ความคิดเห็นที่ 1 ขอแสดงความเห็นด้วยคน นะครับ แต่ขอตอบรวม ๆ ละกันครับ ผมเอง กำลังจะเรียนที่ มธ. ครับ (การสอนฯ) และสาเหตุหลักที่เรียน ก็เหมือนกับจขกท. ส่วนหนึ่ง คือ ปัจจุบันเป็น ติวเตอร์อยู่ แต่ว่าประสบปัญหาในการสอน บางจุด (เช่น การประเมินผล การคัดเลือกแบบฝึกหัด) จึงสมัครเรียนสาขานี้ครับ - กรณีของ มธ. ใช้คะแนน TU-GET และ มีการสอบภาษาอังกฤษ ของสาขานี้โดยเฉพาะ อีกหนึ่งวิชาครับ ทางสถาบันฯ จะพิจารณาคะแนนสองส่วน จึงเรียกสัมภาษณ์ครับ - มีสิ่งหนึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนครับ คือ การเรียนในสาขานี้วัตถุประสงค์หลัก ไม่ใช่การพัฒนาทักษะด้าน "แกรมม่าการฟังพูดอ่านเขียน" ดังที่จขกท. ต้องการนะครับ คือจริง ๆ ก็มีวิชาปรับพื้นฐานนะครับ(หนึ่งตัว เทอมแรก) แต่หลักการ คือ การเรียนสาขาการสอนฯ ก็มุ่งไปที่การสอนอังกฤษอย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผลสูงสุด ครับ - ระหว่างสาขา Eng for Career กับ TEFL(การสอนฯ) ตัวไหน "ลงรายละเอียดเนื้อหาในตัวภาษาอังกฤษมากกว่ากัน" ต้องถามว่า เนื้อหาที่ว่าเนี่ย..คืออะไรครับ? ถ้าหมายถึงด้านภาษาศาสตร์/ ไวยากรณ์ ผมคิดว่าน่าจะเป็นการสอนฯครับ แต่ถ้าหมายถึง เนื้อหาอังกฤษเฉพาะแต่ละสาขาอาชีพ...สาขา Career น่าจะตรงจุดกว่าครับ -เท่าที่เคยค้นกระทู้เก่า ๆ ในห้องสมุดนี้ ทราบว่าเกือบทุกที่ (จุฬาฯ บางมด มศว. มธ.) มีฝึกสอนครับ - สุดท้าย (แต่จริง ๆ เป็นความรู้สึกของผมแวบแรก ที่ได้อ่านกระทู้หาก "แรง" หรือ "ตรง" ไป ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยได้นะครับ ) คือ ผมมองว่า จขกท. "กังวล" (กลัวไม่ติด? กลัวเรียนไม่ไหว? )มากเกินไป ครับ (เรียกง่าย ๆ ว่า สับสน?)  ผมลองพยายามจับประเด็นของจขกท. พบว่า มีประมาณนี้ครับ   1) ปัจจุบันจขกท. รับสอนพิเศษอยู่แล้ว ...(ผมมองว่า อย่างน้อย เป็นโอกาสที่ทำให้เราจะต้องพัฒนาทักษะด้านภาษาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลดีต่อการสอบ TU-GET ด้วยนะครับ)   2) จขกท.กลัวจะเรียนหนัก เรียนไม่ได้ สอบไม่ติด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้จบด้านภาษาอังกฤษมา   3) แต่ในขณะเดียวกัน ในอนาคต จขกท.ก็มีความฝันที่ จะสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งก็น่าจะเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ   ผมมองว่า ถ้าเราเอา ข้อที่ 3 เป็นตัวตั้ง จะพบว่า การที่ไม่ได้จบด้านภาษามา ยิ่งทำไห้ ถ้าคิดจะเรียนโท ด้านภาษาอังกฤษ จขกท.ก็ควรต้อง "ตั้งใจ" อย่างเต็มที่และพยายามสอบและเรียนเรียนให้ "สุด ๆ " ไปเลยครับ   ในทางกลับกัน การที่คิดว่า ไม่อยากเรียนที่โน่น เพราะยาก ไม่ยากเรียนที่นี่ เพราะกลัวไม่ติด ฯลฯ นั้น ผมว่า หากเรายังคิดแบบนี้ จะทำให้เป้าหมายข้อที่ 3 ของเรา ยิ่งไกลออกไปครับ      ลองพิจารณาดูนะครับ และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ผมแนะนำให้ ลองใช้ SMART search คำว่า TEFL หรือ Eng for Career ดูครับ จะพบกระทู้เก่า ๆ ที่น่าสนใจเยอะมากครับ (ผมเอง ก็เริ่มศึกษาตามอ่านจากกระทู้เหล่านี้แหละครับ) จากคุณ : jiyuu (jiyuu) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 01:35:21

ความคิดเห็นที่ 2   สวัสดีครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่นะครับที่ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทสาขาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศครับ ที่ มศว ตอนนี้จะขึ้นปี 2 แล้วครับ จริงๆรายละเอียดเกี่ยวกับสาขาการสอนภาษาอังกฤษนั้น ผมก็ทยอยเข้ามาตอบแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถที่จะ search ดูได้จากที่ กระทู้ข้างบนได้แนะนำมาแล้วนะครับ จึงอยากจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาขา TEFL ของที่ มศว ดังนี้ครับ สาขา TEFL ของ มศว ก็จะรับสมัครปีละ 1 ครั้งครับ โดยทำข้อสอบเฉพาะสาขาและสัมภาษณ์ครับ (ไม่มีข้อสอบภาษาอังกฤษมาตรฐาน เหมือน TU-GET ครับ แต่จะมีข้อสอบภาษาอังกฤษสำหรับบัณฑิตศึกษาที่ทุกสาขาวิชาต้องสอบให้ผ่านก่อนจบ 2 รายวิชาครับ) ที่ มศว จะรับนิสิตเข้าเรียนสาขานี้ เพียงปีละประมาณ 10-15 คนเท่านั้นครับ ซึ่งอาจจะแตกต่างจากที่อื่นๆ ที่รับประมาณรุ่นละ 35-40 คน แต่ตัวข้อสอบคัดเลือกของ มศว ค่อนข้างง่ายกว่าของที่ ธรรมศาสตร์ และ รามคำแหงมากครับ (เพราะผมเคยไปสอบมาหมดแล้ว) แต่ส่วนมากก็จะมาฟาดฟันกันตอนที่สัมภาษณ์นี่ละคัรบ เพราะที่นี่จะเน้นคนที่มีประสบการณ์การสอนมาก่อนครับ เช่น เป็นครูอยู่ หรือสอนพิเศษอยู่ก็ได้ครับ เพราะต้องแชร์ประสบการณ์ในห้องเยอะครับ การเรียนสาขา TEFL นั้น เราเน้นเรียนที่เทคนิคการสอน มากกว่าการเรียนภาษาอังกฤษนะครับ (เหมือนอย่างที่กระทู้ข้างบนตอบครับ) แต่อาจจะมี 1-2 วิชาเท่านั้นที่เรียนเพื่อพัฒนาทักษะภาษา เราจะเรียนเน้นพวกการสอน เทคนิคการสอนฟัง-พูด-อ่าน-เขียน-ไวยากรณ์-ศัพท์ การสอนวัฒนธรรม การสอนภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ การสร้างแบบทดสอบ การประเมินผลการศึกษา การพัฒนาวิชาชีพครู การออกฝึกสอน การจัดรายวิชาและหลักสูตร การคัดเลือกและประเมินตำราเรียนภาษาอังกฤษ การทำงานวิจัยทางด้านการสอน etc. เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ทุกกระบวนวิชาครับ  ของ มศว ค่าเทอมจะเป็นแบบเหมาจ่ายตลอดหลักสูตร 90000 บาทครับ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด/เทอมๆ 30000 บาทครับ สำหรับสาขา Teaching English as a Foreign Language (TEFL) ของ มศว นั้น ตอนนี้ทางภาควิชาได้จัดทำหลักสูตรใหม่ออกมาแล้ว พอดีเพิ่งไปเห้ฯอาจารย์ท่านเพิ่งจะวิพากษ์หลักสูตรใหม่กันผ่านพ้นไป และหลักสูตรนี้ผ่านแล้วครับ โดยต่อไปสาขานี้จะเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า Teaching English as an International Language (TEIL) ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างหลักสูตรและวิชาต่างๆให้สอดคล้องและทันสมัยต่อยุคปัจจุบันครับ คาดว่าน่าจะให้นิสิตรุ่นปีการศึกษา 2554 ได้เรียนกันนะครับสำหรับหลักสูตรใหม่ครับ การสอบเข้าที่ มศว ไม่น่าจะยากอย่งที่คิดนะครับ โดยเฉพาะตัวของข้อสอบที่ผมได้กล่าวไปแล้ว แต่ถ้าได้สัมภาษณ์อาจจะต้องเตรียมตัวมาให้ดีครับ สมัยที่ผมมาสัมภาษณืผมทำเป็น report หรือแฟ้มเกี่ยวกับประสบการร์มาเลยครับ มีรูปภาพเกี่ยวกับการสอน ตัวอย่าง outline การสอน ตังอย่างแบบฝึกหัดหรือผลงานการเรียนของนักเรียน มาเข้าเล่มรวมกันหมดเลยครับ แล้วเอาไปให้กรรมการดูวันสัมภาษณ์ ช่วยไดมากเลยครับ เพราะเราไม่ใช่อาจารย์จริงๆ เพียงแต่สอนพิเศษและเป็น Airlines Trainer เก่ามาก่อนเลยชอบการสอนเหมือนกัน จขกท. มีอะไรสนใจอยากถาม เมลล์มาสอบถามได้นะครับที่ arthitthailand@hotmail.com ยินดีตอบคำถามเรื่องการเรียนครับ ป.ล. ผมเเป็นหัวหน้าห้องของ TEFL มศว รุ่นปีนี้ครับ ยินดีตอบคำถามในรายะเอียดของสาขาและช่วยเหลือให้คำปรึกษากับคนที่สนใจอยากเรียนในสาขาวิชาชีพเดียวกันครับ แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 53 09:06:57 แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 53 09:04:47 จากคุณ : นิสิต ป.โท มศว+ นศ.ป.ตรี ราม (Frenchkid) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 09:04:23

ความคิดเห็นที่ 3 อยากรู้ว่าเรียนจบแล้ว จะพูดหรือเข้าใจได้เหมือนคนเรียนเมืองนอกมั้ยคะ คือไม่มีงบเรียนเมืองนอกค่ะ แต่ก็อยากพูดภาษาอังกฤษได้เยอะๆ ก็เลยคิดว่าลงเรียนคอร์สสอนเป็นครู จะพอช่วยกระตุ้นเราได้ คนที่เรียนอยู่มีคำแนะนำยังไงบ้างค่ะ จากคุณ : สุภาพสตรีอ้วน (สุภาพสตรีอ้วน) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 13:40:03

ความคิดเห็นที่ 4   พูดหรือเข้าใจได้เหมือนคนเรียนเมืองนอกมั้ย อย่างที่บอกครับสาขา TEFL สอนการเป็นครูครับ ถ้าอยากเรียนเพื่อพัฒนาภาษา ลองไปลงพวก หลักสูตรปริญญาโท สาขา English for Careers ของ ม.ธรรมศาสตร์ นะครับ เพราะวิชาที่เรียนเป็นวิชาพัฒนาทักษะการใช้ภาษาโดยตรงครับ Communicative English ของ ม.รามก็คล้ายๆกันกับ English for Careers ครับ ส่วน TEFL เรียนการสอน แต่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการเรียนครับ มันต่างกันครับ การรับรู้และการพัฒนาภาษาของคนเราก็ไม่เท่ากันอีกครับ การเรียนในบ้านเรายังไงก็อาจจะได้ไม่เท่ากับไปเรียนที่ประเทศเจ้าของภาษาครับ เว้นเสียแต่ว่าเราพยายามจัดบรรยากาศรอบตัวและชีวิตประจำวันของเรา รวมถึงบริโภคสื่อต่างๆเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดครับอาจจะพอช่วยได้บ้าง ลองนึกเล่นๆว่า นศ ฝรั่งที่เรียนเอกภาษาไทยอยู่เมืองนอก ก็อาจนึกกลับว่า มาเรียนภาษาไทยที่เมืองไทยเลยดีไหม หรือว่าเรียนภาษาไทยเฉพาะในห้องที่บ้านเค้าเอง จะได้เท่ามาเรียนภาษาไทยที่เมืองเองเลยหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 53 14:39:30 จากคุณ : นิสิต ป.โท มศว+ นศ.ป.ตรี ราม (Frenchkid) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 14:34:50

ความคิดเห็นที่ 5 ปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษเป็นใบเบิกทางที่ช่วยให้หางานง่าย แต่มันไม่ใช่สูตรสำเร็จรูปที่จะทำให้มหาบัณฑิตทุกคนเก่งภาษาอังกฤษระดับเทพได้ท้ันทีที่จบมา (เนื่องจากแต่ละคนมีความสามารถในการรับรู้ด้านภาษาที่ไม่เท่าเทียมกัน) คนที่รักและเก่งอังกฤษและเสพย์สื่อภาษาอังกฤษ เช่นดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หัดพูดอังกฤษ มาตั้งแต่เรียนประถม มัธยม และปริญญาตรี จนเก่งมากๆอยู่แล้วพอไปเรียนปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษ จบมาจะไปได้โลดคือ "ทั้่งเก่งจริงและมีใบเบิกทาง ทำงานด้านภาษาอังกฤษยากๆได้ทันที" แต่ในทางกลับกัน คนที่ไม่เคยรักอังกฤษและไม่เคยเสพย์สื่อภาษาอังกฤษ เช่นดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หรือหัดพูดอังกฤษ มาตั้งแต่เรียนประถม มัธยม และปริญญาตรี แต่อยู่ดีๆอยากทำงานด้านภาษาอังกฤษก็เลยไปเรียนหลักสูตรปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษ จบมา "มีใบเบิกทางก็จริง แต่ก็เบิกทางไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่งทุกงาน" เพราะอะไร? เพราะบางทีไปสมัครงานเจอของแข็งก็มี ยกตัวอย่างเช่นคนจบปริญญาโทการแปลมา ไปสมัครงาน เจอสัมภาษณ์แบบ คนสัมภาษณ์เป็นฝรั่งเอาหนังสือราชการไทยโยนให้แปลเป็นอังกฤษสดๆ แล้วฝรั่งก็นั่งดู (ผู้สมัครงานก็เลยโทรมือถือขอให้เพื่อนช่วยก็ไม่ได้)โดยที่ฝรั่งมีคำแปลภาษาอังกฤษที่ถูกต้องถืออยู่ในมือแล้วคอยชะโงกหน้าดูอยู่ว่าแปลถูกต้องหรือเปล่า ถ้ามหาบัณฑิตเก่งอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ทดสอบผ่านสบายๆ แต่ถ้ามหาบัณฑิตไม่เก่งมาตั้งแต่เด็กๆ ความรู้จากปริญญาโทการแปล 2 ปี เรียนให้ตาย ก็เขียนภาษาอังกฤษผิดธรรมชาติเพียบ (เพราะ 2 ปี เวลาเรียนมันน้อย) อย่างนี้ก็สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน อีกตัวอย่างหนึ่ง เช่นคนจบปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษมา ไปสมัครงาน ถ้าเจอหน่วยงานไทยดูวุฒิการศึกษาแล้วสัมภาษณ์นิดหน่อยอย่างนี้ก็ได้งานทำ แต่บางทีเจอของแข็งก็มี เช่นไปสมัครในสถาบันที่มีฝรั่งเป็นผู้บริหาร ฝรั่งเอาเรียงความภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยคนหนึ่งที่เรียนปริญญาเอกอยู่ มาให้ผู้สมัครงาน edit (ตรวจแก้) แล้วให้เขียนแผนการสอนเป็นภาษาอังกฤษอธิบายว่า นักเรียนเขียนเรียงความภาษาอังกฤษได้ดีหรือห่วยขนาดนี้ จะใช้สื่อการสอนแบบไหน และวิธีการสอนแบบไหน มาสอนนักเรียน ฯลฯ ใครโดนสัมภาษณ์งานแบบนี้ถ้าเก่งอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆแล้วไปเรียนปริญญาโทเอกการสอนภาษาอังกฤษก็สัมภาษณ์ผ่าน แต่ถ้าใครไม่เก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วอยู่ดีๆไปเรียนปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษ 2 ปี ก็ไม่มีทางสัมภาษณ์ผ่าน เพราะคนเก่งไม่มากเรียนปริญญาโทแค่ 2 ปี เขียนแผนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเขียนไปเขียนมาฝรั่งเจ้าของภาษาหาข้อผิดพลาดของคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ได้บานเบอะ...แล้วก็จะไม่ได้งานทำ... เรื่องสมัครงานเป็นนักแปลแล้วโดนฝรั่งให้แปลสดๆให้ดู นั้นแฟนเราโดนเองเวลาเธอไปสมัครงานเป็นนักแปล/ล่ามในบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ส่วนเรื่องการสมัครงานสอนภาษาอังกฤษ แล้วโดนฝรั่งสั่งให้ edit (ตรวจแก้เรียงความภาษาอังกฤษของนักศึกษาปริญญาเอก (มหาลัยปิดดังๆ)) และโดนสั่งให้เขียนแผนการสอนเป็นภาษาอังกฤษมานั้น เราเคยโดนเองตอนเราสมัครงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่สถาบันสอนภาษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แต่ถ้าใครเรียนจบปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษ โดยที่่ไม่ได้เก่งอัีงกฤษมามากอยู่แล้วตั้งแต่ยังเด็กๆ คือเพิ่งมาเรียนภาษาอังกฤษแบบจริงๆจังๆได้ 2 ปีในหลักสูตรปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษ แล้วสัมภาษณ์งานโหดๆแบบนี้ไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะ "ยังมีปริญญาโทเป็นใบเบิกทาง ให้ไปสมัครงานที่อื่นที่โหดน้อยกว่านี้ได้ และเมื่อได้งานแล้วก็ฝึกฝนตนเองให้เก่งกว่าเดิมได้ ซึ่งบางคนฝึกไปอีก 7 ปีก็เ่ก่ง แต่บางคนอาจต้องฝึกไปอีก 20 ปีหรือมากกว่านั้น ถึงเก่งระดับใช้ภาษาอังกฤษโดยมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย ทั้งนี้ เนื่องจากแต่ละคนต่างก็มีความสามารถในการรับรู้ด้านภาษาไม่เท่าเทียมกัน" ดังนั้น อย่าเพิ่งมั่นใจ 100% ว่าปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษจะเป็นสูตรสำเร็จรูปสำหรับทุกคน...แต่ให้คิดเสียว่า "มันเป็นใบเบิกทางทีดี" เท่านั้นก็พอ...!!!!! แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 01:16:24 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 01:12:14 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 01:04:50