ความคิดเห็นที่ 1 ถ้ามีงานประจำทำอยู่ อยากบอกจริงๆว่าทำไปเถอะค่ะ หากแปลวรรณกรรมเยาวชน นิยาย ต่างๆนานาเป็นหลัก รายได้น้อยค่ะ และนักแปลก็มีความสามารถและเวลาอยู่แค่นี้ จะคิดรับงานหลายสำนักพิมพ์ก็อาจไม่ได้ เพราะเวลาไม่พอ  ส่วนการเป็นบรรณาธิการ ขึ้นอยู่กับสำนักพิมพ์เช่นกันว่าเขาจะจ้างแบบไหน งานฟรีแลนซ์เสียภาษี ภงด. ๙๐ ค่ะ จากคุณ : วัชรวิชญ์ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 16:33:25

ความคิดเห็นที่ 2 เราแปลนิยาย แปลวรรณกรรมเป็นงานเสริมมาหลายปีแล้วเหมือนกันค่ะ อยากแนะนำเหมือนคุณความเห็น 1 ค่ะ เรื่องเงินน้อย หรือเรื่องงานไม่ประจำนั้นยังพอถูไถ กินน้อยใช้น้อยได้ แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่คือปัญหาสุขภาพค่ะ การตะบี้ตะบันนั่งแปลงานอย่างเดียวเป็นเวลานานๆ หลายเดือน หลายปีเข้า จะรู้เลยว่าสภาพร่างกายไม่ไหวแล้ว แล้วก็เป็นความเครียดสะสมที่จะต้องเร่งทำงานให้เสร็จ เพื่อให้มีรายได้เข้ามา ซึ่งความกดดันนี้จะไม่มากเท่าไหร่นัก หากมีรายได้จากงานประจำเข้ามาสม่ำเสมอทุกเดือน อยากแนะนำว่า ให้ลองหางานประจำใหม่ที่ชอบ ไม่เครียด และมีเวลาว่างพอที่จะแบ่งมาทำงานแปลได้จะดีกว่าค่ะ อย่างน้อยให้แต่ละเดือนมีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้านแน่ๆ ทุกเดือน ความเครียดน้อยลง แล้วจะสามารถทำงานแปลได้อย่างมีความสุขขึ้นค่ะ จากคุณ : ลูกเตะวายุกระซิบ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 09:37:28

ความคิดเห็นที่ 3 1. ถ้าแปลรวดเร็ว แม่นยำ และสวยงาม งานก็มีอยู่เรื่อยๆอยู่รอดได้สบายๆไม่ต้องกลัว แต่ถ้าแปลช้าและสำนวนการแปลยังไม่ดีพอ หรือแปลผิดเพียบ ก็มีสิทธิ์อดตายได้ 2. บางคนรับ สนพ เดียวก็อยู่รอด บางคนต้องรับหลายๆ สนพ เวลางานชนกันก็แบ่งให้เืพื่อนๆนักแปลด้วยกัน ทำก้ันลับๆโดยไม่บอก สนพ พอเพื่อนทำเสร็จเจ้าของงานก็เอามา edit ก่อนส่ง สนพ   3. ถ้าเป็นบรรณาธิการบริหาร สนพ ใหญ่ๆก็คงดี แต่โอกาสเป็นไปได้ยากเว้นเสียแต่จะอยู่ในวงการมานานมากๆ แต่ถ้าเป็นแค่บรรณาธิการธรรมดาๆตำแหน่งเล็กๆในสายงานย่อยๆค่าตอบแทนมันน้อยทำงานตัวเป็นเกลียว ยิ่งทำงานเป็นบรรณธิการต้นฉบับหนังสือแปลที่รับเงินเป็นรายเล่มนะ เคราะห์หามยามซวยต้องไป edit (ตรวจแ้ก้) งานแปลที่แปลโดยนักศึกษา 4 คน ฉีกเล่มแบ่งกันแปล (เพราะอาจารย์ไปรับงานจาก สนพ มาแล้วมาโยนให้นักศึกษาแปล) บางทีเจองานแบบนี้เข้าละก้อต้องแก้กันเกือบทุกบรรทัดจนบรรณาธิการต้นฉบับอยากจะผูกคอตายเอาก็มี และค่า edit อย่างมากก็ได้แค่ 1/3 ของค่าแปลเอง 4. สนพ จะหักภาษี ณ ที่จ่าย จากเงินค่าแปล ไปเรียบร้อยแล้ว คุณก็แค่กรอกรายการลงแบบฟอร์มภาษี แล้วยื่นให้สรรพกรตอนสิ้นปีเท่านั้นเอง ...................................................................... ...แก้คำว่า "สรรพการ" เป็น "สรรพกร" แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 10:10:08 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 53 11:58:50 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 11:56:55

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณนะคะที่มาแชร ์ประสบการณ์ อ่านดูแล้วสงสัยต้องทนทำงานประจำไปอีกจนกว่าจะมีเงินสะสมมากพอ แล้วค่อยออกมาทำงานแปลเต็มตัว ทั้งๆที่ก็อยากจะออกเต็มแก่แล้ว เอือมกับงานที่ำทำอยู่จริงๆ รู้สึกว่าถ้าไม่ทำงานประจำคงรับงานแปลได้มากกว่านี้หรือไม่ก็เีขียนเองเลย แต่ก็อีกนะคะ เศรษฐกิจแบบนี้จะมามัีวอารมณ์ศิลปินก็คงลำบากเหมือนกัน จากคุณ : ฟองทะเล เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 20:28:24

ความคิดเห็นที่ 5 ทำมาหลายปีแล้วค่ะ เรื่องรายได้ขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องของงาน และขึ้นอยู่กับประเภทรายได้ที่เราได้รับด้วย ถ้าได้เป็นเปอร์เซ็นต์ก็ต้องรอหนังสือพิมพ์เสร็จก่อน ส่วนตัวเคยเจอแบบที่ต้องแปลเสร็จก่อนสี่เล่มค่อยพิมพ์ เพราะแผนการตลาดอยากให้ออกพร้อมกัน ช่วงนั้นก็ต้องกระเบียดกระเสียนมากๆเลยค่ะ ห้ามประมาทเด็ดขาด 1.รับมือกับความไม่มั่นคงอย่างไร(เพราะต้องมีบาง ครั้งที่งานมาก งานน้อย หรือไม่มีงานเลย) จัดการบริหารรายได้อย่างไร - เห็นคนอื่นเค้าทำงานเสริมนะคะ ขายของบ้างอะไรบ้าง แต่งานแปลต้นทุนต่ำค่ะ ถ้าไม่มีภาระผ่อนบ้านผ่อนรถและกินอยู่ไม่ฟุ่มเืฟือยมันก็อยู่ได้สบายๆ 2.ต้อง รับงานทีเดียวหลายๆสำนักพิมพ์หรือเปล่าคะ จะได้อยู่ได้ - จะอยู่ได้ไม่ได้น่าจะอยู่ที่ความขยันด้วยค่ะ เพราะถึงรับงานหลายแห่ง ก็ต้องทำทีละเล่มอยู่ดีค่ะ เป็นงานที่รวยยากเหมือนกัน -*- 3.มีโอกาสก้าว หน้าในอาชีพแค่ไหนคะ เช่นได้เเป็นบรรณาธิการ .... - คำว่าก้าวหน้าแปลว่าอะไรเอ่ย ถ้าหมายถึงรายได้ที่สูงขึ้น ไม่จริงเสมอไปนะคะ แต่อาจจะได้เรื่องชื่อเสียงค่ะ 4.ถ้าเป็นงานfreelance เสียภาษีอย่างไรคะ - ใช้ใบหักภาษี ณ ที่จ่ายที่สนพ.ออกให้มากรอกลงภงด.90 นะคะ ถ้าออกมาเป็นนักแปลเต็มตัวแล้ว เราอาจต้องใช้เวลาหน้าคอมพิวเตอร์นานขึ้น ยังไงก็ระวังสุขภาพตา คอ ไหล่ หลัง และข้อมือด้วยนะคะ :) จากคุณ : มณฑารัตน์ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:38:05

ความคิดเห็นที่ 6   เคยไปอบรมการแปล วิทยากรก็บอกว่าอย่าเลิกจากงานประจำค่ะ ให้ทำเป็นงานอดิเรก ตอนแรกก็ไม่เข้าใจคิดว่าเขากั๊กตำแหน่งในวงากรกันหรือเปล่า ขอโทษนะคะที่แอบเผลอบอกความจริง แต่ต่อมาเข้าใจแล้วค่ะว่า นักแปลที่แนะนำอย่างนี้เพราะอะไร มันเป็นงานที่ต้องทุ่มเทและเสียสุขภาพ ดังนั้นต้องเตรียมใจและร่างกายให้พร้อมมากๆค่ะ ถ้าคุณทำงาน 2 อย่างได้พร้อมกัน คุณก็โชคดีและประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าเป็นอย่างดิฉัน ถ้ามีทำงานประจำก็จะทำงานแปลไม่ได้เพราะการเดินทาง กำลัง และเวลาที่เสียไปในช่วงกลางวันทำให้กลับมาสลบเหมือด และวันเสาร์อาทิตย์ก็ยังคงอยากจะนอนพัก หรือทำงานบ้าน ตอนนี้ออกมาทำงานแปลเต็มตัว สบายใจก็จริงค่ะ แต่ลึกๆ แล้วก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่า รู้สึกหวาดหวั่นเรื่องความมั่นคง และสุขภาพที่ต้องทำงานผิดเวลา สรุปแล้ว ลองหางานแปลทำสักงานดูก่อน แล้วถูกจริตไหม จะได้ไม่ต้องทิ้งงานประจำมาค่ะ ดิฉันพูดมากไป ขอตอบสั้นๆ ทีละข้อ 1. ใช้เงินให้ประหยัดมากๆค่ะ 2. ต้องดูสายป่าน และปัจจัยอื่นประกอบกันค่ะ 3.ดูคำตอบคุณมณฑารัตน์นะคะ (ดิฉันเคยเห็นนักแปลที่ผันตัวไปรับงานบ.ก.ก็มี หรือทำควบคู่กันไปก็มีค่ะ) 4.เท่าที่รู้ สนพ. มีการหัก ณ ที่จ่าย 3 % จากคุณ : avatar เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 00:45:11 A:124.120.95.82 X: TicketID:277001

ความคิดเห็นที่ 7   ^ ^ ตกดึกบางทีก็ละเมอค่ะ ลืมไปว่าคุณเคยแปลเป็น part time แล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณจะรับมือ ตอนว่าง หรือไม่มีงานเข้าได้ไหมคะ นี่คือปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่ง ตอนว่าง ดิฉันจะฟุ้งซ่านมากๆ ถ้าไม่จัดการให้ดี จะแย่ต่อสุขภาพจิตและคนใกล้ชิดนะคะ ทำให้เขาเป็นห่วงเรามากขึ้นอีก คุณต้องไม่แคร์ใครด้วยค่ะ อย่างป้าดิฉัน เวลาเห็นเราอยู่บ้านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ออกไปทำงาน คนรุ่นเก่าจะคิดมากกับความไม่มั่นคง เราก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสและแสดงให้คนรอบข้างรู้ว่าเราไม่มีปัญหา ค่ะ พวกเขาจะได้สบายใจและไม่เป็นห่วงเรา จากคุณ : avatar เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 00:55:59 A:124.120.95.82 X: TicketID:277001