ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 10:07:38

ความคิดเห็นที่ 2 บ้า! ถวายพระนงพระนามที่ไหนกัน ผู้ที่เข้าพิธีรับศีลล้างบาปเขาต้องเลือก Saint เพื่อเป็นองค์อุปถัมภ์ของตนด้วยตนเองครับ เพราะเมื่อโตแล้ว จะเปลี่ยนใจมานับถือคริสต์ ต้องศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจก่อนครับ รวมถึงประวัตินักบุญองค์ต่างๆ แล้วเลือกเอา ไม่ใช่นึกอยากจะเป็นคริสตชนก็เป็นได้นะครับ ถ้าเข้าพิธีรับศีลล้างบาปตั้งแต่ยังแบเบาะ พ่อแม่เป็นคนเลือกให้ ถกเถียงอะไรกันบ้าบอคอแตกเป็นร้อย คห. ของปลอมทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 53 13:27:55 จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 13:25:58

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ คคห ๒ พูดถึงนั้น เป็นเรืองที่ทำกันในขณะนี้ ซึ่งก็คงแตกต่างกับเมื่อราว ๕๐๐ ปีก่อน ทีบ้า ก็คือ มีชื่อ แต่ไปเลือกว่า ไร้นาม ไม่มีชื่อ แถมมาบอกว่าเป็น หนุ่ม ซึ่งก็แค่ลักษณะเปรียบเทียบ นี่แหละนะ ทั้ปลอม ทั้งบ้า เลยล่ะ ดูรูปของเรื่องการล้างบาปและชื่อ ของพระไชยราชา ที่รูปข้างล่าง แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 53 14:15:29 จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 14:12:32

ความคิดเห็นที่ 4 คือ..บางทีคนท้องถิ่นเขาก็ไม่เข้าใจว่าพวกโปรตุเกสหรือชนชาติอื่นที่มาเผยแพร่ศาสนาคริสต์เขาทำอะไรนะครับ เรียกมาทำพิธีอะไรแปลกๆ คนท้องถิ่นอาจจะไม่รู้ว่านั่นคือพิธีเข้ารีตก็ได้ แต่ทางโปรตุเกสก็เอาไปเขียนหรือส่งจดหมายกลับไปให้กษัตริย์ตนว่าได้นำคนเท่านั้นเท่านี้คนเข้าสู่คริสตศาสนาได้ สมัยนั้นมันก็ 500 ปีมาแล้ว หลายอย่างรวมทั้งการเผยแพร่ศาสนาก็คงไม่เหมือนสมัยนี้หรอกครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 14:16:34

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นไหมล่ะ สมัยก่อนนั้น ไม่ต้องให้ บาทหลวงทำพิธีรับศีลล้างบาป ให้พ่อค้าวาณิชทำก็ยังได้ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 14:20:23

ความคิดเห็นที่ 6 สมัยนี้ก็ทำได้ครับ คุณธนิตา กรณีที่มีผู้ป่วยใกล้ตาย ซึ่งกลับใจจะหันมานับถือศาสนาคริสต์ในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เหตุการณ์ฉุกละหุก ไม่สามารถไปตามบาดหลวงมาพิธีได้ทันกาล ในกรณีเช่นว่านี้ คริสตชนคนไหนก็ได้ สามารถทำพิธีล้างได้ทั้งสิ้น โดยการกล่าวว่า "ข้าพเจ้าขอล้างท่าน เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต เอเมน" พร้อมกับเอามือชุบน้ำและทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าผากของผู้ที่กำลังจะสิ้นใจนั้น ในยามฉุกละหุก จะเอาน้ำจากไหน? ผู้ทำพิธีเขาเอานิ้วแตะน้ำลายของตนเองครับ เพราะเป็นเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น น้ำอะไรก็ได้ ผู้ทำพิธีเขาเอาอำนาจในการโปรดศีลล้างบาปมาจากไหน ทั้งๆ ที่ตนองไม่ใช่บาดหลวง?   ตอนที่ผู้ทำพิธีเขารับศีลล้างบาปจากบาดหลวงนั้น บาดหลวงจะเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าผากของเขาเป็นรูปกางเขน แสดงความเป็นศิษย์ของพระคริสต์ไปตลอดกาล ไม่มีใครสามารถลบเครื่องหมายทางธรรมนี้ออกไปได้ ผู้ที่ทำพิธีล้างจึงทำในนามของศิษย์พระคริสต์ ย้อนไปสู่คริสตกาล มาระโก 1:7-8  ยอห์นเทศน์สอนดังนี้ "จะมีผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า ผู้นั้นทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่สมจะแก้สายรัดรองเท้าของท่าน ข้าพเจ้าเพียงชำระในน้ำ แต่ท่านผู้นั้นจะชำระล้างพวกท่านด้วยพระจิตเจ้า" ชัดไหมครับ? จะให้ย้อนเรื่องราวไปตั้งแต่อาดัมและเอวาซึ่งเป็นปฐมบิดรมารดาของมนุษยชาติไหมครับ? แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 53 21:02:20 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 53 21:00:28 จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 20:54:53

ความคิดเห็นที่ 7 คคห ๖ ก็เห็นแล้วหรือยังล่ะ ในกรณีของพระไชยราชา เขาไม่ได้บอกว่าฉุกเฉิน ซักหน่อย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของต่างเวลา ต่างสถานที่ จึงควรพิจารณาเหตุผลอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่ไปรีบสรุปเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือไปว่าเขา ว่า บ้า หรือ ปลอม เรื่องนี้ ที่น่าแปลก คือ บาทหลวงไทยที่ได้ ดร.จากโรม เวลาท่านเขียนวิทยานิพนธ์ แล้วต่อมา เขียนทางเว็บ ถ้าท่านเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ท่านก็บอกชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานถึงการเข้ารีต ทำพิธีล้างบาปของพระไชยราชา แต่ถ้าท่านเขียนเป็นภาษาไทย ท่านก็เขียนทำให้สงสัยว่าอาจจะมีหลักฐาน แล้วคุณล่ะ คิดว่า พระไชยราชา เข้ารีตเป็นคริสต์ ทำพิธีล้างบาป หรือเปล่า และมีเหตุผลอย่างไร จึงคิดเช่นนั้น จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 21:43:49

ความคิดเห็นที่ 8 คุณธนิตา ได้ข้อสรุปแล้วนะยินดีด้วยครับ   ขอบคุณคุณธนิตามาก ๆ นะครับที่เป็นคนหนึ่งที่พยายามหาข้อมูลหลักฐาน ในเรื่องนี้นะครับ   ...เป็นเรื่องที่ดีครับ . . ปล. กระทู้ปู้นผมก็ตอบนะ จำได้อ่ะเป่า จากคุณ : วังเหนือ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 23:54:10

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วคุณคิดว่า Antonio de Paiva เป็นใครล่ะครับ? มิชชันนารีในสมัยนั้นอาศัยมากับกองเรือสินค้าของโปรตุเกสเพื่อมาเผยแพร่ศาสนาในแถบนี้ นักบุญอีกองค์คือนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ เจ้าของฉายา ผู้พิชิตเจ็ดคาบสมุทร ก็มาแนวนี้เช่นกัน จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 07:01:07

ความคิดเห็นที่ 10 น่าแปลกใจว่า เรื่องกรณีพระไชยราชาเข้ารีตเป็นคริสต์นี้ ถ้าเป็นจริงทำไม แฟร์เนา เมนเดส ปินโต ไม่บันทึกไว้ ? ปินโต ก็มีสถานะบาทหลวงเหมือนกัน และก็มาเที่ยวในแถบนี้เช่นกันในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเลย จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 10:04:03

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องแบบนี้พูดยากครับ คุณผ้าพับไว้ บางคนเขาอาจเห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ จึงไม่อยากไปแตะต้อง เดี๋ยวเป็นเรื่อง บาดหลวงก็เหมือนกันครับ ต้องเป็นระดับนักบุญเท่านั้นจึงจะกล้าเข้าไปแตะต้อง เพราะท่านมีฤทธิ์อำนาจเหนือธรรมชาติคุ้มครองอยู่ อย่างที่ผมกล่าวถึงนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ อะโห ท่านฟันฝ่ามาไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งในอินเดียเอย ญี่ปุ่นเอย แหลมมลายูเอย ฯลฯ ต่อกรกับเจ้าถิ่นแบบตัวคนเดียวโดดๆ เลย จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 16:49:54

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 9 จากคุณ หนุ่มไทยไร้นาม เขียนมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่รู้อีกหรือว่า Antonio de Paiva เป็นใคร ลองไปอ่านดู ที่ คคห ๕ เขาบอกว่า พ่อค้าโปรตุเกส นะคุณ ส่วนเรื่อง นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ นั้น ท่านไม่เคยมาเมืองไทย นะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 00:44:07

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 8 จากคุณวังเหนือ จำได้นะ ที่ช่วยเข้าไปเพิ่มเติม แก้คนที่เขาอ้างผิดว่า จากพงศาวดารไทย พระไชยเป็นเจ้าภาพการบวชใหญ่ ที่ วัดโลกโมฬ๊ แล้วเราก็บอกว่า พงศาวดารไทย ไม่มี ซึ่งคุณวังเหนือก็บอกว่า จาำตำนานเมืองเชียงใหม่ มีถวายเงินถวายผ้า นะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 01:03:11

ความคิดเห็นที่ 14 ยินดีด้วยและขอบคุณมากค่ะคุณธนิตา ที่หาข้อมูลมายืนยันจนได้ เราก็ได้ความรู้ไปด้วย จากคุณ : ลดาดาว เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 02:50:24

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ คูณลดาดาว เช่นกัน ที่ร่วมเสนออะไรหลายอย่าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 04:45:53

ความคิดเห็นที่ 16 .....ว่ากันไป  ยังไม่จบอีกเน้อ..... จากคุณ : supankung เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 22:12:31