ความคิดเห็นที่ 1 ไม่จบไม่สิ้นจริงๆเรื่องนี้ 5555 จะพร้อมไม่พร้อมยังไง เราก็ใช้ระบบนี้มานานตั้งหลายสิบปีแล้วล่ะ แต่จะพัฒนามันไปทางไหน ทำให้มันเข้ากับรูปแบบสังคมไทยและเอื้อมากที่สุดยังไง มันก็อยู่ที่เวลาและการผ่านเหตุการณ์ต่างๆ อย่างน้อยๆชีวิตมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก สามารถตื่นนอน ทำงานหาเงิน สร้างเนือสร้างตัว ส่วนสิทธิ เสรีภาพก็ถือว่าใช้ได้ดี ส่วนเรื่องจะออกคห.ทางการเมืองยังไงก็ค่อนข้างอิสระดี เพียงแต่ต้องเคารพในคห.คนอื่นและก็องมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าไปดูหมิ่น ดูถูกใครโดยที่ไม่ได้ดูตัวเองหรือไร้เหตุผล แบบนั้นก็สมควรที่จะต้องรับผลที่ตามมา เอาง่ายๆ ถ้ายังสามารถที่จะมานั่งตอบโพสในโลกไซเบอร์ได้ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้อง เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วงในอันดับแรกๆเลย นอกจากว่าประเทศนี้จะเป็นแบบพวกในอาหรับหรือแอฟริกาที่เกิดมาก็ต้องจับปืนต่อสู้ทุกวัน แบบนั้นแหละที่สมควรจะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพ ประโยคนึงจากเรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อ (เวอรชั่นหนังปี 2001) ที่ชอบมากในตอนท้ายที่อุ้ยเสี่ยวป้อพูดกับแม่ชีแขนเดียวซึ่งมีศักดิ์เป็นอาจารย์ของเขา ในตอนที่บุกเดี่ยวมาจะสังหารฮ่องเต้คงัซีคือ "โค่นชิงกู้หมิงแล้วยังไง ไปถามชาวบ้านทั่วไปไหมว่าเคยต้องการสิ่งนี้ไหม ข้ารู้เพียงว่าในยุคสมัยการปกครองของฮ่องเต้คังซี ผู้คนอยู่ดีมีสุข ชาวบ้านไม่อดอยาก ไม่ต้องห่วงเรื่องโจรผู้ร้าย ดังนั้นต่อให้คังซีเป็นแมนจูแล้วยังไง จะแมนจูหรือฮั่นมันก็ไม่ต่างกัน หากท่านมั่นใจว่าสังหารคังซีแล้ว คนที่จะขึ้นมาต่อจากเขา ทำได้ดีกว่าเขาล่ะก็ ท่านฆ่าเขาได้เลย ตาสว่างซะทีเถอะ อาจารย์!!!!" และอีกเรื่องหนึ่งที่ตอนนั้นแสดงว่าคนไทยอาจไม่พร้อมเป็นเพราะ ประชาธิปไตยจะได้มาอย่างแท้จริง ประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยตนเอง โดยที่พร้อมจะมีความรับผิดชอบต่อพลังอำนาจที่จะได้มาหลังจากนั้นด้วย ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยื่นให้ จะผ่านไปยังไงผู้คนก็ไม่มีวันเข้าถึง เพราะแสดงว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการมันจากใจจริง หรือไม่พร้อมที่จะรับมัน แต่ไหนๆก็รับและอยู่กับมันมานานขนาดนี้แล้ว ในรุ่นของเราอาจจะยังพัฒนามันได้ไม่เท่าไหร่ แต่คนรุ่นต่อไปอาจจะพัฒนามันไปได้ดีกว่านี้ก็ได้ และเรื่องหนึ่งที่ลักลั่นย้อนแย้งก็คือ บางครั้ง ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพก็เป็นอะไรที่มาพร้อมพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง เช่นเวลาคนอเมริกันซึ่งเป็นชนเผ่าที่เรียกร้องในสิทธิเสรีภาพสูงสุดในโลกนั้น สามารถเข้าไปทำข่าว ในประเทศต่างๆได้ โดยเพราะมีพวกเขาได้ชื่อว่ามาจากสำนักข่าวอเมริกัน เพราะอเมริกันมีพลังทางทหารอันเข้มแข็งหนุนหลังอยู่ ใครๆจึงยอมรับในประชาธิปไตยและเสรีภาพในเรื่องต่างๆที่คนเขาไปทำ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 07:03:31 แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 53 22:04:34 จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 22:02:54

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่พร้อมนะผมว่า เพราะคนไทยยังไม่ยอมรับในเสียงส่วนมากอย่างแท้จริง ทั้งยังไม่รู้สิทธิ และ หน้าที่ของตน และคนอื่นอย่างชัดเจนด้วย จุดแรก ยังไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ไม่ว่าการชุมนุม (ทั้งเหลือง และ แดง) การประท้วงต่างๆ ไม่เอานู่น จะเอานี่ ไม่เอานี่ จะเอานั่น ไม่พอใจอะไร ก็เอาคนหมื่น 2 หมื่น มาประท้วงว่า คนเป็นล้าน ไม่พอใจ จะให้ลาออกบ้าง จะให้ยุบสภาบ้าง จะไม่เอาโครงการนี้บ้าง จะเอาโครงการนั้นบ้าง โดยไม่ดูเสียงส่วนใหญ่อย่างแท้จริง รวมทั้งผู้มีอำนาจสั่งการก็ไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ไม่ทำประชาพิจารณ์ ไม่ให้ประชาชนที่เหลือ ออกเสียง เพื่อใช้ประชาธิปไตยที่แท้จริงมาร่วมแก้ปัญหา อันนี้คือตัวอย่างง่ายๆที่ผมมองว่า คนไทยยังไม่พร้อม จุดต่อมา ที่บอกว่า คนไทยยังไม่รู้สิทธิ และ หน้าที่ อย่างแท้จริง ทั้งของตนเอง และ ของผู้อื่น ตามกระบวนการแล้ว ไม่ว่าการทำการงานอะไร ย่อมมีผู้ตรวจสอบ แต่ ผู้ตรวจสอบ มักไม่รู้หน้าที่ตัวเอง ไหลตามน้ำ มีเงิน ปิดหู ปิดตา ปิดปาก เหล่านี้ เมื่อคนเราไม่รู้หน้าที่ของตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในระบบ ประชาธิปไตยจริงๆ จึงทำให้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ยังเกิดไม่ได้ ข้าม สิทธิไปหน่อย สิทธิที่ว่า คือสิ่งที่เราจะไม่ก่าวก่ายคนอื่น เพราะมันเป็น สิทธิ และ เสรีภาพของคนอื่น แต่มักอ้างสิทธิในการก้าวก่ายคนอื่น ว่าเป็น สิทธิของตัวเอง เรื่องนี้เห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ขอพูดถึงนะครับ ขอโยงมาที่ สิทธิในการชุมนุม เรียกร้อง ( เพราะคิดว่า หัวข้อที่พูดกัน มาจากการชุมนุม เรียกร้อง ประชาธิปไตย ) สิทธินั้น กำหนดชัดเจนว่าการชุมนุมที่ถูกกฏหมาย มีลักษณะแบบใด อันนี้ ทำให้เห็นว่าผู้ชุมนุม ยังไม่รู้จักสิทของตนเองเท่าไหร่ ดูจากการปิดสนามบิน หรือ ปิดราชประสงค์  และบุคคลที่ออกกฏหมายการชุมนุมรอบหลังก็เช่นกัน ( ออกกฏหมายมาเพื่อบอกว่า การชุมนุมนั้นผิดกฏหมาย ) นั่นก็เป็นอีกตัวอย่าง ในการก้าวก่ายสิทธิของคนอื่น ผมก็เพิ่งเคยเห็นนะครับ เขาชุมนุมกันก่อน แล้วออกกฏหมายว่าการชุมนุมที่เกิดก่อนการออกกฏหมาย เป็นการผิดกฏหมาย ตามหลักแล้ว กฏหมาย จะไม่มีผลย้อนหลังต่อเรื่องที่เกิดก่อนการออกกฏหมาย เอาล่ะครับ ทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ที่เห็นว่า คนไทยยังไม่พร้อม ผมข้องใจนิดนึงนะครับ 1.ผมไม่เคยเรียน/ศึกษา เลยว่ารัชการที่ 7 จะมอบประชาธิปไตยให้ประชาชน แต่ท่านมอบรัฐธรรมนูญมาให้ประชาชน เพื่อเป็นการปูทางสู่ประชาธิปไตย แล้วทำไมถึงบอกว่า ท่านพระราชทานประชาธิปไตย 2.ประเทศไทย ยังเป็น ราชอาณาจักรไทย หมายความว่า ยังใช้ระบอบ ประชาธิปไต อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หมายถึง ประชาธิปไตยส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เข้ามาใช้ในการปกครอง แต่เพียงส่วนหนึ่งนี้ คนไทยยังรับกันไม่ค่อยได้ แล้วทำไมถึงไปเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง สุดท้าย จากเหตุผลข้างต้น ผมใช้เหตุผลเหล่านั้นมายืนยันในความคิดตัวเองว่า คนไทย มีประชาธิปไตยในการปกครอง เพียงแต่ ยังไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เต็มร้อยเปอร์เซ็น เพราะคนไทย ยังไม่พร้อมด้วยเหตุผลข้างต้น และผมว่า ดีกว่าแน่ๆ เพราะเรามีพระราชอำนาจ เพื่อปกครองด้วยระบอบ ธรรมมาธิปไตยอีกส่วนหนึ่ง เพื่อพยุงประเทศให้เดินหน้าได้ โดยไม่ยกอำนาจการปกครองให้ตกไปที่สภาเพียงอย่างเดียว ( ที่จริงมีอำนาจตุลาการอีก แต่ไม่อยากพูดเท่าไหร่ กลัวหมิ่นอำนาจศาล ^^" ) ทั้งหมด ความเห็นส่วนตัวนะครับ ดุได้ ว่าได้ แต่อย่าด่านะครับ ใช้เหตุผลดีกว่า ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กชายแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 22:10:58

ความคิดเห็นที่ 3 การศึกษา และเข้าใจในระบอบ จริงๆ ที่ไม่ใช่เอาเงินไปให้ หรือเอา เบเนฟิตไปให้แล้วจบ  โดยไม่คำนึงว่า นักการเมืองนั่นเปฺ็นคนดีไม่ดี จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 22:15:40

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าพร้อม หรือไม่พร้อม ดูจากผลลัพธ์หรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็น่าจะบอกได้ จากคุณ : Halls เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 23:22:29

ความคิดเห็นที่ 5 จะพูดว่าไม่พร้อมซะทีเดียวก้อพูดยาก จะบอกว่าพร้อมแล้วก็ไม่ได้ อ่ะครับ +++   ถึงแม้คนไทยจะมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยมานาน ( ถ้านับจริง ๆ ก็ยังไม่กี่ปีหรอกครับ ) คนไทยอีกมากที่ยังขาดความรู้ด้านประชาธิปไตย ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของตัวเอง เรียกได้ว่าขาดการพัฒนาอีกมาก คนไทยโดยเฉพาะในชนบทใช้สิทธิของตัวเองกันแบบผิด ๆ เยอะ เลยคับ ใช้ระบบอุปถัมป์ช่วยเหลือพวกพ้อง ให้ได้เป็นผู้แทน เลือกคนที่ให้เงิน ยอมรับการทุจริตของผู้แทนอะไรเงี่ยคับ สถานการณืบ้านเมืองตอนนี้เช่นเดียวกันคับ ไม่พอใจอะไรก็รวมตัวกันมาชุมนุม ผมคิดว่าถ้าเกิดเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ใครไม่พอใจอะไรก็มาชุมนุมกดดันรัฐบาล ชุมนุมกันไปชุมนุมกันมาก็ใช้ความรุนแรง ความเสียหายก็เกิดกับประเทศชาตินั้นเอง สภาพการเมืองไทยที่เป็นแบบนี้ จะโทษไปที่ประชาชนตาดำ ๆ ทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทพัฒนานั้น คือแนวทางการบริหาร ผู้บริหารประเทศระดับสูงที่เข้าไปบริหาร ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลที่ได้รับเลือกพัฒนาประเทศไปโดยมองดูเหมือนจะยึดหลักความพอใจของประชาชนในปัจจุบัน ไม่มองไปถึงความยั่งยืนของประเทศ มองเรื่องการทดแทนบุญคุณ แก้ปัญหาแบบผ่านไปที ทำงานกันแบบหละหลวม แทนที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศเพื่ออนาคต ปรับปรุงกฏหมายให้มีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งประเทศเรามีกฏหมายที่ไม่แข็งแรง ร่างกฏหมายเพื่อพวกพ้อง ทำให้บังคับใช้กฏหมายไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ต้องคอยแก้กันไปเรื่อย ๆ เป็นปัญหาเรื้อรัง พูดไปก็ยาวครับการเมืองนี่มันพูดยากจริงๆ มันอยู่ที่จิตสำนึกคนในชาติ หากคนไทยทุกคนรักประเทศไทยใช้สิทธิหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง เหตุการ์ณต่าง ๆ ที่ผ่านมาคิดว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สอนคนไทยได้เยอะเลยคับ นำอดีตมาทบทวนแล้วคิดว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อทำให้ชาติเรายังคงอยู่ได้ แค่เรื่องง่าย ๆ คนทุกคนก็ทำได้ ช่วยกันนะคับ จากคุณ : Ton2080 เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 23:38:00

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเสนอ คห. ในแบบ "ห้องสมุด"   ไม่ข้องแวะ การเมือง ละกัน ด้วยความเป็น มนุษย์.. ที่มีระดับ มันสมองซับซ้อนกว่า สัตว์ ชนิดอื่นมาก ตลอดประวัติศาสตร์ จึงมีการพัฒนาการ วิธีการอยู่ร่วมกันให้ได้อย่าง สงบและ เป็นระเบียบ  มากกว่าสัตว์ชนิดอื่น....   มีการใช้ เครื่องมืออะไรก้แล้วแต่ที่มนุษย์จะ สร้างสรร ขึ้นมาได้ ..ศาสนา ,     กฎหมาย,    จารีตประเพณี, วัฒนธรรม   ตลอดจน การเมืองการปกครอง ทั้งหมดทั้งปวง เหล่านั้นเพียง เพื่อพยายาม จำกัด หรือ กด .. "สัญชาติญาณ"   เยี่ยงสัตว์...  ไม่ให้แสดงออกมาอย่าง อิสระ     และด้วยเครื่องมือเดียวกัน ที่กล่าวมาข้างต้น... ก็ยังมีมนุษย์ในกลุ่มจ่าฝูง สามารถใช้มัน ปลดปล่อย  "สัญชาติญาณ" เถื่อนของตัวเอง  ต่อเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน ....      นั่นคือ "ศักดินา"   กษัตริย์ , นักบวช , นักรบ   เหล่านั้นคือ ชนชั้น อีลิท...ที่ไม่ค่อยใข้เครื่องมือ ควบคุม "สัญชาติญาณ" เถื่อน ของตัวเอง... แต่ ใช้ควบคุม "สัญชาติญาณ "ของ ผู้อื่นฝ่ายเดียว     "ประชาธิปไตย"  คือ แนวคิด ด้านการปกครอง.. ที่ทำให้ มนุษย์ทุกคน มีความเสมอภาคกัน  ทำให้ มนุษย์ มีขอบเขต การจำกัด การใช้สัญชาติญาณได้ ด้วย เงื่อนไข และ ภาชนะปิดกั้นเดียวกัน  ได้อย่างยุติธรรมที่สุด อย่างน้อยก็ ในตอนนี้    ความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์...มันติดตัวทุกคนมาตั้งแต่กำเนิด...    มนุษย์ทุกคนมีความ "พร้อม" ที่จะได้สิทธิ์นั้น มาตั้งแต่แรก   ถ้าแนวคิดประชาธิปไตย มันเริ่มมี ตั้งแต่ สุโขทัย... คนไทยก็ควรได้มัน    ตั้งแต่ สุโขทัย..!!!!!    ไม่ต้อง รอปี 2475 หรือ  รอความพร้อมใดๆให้อ้างกันอีก 0000000000000000000000000000000000000000000000000 จากคุณ : Bismarck the third เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 23:58:38

ความคิดเห็นที่ 7 คนที่เข้าใจประชาธิปไตย คงมีหลายระดับ 1 รู้โดยที่ชิวิตประจำวันบอก และสอน (ว่ามีการเลือกตั้ง ต้องไปเลือกตั้ง) 2 ตื่นตัว กระตือรือร้นต่อสถานการณ์ทางการเมือง แต่ไม่ได้มีส่วนร่วม หรือรู้ระดับเหตุผล 3 ระดับปฏิบัติ เป็นตัวแทนทางการเมือง ระดับใดระดับหนึ่ง 4 ระดับปรัชญา ตีความ และตอบโจทย์ทั้งหลายได้(รู้จริง รู้ลึก แก้ไขได้) คนไทยส่วนมาก น่าจะรู้เีพียงระดับที่ 1 ทำให้มีปัญหาต่อเนื่องหลายประการ เช่นไม่รู้สิทธิ ละเมิดสิทธิ วิเคราะห์สถานการณ์โดยความเชื่อส่วนตัว ไม่ได้มองภาพต่างๆ อย่างเป็นระบบประชาธิปไตยจริงๆ   ส่วนอื่นที่รู้ดีกว่า ก็ฉวยโอกาส ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปลี่ยนแปลงภาพของประชาธิปไตยที่ถูกต้องให้บิดเบี้ยวไป เพาะเลี้ยงความเกลียดชัง เอาเปรียบ ไว้เพื่อผลประโยชน์       ดังนั้น หากจะไม่พร้อม ตัวผมเชื่อว่า เกิดจากสัดส่วนของผู้ไม่รู้(ระดับแรก)ยังมีอยู่มาก ซึ่งตามหลักน่าจะเป็นส่วนที่น้อยที่สุด จากคุณ : labor_pu เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 01:06:22

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงแม้ว่าจะยังไม่พร้อม แต่มันก็ดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้รูปแบบการปกครองต้องถูกชักจูงไปในแนวทางของ ขุนนางกับกลุ่มนิยมเจ้าในสมัยนั้นครับ คำว่าคนไทยยังไม่พร้อมเปนการเข้าข้างตัวเองอย่าร้ายกาจ เพราะสังคมไทยถูกปลูกฝังความเชื่อ ที่ว่าตัวองต้องถูกกดโดยฝ่ายรัฐหรือกษัตริย์ กษัตริย์ทรงเป็นเจ้ามหาชีวิตหรือเจ้าของแผ่นดิน โดยไม่อาจโต้แย้ง เหมือนญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่2 แม้จะมีการปฏิรูปประเทศแต่จักรพรรดิ ยังคงเป็นพระเจ้าอยู่ ดังนั้นการปฏิวัติของคระราษฏร์นั้น แม้อาจจะเร็วไปแต่ก็ยังดีกว่าที่รัฐธรรมนูญฉบับแรกถูกเขียนขึ้นโดยแนวคิดนิยมเจ้า ไม่ใช้ในแบบการปกครองของประชาชน โดยดูจากการที่พวกเจ้าที่สูญเสียอำนาจพยายามก่อกบฏลายครั้งหลังจากการเปลี่ยนแปลง และถึงแม้ว่ามันจะมีข้อผิดพลาดหลายอย่าง อย่างน้อยเราก็สามารถ ด่าผู้มีอำนาจได้อย่างเสรี โดยไม่มีกฏหมายหมิ่น มาปิดปากไว้ และหากปล่อยให้ฝ่ายขุนนางและกลุ่มนิยมเจ้า ยังคงครองอำนาจต่อไป เมืองไทยคงไม่อาจต้านพรรคคอมมิวนิสต์ได้และเมื่อถึงเวลานั้น ประชาชนไทยคงเรียกกันว่าสหาย โดยเป็นปกติ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 02:00:51

ความคิดเห็นที่ 9 มีวิธีไหนบ้างที่จะวัดผลได้อย่างถูกต้องแม่นยำว่าคนไทยพร้อมหรือไม่พร้อม(อยากรู้จริงๆ ไม่ได้กวน) จะได้รู้กันไปเลยว่าพร้อมไม่พร้อม จากคุณ : หัวใจใส่ชุดนักเรียน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 02:20:33

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ คุณต้องให้นิยามคำว่า พร้อม กับคำว่า คนไทย มาให้ได้ก่อน จึงจะสามารถออกแบบวิธีการวัดผลได้ จากคุณ : Deckard เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 04:27:18

ความคิดเห็นที่ 11 ก็ถ้ามีม๊อบไปยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ แล้วมีอีกม๊อบขนอาวุธมาแอบข้างใน ใล่เผาเมือง ตราบนั้นมันก็ยังต้องพัฒนา ตอนนี้มีความพยายามจากนายหัวม๊อบแรก โมษณาออกทีวีของตัวเองทุกวันว่าการเมืองไม่สามารถแก้ได้ด้วการเมือง ขอให้เอาม๊อบไปอยู่ข้างถนนอีกรอบ เค้าเรียกว่า ห่วย แถมแกนนำเสื้อแดงบางคนสู้จนซื้อเขาที่นครได้เกือบทั้งเขาแล้วอย่าให้ผมพูดเลยว่าใคร มีความพยายามซื้อเขาพรายดำที่จ. ในภาคใต้ แล้วสร้าง รร เสื้อแดง เจ๋งอะความคิดนี้ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 08:50:44 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 08:48:56

ความคิดเห็นที่ 12 เอ้อ ขออีกซักนิด วันก่อนผมไปกินข้าวในชนบทมา ตอนนั้น มีผู้ลงสมัคร อบต มาหาเสียง ชาวบ้านเขาก็เฮ เฮ กัน รับนามบัตรอะไรกัน ตามระเบียบ พอผู้แทนคล้อยหลังออกจากร้านไป ชาวบ้านต่างพูดกันว่า กูจะรอให้มันมาจ่ายเบี้ย แล้วกูจะถ่ายรูปให้ชัด เอาไปฟ้อง กกต เอาเงินอีกทอด ผมสำลักน้ำเลย คุณคิดว่าชาวบ้านในร้านนั้น รู้จัก ปชต ฤ เปล่า แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 08:55:59 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 08:54:54 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 08:54:35

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ถึงคนรุ่นเก่าไม่พร้อม ผมเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่พร้อมแล้ว จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 09:01:00

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่จำเป็นต้องพร้อมหรอก...ทุกอย่างมันต้องให้เวลาในการปรับตัว จะเลวร้ายก็เลวร้ายไป จะแย่จะเต็มไปด้วยนักการเมืองที่ไม่สะอาดก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามระบบ พอผ่านจุดนั้นไป ประชาชนจะตระหนักได้ และคิดเองเป็นว่าควรจะทำอย่างไรกับระบอบการปกครองแบบนี้   เชื่อใจในประชาชนทั้งประเทศ เพราะประเทศชาติไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หากคนส่วนใหญ่ต้องการให้เป็นแบบไหนก็ควรจะปล่อยให้มันเป็น แล้วระบบก็จะทำหน้าที่ของมันเองตามเวลา ขอแค่อย่าให้มี คนพิเศษกลุ่มหนึ่ง ออกมาล้มล้างแล้วคอยบอกคนโน้นดี คนนี้ดี   แล้วคอยล้มประชาธิปไตยให้ต้องเริ่มนับหนึ่งอยู่เสมอ...เราอาจจะนับไปถึง 3 ถึง 4 แต่เรายังไม่เคยได้นับไปไกลกว่านี้... เทียบกับเวลาที่เราได้มีการปกครองในระบอบนี้แล้ว น่าเสียดายจริงๆ   หยุดการรัฐปรหารก็เพียงพอแล้ว...สำหรับประเทศนี้  แค่นี้ก็ทำให้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยพร้อมสำหรับประชาชน และทุกประสบการณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้ายของคนที่เดินผ่านวันเวลาที่ยาวนาน ก็จะทำให้คนในประเทศนี้ พร้อมสำหรับประชาธิปไตยเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 53 11:33:44 จากคุณ : monkydlufy เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 11:31:44

ความคิดเห็นที่ 15 คห.13 ผมอายุไม่ถึงยี่สิบครับ คงไม่ใช่คนรุ่นเก่าเท่าไหร่ แต่ผมมั่นใจว่า ยังไม่พร้อมครับ จากคุณ : เด็กชายแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 12:39:24

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าไม่พร้อม แต่ที่สำคัญกว่า ไม่พร้อม คือ ไม่พัฒนา แต่ผมก็พอใจที่คณะราษฯ นำประชาธิปไตยมาให้ ส่วนชาวบ้าน ผมว่าเขาเข้าใจประชาธิปไตยมากขึ้นนะครับ ตามความเห็นที่ 12 รอความเห็นท่านต่อไป จากคุณ : หนอนบุ้ง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 14:58:33

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่พร้อม จริงๆแหละครับ จากหลายๆอย่าง แต่ยังไงก็เริ่มไปแล้ว พัฒนาไปแล้ว มาพูดเอาตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ และอีกอย่าง ไม่พร้อมสำหรับระบบ ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่พร้อมสำหรับการฝึกฝน(เพื่อให้พร้อมในภายหลัง) ส่วนตัวก็ให้เครดิตคณะราษฎรแหละครับ สำหรับการนำประชาธิปไตยให้คนไทย ปล. ชอบที่คุณ คห.1 พูดถึงอุ้ยเสี่ยวป้อมากเลย เวอร์ชั่นนั้นผมชอบสุดเลยนะนั่น จางเหว่ยเจี้ยนเล่นฮาได้ใจมาก บทจะโหดก็โหดได้ด้วย แถมคำพูดที่ว่านั่นเป็นหนึ่งในบทเสริมของหนัง(ที่ไม่มีในวรรณกรรม)ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เหมือนบางเรื่องที่เสริมมาแล้วทำให้เละเทะ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 18:24:55

ความคิดเห็นที่ 18 ระบอบของไทยมันเดินสะดุดอยู่เรื่อยเลยนี่ อย่าไปโทษประชาชนฝ่ายเดียวเลย เพราะเค้าก็คงไม่รู้ว่า คนที่เค้าเลือก จะถูกใจ......กระแสอะไรซักอย่างที่ครอบงำอยู่หรือเปล่า เวลาอยากให้เค้าเลือก ก็รณรงค์ให้เค้าออกมาใช้สิทธิใช้เสียง เวลาไม่ถูกใจก็เข็นรถถังออกมา จากคุณ : ป้าหนูดา เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 20:17:34

ความคิดเห็นที่ 19 ครับ ก็อย่าไปโทษ...ฝ่ายเดียวเหมือนกัน ตีกันเอง ก็ดึง...ลงมาเกี่ยวอยู่เรื่อย ผมเห็นแต่...ถูกดึงลงมาใช้เพื่อการเมืองเท่านั้นแหละ โดยที่มีกลุ่มปัญญาอ่อนบางกลุ่มได้โอกาสก็เลยพยายามดิสเครดิต...ตลอดเวลา ก็นั่นสินะ เอะอะก็โยนให้...มันง่ายกว่ายอมรับความบกพร่องของตัวเองอยู่แล้ว สงสัยจังว่าพวกนี้ปกติเดินสะดุดในบ้านจะหาว่า...เป็นคนทำอีกหรือเปล่า จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 20:49:11

ความคิดเห็นที่ 20 ขออภัยผู้ร่วมอภิปราย ช่วงนี้มีสถานการณ์ฉุกเฉินเข้ามาอย่างไม่คาดหมาย คงจะไม่ได้โต้ตอบความเห็นสักพัก แต่ยังตามดูอยู่ห่างๆ ขอบคุณผู้ร่วมอภิปรายทุกท่านครับ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 23:42:04

ความคิดเห็นที่ 21 คงต้องถามคนไทยก่อนว่าเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยตรงกันรึเปล่า จากคุณ : หัวใจใส่ชุดนักเรียน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 01:56:31

ความคิดเห็นที่ 22 ที่โพส ๆ กันมาเนี่ยมีคนอ่านกันรึเปล่า? จากคุณ : ทอฟฟี่สีแดง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 10:25:45

ความคิดเห็นที่ 23 มายืนยันว่าอ่านค่ะ และอ่านทุกความเห็น แถมบางกระทู้ที่ให้ความรู้จัดเก็บเข้าคลังไว้อ่านวันหลัง  เพื่อเตือนความทรงจำ        บางท่าน ท่านค้นคว้าก่อนตอบ ดิฉันอยากให้เด็กเข้ามาอ่านกันเยอะ ๆไม่ว่าจะห้องนี้หรือห้องไหน ในพันทิพ ให้ความรู้ทั้งนั้น จงมั่นใจ และแนะนำให้เพื่อน ๆ เข้ามาอ่าน และยังฝึกให้เราได้ใช้วิจารณ์ญาณในการคิดตามความเห็นของท่านอื่น  จะใช่หรือไม่ใช่ อยู่ที่ตัวเราคิดหาเหตุผล สืบค้นต่อยอดเอาได้   ห้องนี้ขอบอก  ช่วยให้ประเทืองปัญญายิ่งนัก        สำคัญแต่ คห 22  ถามแล้วเข้ามาอ่านคำตอบหรือเปล่า นี่สิ จากคุณ : หนึ่ง ต. กับ สามตัว (หนึ่ง ต. กับ สามตัว) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 12:00:51

ความคิดเห็นที่ 24 พวกที่คิดว่าเสียงตัวเองคือเสียงคุณภาพ เสียงคนที่คิดต่างคือเสียงไม่มีคุณภาพนั่นแหล่ะคือพวกที่ไม่พร้อม จากคุณ : smooth night เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 13:57:49

ความคิดเห็นที่ 25 ธรรมชาติของคนเราพร้อมสำหรับสิ่งที่ดีกว่าเสมอค่ะ ถ้าอยากให้คนรู้จริง บังคับออกทีวีเหมือน ศอฉ. ก็น่าจะได้อยู่นะ แต่ไม่ดีกว่าให้ดูละครน้ำเน่าไปก่อน จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 22:04:51

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่า ถ้าประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ แล้วท้องอิ่ม ประชาธิปไตยจะเติบโตมากกว่าเป็นแต่การออกเสียงเลือกตั้งอย่างในปัจจุบันนะครับ จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 23:51:52

ความคิดเห็นที่ 27 ผมขอตอบแบบนี้ครับ... ไม่มีตัววัดที่แน่นอน บอกไม่ได้ว่า พร้อมขนาดไหน หรือไม่พร้อมขนาดไหน เพราะลักษณะของระบอบประชาธิปไตย มันไม่ใช่ระบอบที่เลอเลิศสุดเพอร์เฟ็ค ติไม่ได้ แม้แต่ประเทศอย่างอังกฤษที่ว่ากันว่าเป็นประชาธิปไตยมาอย่างยั่งยืนยาวนาน ก็ยังมีบางส่วนที่ผมดูแล้วรู้สึกทะ:-)ๆในความเป็นประชาธิปไตย ( เช่น ตอนที่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วให้ควีนมีสิทธิ์จัดการเลือกตั้งใหม่ อันนี้บอกตามตรงผมรู้สึกแหม่งๆจริงๆนะ ) แต่จุดเด่นของมันคือ " การพัฒนาได้ " ครับ... การอ้างว่า คนยังไม่พร้อม ยังไม่ควรเป็นประชาธิปไตย จึงไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการไม่มอบประชาธิปไตยให้เลยครับ... เพราะการกระทำเช่นนี้ เท่ากับคุณปฏิเสธ " ตัวตน " ของมันไปแล้ว... คุณค่าของประชาธิปไตย มิได้อยู่ที่ คุณภาพของประชาชน ผู้แทน หรือแม้แต่ความเจริญของบ้านเมืองครับ... แต่มันอยู่ที่ " กระบวนการ " ต่างหาก... และเมื่อเรายึดมั่นในกระบวนการ ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันไป เสถียรภาพก็จะเกิดขึ้น และคุณภาพก็จะตามมาเองครับ... ใครก็ตามที่บอกว่า ประชาธิปไตยแล้ว ต้องได้คนดีมาปกครอง บ้านเมืองต้องเจริญในทันที อย่างนี้ก็ต้องบอกเลยนะครับว่า " ให้ไปหาเอาข้างหน้า " จะดีกว่า... เพราะระบอบประชาธิปไตย คงตอบสนองความต้องการเช่นนี้ของคุณไม่ได้ครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 00:47:09

ความคิดเห็นที่ 28 เราน่าจะหยุดคุยเรื่องความพร้อมหรือไม่พร้อมในการเป็นประชาธิปไตยของคนไทยในยุคนี้ได้แล้ว เราพร้อมมานานแล้ว เราเตรียมความพร้อมมานานมากแล้วด้วย ตอนนี้อยู่ที่ คนที่ยึดถืออำนาจอธิปไตย อำนาจรัฐ อำนาจมาเฟียทุกอย่างที่อยู่ปลายปากกาของคนเหล่านั้นเนี่ย จะยอมรับ ยอมแหกตา มายกให้คนไทยแล้วหรือยัง หรือจะให้เราฆ่ากันอีกกี่ศพ เค้าถึงจะยกมาให้เรา (จะเรียกว่า คืนมาให้ก็คงไม่ได้ เพราะเรายังไม่เคยได้มาจริงๆเลย) จากคุณ : ล่อม่อย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:12:10

ความคิดเห็นที่ 29 ขอตอบว่าเราพร้อมค่ะ แต่ความเข้าใจในประชาธิปไตยจริงๆ ยังน้อยมาก คนไทยยังไม่ค่อนรู้ ว่าอธิปไตยในมือเรา มันทำอะไรได้มากแค่ไหน เราสามารถเพิ่มความพร้อมได้นะคะ ด้วยระบบการศึกษาที่มีอะไรมากกว่าท่องจำ เราเองภูมิใจนักหนาว่าจบจากร.ร.ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง โตมาถึงได้เข้าใจว่าสรุปแล้วก็แค่ท่องๆๆ จำๆๆ ไปวันๆ นึงเท่านั้น ถ้าเรียนรู้ทุกอย่างด้วยความเข้าใจ อะไรๆ ในสังคมน่าจะดีกว่านี้ค่ะ ปล. ดูออกทะเลไปนิด ขออภัยค่ะ จากคุณ : ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 01:27:16

ความคิดเห็นที่ 30 ขอเสริมเรพบน นอกจากท่องๆจำๆไปวันหนึ่งเท่านั้นแล้ว ยังไม่ได้ท่องไปทำอะไร ก็แค่ท่องจำไปสอบเข้ามหาลัยให้ได้คะแนนดี หรือไปสอบที่โรงเรียนให้ได้เกรดดีๆ เท่่านั้นเองครับ ข้อสอบเข้ามหาลัย ก็มีข้อสอบO-Netผ้าปูโต๊ะอันลือลั่น ผมมองไม่เห็นจริงๆ ว่าระบบการศึกษาแบบนี้จะทำให้ชาติเจริญ พัฒนาประชาธิปไตยยังไงได้ ยิ่งเปลี่ยนยิ่งเละเทะ คุณ คห.28 ถ้าคุณหมายถึง...ท่านล่ะก็ ท่านก็ยกให้มานานแล้ว เห็นแต่คนธรรมดาๆ หรือทหารที่เข้าไปเล่นการเมืองนี่แหละ ที่ล้มระบบตลอด แล้วก็อ้างท่านตลอด ซึ่งก็ไม่แปลกเลย ข้ออ้างนี้มันคลาสสิกมาตั้งแต่สมัยสามก๊กแล้วครับ ไม่นึกว่าจะมีพวกโง่ๆแบบในเว็บล้ม...ที่มันเชื่อที่ไอ้พวกโหนเจ้าอ้างด้วย แทนที่จะด่าพวกที่ไปโหนท่าน กลับไปด่าท่าน เอาเข้าไป... ถ้าไม่ได้หมายถึงท่าน ก็ช่วยใช้คำระวังหน่อยครับ เพราะรัฐธรรมนูญบอกว่า "ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และกษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านทาง..." พูดว่า "คนถืออำนาจอธิปไตย" แบบนี้มันกำกวมทำให้เข้าใจผิดได้ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 14:04:09 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 14:04:01 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 13:52:35

ความคิดเห็นที่ 31 มองว่า คำว่าพร้อมหรือไม่ เป็นเงื่อนไขการใช้อำนาจแทน คนที่ยอมรับว่าบุคคลมีสิทธิเท่าเทียมกัน จะไม่ใช้คำว่าพร้อม ไม่พร้อม (หรืออื่นๆ) เพื่อริดรอนสิทธิของคนอื่น คำนี้ใช้กันเยอะในไทย แท้จริงแล้ว คนไทยไม่มีสิทธิเท่าเทียมกัน ยกตัวอย่าง ขั้นตอนการเลือกตั้ง และผลการเลือกตั้งก็แสดงว่าไม่มีสิทธิเท่าเทียมกัน ประชาชนมากมายไปออกเสียงเลือกตัวแทนมา แต่บุคคลไม่กี่คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีสิทธิล้มผลการเลือกตั้งได้ จากคุณ : blossom เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 18:10:39

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่พร้อม เพราะ ไม่อยากให้พร้อม จึงต้องมีคำว่าไม่พร้อม เพื่อทำให้ไม่พร้อม มันเป็นวาทกรรมว่าไม่พร้อม จากคุณ : Torres เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 21:44:21

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณทุกท่านครับ กระทู้นี้ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ สงสัยเริ่มจะเฝือกันแล้ว 555+ ที่จริง ที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา เพราะอยากรู้ว่าเราจะมีเครื่องมืออะไรที่สามารถวัดคำถามที่แทบจะหาคำตอบไม่ได้นี้หรือเปล่า เพราะมันก็มีทั้งคนที่บอกว่าพร้อม และคนที่บอกว่าไม่พร้อม ผมนึกถึงเวลาประชุมเพื่อจะกำหนดเดดไลน์งานยังไงยังงั้น 555+ โดยส่วนตัว ผมมองตัวชี้วัดไปที่การตระหนักในสิทธิ์ของประชาชน 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ หรือการประท้วงครั้งอื่นๆ ผมว่าก็เป็นการแสดงความตระหนักในสิทธิ ในฐานะประชาชนพลเมืองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมองเห็นมันหรือไม่ แต่หลายท่านก็บอกว่า การประท้วง แสดงถึงความไม่พร้อมในประชาธิปไตยของคนไทย ก็เลยงงๆ ว่าเราจะใช่เรื่องการตระหนักในสิทธิ์ เป็นตัวชี้วัดได้หรือไม่ เรื่องความรู้หรือปากท้อง ผมก็ไม่ค่อยแนใจเท่าไหร่ เพราะคนกรุงเทพ ที่ว่ามีทั้งความรู้และพื้นฐานเศรษฐกิจดีกว่าตามบ้านนอก สถิติการออกมาใช้เสียง ก็ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าจังหวัดอื่นๆ ตรงกันข้าม ผมกลับเห็นเหมือน ค.ห. 1 คือคนที่ท้องอิ่ม ได้รับการบำรุงบำเรออย่างพอเพียง ก็ไม่แยแส ว่าจะต้องปกครองด้วยระบอบอะไร ใครเป็นคนปกครอง และมีคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยต้องตายไปสักกี่คน มันทำให้ผมนึกถึงโรมัน ที่มีโคลอซเซี่ยมไว้คอยปรนเปรอประชาชน อย่างเรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อที่คุณหนิงยกตัวอย่าง ถ้ามองมุมกลับ คนที่หูหนวกตาบอด อาจเป็นอุ้ยเสี่ยวป้อเองก็ได้ ในเมื่อเขาได้เข้าไปอยู่ในวัง เขาจะรู้ได้อย่างไร ว่าฮ่องเต้ปกครองดีจริงๆ ไม่มีผู้คนถูกข่มเหงรังแก หรือมี แต่เขาไม่ได้สนใจแยแส อุ้ยเสี่ยวป้อก็พูดไปโดยไม่เคยถามชาวบ้านเช่นกันมิใช่หรือ? จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 23:44:35

ความคิดเห็นที่ 34 อุ้ยเสี่ยวป้อ แม่เป็นโสเภณี ที่เข้าวังคือตอนหนุ่มแล้วครับ ก่อนหน้่านั้นใช้ชีวิตคลุกคลีกับชนชั้นล่างตลอด ถึงได้เห็นและเข้าใจว่าพวกชาวบ้านทั่วไปหาเช้ากินค่ำ(ที่ไม่ใช่ชาวยุทธผู้ยึดมั่นอุดมการณ์)น่ะ เขาไม่สนใจหรอกว่าราชวงศ์เป็นของคนฮั่นหรือแมนจู เขารู้แต่ว่าฮ่องเต้คนไหนดีหรือไม่ดี ทำให้เขาร่มเย็นเป็นสุขได้หรือไม่เท่่านั้นแหละ แล้วเหตุผลที่พวกชาวยุทธพยายามฆ่าคังซี ก็ไม่ใช่เพราะปกครองห่วย ฆ่าคนเป็นผักปลา แต่เพียงเพราะคังซีเป็นแมนจูเท่านั้นเอง จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 19:44:02

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าพร้อมหมายถึงตระหนักรับรู้ว่าตัวเองมีสิทธิ และจะใช้สิทธิ น่าจะเรียกว่าพร้อมแล้ว แต่ถ้าพร้อมหมายถึงตระหนักรับรู้ว่าสิทธิที่ตัวเองมีอยู่ และจะใช้นั้น มิได้มีไว้เพื่อผลประโยชน์ของตน หรือ กลุ่มตน หากแต่ เพื่อ กำหนดนโยบาย รูปแบบโครงสร้างสังคมในการอยู่รวมกัน อันเป็นการใช้สิทธิเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม อันนี้ ผมว่ายังห่างไกล และน่าจะติดลบ ยิ่งช่วงหลังมี คนบางกลุ่ม พยายามจะให้ประชาชนจำนวนมาก เข้าใจว่า ประชาธิปไตย มีไว้ใช้เพื่อผลประโยชน์ของตน หรือ กลุ่มตน ซึ่งชัดเจนกว่า ประโยชน์โดยรวมนั้นวัดไม่ได้ เลื่อนลอย ไร้สาระ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 53 20:14:01 จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:03:38

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ Chineseman ถ้ามองตามนิยาย มันก็ใช่ แต่นิยายก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ถ้ามองตามนิยาย เหตุผลของชาวยุทธ์ก็คงงี่เง่าดี แต่นั่นจะใช่ความจริงทั้งหมดหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ เหมือนสิ่งที่อุ้ยเสี่ยวป้อเห็น เขาสามารถพูดแทนประชาชนทั้งหมดได้หรือ? คุณ Hoo ประชาธิปไตย มีไว้ใช้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของกลุ่มคนในหลายๆกลุ่มครับ จะมากันกี่คน จะมาเรียกร้องอะไร รัฐบาลก็ควรจะต้องรับฟังครับ ท่านนายกฯยังเคยพูดเลย ว่า “เมื่อ มีประชาชนเพียง1คนหรือแสนคนมาเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาตัวเองนั้นไม่ได้ขัด หลักการประชาธิปไตย โดยเฉพาะถ้ามีข้อสงสัยว่าการบริหารประเทศนั้นละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิประชาชน หรือ ทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องเหล่านี้ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่รอให้กฎหมายจัดการ แต่จะมีสำนึกความรับผิดชอบทางการเมือง” จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 21:45:54

ความคิดเห็นที่ 37 อย่างน้อยสมัยของคังซีัก็ถือว่าสงบสุขพอสมควรนี่ครับ ประวัติศาสตร์(เท่าที่รู้)ก็บันทึกว่าคังซีปกครองดีนิ โอเคมันก็มีข้อบกพร่องบ้าง แต่แค่โดยรวมสงบสุขดีก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ยังมีสมัยของฮ่้องเต้ชาวฮั่นหลายองค์ที่ปกครองห่วยกว่าคังซีและไม่โดนยึดอำนาจด้วย หรืออย่างน้อยเท่้าที่ผมรู้ คังซีก็ไม่ใช่ทรราช เป็นกษัตริย์ที่ไม่เลวคนนึง เอาง่ายๆ ถ้าคังซีเป็นชาวฮั่น จะมีพวกบฏชาวฮั่นออกมาต่อต้านขนาดนี้หรือเปล่าครับ ทรราชทุกยุคสมัยแทบจะไม่ได้ตายดี ต่อให้เก่งการรบสงคราม กำลังทหารมากมายแค่ไหน ก็ต้องถูกพลังประชาชนลุกขึ้นมาโค่้นล้มจนได้ เหมือนจิ๋นซี สุยหยางตี้ ฯลฯ ถ้าคังซีเลวและสมควรถูกโค่นจริง ราชวงศ์แมนจูก็ต้องล่มสลายในยุคคังซี หรือหลังยุคคังซีไม่นานไปแล้ว(อย่างจิ๋นซีัก็ล่มสลายในยุคลูกของจิ๋นซีเท่านั้น) การที่ราชวงศ์แมนจูยั่งยืนต่้อมาอีกนานมันก็ชัดอยู่แล้วครับว่าประชาชนไม่ได้ถูกกดขี่ข่มเหงเกินไป พวกกบฏชาวฮั่นถึงมีแนวร่วมไม่พอจะล้มราชวงศ์ของคังซีไงล่ะครับ ส่วนที่คุณว่าไม่มีใครมีสิทธิคิดแทนใครอะไรนั่น มันก็เป็นแค่หลักการ ถ้าคิดกันแบบนั้นทั้งหมด ชาวยุทธก็ไม่มีสิทธิคิดแทนคนทั้งแผ่นดิน อุ้ยเสี่ยวป้อก็ด้วย คังซีก็ด้วย ก็เอาเข้่าไปครับ ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว บริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 53 22:56:39 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 22:44:37

ความคิดเห็นที่ 38 ผมก็ไม่ได้บอก ว่าจะต้องมีการปกครองที่ทำให้คนพอใจทั้งหมด แต่ถ้าจะยกว่า คังซีทำถูกทั้งหมด หรือเหตุผลของชาวยุทธ์ มีเพียงแค่คังซีเป็นแมนจู เรื่องนั้นผมไม่แน่ใจ ผมตอบแค่นี้แล้วกัน ก่อนที่กระทู้นี้จะกลายเป็นกระทู้อุ้ยเสี่ยวป้อ 555+ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 23:02:13

ความคิดเห็นที่ 39 #36 ใช่ครับ จะ 1 คน หรือ จะ ล้านคน แท้ที่จริงแล้วมันไม่สำคัญเท่า"เนื้อหา"ที่พูดออกมาเลย ถ้ายึดติดว่าคนคิดแบบนี้ เยอะกว่า ให้ถือว่าถูกต้องกว่า มันเป็น fallacy อย่างนึง คือ ว่ากันตามหลักก่อนนะครับว่า การออกแบบสภาของเรา ไม่ได้ยึดถือว่า พรรคที่ได้มากที่สุด อันดับ 1 จะต้องได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะมันมีความเป็นไปได้ว่า อันดับ 2 และ 3 ที่มี อุดมการณ์-นโยบายไปในทางเดียวกัน และ เมื่อรวมกันตัวแล้วมีจำนวนมากกว่า อันดับ 2 และ 3 ก็ย่อมมีสิทธิชอบธรรม ที่จะรวมตัวขึ้นจัดตั้งรัฐบาล สมเหตุสมผลมั๊ยครับ? ดังนั้น การกล่าวหาว่า รัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล เพียงเพราะ "ไม่ใช่ พรรคที่ได้มากที่สุด อันดับ 1" และจะให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่นั้น ฟังไม่ขึ้น ครับ ----- ปัญหาที่ทำให้หงุดหงิดใจ มัน"จิตใจ"ของนักการเมืองที่ แทนที่การรวมตัวจะเป็นด้วย "อุดมการณ์-นโยบายไปในทางเดียวกัน" และ "เมื่อรวมกันตัวแล้วมีจำนวนมากกว่า" ตามที่กฏหมายออกแบบมา มันกลับรวมตัวกันด้วย "ผลประโยชน์ของกลุ่มรวมกัน" และ "เมื่อรวมกันตัวแล้วมีจำนวนมากกว่า" ซะอย่างนั้น และ ปัญหานี้ไม่มีทางแก้ได้ด้วยวิธีทางกฏหมาย เพราะมันถูกต้องตามกฏทุกอย่าง ผมจึงไม่เห็นด้วย กับ คำพูดที่ว่า ประชาธิปไตย มีไว้ใช้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของกลุ่มคนในหลายๆกลุ่มครับ เพราะสังคมมันเป็น Zero-Sum นั้นหมายความว่า การตอบสนองคนเพียงกลุ่มเดียวหรือหลายๆกลุ่มก็ตาม มันจะมีคนหรือกลุ่มคนอีกส่วนในสังคม ตกอยู่ในสภาพจำยอม เมื่อมันสะสมนานไปย่อมเกิดความแตกแยกในสังคมอย่างแน่นอน ในความคิดผม ถ้า คุณยังไม่เข้าใจว่า "อุดมการณ์สำคัญกว่าผลประโยชน์" และ สำนึกแบบ "ผลประโยชน์ของกลุ่ม" มันเป็นภัยต่อระบบประชาธิปไตยอย่างไร ผมว่าคุณยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 10:54:23

ความคิดเห็นที่ 40 มาปูเสื่อรอฟังต่อครับ ส่วนเรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อช่างมันละกัน เดี๋ยวกลายเป็นกระทู้อุ้ยเสี่ยวป้อมันจะยุ่ง แหะๆๆ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 12:59:37

ความคิดเห็นที่ 41 ตราบใดที่ยังปากท้องยังไม่อิ่ม ค่านม ค่าหนังสือลูก ยังไม่มี แล้วใครมันจะมีกะจิตกะใจไปคิดถึงประโยชน์องค์รวมล่ะ... ( พวกสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม ฯลฯ ) ประชาธิปไตยจะเป็นแบบไหน ก็ให้ประชาชนเขาตัดสินเองครับ... ประชาธิปไตยอาจกินได้ในบางยุค หรือเป็นนามธรรมในบางสมัย มันก็แล้วแต่คนเขาเลือก มีแต่ไอ้พวกนิยมเผด็จการเท่านั้นล่ะครับ ที่อาจหาญมา " ผูกขาด " ความหมายของประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องเป็นแบบนู้น ประชาธิปไตยต้องดีอย่างงี้ ซึ่งหลายๆท่านก็คงเห็นกันอยู่แล้วนะครับว่า การกระทำของไอ้คนเหล่านี้ มันไม่ใช่ประชาธิปไตยแม้แต่น้อย... แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 53 18:05:50 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 18:04:44

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านความเห็นคุณ Hoo ก็คงถูก แต่ถูกแบบแปลกๆ ถ้า "ประชาธิปไตย มิได้มีไว้ใช้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของกลุ่มคนในหลายๆกลุ่ม" แล้วประชาธิปไตย มีไว้เพื่อตอบสนองประโยชน์ของใคร? ผมอาจเข้าใจไม่ถูกก็ได้ คุณช่วยชี้แจ้งแถลงไข ดังนั้น การกล่าวหาว่า รัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล เพียงเพราะ "ไม่ใช่ พรรคที่ได้มากที่สุด อันดับ 1" และจะให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่นั้น ฟังไม่ขึ้น ครับ ฟังไม่ขึ้น หรือไม่คิดจะฟังครับ ถ้าจะเอาเหตุผลที่คุณยกมา ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเสียงส่วนใหญ่ เพราะถ้ามีไว้เพื่อเสียงส่วนใหญ่ พรรคที่ได้เสียงมากที่สุด ก็ควรจะได้ฟอร์มรัฐบาล ที่สำคัญ คือพรรคที่มาร่วมฟอร์มทีม ก็มาจากพรรคที่ได้ที่หนึ่งเดิม คนที่โหวตให้พรรคนั้น ก็ย่อมมีอุดมการณ์ที่จะให้พรรคเดิมได้จัดรัฐบาลอยู่แล้วถูกต้องไหม? สมมุติว่าถ้าคุณเลือกพรรคประชาธิปัตย์(สมมุตินะครับ) แล้วพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนมาอันดับหนึ่ง แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็โดนยุบ ส.ส. ส่วนหนึ่งย้ายไปอยู่เพื่อไทย แล้วกลายเป็นว่าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแทน แบบนี้คิดว่าถูกต้องไหม ในเมื่อคนที่เลือกประชาธิปัตย์ ย่อมจะไม่ชอบในอุดมการณ์ของพลังประชาชน หรือเพื่อไทยอยู่แล้ว แบบนี้ถือว่าทรยศมติประชาชนหรือเปล่า? ถ้าจะมั่วๆไป ถามว่าได้ไหม มันก็ได้ แต่สง่างามไหม? แล้วคนที่ลงเสียงเลือกไว้เขายอมหรือเปล่า? สิ่งนี้ ถ้าเขาจะมาเรียกร้องให้ยุบสภา ผมก็ว่าไม่แปลก ไม่ใช่เรื่องที่ฟังไม่ขึ้นตรงไหน ที่สำคัญ การเรียกร้องให้ยุบสภา ผมว่ามันก็ไม่ได้ขัดกับประชาธิปไตยตรงไหน ท่านนายกฯก็เคยพูดไว้ ประเทศประชาธิปไตยชั้นนำหลายประเทศ เมื่อประชาชนจำนวนหนึ่งไม่พอใจ และหาข้อยุติไม่ได้ เขาก็ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน หรือคุณคิดว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องชอบธรรม ก็ช่วยชี้แจงแถลงไขได้ครับ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 21:22:42

ความคิดเห็นที่ 43 มันกับดักของประโยคครับ เพราะโลกนี้มันไม่ใช่ Logic แค่ Yes/No แต่มันมี Logic แบบ Tri-state เช่น -1，0，+1 "ประชาธิปไตย มิได้มีไว้ใช้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของกลุ่มคนในหลายๆกลุ่ม" คุณแปลความหมายว่าอย่างไร? ประชาธิปไตย ไม่สนใจต้องสนใจประโยชน์ใดๆเลย? หรือ ประชาธิปไตย ตอบสนองผลประโยชน์ของคน"ทุกกลุ่ม" ในสังคม อธิบายยาก ลองไปอ่านพวกการวัด IQ เกี่ยวกับการใช้ภาษาดูครับ ---- "ถ้ามีไว้เพื่อเสียงส่วนใหญ่ พรรคที่ได้เสียงมากที่สุด ก็ควรจะได้ฟอร์มรัฐบาล" ไม่ใช่ครับ สมมุติสถานการณ์ พรรค 1 ได้ 40 พรรค 2 ได้ 30 พรรค 3 ได้ 30 ถ้ายึดหลัก ให้พรรคที่ได้เสียงมากที่สุด แต่ นโยบายขัดกับ พรรค 2-3 จนไม่มีใครร่วมด้วย มันจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา วิธีคิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เรียกว่าจะ "ดันทุรัง" เอาเสียงข้างน้อยมาเป็นรัฐบาล??? ลองหาอ่านดูทฤษฏีแนวคิดรัฐศาสตร์ "แบบทั้งครบ" ดูครััับ อย่าให้คนบางกลุ่มมาป้อนแค่ "บางส่วน" แล้วชี้นำให้คิดตามเขา จนหลงคล้อยตามพวกมันไป ----- การที่ประชาชนจำนวนนึงไม่พอใจ จะให้ยุบสภา ในขณะที่คนบางกลุ่มก็ ต้านยุบสภา(และดูเหมือนมีจำนวนมากกว่าด้วยใน FB) และ คนอีกมหาศาลที่กลางๆเฉยๆ รัฐบาลต้องยุบสภาตาม "ประชาชนจำนวนนึง" นี้ อย่างไม่มีเงื่อนไขอย่างนั้นใช่มั๊ย? คุณคิดแบบ Major rule,Minor right จริงหรือ? เรื่องฟังนะ รัฐบาลก็น่าจะฟังอยู่ แต่เรื่องทำ ก็ต้องแล้วแต่รัฐบาล เราไม่มีสิทธิตรงนั้น ในประชาธิปไตย เรามี สิทธิออกเสียง มีสิทธิพูดว่าเราไม่่พอใจ มีสิทธิเรียกร้อง แต่สิทธิทำมันอยู่กับเขา อย่างอเมริกาเขามาประท้วงเรื่องภาษี สุดท้ายก็อยู่ที่รัฐบาล รัฐบาลไม่ทำ เลือกตั้งงวดหน้าก็ไม่ลงคะแนนให้ ไม่ใช่ตั้งเป้าว่า ถ้าเขาไม่ทำตามที่เรียกร้อง แล้วจะยกระดับการเรียกร้อง จากตั้งกลุ่มประท้วง กลายเป็น กลุ่มทำลาย-ขัดขวางบ้านเมืองไม่ให้เขาบริหารได้ มันเป็นการข่มขู่ สิทธิของอีกฝ่าย เหมือนโจรเรียกค่าไถ่แล้วครับ ----- เรื่องมาตรฐานและความสง่างาม สังเกตมั๊ยครับว่า คนกลุ่มนี้ พูดเรื่องนึง(เรื่องไหนคงเดาได้) ก็บอกว่า "ประชาธิปไตยมันต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป จะเอา Perfect ทันทีคงไม่ได้" แต่พอพูดอีกเรื่อง "ประชาธิปไตยตอนนี้ มันไม่สง่างาม มันไม่Perfect เราต้องพังมัน เอามันลงมาให้ได้!!" เอายังไงแน่? -- นอกจากนี้ยังมีเรื่อง "ความเท่ากัน แต่ ไม่เหมือนกัน" ที่โดนบิดตรรกะ ว่า "ไม่เหมือนกัน จะเท่ากันได้อย่างไร" แล้วก็ออกมาเรียกร้องให้ เป็นชุมชนที่"เหมือนกัน" ทั้งๆที่บอกเองว่า ประชาธิปไตยต้องยอมรับ "ความแตกต่าง" --- หรืออย่างเรื่อง นิติรัฐ ว่าทุกคนต้องทำตามกฏหมาย อ้างว่า "ดีไม่ดีไม่มีใครบ่งชี้ได้" แต่พอเรื่องนี้ ถูกกฏหมายทุกอย่าง แต่ไม่สง่างาม ก็ไม่เอา จะเอาเขาลงให้ได้ เพราะเขา"ไม่ดี" คุณโดน "ทริก" ทางความคิดบางอย่างอยู่ คุณรู้ตัวมั๊ย? ---- ปล. จะไปเที่ยวหลายวัน เชิญถกกับคนอื่นไปก่อนนะครับ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 11:19:38 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 10:33:23 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 10:04:39 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 09:50:25 จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 09:36:33

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องประชาธิปไตยนั้น ไม่ขอออกความเห็นนะครับ ความรู้ยังไม่มากพอ แหะๆ ขอฟังต่อก็แล้วกัน แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 10:14:01 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 10:11:55 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:11:21

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ Hoo ไม่มีกับดักล่ะครับ ที่คุณเอามาวิเคราะห์เสียวุ่นวาย คุณเอามาไม่ครบประโยคนี่ครับ คุณลืมคำว่า "ถ้า" ไป แล้วช่วยกลับไปดูค.ห.ก่อนหน้าด้วยครับ ว่าคุณพิมพ์อะไรไว้ ผมถึงต้องย้อนถามประโยคนี้ สรุปแล้ว ประชาธิปไตยของคุณ มีไว้เพื่อประโยชน์องใคร เรื่องการฟอร์มรัฐบาล กรุณากลับไปอ่าน ค.ห. 42 ของแล้วช่วยอธิบายใหม่ด้วยครับ เพราะผมขอบอกว่า ส่วนที่คุณอธิบายมา ม้นไม่ตรง เรื่องความสง่างามของรัฐบาล กับความสมบูรณ์แบบของระบบ มันคนละเรื่องเลย ไม่ทราบว่าคุณเข้าใจอย่างที่อธิบายจริงๆ หรือพยายามบิดเบือนมันอยู่ คงต้องเรียนถามกลับไป ว่าใครกันแน่ ที่ติดกับ "ทริค" ทางความคิด จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 23:23:08

ความคิดเห็นที่ 46 แปลสั้นๆจาก #43 คือ "พรรคที่ได้รับเลือกตั้งอันดับ 1 ไม่ได้หมายความว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ของสังคม" เพราะพรรคอันดับ 2 3 (หรือแม้แต่ 4 5 6) เมื่อรวมตัวกันแล้ว มีเสียงมากกว่าพรรคอันดับ 1 และนั้นแหละคือเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่แท้จริง(อย่างน้อยก็ในหลักการ) หาใช่ พรรคอันดับ 1 ไม่ การที่คนบางกลุ่มพยายามกดระบบเหตุผล ด้วยการเน้นย้ำว่า พรรคอันดับ 1 1 1 1 1 1 อันดับ 1 จะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อันดับ 1 จะต้องมีสิทธิเลือกว่าจะเอา 2 หรือ 3 มาร่วมรัฐบาล พรรค 2 3 ไม่มีสิทธิ รวมตัวกันเองเป็นรัฐบาล ไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้องเลย แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 53 02:25:00 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 53 01:45:40 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 53 01:44:20 จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 01:43:44

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีครับ คุณ Hoo ไปเที่ยวมาเสียหลายวัน สนุกดีไหมครับ ขอบคุณนะครับ ที่ยังอุตส่าห์มาตอบ แต่ว่า คุณก็ยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียวกับคำตอบเดิมๆ โดยไม่ได้นำสิ่งที่ผมพิมพ์เข้าไปพิจรณาอยู่ดี เอาชัดๆเลย เพื่อเราจะได้ไม่ต้องอ้อมโลก ทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่คุณยกมา ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกเสียทั้งหมด ถ้าจะจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคไหนเรียกแขกมากๆ ได้ตั้งรัฐบาล คุณก็ลองนึกภาพเอาแล้วกัน ว่ามันจะวุ่นวายขายปลาช่อนขนาดไหน และในความเป็นจริง ประชาธิปัตย์ก็พยายามจะทำแบบนั้นตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าตนเองพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้น ต่อให้รวมเสียงพรรคอื่นๆทั้งหมด ยังไงก็ไม่พอ(กรุณาย้อนกลับไปหาอ่านข่าวช่วงนั้นดู) ในที่สุด จึงได้พรรคพลังประชาชนมาเป็นรัฐบาล ตามด้วยวิบากกรรมมากมาย ซึ่งสุดท้าย ก็คือยุบพรรค ตรงนี้เอง ที่ทำให้เกิดพรรคภูมิใจไทย(แล้วพรรคอะไรอีกหว่า?) แล้วก็มาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ตรงนี้ ถ้าคุณจะมองว่าถูกต้องชอบธรรม ก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด อยากถามว่า ตอนเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทย ลงเลือกตั้งในนามพรรคใด? ที่คุณพูดว่า "ดังนั้น การกล่าวหาว่า รัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล เพียงเพราะ "ไม่ใช่ พรรคที่ได้มากที่สุด อันดับ 1" และจะให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่นั้น ฟังไม่ขึ้น ครับ" คุณกล่าวโดยทำความเข้าใจอย่างรอบด้านแล้วหรือยัง ในเมื่อตอนแรก ประชาชนได้เลือก ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ในฐานะ พรรคพลังประชาชน เขาเลือกเพราะอุดมการณ์อย่างหนึ่ง แต่ถึงเวลากลับเปลี่ยนไปจับมืออีกฝั่งหนึ่ง เขามีความชอบธรรมที่จะแสดงความไม่พอใจหรือเปล่า? และอีกประการที่สำคัญ เขาไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาล แต่เขาขอให้เขาได้ออกเสียงใหม่ ซึ่งถ้าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็จะไม่ขัดข้อง สิ่งเหล่านี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย? เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นอย่างนั้นหรือ? หรือฟังไม่ขึ้นในมุมมองของคุณเท่านั้น? จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:48:35

ความคิดเห็นที่ 48 นั่นแหละครับ ในเมื่อคุณก็รู้ว่า ปัญหาหลักคือ ภูมิใจไทย แต่การออกมาเรียกร้อง กลับโจมตีลงที่ ปชป. อภิสิทธิ์ ทหาร และ อำมาตย์????? คุณต้องสงสัยหน่อยละ ว่า ทำไมข้อเท็จจริง และ ข้อเรียกร้องถึงต่างกัน? มีอะไรแอบแฝงหรือไม่? ไม่รวมถึง อ้างแนวคิดนิติรัฐ ที่ให้ว่ากันตามตัวกฏหมาย แต่พอว่าตามกฏหมาย พรรคภูมิใจไทย ก็มีสิทธิจะเลือกเข้าร่วมรัฐบาลอย่างอิสระ ไล่มาถึงตรงนี้ ก็มาบอกว่า "ไม่สง่างาม" โดยไม่กลับไปพูดถึงว่าถูกกฏหมายหรือเปล่า? ทำไม คำพูดและการกระทำ ของคนพวกนี้ถึงสวนทางกันเสมอๆ? เห็นชัดว่า หลักการแต่ละครั้งที่นำมาอ้างอิง ก็หยิบเอามาอ้างอิงเมื่อตัวเองดูดี-ได้เปรียบเสมอ แต่พอตัวเองดูไม่ดี-ไม่ได้เปรียบ ก็ไปหยิบเกณฑ์อื่นที่ให้ตัวเองดูดีมาอ้าง ไปเรื่อยๆ แถวบ้านผมเรียกหลักลอย ไม่ใช่หลักการ ----- ผมฟังเสมอแหละ แต่สุภาษิตที่ผมเคยได้ยินมา คือ "เมื่อคุณพูดคนจะฟัง และเมื่อคุณทำคนจึงเชื่อ" ในเมื่อคำพูดและการกระทำของคนกลุ่มนี้ไม่ตรงกันเสมอๆ ไม่ใช่ว่าผม "ไม่ฟัง" นะครับ แต่ ผมเลือกที่จะ"ไม่เชื่อ" คนกลุ่มนี้ จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:50:40

ความคิดเห็นที่ 49 โอเค ถ้าเป็นเรื่องของเชื่อ ไม่เชื่อ ผมขอหยุดตรงนี้แล้วกัน มันเลยกรอบของเหตุผลไปแล้ว เพราะถ้าให้พูดถึงเรื่อง "เห็นชัดว่า หลักการแต่ละครั้งที่นำมาอ้างอิง ก็หยิบเอามาอ้างอิงเมื่อตัวเองดูดี-ได้เปรียบเสมอ แต่พอตัวเองดูไม่ดี-ไม่ได้เปรียบ ก็ไปหยิบเกณฑ์อื่นที่ให้ตัวเองดูดีมาอ้าง ไปเรื่อยๆ แถวบ้านผมเรียกหลักลอย ไม่ใช่หลักการ" มันก็เป็นกันทุกฝ่าย(คุณเองก็ด้วย) แต่ผมไม่อยากหยิบมาโจมตีกัน มันไม่ได้สาระอะไรขึ้นมา จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:21:28

ความคิดเห็นที่ 50 บอกก่อนว่า ผมไม่ได้เลือก ปชป. ผมการไม่เลือกใครมาตลอด หลังยุคทักษิณ และผมมั่นใจว่า ผมไม่เคยเปลี่ยนเกณฑ์ไปเรื่อยๆเพื่อให้ตัวเองดูดี (หรือคุณเห็น? ตรงไหน? ผมเองก็อยากรู้นะ) เรื่องเชื่อไม่เชื่อ สิ่งสำคัญกว่า "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ" คือ "ทำไมเราถึง เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ" นะครับ โดยเฉพาะเหตุผลนั้น มี"ข้อมูลความจริง"อยู่ในระดับไหน? นี่คือ intrapersonal skill หรือ "ความเข้าใจตนเอง" ผมว่าผมสามารถแจกแจงได้หมด ว่าที่ผมไม่เชื่อ เพราะอะไร และ มีข้อมูลอย่างชัดเจน มายืนยันครับ ---- ถ้าว่ากันตามข้อมูล นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ของ ปชป.ที่ทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ มีกรณี กลุ่มงูเห่า มาก่อนแล้ว อันนั้นยิ่งแย่ กลุ่มงูเห่า อยู่ในพรรค ประชากรไทย ที่จะเป็นฝ่ายค้าน แล้วตบเท้าออกจากพรรคมาเข้าร่วมรัฐบาลเฉยเลย และเพราะว่ากันตามกฏ สส.เขต เป็นสิทธิติดตัว สส. ไม่ใช่พรรค สุดท้าย ก็จัดรัฐบาลและ อยู่กันไปได้ แต่ก็ไปพังเพราะเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องงูเห่า ว่ากันตามกฏตามหลัก ยังไง มันเป็นประชาธิปไตยแน่ๆ ถึงมัน สั่วๆเน่าๆแย่ๆ จนผมเองก็ก่นด่าเช้าเย็น อยู่เหมือนกัน เพราะมันคือ อุดมเงิน ไม่ใช่ อุดมการณ์ การที่มาอ้าง ภูมิใจไทย ตระบัดสัตย์ แล้วบอกว่าต้องยุบสภา ดูยังไง ความผิดนี้ ก็ไปไม่ถึงตรงนั้นครับ ยิ่ง ภูมิใจไทย เป็นคนละพรรคกับ เพื่อไทย อย่างชัดเจนแล้ว ความไม่สง่างาม งวดนี้ ยังดูดีกว่า งวดงูเห่า เสียด้วยซ้ำ ยิ่งพวกนั้นมายืนกรานว่า ถ้าไม่ให้มีการเลือกตั้งใหม่ ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องออกมาต่อต้าน ออกมาเผาบ้านเผาเมือง ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลยครับ จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 19:08:26

ความคิดเห็นที่ 51 การยุบพรรคโดยเลื่อนคดีที่ทำห่างกันสองเดือนมาให้ตรงกันอย่างกะทันหัน เพื่อหาทางลงให้ม็อบพันธมิตร การเขียนคำพิพากษาคดีเสร็จสิ้นภายในช่วงเวลาพักทานข้าวกลางวัน 30 นาที ( ไม่รู้ได้เอาไอ้ที่ปู่เติ้งร้องห่ม ร้องไ้ห้ ไปพิจารณาหรือเปล่า ) การนำนักการเมืองขึ้นรถตู้เข้าไปในค่ายทหาร ก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ นี่มันคือเรื่องปกติอย่างถึงที่สุดแล้วจริงๆหรือ ??? จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:33:43

ความคิดเห็นที่ 52 ข้อมูลขอคุณ ว่ามามันจัดเป็น "ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน" ครับ พิสูจน์ที่มาก็ไม่ได้ พิสูจน์ไม่ได้ว่า"จริง"หรือเปล่าอีกด้วย ทุกอย่างถูกกล่าวหา อย่างลอยลม โดยการปะติดปะต่อ "เหตุการณ์" ที่เกิดขึ้น แล้ว "ชี้นำ" เพื่อให้กลายเป็น "ทฤษฏีสมคบคิด" ทั้งๆที่เหตุการณ์เหล่านั้น ไม่สามารถยืนยันแนวคิดที่ชี้นำได้เลย ทำให้ผมไม่ให้น้ำหนักข้อมูลแบบนี้ ทฤษฏีสมคบคิดหนะ อ่านสนุกๆเอามันส์ได้ แต่จะเชื่อถือจริงจัง เนี่ยไม่เอาด้วยหรอก ไร้สาระ คนเราควรอยู่กับความจริง ไม่ใช่จินตนาการ และยิ่งแย่หนัก ที่จินตนาการที่ว่าจะพาเราไปสู่ความเกลียดชัง บ้าคลั่ง ทำร้าย ทำลายกัน จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 22:45:24

ความคิดเห็นที่ 53 มันเป็นเรื่องสมคบคิดอย่างไรครับ... ผมขอตัดประโยคแค่ท่อนเดียว... ( ที่จะดูชี้นำไปหน่อย ) การยุบพรรคโดยเลื่อนคดีที่ทำห่างกันสองเดือนมาให้ตรง กันอย่างกะทันหัน การเขียนคำพิพากษาคดี เสร็จสิ้นภายในช่วงเวลาพักทานข้าวกลางวัน 30 นาที ( ไม่รู้ได้เอาไอ้ที่ปู่เติ้งร้องห่ม ร้องไ้ห้ ไปพิจารณาหรือเปล่า ) การ นำนักการเมืองขึ้นรถตู้เข้าไปในค่ายทหาร ก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็น " ความจริง " ไหมครับ... แล้วมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างถึงที่สุดแล้วจริงๆหรือ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 23:15:50

ความคิดเห็นที่ 54 เขียนคำพิพากษาคดีใน 30 นาที กับนักการเมืองขึ้นรถตู้ นี่ผมว่าไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง มันสืบอะไรที่ชัดเจนไม่ได้เลยนอกจากอ้างว่า "ข่าววงใน" ---- การเลือนคดีเห็นได้ชัดว่ามัน Half Truth นะครับ ถ้าเหตุการณ์คือ "นาย ก. ทำบุญ" พอมีการเติม "นาย ก. ทำบุญ เพราะมีศรัศธาในศาสนา" => เราจะเห็นเขาเป็นคนดี "นาย ก. ทำบุญ เพราะอยากได้หน้า" => เราจะไม่เห็นเขาเป็นคนดี ออกแย่ด้วยซ้ำ นี่เป็น "ทริก" ทางจิตวิทยา ครับ การใส่ข้อความเป็นจริง ปนไปกับข้อความเท็จ สมองจะเชื่อว่า ข้อความเท็จ เป็นจริงไปด้วย การเลื่อนคดี => จริง เพื่อให้พันธมิตรลง? => มันควรจะสรุปไม่ได้ อาจมีเหตุอื่น อย่างอื่นเช่นศาลทำงานได้เร็วกว่าที่คาดก็ได้? แต่คนที่ไม่รู้ทริกตรงนี้ ก็หลงเชื่อกันไป การคิดอย่างมีเหตุผล ข้อมูล ข้อมูลนั้นจะต้องชัดเจน ไม่ใช่ใช้จินตนาการเพิ่มเอาเอง จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 02:41:44

ความคิดเห็นที่ 55 ศาลนัดแถลงปิดคดีในตอนเช้า พักกลางวัน 30 นาที จากนั้นตอนบ่ายก็มาอ่านคำพิพากษา ตกลงไม่เขียนคำพิพากษาคดีภายในเวลา 30 นาที แล้วมันยังไงครับ ??? เขียนมาจากบ้านก่อนหน้านั้นแล้วงั้นเหรอ... อย่างนี้ยิ่งทุเรศเข้าไปใหญ่ เพราะเท่ากับว่า ไอ้ที่เขาแถลงปิดคดี ไอ้ที่ปู่เติ้งมาร้องห่มร้องไห้ให้ดูตอนเช้าเนี่ย คุณไม่ได้เอามารวมในการพิจารณาคดีด้วยเลย ตกลงจะเลือกข้อไหนครับ... ผมว่ามันอุบาทว์พอกันแหละนะ... แล้วเรื่องนำนักการเมืองขึ้นรถตู้นี่ คุณไปตกข่าวที่ไหนมาครับ... เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ นักข่าวช่อง 7 ไปเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ แล้วนำมาถ่ายทอด ซึ่งภายหลังทาง อนุพงษ์ ก็ออกมาแก้ต่าง โดยบอกว่า " ผมพาเขาเข้าไปคุยกันเฉยๆ " จะให้ผมเชื่อดีไหมครับ... ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไร... การกระทำเช่นนี้มันก็ไม่สามารถถูกมองให้เป็นเรื่องปกติได้หรอกครับ... ถ้าคุณไม่ดัดจริตตามนิยามชนชั้นกลางผู้ซึนเดเระมากเกินไปล่ะนะ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 13:17:36

ความคิดเห็นที่ 56 ประเด็นไม่ใช่เรื่องปกติไม่ปกตินะ ประเด็นที่ผมจะชี้คือ มีการนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเชื่อมโยงอย่างผิดตรรกะ ไม่รวมถึงหลายกรณีมีการเมคเรื่อง พอสืบขึ้นมาก็พบว่าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง มันทำให้ผมเอียนกับข้อมูลพวกนี้มาก ----- เรื่องเขียน 30 นาที นี่ผมว่าเขียนมาก่อนแล้ว เพราะสำนวนหลักฐานมันเรียบร้อยหมดแล้ว แค่รอประกาศเท่านั้นเอง การเอาเวลาประกาศ มาหักลบ แล้วสันนิฐานว่าเขียน 30 นาทีตอนพักเที่ยงนี่ ผมว่า จินตนาการสูงเกินไปละ อีกอันคือ เติ้งร้องไห้ ไม่ร้องไห้ => ต้องมีผลต่อคำตัดสิน? เป็นเหตุเป็นผลหรือไม่?? ผู้ต้องหาร้องไห้ ศาลต้องลดโทษให้....เหรอ? หลักนิติศาสตร์ตำราไหน? มันแค่ผลมันไม่ตรงใจคุณเท่านั้นแหละ ก็เลยบอกว่าผิดปกติ ลองเทียบคดีติดสินบนศาล สุดท้าย ก็หลุดคดีทั้งๆที่มีเงินของกลางกันเห็นๆ ปกติไม่ปกติละครับ? แต่ผมก็ต้องยอมรับคำตัดสินของศาลละ ที่ตัดสินแบบนั้น ที่บ้านเมืองตอนนี้มันเละ ก็เพราะไม่ถือคำตัดสินศาล นี่แหละ 1)ศาลตัดสินถูกใจ ก็บอก เห็นมั๊ย ศาลตามที่ตัวเองคิด ตัวเองคิดถูกต้อง 2)พอศาลตัดสินไม่ถูกใจ ก็บอกว่าผิดปกติ มีการแทรกแซงแน่ๆ แนวคิดโคตรนิติรัฐเลย ----- เรื่องรถตู้นี้ ถ้า อนุพงศ์ มีการยืนยันอย่างที่คุณว่าจริง ผมก็ต้องยอมรับละ ว่าอันนี้ผมตกข่าวจริงในส่วน การยืนยันเหตุการณ์ ผมหาใน google ก็ไม่เจอนะ อยากรู้รายละเอียดแบบยืนยัน+เชื่อถือได้ อย่างเช่น ใครอยู่ในรถตู้บ้าง? ฯลฯ จะได้"เดา"กันได้ลึกกว่านี้ แต่ถ้าว่าในส่วนตรรกะ มาร์คได้เป็นนายก => จริง นักการเมืองเข้าพบทหาร => จริง (หวังว่าจริงนะ) ดังนั้น ทหารสั่งให้มาร์คได้เป็นนายก => ไม่แน่ว่าจะจริง ที่มาร์คได้เป็นนายก ไม่ใช่กำลังภายในของเทพเทือกเหรอ?? ออกไปทาง Half Truth อยู่ดีนะครับ จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 22:19:50

ความคิดเห็นที่ 57 กั่กๆ คุณนี่มั่วได้ใจจริงๆ พิมพ์เหมือนมีเหตุผล แต่มวยวัดตลอด ไอ้ที่ปู่เติ้งร้องไห้นี่ผมหมายถึง แกทำขณะ " กล่าวปิดคดี " นะครับ... ไม่ใช่ไปร้องไห้เกาะแข้งเกาะขาหน้าบ้าน นายจรัญ ภักดีธนากุล การที่ศาลไม่เอาตรงนี้มารวมด้วยในคำพิพากษา มันถูกต้องหรือไม่... แล้วคุณจะนัดเขามาแถลงตอนเช้าทำไม ??? การเลื่อนคดีที่ทำห่างกันสองเดือนมาตัดสินตรงกันเป๊ะๆ การไม่เอาคำแถลงปิดคดีของผู้ถูกกล่าวหามาร่วมในคำวินิจฉัย ต่อให้คิดในแง่ดัดจริตอย่างที่สุด คือ " ศาลทำทุกอย่างไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ " มันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า ไอ้กระบวนการเหล่านี้ มันผิดปกติ ไม่ถูกต้องตามหลักการทั่วไป แล้วผมก็ไม่เข้าใจว่า เรื่องนี้ถ้าไม่เชื่อศาล แล้วมันจะไม่เป็นนิติรัฐอย่างไร... ในเมื่อนิติรัฐเป็นเรื่องที่ว่ากันด้วยกระบวนการ ถ้าศาลไม่ทำตามกระบวนการที่ถูกต้องตามหลักสากล ใช้กฎหมายย้อนหลัง ยอมรับกฎหมายของเผด็จการเป็นความชอบธรรม ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้แก้ต่างอย่างเต็มที่ แล้่วต้องเชื่อศาลอย่างเดียว ศาลถูกเสมอ ถ้าศาลผิดให้กลับไปดูประโยคแรก นี่หรือครับ.. การกระทำตามนิติรัฐ ผมคิดว่า คงเป็นนิติรัฐในรูปแบบของเกาหลีเหนือของ ท่านผู้นำ คิม จอง อิล เสียมากกว่านะ... แล้่วสุดท้าย ผมอยากบอกว่า... " ไอ้ที่บ้านเมืองมันวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะมีคนบางกลุ่ม ถูกยกย่องให้เป็นเทวดา ทำอะไรไม่มีผิดนี่แหละ... " จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:04:43

ความคิดเห็นที่ 58 อะไรของคุณ(วะ) #55 คุณเขียนมาว่า ----- เขียนมาจากบ้านก่อนหน้านั้นแล้วงั้นเหรอ... อย่าง นี้ยิ่งทุเรศเข้าไปใหญ่ เพราะเท่ากับว่า ไอ้ที่เขาแถลงปิดคดี ไอ้ที่ปู่เติ้งมาร้องห่มร้องไห้ให้ดูตอนเช้าเนี่ย คุณไม่ได้เอามารวมในการพิจารณาคดีด้วยเลย ----- ผมก็บอกว่า ตามหลักมันต้องเอามาคิดพิจารณาคดีด้วยเหรอ? คุณนี่แหละมั่วได้ใจ ซึ่งๆหน้าเลย แล้วแถไปเรื่องอื่นถึงเกาหลีเหนือโน่น ===== ไม่ไหวแล้ว ผมขอบาย จะหลงตัวเองว่าเถียงชนะจนคู่ต่อสู้หนีไปเรื่อยๆก็เชิญตามสบาย มันแล้วแต่คุณจะคิด แต่ผมบอกเลยว่า วิธีการถกเถียงแบบคุณมันทุเรศจนไม่มีใครอยากจะเถียงต่อด้วยต่างหาก แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 53 01:07:55 จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:48:24

ความคิดเห็นที่ 59 ไหนๆจะไปแล้ว ถ้ากลับมาอ่าน ผมต้องขอบอกเป็นความรู้เสริมว่า... ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์แก้ต่างในทุกแง่ ตามต้องการ และพยาน หลักฐาน ของเขาจะต้องได้รับการพิจารณา ตราบที่ยังไม่ถูกเพิกถอน แล้วเรื่องปู้เติ้งรองไห้เนี่ย มันเป็นการเปรียบเปรยครับ... ถ้าไม่ " ใสซื่อ " จนเกินไป มันก็คงเดาได้ล่ะนะว่า เรื่องนี้หมายถึง ขั้นตอนการแถลงปิดคดี แต่คิดไปคิดมาแล้ว อาจเป็นผมเองแหละที่โต้ตอบกับคุณอย่างผิดวิธี เพราะผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า บ้านนี้เมืองนี้จะมีคน " ใสซื่อ " ขนาดมองประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มร้อย ไม่มีอำนาจมืดคอยครอบงำการเมือง ศาลยุติธรรมเสมอ ทหารรัฐประหารเพราะทนเห็นรัฐบาลโกงไม่ได้ ฯลฯ คนประเภทนี้มันมีอยู่จริงๆนะ หวังว่าคงเข้าใจอะไรได้มากขึ้นครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 08:35:06