ความคิดเห็นที่ 1   ค่ะ แต่ทีนี้เราคิดว่า การทำงานมันต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตค่ะ เราเลยอยากทำตามใจที่ชอบบ้าง เพราะ ตอนที่เรียน คือ เรียนได้ค่ะ แต่ถ้าถามว่ามีความสุข ไม๊ ตอบได้เลย ว่า ไม่!!!!!! คือที่เรียนอยู่ได้ เพราะ เพื่อนอย่างเดียวเลย เราอยู่ได้เพราะเพื่อน เพื่อนช่วยตืว เป็นกำลังใจให้ แต่ว่าทีนี้ แม่อยากให้เราทำงานในสิ่งที่เราเรียนจบมา แต่เราไม่อยากทำงานสาย นี้ เราทะเลาะกะแม่ หลายครั้งมาก กับเรื่องนี้ จนเราเครียดมาก แม่เราลามไปถึง เรื่องกลับบ้าน บอกว่า เพื่อนทำไม กลับบ้านบ่อยได้ ทำไมเรากลับไม่ได้ เราก็แบบว่า อยากอธิบายแต่ทำไม่ได้ ที่เรากลับบ่อยไม่ได้ เพราะเราต้องฝึกงาน จนแม่บอกว่า โกหก แม่บอกว่า ทำไมไม่ทำตามใจแม่บ้าง แม่อยากให้ทำงาน ยิ่งดีถ้าเป็นราชการ แต่ว่ามันไม่ได้ สายเรางานแบบราชการ หายากมาก แทบไม่มี จากคุณ : จกขท. เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 18:25:34 A:118.172.238.145 X: TicketID:197004

ความคิดเห็นที่ 2   ทำไมเราไม่อยากทำงานราชการ แต่มันไม่จริงๆ รุ่นพี่ที่จบไป ก็ทำเอกชน แทบทั้งนั้น (มันไม่เปิดสอบค่ะ นอกนั้น ก็เป็นลูกจ้างชั่วคราวบ้าง พนักงานราชการ บ้าง) แต่แม่ไม่ฟังเราเลย เราอึดอัดมาก พอเราเถียง อยากอธิบายความจริง แม่ก็บอกว่า เราไม่เจริญหรอก เพราะคนที่เถียงแม่ มันบาป เราก็เลยไม่รู้ทำไงแล้ว เราเครียดมากจริงๆค่ะ เราก็ไม่อยากบาปเหมือนกัน ไม่อยากเถียง แต่ก็ไม่อยากทำงานสายนี้จริงๆค่ะ ........................ ทีนี้เราอยากเรียน จิตวิทยา จริงๆค่ะ แต่แม่ก็บอกว่า มันทำงานราชการได้ด้วยหรอ จบไปทำงานอะไร (แม่เราเป็นครูค่ะ อยู่ต่างจังหวัด) เราก็อธิบายไปๆๆแต่เราคงอธิบายไม่ชัดเจน บอกว่าทำงานบริษัท เราอยากเรียนจิตวิทยาอุตสาหกรรมค่ะ จากคุณ : จกขท. เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 18:29:29 A:118.172.238.145 X: TicketID:197004

ความคิดเห็นที่ 3   เราเลยอยากทราบค่ะ ว่า จิตวิทยา (โดยเฉพาะ จิตวิทยาอุตสาหกรรม) ทำงานไรได้บ้างคะ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ หางานง่ายไหมคะ แล้วเรทเงินเดือน ป.โท ประมาณเท่าไร เราจะได้ไปแนะนำให้แม่เราเข้าใจ จะบอกยังไงดีคะ ว่าเราอยากเรียนจริงๆๆ แนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : จกขท. เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 18:31:14 A:118.172.238.145 X: TicketID:197004

ความคิดเห็นที่ 4   อันนี้ผมเล่าให้ฟังนะครับ คิดว่าผ่านมาก่อนลองหางานหาการทำดูไหม คนเราพอมีเงินทองใช้จ่ายเองแล้วก็ไม่ต้องไปขอความเห็นใคร ผมเองเรียนจบทำงานหาเงินได้เอง ผมจะซื้อรถ ซื้อบ้าน ไปเมืองนอกผมจะทำก็ทำ เงินของเรา แต่ตราบใดที่ยังต้องพึ่งเขาก็ลองฟังๆเจ้าของเงินบ้าง เรื่องเงินเดือนไม่รู้จริงๆคงต้องฟังพี่ๆท่านอื่นมาเล่า จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 20:06:18 A:202.139.223.18 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่ควรทำงานหาเงินก่อน พอเป็นเงินเราเองอยากจะทำอะไรก็ทำได้ แต่ก็ไม่แน่นะ ลูกผู้หญิงบางคนโดนพ่อแม่ครอบงำจิตใจ จนไม่มีชีวิตของตนเอง ลองเปรียบเทียบ 2 รายนี้ดู เพื่อนรุ่นพี่เราคนหนึ่งไปเรียนอเมริกากลับมาเธอมีเพื่อนผู้ชายมาก แต่โดนพ่อแม่บังคับไม่ให้รักใครไม่ให้แต่งงานเพราะต้องการให้อยู่ดูแลรับใช้พ่อแม่ไปตลอดจนกว่าพ่อแม่จะตายไปก่อน แต่เพื่อนเราอยู่ดีๆก็ออกจากบ้านไปแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็ไปซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆบ้านพ่อแม่จะได้แค่เดินไปดูพ่อแม่ได้ แต่โดยไม่ต้องโดนพ่อแม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แต่ในทางกลับกันแฟนเราซึ่งพ่อเสียไปแล้วแต่โดนแม่บังคับไม่ให้คบกับผู้ชายที่ไหนเลย พอแฟนเราพูดถึงเพื่อนผู้ชายหรือมีรูปผู้ชายให้แม่ดู แม่ก็จะพูดจาให้ร้ายผู้ชายทุกคนจนทำให้เธอมีแฟนหรือแต่งงานกับใครไม่ได้ไปตลอดชีวิตจนกว่าแม่เธอจะตาย เราก็เลยสัพยอกแฟนเราบ่อยๆว่า "กว่าแม่เธอจะตายแล้วเธอเป็นอิสระที่จะแต่งงานกับใครได้ ตอนนั้นเธอก็อายุ 80 ปี ไปเสียแล้ว...ฮ่าๆๆ..." สิ่งที่น่าสนใจก็คือเราเคยปรึุกษาซือเจ๊ (เพื่อนรุ่นพี่เราที่เล่าให้ฟัง) ว่า จะให้แฟนเราทำตามแบบที่ซือเจ๊เคยทำจะได้หรือไม่ นั่นก็คืออยู่ดีๆก็หอบข้าวของย้ายมาอยู่กับเรา แต่อยู่ในระยะเดินไปหาแม่เธอได้ จะได้เดินไปดูแลแม่เธอทุกวันได้ ซือเจ๊ตอบว่า "ฟังจากเรื่องราวที่แฟนนายเล่าให้ฟังนะ (เพราะฉันคุยกับแฟนนายบ่อยๆ) แม่แฟนนายมีสภาพจิตใจที่ไม่เหมือนพ่อแม่ฉัน นั่นก็หมายความว่าถ้าแฟนนายอยู่ดีๆหอบข้าวของไปอยู่กับนาย ถึงแม้ัว่าจะไปหาบ้านอยู่ใกล้ๆบ้านแม่แฟนนาย แม่แฟนนายก็จะประชดโดยการผูกคอตาย และตัวฉันกับตัวนายก็จะมองหน้าแฟนนายไม่ติด" ฟังซือเจ๊ผู้รอบรู้ด้วยประสบการณ์พูดแล้วรู้สึกหนาวแฮะ...ซือเจ๊คงประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำพอสมควรเลยทีเดียวหละ  ซึ่งเราคิดว่ามันน่ากลัวมากๆนะ ปัญหาพ่อแม่เผด็จการบังคับลูกมันรุนแรงเหลือเกินในสังคมไทย แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 10:27:24 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 10:23:15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 10:18:47

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าคุณแม่ จขกท ชอบให้ลูกรับราชการก็บอกว่าสามารถไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ได้ หรือทำเอกชนก็ได้ จิตองค์กรและอุตสาหกรรมสามารถไปทำงาน HR, Consultant ได้ ถือเป็นสายตรง เงินเดือนก็ไม่แย่ Top ของ HR รายได้ก็พอ ๆ กับ Top ของอาชีพอื่น สามารถไปทำ Sales ในบริษัทหลักทรัพย์ได้ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของจิตวิทยา เป็นต้น เนื่องจากไม่ทราบว่า จขกท จบตรีอะไร (ไม่ต้องบอกมาก็ได้ครับ) แนะนำว่าพยายามหางานด้าน HR ไว้ ถ้าสายที่เรียนมาไม่ตรงเลย ลงทุนเรียนหลักสูตร HR มือใหม่ http://www.hrcenter.co.th/publics.php?y=2010&m=7 สักหนึ่งหลักสูตร บอกคุณแม่ไปว่าต้องเรียนเพราะต้องเอาความรู้ไปสมัครงาน HR เมื่อได้งานมีประสบการณ์ตรงจะทำให้มีโอกาสได้เข้าเรียนในสถาบันดี ๆ มากขึ้น ขอแนะนำหลักสูตรปริญญาโท ม. ธรรมศาสตร์ จิตวิทยาองค์กรและอุตสาหกรรม บอกคุณแม่ไปว่าตั้งใจจะเข้าธรรมศาสตร์ก่อน ที่อื่นจะค่อย ๆ พยายามคอยดู ไม่แน่ใจว่า มศว มีจิตอุตสาหกรรมภาคพิเศษไหม ถ้ามีก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ค้นจากเว็บ มศว ได้ ถ้าจะทำ HR จริงก็ขอให้ฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ดี ค้นกระทู้เก่า ๆ ในห้องสมุดจะมีหลายกระทู้แนะนำการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตนเอง หรือถ้ามีเงินเหลือก็ British Council เป็นต้น เรื่องเงินเดือนเป็นเรื่องที่มาทีหลัง ถ้ามีความรู้ดี เอาไปใช้เป็น มีประสบการตรง HR ที่รู้จักระดับผู้บริหารระดับกลางแต่อยู่ในบริษัท ฯ ใหญ่ก็ 50000+ แต่จบมาใหม่ ๆ อย่าคาดหวังเฉพาะเรื่องเงิน ปริญญาโทก็เริ่มต้นกันหมื่นต้น ๆ ยกเว้นอย่างที่บอกเรียนไปทำงานไปเพราะหลักสูตรของ ม. ธรรมศาสตร์น่าจะเรียนเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ถ้าไม่ได้ ม. ธรรมศาสตร์ก็เลือกที่อื่นที่เรียนเสาร์ อาทิตย์ อาจเริ่มต้นได้มากกว่านั้น เรื่องเงินเดือนหวังยาว ๆ ดีกว่า จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 12:15:10

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆแล้วเรื่องที่เราสัพยอกแฟนเรา ที่เราเล่าไว้ใน คคห5 ที่ว่า "กว่าแม่เธอจะตายและเธอจะเป็นอิสระที่จะแต่งงานกับฉัน หรือกับผู้ชายคนอื่น (กรณีเธอเลิกกับฉัน) นั้น ตอนนั้นเธออาจอายุปาเข้าไปตั้ง 80 แล้ว" เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ "เราเอาเรื่องจริงจากชีวิตจริงของใครคนหนึ่งมาล้อแฟนเรา" คือมันมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเพื่อนเก่าเรา ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารมากๆ เธออยากแต่งงานตั้งแต่ยังสาวๆแล้วแต่โดนแม่บังคับไม่ให้รักหรือชอบผู้ชายคนใดทั้งนั้นเพื่อเธอจะได้อยู่ก้ับแม่และดูแลแม่เธอตลอดไป และผู้หญิงคนนั้นก็กตัญญููต่อแม่เธอ ยอมให้แม่เธอเผด็จการ และบงการทุกอย่างในชีวิตเธอ อนิจาวันที่แม่เธอจากโลกนี้ไป ผู้หญิงคนนั้น อายุได้ 80 ปีพอดี เป็นอิสระที่จะแต่งงานกับชายใดก็ได้เมื่ออายุเธอปาเข้าไปตั้ง 80 แล้ว...!!! มันช่างโหดร้ายเสียจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่เพื่อนเราเล่าให้ฟัง แต่ีคิดๆดูมันก็เป็นไปได้นะ สมมุติว่าแม่ท้องตอนอายุได้ 16 กว่าๆนิดๆ แม่ออกลูกตอนแม่อายุ 17 และแม่ตายตอนแม่อายุ 97 ลูกสาวก็อายุได้ 80 ปีพอดี และลูกสาวเพิ่งพร้อมที่จะแต่งงาน...เรื่องแบบนี้มันก็มีด้วยในโลกด้วยหรอกหรือ อนิจา...???!!! แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 15:20:53 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 15:18:17