ตอบ หนู "เดกท่องเที่ยว" คคห 9
ที่พูดว่า
"ชีวิตไกด์มันแย่ขนาดนั้น
จาได้เลิกฝันซะทีกะชีวิตที่สวยหรู"
ไม่ใช่อย่างนั้น...เรามาลองเรียบเรียงภาษากันตามเหตุผลจะดีกว่า
โดยจะเปรียบเทียบให้ดู แบบนี้นะ
แฟนใหม่พี่จบอักษรศาสตร์จุฬา และปริญญาโทการแปลจุฬามา ภาษาอังกฤษเธอเก่งขึ้นทุกๆวันจนขนาดพี่อยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆยัง "หนาวเลย" ว่าเธอจะเรียนทันพี่และเก่งกว่าพี่ได้ในที่สุด ตอนนี้เธอทำงานเิป็นล่ามและนักแปลในบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียง สามารถเป็นล่ามในที่ประชุมได้ แปลเอกสาร แปลหนังสือได้ดี เป็นบรรณาธิการต้นฉบับหนังสือแปลที่เก่งกาจ แต่อนิจา รายได้เธอก็ดีพอใช้ได้ ถ้าจะเอาดีมากๆ ต้องทำงานแปลหนักหามรุ่งหามค่ำ
แต่ในทางกลับกัน แฟนเก่าพี่ที่ เขียนภาษาอังกฤษ ก็แทบจะไม่เป็นภาษาคน พูดอังกฤษพี่ก็จับผิดเธอได้ เกิน 10 แห่ง ทุกๆ 15 นาที่ที่เธอพูด (ในขณะที่พี่จับผิดแฟนใหม่พี่ไม่ได้เลย) แต่แฟนเก่าพึ่กลับทำเงินจากการเป็นไกด์ได้มากขนาดมีเงินไปเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น บางทีทำทัวร์แค่ 3-4 วัน ได้ค่าน้ำมาเป็นแสน และนั่งๆนอนๆเล่นได้ ไปเที่ยวได้ ใช้ชีวิตสำราญได้ เธอทำไ้ด้สำเร็จก็เพราะเธอ
"เขี้ยวลากดินนั่นเอง"
และที่พี่เลิกกับเธอ ก็เพราะเธอเขี้ยวลากดิน โหดสุดๆนั่นเอง
ในขณะที่พี่อยากจะใช้ชีวิตกับแฟนใหม่พี่ ซึ่งเป็นคนที่หาเงินได้น้อยกว่า เขี้ยวลากดินน้อยกว่า แต่เธอมีน้ำใจมากกว่า
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า หนู "เดกท่องเที่ยว" จะบรรลุเป้าหมายไม่ได้ในเรื่องการเป็นไกด์แล้วทำเงินได้มากมาย แบบแฟนเก่าพี่
แต่สิ่งที่พี่พูด พูดให้ฟังเพื่อให้สำรวจความคิดอ่านและนิสัยใจคอขอของตัวเองว่าหนูเป็นแบบแฟนเก่าพี่หรือเป็นแบบแฟนใหม่พี่ นั่นแหละมันเป็นตัวตัดสินว่า
"ควรยึดอาชีพไกด์หรือไม่?"
แบบที่ภาษาอังกฤษเขาพูดว่า
The end justifies the means.
ผลบั้นปลาย (end) ถ้าทำได้สำเร็จ ไม่ว่าจะใช้วิธีการ (means) อะไร มันก็สมเหตุผล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรักและสงครามหรือความอยู่รอดในการทำงาน ใครๆก็ถือว่า ใช้วิธีการอะไรเพื่อให้เอาชนะได้ ก็ยุติธรรม
นั่นก็คือ ถ้าเราอยากได้อะไรจริงๆ เช่นทำงานเป็นไกด์ แล้วได้เที่ยวมีชีวิตที่สุขสบาย ทำงานไม่กี่วันได้เงินมาเป็นแสนๆบาท แต่เราต้องหลอกลวงนักท่องเที่ยว (เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย มันเป็นงี้่จริงๆ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้) เราก็ต้องคิดว่า
"ทำไป มันก็สมเหตุผล"
ไม่ต้องไปคิดเรื่องจริยธรรมหรอก บางทีคนเราต้องทำทุกอย่างเพื่ออยู่รอด นี่คือความจริงที่ ถึงมันจะเจ็บปวด แต่เราก็ต้องยอมรับมัน
หากว่าเราต้องการที่จะรู้ทางหนีทีไล่ในสังคมไทยเพื่อความอยู่รอด
ดูอย่างรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นต้น อภิสิทธิ์ได้รับการศึกษาจากประเทศอังกฤษซึ่งเป็นแม่แบบประชาธิปไตย แต่อภิสิทธิ์ไม่เคยเล่นการเมืองแบบ "ผู้ดีอังกฤษ" เขากระทำผิดจารีตประเพณีทางการเมือง โดยการอาศัยเสียงจากเนวินและพวกให้เข้ามาเป็นนายกได้ มันเหมือนกับน้ำมันกับน้ำที่ผสมกันไม่ได้เลย สิ่งที่อภิสิทธิ์ต้องทำ (เป็นหุ่นเชิิิิิิิิิิิิิิิิิด) มันเป็นสิ่งที่ไม่มีนักการเมืองในประเทศที่เจริญแล้วที่ไหนในโลกที่ไหนเขาทำกัน และตอนนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็หวาดเกรงว่า ถ้ายุบสภา ทักษิณจะกลับมา และคนในพรรรประชาธิปิัตย์ก็จะต้องโดนตามล่าเหมือนสมัยที่พรรรประชาธิปัีตย์ตามล่าทักษิณ ดังนั้น เพื่อความอยู่รอด รัฐบาลนี้จีงต้องสั่งให้ทหาร
"ออกมาเข่นฆ่าประชาชน...เพื่อความอยู่รอดของคนในพรรคประชาธิปัตย์เอง ไม่ใช่เพื่อประเทศไทย"
ซึ่งตอนนี้ประเทศชาติเราจะพ้นภัยได้
"บิ๊กทหารจะต้องดื้อแพ่ง ไม่่ปฏิบัติตามคำสั่งทหารให้ฆ่าประชาชน"
ทำไม่พรรคการเมืองทุกพรรคโดนยุบหมดยกเว้นประชาธิปัตย์
ถ้าคิดได้เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการเป็นไกด์จนร่ำรวยจากการโกงนักท่องเที่ยว
คนไทยมันโกงกันทั้งระบบอยู่แล้ว และไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว มัน 2 มาตรฐานอยู่แล้ว
"เพราะนี่เป็นวิถีชีวิตของคนไทย"
ดังนั้น ถ้าหนู "เดกท่องเที่ยว" เป็นไกด์์แล้วหลอกลวงนักท่องเที่ยว
"มันก็แค่เป็นการกระทำไปเพื่อความอยู่รอด"
มันก็ไอ้เหมือนๆกับการเป็นไกด์ในเมืองไทยแล้วร่ำรวยได้ ไกดฺ์ก็ต้องหลอกลวงนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ถ้าเราไม่รู้ทันสังคมไทยที่เล่นละครตบตากันเราก็เสียเปรียบ
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 13:53:25
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 13:39:18
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 13:37:50
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 13:11:05
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 53 13:04:49