ความคิดเห็นที่ 1 เคยมีเพื่อนได้เยอะเกินนั้น ไม่ต้องเตรียมตัวใดๆ เขาเก่งด้านการฟัง ฟังรู้เรื่อง แกรมม่า ศัพท์อะไรก็พอๆ กับคนอื่นๆ แต่เขาได้คะแนนตรงการฟังดีเลิศกว่าคนอื่น จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 18:50:59

ความคิดเห็นที่ 2 เราได้ 895 คะแนน.. เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เพราะเราก็ทำงานทุกวัน จ-ศ เหมือน จขกท. และ grammar ก็ไม่ได้ดีเลิศไรมากมาย ลืมไปเกือบหมดแล้วด้วย เพราะว่าฝรั่งเค้าไม่ได้พูดแบบถูกหลัก grammar แป๊ะๆหรอก TOEIC เน้นการใช้งานจริง ซึ่งเราทำงานกับฝรั่ง เลยต้องใช้ทุกวัน.. การฟังเราได้ 490/495 คะแนน ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลจากการที่เราต้องฟังและพูดทุกวันนั่นแหละ conversation เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไป แล้วก็สั้นๆด้วย สรุป ถ้าจะเตรียมตัว ไม่ต้องดูศัพท์ยากระดับ TOEFL และ grammar ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น.. แต่จำหลักสำคัญๆ ของ grammar ให้ได้ก็พอ reading ก็ไม่ยาก เน้นการใช้งานที่เราต้องเจอในการทำงาน เช่น อ่านพวก report ภาษาอังกฤษ อ่านป้าย อ่านโฆษณา ซึ่งไม่ได้ใช้ศัพท์ระดับ Bangkok Post หรอกนะ ทำใจให้สบายๆ ไม่ต้องเครียด เราว่า TOEFL ยากกว่าเยอะมากๆ เราไม่เคยสอบ TU-GET นะ แต่เราเคยสอบ CU-TEP ได้ 570 กว่าๆมั้ง แต่ TU-GET ไม่มีสอบ listening นี่น่าเท่าที่จำได้ จากคุณ : mercury_nuo เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 19:14:02

ความคิดเห็นที่ 3 พอดีอยากจะไปสอบ TOEIC เหมือนกันค่ะ ขอ จขกท. ถามด้วยคนนะคะ คือ ตอนนี้หาข้อมูล แล้วเห็นว่ามีการสอบแบบใหม่คือ การสอบแบบ Redesigned Toeic ซึ่งดูในหนังสือที่ฝึกทำข้อสอบตามร้านหนังสือ เค้าบอกว่ามีสอบ writing ด้วย แต่ดูข้อมูลในเน็ต ไม่เห็นเขียนว่ามี writing มีแต่ LISTENING กับ READING ตอนนี้เลยสับสนคะ ว่า ตกลงการสอบ Toeic ตอนนี้ มี writing หรือเปล่าคะ จากคุณ : ชบาสีแดง เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 22:33:14

ความคิดเห็นที่ 4 เราได้ 855 คะแนนค่ะ สอบ TU-GET ได้ 590 ตอนไปสอบก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปเลย อาศัยว่าดูซีรี่ย์ฝรั่งเป็นประจำ เลยทำพาร์ทฟังได้คะแนนเต็ม 495 ส่วนพาร์ทอ่านได้ 360 ค่ะ แบบว่าแกรมม่าเราเน่ามาก ตอนอ่านข้อสอบก็เดา ๆ เอาชอยส์ที่มันคุ้น ๆ คือต่อให้ตอบถูกก้อไม่รู้ว่าถูกเพราะอะไร เราว่าข้อสอบโทอิคไม่ค่อยยากอ่ะค่ะ พวกอ่าน ๆ นี่ค่อนข้างง่ายเลย (ง่ายกว่าTU-GETมากมาย ) เพราะงั้นพวกคำศัพท์ไม่ต้องไปเน้นมากก็ได้ค่ะ เพียงแต่เวลามันค่อนข้างจำกัดมันเลยบีบให้เราต้องรีบ ๆทำ ส่วนพาร์ทฟังเราว่าเป็นส่วนที่เก็บคะแนนได้ดีนะคะ ไม่ค่อยยากแต่ว่าต้องต้งสมาธิดี ๆ หน่อย เพราะงั้น เราว่าทบทวนแกรมม่าพื้นฐานกับฝึกฟังเยอะ ๆ ก็น่าจะโอเคแล้วแหละ โทอิคที่สอบทั่ว ๆไปตอนนี้ไม่มีสอบเขียนกับพูดค่ะ แบบที่มีเขียนกับพูดจะเป็นแบบใหม่อีกแบบหนึ่งมีสอบเดือนละครั้งหรือไงนี่แหละ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 53 23:40:40 จากคุณ : ซาละเปาไส้ครีม เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 23:37:10

ความคิดเห็นที่ 5 เราว่าฝึกทำข้อสอบให้ทัน น่าจะช่วยได้เยอะค่ะ ควรจับเวลาในการทำแบบฝึกหัด ส่วนพาร์ทฟังก็ตัวใครตัวมันล่ะค่ะ 55 อาศัยฟังเยอะๆอย่างเดียว ส่วนตัวตอนทำข้อสอบในหนังสือคะแนนดี๊ดีเชียว พอสอบจริงทำพาร์ท Reading ไม่ทันไป 20 กว่าข้อเลยทีเดียว(แล้วดันไปเหลือตรงที่ง่ายๆไว้ด้วยนะ) ได้มา 750 T_T จากคุณ : โคอาล่าบ้องแบ๊ว เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 01:06:41

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับpart listening พยายามอ่านโจทย์ก่อน อ่านคำตอบแล้วก็เดาคำตอบไว้เลยค่ะ อ่านล่วงหน้าก่อนเ้ค้าพูด พอฟังเทป มันจะมีคำตอบพอดี ก็รีบฝนคำตอบเลยค่ะ ฝนเสร็จไม่ต้องฟังต่อแล้ว อ่านข้อต่อไปได้เลย ทำแบบนี้จนกว่าจะหมดอ่ะค่ะ เหนื่อยมากหน่อย แบบว่าจะไม่ค่อยมีเวลาหายใจ555+ แต่คุ้มนะคะ เพราะถ้าคุณไม่ทำแบบนี้ กว่าคุณจะฟังจนจบ กว่าจะอ่านโจทย์ กว่าจะคิด พอดี ไม่ทัน แล้วถ้าข้อไหนไม่ทัน ก็มั่วไปเลยนะคะ ไม่ต้องมานั่งคิด เพราะจะยิ่งทำข้อต่อไปไม่ทัน ยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ดีกว่าค่ะ (เราฟังไม่ทัน2-3ข้อ มั่วแบบไม่ดูช้อยส์เลย บางทีฟังทันแต่ไม่มั่นใจก็มั่วเลย คิดนานไม่ได้ ปรากฎมั่วถูกหมด 55+ โคดโชคดี อย่าลืมไหว้พระไปดีๆค่ะ) part reading อันนี้มันขึ้นกับประสบการณ์การใช้ภาษา แนะนำยาก แต่อยากให้ไปเน้นเรื่องการใช้ประโยคให้สอดคล้อง เพราะเป็นพาร์ทที่ง่ายสุดและไม่ควรจะผิด เช่นพวก not only ... but also ... >> อิตรง ... สองคำ มันต้องเป็นformatเดียวกัน แบบถ้าเป็นadjก็ต้องเป็นadjเหมือนกัน เป็นvก็ต้องvเหมือนกัน ไรงี้ หรือว่าดูพวกการใช้ noun, verb, adjectiveอ่ะค่ะ เ้ค้าจะให้คำมาเป็นเซ้ทๆ เช่น This book is ...... ก็จะให้ช้อยส์มาเป็น interest, interested, interesting, interestingly interestเป็น ทั้งverb แปลว่า และ noun (interest เป็น verb แปลว่า ทำให้สนใจ , เป็น noun แปลว่า ความสนใจ หรือ ดอกเบี้ย) interested เป็น adj. แปลว่า รู้สึกสนใจ interesting เป็น adj. แปลว่า น่าสนใจ interestingly เป็น adv. สังเกตว่า คำว่า interest เป็น v. แปลว่า ทำให้สนใจ ใช่มั้ยคะ พอเติมedก็เหมือน "ถูกทำ" = ถูกทำให้สนใจ = รู้สึกสนใจ นั่นเอง แต่พอเติม ing มัน "ทำเอง" = น่าสนใจ นั่นเอง ข้อนี้บอกว่า หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ ก็ต้องใช้ This book is interesting. ต้องตอบเป็น adj. เพราะหลัง verb to be (is, am, are, was, were,...) ต้องต่อด้วย adj หรือ noun เท่านั้น จะต่อด้วยverbหรือadv.ไม่ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนโจทย์เป็นว่า ชั้นสนใจหนังสือเล่มนี้ ก็ต้องใช้ว่า I am interested in this book. หรือ หนังสือเล่มนี้ทำให้ชั้นสนใจ This book interests me. ประมาณนี้ค่ะ คำศัพท์อื่นๆที่มันใช้ทำนองนี้ก็จะหลักการคล้ายๆกัน เพราะถ้าเอาแต่ท่องๆๆศัพท์เข้าไปแต่ใช้ไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์ ศัพท์ในTOEICเป็นศัพท์ทั่วๆไปเลยค่ะ ไม่ใช่ศัพท์อลังการ ไม่ต้องท่องอะไรอลังไปนะ เสียเวลา ข้อสอบอ่านอื่นๆก็เป็นพวกประกาศใน นสพ., จดหมายโต้ตอบ ไรเงี้ยอ่ะค่ะ ไม่ยาก แต่ต้องใช้ความถึกนิดนึง เพราะข้อสอบมันเยอะมากก ทำๆไปจะรู้สึกว่า ทำไมมันไม่หมดซะทีฟระ ตรูเหนื่อย! แล้วอย่าลืมเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องสอบนะคะ เอาเสื้อกันหนาวไปด้วยเผื่อหนาวค่ะ ไม่ต้องรีบเข้าห้องมากก็ได้เพราะเข้าไปเค้าก็จะให้เราฟังเทปแนะนำข้อสอบซึ่งนานมากอ่ะ ถ้ายังไม่ได้เข้าห้องน้ำีีรีบไปเข้าก่อนดีกว่า เราดันรีบเข้าห้อง แล้วไปปวดฉี่ในห้องสอบ จะออกมาเข้าห้องน้ำก็กลัวทำข้อสอบไม่ทัน สุดท้ายรีบปั่นแทบตายเพื่อจะขอไปเข้าห้องน้ำ อนาจมาก 555+ ข้อสอบไม่ยากค่ะ ง่ายกว่า TU-GETมากๆ ขอแค่ "มีสติ" เท่านั้นเอง เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรไป ได้980 ดวงช่วยด้วยหน่อยนึงค่ะ (ขอย้ำให้ไหว้พระไปด้วยจะดีมาก ช่วยเรื่องสมาธิและสติ) จากคุณ : Handle Me With Care เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 01:26:49

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างที่ด้านบนพูดเลยครับ ฝึกฟังเยอะๆ เป็นส่วนที่ทำคะแนนได้เยอะสุดแล้วครับ ส่วน reading ก็ทำให้ทันเพราะ ใช้เวลา 75 นาที 100 ข้อ อ่านแทบไม่ทันครับ จากคุณ : lotus field เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 11:01:34