก อ้อ แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเป็นนิสิต ในมหาวิทยาลัยที่คุณก็ได้ จากคุณ : icutou เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:10:44 A:125.27.106.118 X: TicketID:138818

ความคิดเห็นที่ 19 เราว่าคณะนิติศาสตร์เข้าปีหนึ่งก้อนับหนึ่งใหม่พร้อมกันหมด เรื่องเรียนไม่น่ามีปัญหาหรอก ยกเว้นพวกภาษาอังกฤษที่อาจจะมีปัญหาเรื่องพื้นฐาน เผลอ ๆ น้องที่ได้ 26 เปอร์เซ็นอาจจะจบเกียรตินิยมก็ได้ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 13:29:06 จากคุณ : เจ้าหญิงส้ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:25:47

ความคิดเห็นที่ 20 ก็แล้วแต่ความเห็นของแต่ละท่านละกันนะครับ แต่ผมยังเชื่อว่าถ้าว่าที่นิสิตคนนี้เอาจริง เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นผู้อื่นครับ มีโคลงสี่สุภาพอยู่บทหนึ่งที่ผมจะนำขึ้น ppt แรกที่ผมสอนทุกครั้งไม่ว่าจะสอนที่ไหน ก็ขออัญเชิญโคลงบทนี้ฝากเอาไว้ให้พิจารณาด้วยละกันครับ ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด ยกแต่ชั่วดีกระด้าง ห่อนแก้ ฤาไหว พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง อ้อ อนติมานี แปลว่า ไม่ยกตนข่มผู้อื่น ครับ จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:21:38

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นคนนึงที่ติดวิศวะคอม แอดกลาง ปีนี้ค่ะ (แต่ไม่ใช่เจ้าของเลขเด็ด 14125 นะคะ แต่คะแนนก็ไม่ได้ดีเหมือนกันค่ะ ฟลุคๆ ฮ่าๆ) ยอมรับว่าคะแนนต่ำสุดต่ำมากจริงๆ โทรไปบอกใครก็ตกใจกันหมด ชนิดที่ว่าเป็น Talk Of The Town เลยทีเดียวค่ะ (เพื่อนเค้าที่รับตรงภาคปกติโทรบอกว่า พามาแนะนำด้วยนะ อยากรู้จัก! เชียวนะคะ ฮา) ส่วนตัวมองว่ารอดยากจริงๆ คือมันต่ำมากกกก มันไม่ได้ขึ้นกับความรู้ที่เรียนอย่างเดียวแล้ว ส่วนนี้มันขึ้นกับความสามารถในการทำความเข้าใจด้วยน่ะค่ะ อาจจะรอดได้ แต่ต้องปรับพื้นฐานเรื่องการตีความ การทำความเข้าใจเนื้อหา อะไรแบบนี้ใหม่หมดเลย ซึ่งต่อให้รอดได้ก็คงข้ามมาแข่งขันกับพวกเด็กโควต้าโอไม่ไหวแน่ คงรอดแบบกระท่อนกระแท่น ไม่ก็กลางๆ อาจจะพอไหว แต่เจ้าตัวต้องอึดมากจริงๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงใจจะคิดว่าเรียนรอดยาก แต่เพื่อนก็คือเพื่อนแหละค่ะ จะคบกันเป็นเพื่อนกันได้รึเปล่าก็อยู่ที่นิสัยเขามากกว่า คงไม่มีใครมานั่ง หมอนี่คะแนนต่ำตรูไม่คบ หรอกค่ะ หรือถ้ามีก็คงไม่ถึง 1% #20 ที่บทกลอนต้องการจะสื่อคือไม่ให้ดูถูกคนอื่น แต่เรื่องความรู้อาจเรียนทันกันหมดนั่น เค้าไม่เห็นด้วยนะคะ  ฮา มันอารมณ์ว่า EQ พอๆ กัน IQ 70 กับ 160 มันเรียนทันกันยากค่ะ แต่ก็ไม่ควรดูถูกเขา เพราะเขาอาจจะมีความสามารถทางอื่นที่เราไม่มี เช่น ทางดนตรีหรือวาดภาพอะไรงั้นนนน : ) จากคุณ : ตัวตลกสีเทา เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:39:05

ความคิดเห็นที่ 22   จะเปรียบไงละครับคุณ กุ้งบก เหมือนเอาเด็กที่ ที่ดิฟได้ กะเด็กที่ หารเลขเป็นมาอยู่ด้วยกัน เอ่อ ถึง จะเรียนได้แต่ก็คงเหมือน กำลังแบกภูเขาแล้ววิ่งไปด้วยเลยละครับ เหอ ๆ แต่ขอให้น้องสู้ๆ นะครับ ไม่ว่ายังงไง "ทั้งหมดทั้งมวล มันอยู่ที่คุณ" ช่างกล้าจิงๆ จากคุณ : PP เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 20:36:42 A:118.174.12.115 X: TicketID:260948

ความคิดเห็นที่ 23   คนเราใช่ว่าจะวัดกันที่คะแนน มาตรฐานมีไว้เปรียบเทียบ แต่ก็สามารถหลุดกรอบ นี้ได้เหมือนกัน ^^ จากคุณ : ZX เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 00:01:31 A:58.9.213.165 X: TicketID:266507

ความคิดเห็นที่ 24 คือผมเข้าใจคุณกุ้งบกพูดน่ะครับ แต่อย่างไรก็ตามที่ น้อง 21 บอก น้องผมแอดกลางเข้าวิศวะจุฬาฯ (ติดหมอจุฬาฯแต่สละสิทธิ์) เข้าด้วยคะแนน 8700 ปีหนึ่งตั้งใจมากๆ เพราะจะเข้าปิโตรเลียม ยังได้ราว 3.7 กว่าๆ ยังพูดเลยว่า ถ้าไม่มีพื้นฐานเดิม และตั้งใจอย่างมากๆ ยังจะตายเอา พอมาปีสอง เข้าภาคปิโตร เกรดตกเหลือ 3.5 ขนาดตั้งใจอย่างมากแล้ว และขอยืนยันว่า แบบที่คุณกุ้งบกบอก เป็นไปได้สำหรับ ลักษณะ คะแนนนสูงสุด 9000 ต่ำสุด 7000 ครับ อย่างน้อยคนที่ได้ 7000 ก็ทำข้อสอบพลาดวิชาละไม่เกิด 5 ข้อ แน่นอน แสดงว่า มีความรู้ราวๆกับคนได้ 9000 แต่ทำผิดนิดหน่อย เข้ามาไม่ได้แข่งกับตัวเองเท่านั้นนะครับ ยังต้องแข่งกับเพื่อนเพิ่มไปอีก และที่ทราบกันว่า วิศวะจุฬาฯ คะแนนเหยียบกันตายแค่ไหน ขนาดสอบเข้ามาได้ 7000-8000 คะแนน พยายามแล้ว ด้วยความยากของข้อสอบ และความ bright ของเด็กเอง ยังต้องมานั่งถอนออก มาเรียนซัมเมอร์เลย ในทางกลับกัน บางคนเอนท์ได้ 8000 หัวไบร์ทขนาดนอนหลับไปตื่น ตื่นมายังรู้เรื่องบนกระดานก็มี สำหรับนิติศาสตร์คิดว่า ก็น่าจะรอด เพราะขนาดคนเรียนราม สอบไม่ติดมหาวิทยาลัย ยังจบเกียรตินิยม หรือเรียนจบกันเลย แต่สำหรับภาษาอังกฤษ ก็ตายอยู่ดีครับ ได้คะแนนไม่น่าถึง 40 ละมั้ง รุ่นน้องผมอีกคนมาจากเตรียม ซิ่วมาจากครุ ได้คะแนนเข้า เกือบ 80 เข้าเกือบทุกคาบ แต่ได้ B ไม่เคยได้ A บอกว่า เทพมากจริงๆ เข้าใจแล้วว่าเทพเป็นไง และความไบร์ทของคนมันไม่เท่ากันจริงๆ (อันนี้คนจบนิติจุฬาฯยุคหลังๆน่าจะยืนยันได้ดี) จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 03:31:16

ความคิดเห็นที่ 25 เนื่องจากว่าผมทำหน้าที่ให้ความรู้ผู้อื่น ก็คงเป็นมุมมองของคนที่ต้องทำหน้าที่ตรงนี้แหละครับว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้เท่ากัน ถ้าเขามีความมานะพยายาม แม้ว่าอาจจะใช้เวลาที่แตกต่างกันก็ตาม ผมจะมาคิดเผื่อไว้ก่อนว่า เด็กคนนี้สอบเข้ามาด้วยคะแนนต่ำแล้วเขาน่าจะเรียนไม่ไหว ไม่ทันเพื่อน ผมคิดเช่นนี้ไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้าคิดเผื่อเอาไว้เช่นนั้นแล้ว ใจของเราจะมีอคติต่อเด็กที่เราสอน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีเลยครับ สำหรับผมแล้ว การให้ที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ที่จะสามารถหยิบยื่นให้กับมนุษย์ผู้อื่นได้คือ การให้โอกาสคนอื่นครับ นึกถึงคำพูดในเรื่องโหมโรงอยู่ประโยคหนึ่งที่เพื่อนของครูศรบอกกับครูศรว่า ของอย่างนี้ ทางใครก็ทางมัน จะให้ครูศรมาจับปลาก็คงไม่ได้เหมือนกัน ลูกศิษย์เก่าผมไปเรียนต่อวิศวะจุฬาตั้งหลายคนครับ เมเจอร์วิศวะคอมพิวเตอร์ก็มีตั้งหลายคน คงจะรับปริญญากันปีนี้แหละ แต่ผมก็ไม่ได้มองว่าพวกเขาจะเก่งเลิศเลอเหนือคนอื่นเลย ผมมองเพียงแค่ว่า เมื่อคุณจบมาคุณจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้สมกับที่คุณได้รับการศึกษามาหรือเปล่า ถ้ามีลูกศิษย์ผมเข้ามาอ่านนะครับ OMWIT รุ่น 12 และ 13 ทั้งหลาย ผมไม่เคยลืมสัญญาที่เราเคยให้ต่อกันเลยนะ และจะตั้งตาคอยเสมอว่า เมื่อคุณอายุ 32 เท่ากับผมตอนนั้น คุณจะมีงานวิจัยมากกว่าครูโรงเรียนมัธยมตัวเล็กๆคนหนึ่งหรือเปล่า เมื่อได้ก็ตามที่คุณทำวิจัย ผมจะอยู่และให้กำลังใจกับคุณเสมอ เพราะผมเชื่อว่า พวกคุณมีศักยภาพเสมอ ขอเพียงคุณมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ คุณทำได้แน่นอน จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 14:48:33

ความคิดเห็นที่ 26   คนนึงมองเชิงประจักษ์ คนนึงมองเชิงเมตตามหานิยม คงคุยกันรู้เรื่องหรอกนะ ถามคุณกุ้งบกนิดนะคะ ส่วนใหญ่เด็ก MWIT เนียะ เค้าบังคับให้เรียนวิทยาศาสตร์อย่างเดียวหรือเปล่า หรือว่าไปเรียนหมอเรียนวิศวะอะไรก็ได้ คือหลานกำลังจะสอบเข้า (แหะ ๆๆ ยังม.1 อยู่เลย) ฟังคุณกุ้งบกพูด เหมือนต้องมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยอะไรอย่างนี้ แอบงง?! เพราะจริง ๆ เพื่อนหนูที่จบ MWIT รุ่น 5-6 ก็เรียนหมอเหมือนกัน แต่จบปุ๊บใช้ทุน เปิดคลีนิครักษาสิวทันที คือโกยเงินอุตลุด มันไม่มีสัญญาอะไรใช่มั้ยค่ะ ว่าต้องเป็นนักวิจงวิจัย หรือว่าเป็นสัญญาใจ หรือสาบานก่อนเข้าเรียน?? จากคุณ : กุ้งนาง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 09:31:56 A:203.172.120.227 X: TicketID:137537

ความคิดเห็นที่ 27   ตกลง สอนเด็กมัธยมหรอกหรอ โอ้ว....กำ ไม่น่าไปตอบเลย จากคุณ : icutou เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 12:25:41 A:113.53.65.63 X: TicketID:138818

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเคยสอนทั้งเด็กข้างถนน โรงเรียนมัธยมวิทยาศาสตร์ของประเทศนี้ แล้วปัจจุบันสอนในคณะวิทยาศาสตร์แถวทุ่งบางเขนครับ ทำไมหรือครับสอนเด็กมัธยมแล้วคุณเข้ามาร่วมสนทนาไม่ได้หรือครับคุณ icutou มันต่ำต้อยมากหรือไงครับครูมัยมเนี่ย ทราบไว้ด้วยนะครับว่า ครูโรงเรียนมัธยมบางท่านมีศักยภาพมากกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกครับ เอ หรือว่าพอคุณโตขึ้นมาคุณไม่ต้องเข้าเรียนชั้นมัธยม ไปเข้ามหาวิทยาลัยเลยครับ อย่างคุณนี่ไม่น่าเชื่อว่าเข้าจุฬาได้เลยนะครับ ไม่น่าเชื่อจริงๆ คราวหน้าไปสมัครสมาชิกมาก็ดีนะครับ อย่าเป็นแต่บัตรผ่านครับ คราวหน้าผมจะได้หลังไมค์ไปหาแทน จะได้ไม่ต้องมาพิมพ์ลงกระทู้ให้มันรกบอร์ดครับ สำหรับคุณกุ้งนางนะครับ ที่มหิดลวิทย์ เราไม่ได้ปลูกผังให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ แต่เราปลูกฝังให้เป็นนักวิจัย เพราะต่อให้ไปเรียนแพทย์หรือวิศวะแต่ถ้าเขามีจิตวิญญาณแห่งความเป็นนักวิจัย เขาก็สามารถเป็นนักวิจัยที่ดีได้ครับ ผมว่ากลับดีเสียอีกที่มีหมอมีวิศกรทำวิจัยมากๆ เพราะจะให้นักวิทยาศาสตร์หรือคนที่จบวิทยาศาสตร์มาทำวิจัยเพื่อตอบโจทย์แทนสาขาอื่น คงจะเกินกำลังครับ ส่วนที่เพื่อนของคุณกุ้งนางไปเรียนแพทย์ต่อแล้วไปรักษาสิว ผมว่าก็เป็นสิทธิของเขานะครับ เพราะว่ารุ่นก่อนหน้ารุ่น 11 ไม่ได้ใช้ทุนการศึกษาของรัฐบาล เขาใช้เงินส่วนตัวเรียนครับ หรือต่อให้ตั้งแต่รุ่น 11 เป็นต้นไปเรียนแพทย์แล้วจบมารักษาสิว ถ้าเขาสามารถหาวิธีการรักษาที่ดีกว่าแต่ก่อนได้ ผมก็ว่าเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ในอนาคตนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 53 14:47:41 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 53 14:43:53 จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 14:41:40

ความคิดเห็นที่ 29   ทีหลัง เรียกนักเรียนสิ จะได้ไม่สับสน เพราะโรงเรียนที่มีนักเรียนประจำ ส่วนใหญ่เขาก็เรียกนักเรียนกันทั้งนั้น ทำไมต้องพูดให้งง ให้สับสน ส่วนที่ว่า "สอนเด็กมัธยมหรอกหรอ โอ้ว....กำ ไม่น่าไปตอบเลย" ก็เพราะว่า การเรียนมัธยมมันต่างจากการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยอยู่มากมาย เด็กที่อ่อนสามารถพัฒนาตัวเองได้ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย จะเอามาเทียบมาเคียงกันได้ที่ไหนกันเล่า "กุ้งบก" และกรุณาเข้าใจเจตนาซะด้วย อย่ามีจริต คิดแต่ว่าเขาจะดูถูกตัวเองอย่างเดียว ขอร้อง จากคุณ : icutou เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 14:56:21 A:125.27.61.185 X: TicketID:138818

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่ทราบว่าคุณ icutou อ่านแล้วงงตรงไหนไม่ทราบครับ ในความเห็นที่ 16 ผมก็บอกนะครับว่าผมสอนในระดับมหาวิทยาลัย ลูกศิษย์ผมที่ม.เกษตร คุณจะให้ผมเรียนเขาว่านักเรียนหรือไงครับ ถ้าคุณเรียนที่จุฬาจริงคงทราบนะครับว่าที่เกษตรก็เรียกผู้เรียนว่านิสิตครับ ส่วนที่ผมเรียกว่านักเรียนผมก็เรียกสำหรับลูกศิษย์ที่ผมเคยสอนตอนที่ผมสอนที่มหิดลวิทย์ไงครับ อ่านดูก็น่าจะทราบนะครับว่าบริบทของแต่ละย่อหน้าผมกล่าวถึงลูกศิษย์ผมในระดับใด คุณลองกลับไปอ่านที่ผมตอบอีกรอบนะครับ แล้วที่ว่าเด็กระดับมหาวิทยาลัยมันพัฒนายากกว่าเด็กระดับมหาวิทยาลัยนั้น ไม่ทราบว่าคุณกำลังดูถูกตัวคุณเองด้วยหรือเปล่าครับ ทำไมคุณถึงว่าเอามาเทียบเคียงไม่ได้ครับ รบกวนไปสมัครสมาชิกมาก่อนนะครับ แล้วถ้ายังมีข้อสงสัยตรงไหนก็หลังไมค์มาละกันครับ จะได้ไม่รกกระทู้คนอื่นเขา ผมหน่ะเปิดเผยอยู่แล้ว ในห้องสุนัขส่วนใหญ่ก็ทราบว่าตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นใคร หรือแม้แต่เพื่อนเจ้าของล็อคอินอื่นหลังไมค์มาสอบถามปรึกษาหารือกัน ผมก็ต้องเปิดเผยตัวตนของผมให้ทราบก่อน ไม่ต้องมีอะไรมาแอบแฝงต่อกัน สำหรับผมแล้ว ผมถือว่าโลกนี้ไม่มีคนโง่ครับ มีแต่คนที่รู้กับไม่รู้เท่านั้น ยินดีสนทนาด้วยทุกสนามทุกประเด็นที่ข้องใจครับ จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 00:05:55

ความคิดเห็นที่ 31 ใจเย็นๆคับ ว่าแต่ เด็ก Mwit นี่ไม่ใช่ขี้ๆนะครับ เก่งกว่าโรงเรียนเตรียมด้วยซ้ำมั้ง ไม่จัดในกรณีนี้ครับ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 07:13:19

ความคิดเห็นที่ 32   ขอบคุณคุณกุ้งบกนะคะ จะได้ให้หลานเตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้ค่ะ ตอนแรกอยากให้เค้าเรียนเตรียมฯ แต่ก็อยากให้มีเรียนที่นี่บ้าง กระจาย ๆ กันหลายสถาบันหน่อยนะคะ แต่ว่ากลัวจะปล่อยไปอยู่หอเหมือนกัน ไม่กลัวเรื่องเพื่อน กลัวที่เค้าอาจจะเหงาอ่ะคะ ที่คุยเรื่องเพื่อนให้ฟัง เพราะรู้สึกว่าบ้านเราลงทุนการศึกษาเยอะนะคะ แต่แบบว่าผลสัมฤทธิ์มันต่ำค่ะ คือของอย่างนี้ต้องคิด economic value ด้วยค่ะ เพราะเงินก้อนเดียวกัน อาจนำไปช่วยเกษตรกร ทำระบบชลประทาน อะไรได้สารพันสัพเพ ที่งงเพราะเห็นเทรนเป็นพิเศษ นึกว่าต้องมีข้อผูกมัดอะไรด้วยหรือเปล่า เพราะรัฐลงทุนไปเยอะกับเด็กหนึ่งคน (เห็นได้ข่าวมาว่า MWIT ได้งบมากกว่าราชภัฏ 7 แห่งที่ได้น้อยที่สุดรวมกัน แต่ก็ไม่แน่ใจนะคะ) เลยนึกว่าต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างเดียว เพราะไม่อย่างงั้นให้เรียนอะไรก็ได้ ก็เหมือนไปรับการเทรนเข้มข้นโดยงบประมาณภาษีคนทั้งประเทศ เพื่อมาแข่งขันกับเด็กที่ไม่ได้รับโอกาสนั้น (ที่ผู้ปกครองก็เสียภาษีให้เช่นกัน) บ้านเราขึ้นชื่อหมอสิว คงไม่วิจัยอะไรหรอกค่ะ แค่อย่าโฆษณาอวดอ้างหลอกผู้บริโภค (ไม่อยากเรียกคนไข้) และเด็ก ๆ วัยรุ่นที่อาจเบาปัญญาไปนิด อันนี้ก็บุญโขมาก ๆ แล้วค่ะ ที่จะมาเป็นหมอวิจัยโรคสิวเพื่อเป็นสาธารณะกุศล หาหนวดเต่าอาจง่ายกว่า คุณกุ้งบกมองโรคแบบ very very ideal มาก ๆ เลยนะคะ 55555555555 จากคุณ : กุ้งนาง เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 23:17:52 A:118.174.100.242 X: TicketID:137537

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าประเด็นเหล่านี้ทุกอย่างขึ้นกับตัวเด็กเองทั้งนั้นละครับ ถ้ารู้ว่าเข้ามาคะแนนน้อยแต่ถ้ารู้ตัวเองและไฟต์เต็มที่เขาก็อาจจะรอดก็ได้ เพื่อน ๆ ก็มีส่วนสำคัญ ถ้าคบเพื่อนดี พากันไปติว อ่านหนังสือ เด็กก็น่าจะเรียนผ่านได้เหมือนกัน ผมก็เคยเจอมาหมดครับ ไฟต์เต็มที่ ตั้งใจเต็มที่ แต่ไปไม่รอด โดยรีไทด์ หรือ เข้ามาคะแนนท้ายสุดของคณะ แต่คว้าเกียรตินิยมได้เมื่อจบ หรือ คะแนนเข้ามาสูงริบ แต่ก็ไม่ได้คว้าเกียรตินิยมอะไร ดังนั้น เถียงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกครับ แต่ขอชื่นชมคุณกุ้งบกครับ คนเป็นครูเป็นอาจารย์ต้องเชื่อมั่นในตัวเด็กครับ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 17:18:21