ความคิดเห็นที่ 1 เราทำงานแปลเอกสารกับแปลหนังสือ ใช้แต่ dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษ แบบเป็น software (มี 20 กว่าชุด) ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์กับ online dictionaries ตามเวปต่างประเทศ นานๆจะใช้ dictionaries อังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ เราใช้ทั้งเป็น software และแบบ online(ส่วนใหญ่จะใช้ตรวจสอบตัวสะกดหรือดูความเหมาะสมของการเลือกใช้คำเท่านั้้น ไม่ได้ใช้หาศัพท์) ถ้าเราใช้ talking dictionaries หรือ dictionaries เป็นเล่มๆ มันช้าเกินไป จนถ้าไปเจองานแปลยากๆ จะถึงกับแปลไม่ทันส่งงาน ทำให้อดตายได้เลยหละ เมื่อก่อนเราหลงคิดว่าถึงใช้ dictionaries ที่เป็น software แต่เราอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ dictionaries ที่เป็นเล่มๆเพื่อหาศัพท์เฉพาะทาง แต่ยุค google เฟื่องนี่กลายเป็นพจนานุกรมศัพท์หมวดเป็นเล่มๆไม่มีความจำเป็นเลย เพราะส่วนใหญ่เราใช้ google หาศัพท์เฉพาะทางเจอเกือบหมด เวลาเราสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียน (มีสอนแค่ 2-3 คน ไม่ได้สอนเป็นงานหลัก เพราะงานหลักเราคือแปลเอกสาร)  เราก็แจก dictionaries  ที่เป็น software ให้นักเรียน และสอนให้นักเรียนใช้ dictionaries แบบนี้ ด้วยสาเหตุที่ง่ายๆก็คือ เวลาเรียนศัพท์จะต้องเรียนวิธีเอาศัพท์ไปสร้างประโยค เวลาจดบันทึกเรื่องราวที่เรียนมา รวมทั้งจดศัพท์และรูปประโยค ที่หาได้จาก dictionaries ทั้งที่เป็น software และเป็นแบบ online จะจดลงใน software ที่แยกประเภท เพื่อเอามาจัดไว้เป็นหมวดหมู่ ที่มี function ที่ search และ sort ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กลับไปทบทวนได้ง่าย ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีการไฮเทคแบบนี้ ถ้าใช้ dictionaries ที่เป็น software หรือเป็นแบบ online มันจะ "ไม่สามารถจับวาง (paste)" สื่อการสอนแบบ multimedia (มีทั้ง texts, mp3 และ video clips ...ซึ่งใช้ประสานงานกับระบบบันทึุกทีวีจากต่างประเทศผ่านเน็ตความเร็วสูง) รวมทั้งคำศัพท์และรูปประโยคตัวอย่างลงบน software ที่ใช้จดบันทึกเนื้อหาที่เรียน...คือระบบนี้คิดขึ้นมาเพื่อจะได้ไม่ต้องออกแรงเขียนให้เมื่อยแล้วเสี่ยงต่อการสะกดผิด ซึ่งเหนือชั้นกว่าการใช้ talking dictionaries หรือใช้ dictionaries เป็นเล่มๆ ดังนั้นในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษยุึคไฮเทค ต้องถือว่า talking dictionaries หรือใช้ dictionaries เป็นเล่มๆ ล้าสมัย และตกอันดับไปเลย เนื่องจากไม่สามารถใช้งานประสานงานกับ software หลายๆตัวที่ใช้จัดเก็บเนื้อหาการเรียนการสอน ซึ่งเป็นระบบ multimedia ที่มีกลไกการบันทึกทีวีจากต่างประเทศ หรือตัดต่อหนังหรือเพลงฝรั่งเอามาวางเทียบกับ texts และคำศัพท์กับตัวอย่างประโยค เอาไว้เรียนรู้ได้นั่นเอง เวลาเราสอนภาษาอังกฤษทั้งตัวเราและนักเรียนไม่มีการจับปากการเขียนอะไรบนกระดาษ ไม่มีการจับ marker เขียนบน whiteboard แต่ใช้คอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ตล้วนๆ คือเราสอนเทคโนโลยีระดับสูงกับแนะนำแหล่งความรู้ให้นักเรียน แล้วให้นักเรียนไปเรียนรู้เอาเอง และนักเรียนก็เอาสิ่งที่เรียนรู้มาฝึกฝน มาทบทวนกับเรา โดยมีเราเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำว่าผิดหรือถูกอย่างไร และประเมินผลความก้าวหน้าเพื่อปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมกลยุทธ์ในการเรียนการสอน ถ้าจำเป็น จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:49:44

ความคิดเห็นที่ 2 หมายเหตุ สมัยนี้ใช้ notebook หรือ netbook เครื่องเล็กๆ เสียบ aircard ที่มี SIM card ระบบ 3G เข้าไป มันจะเล่นเน็ตได้เร็วกว่า adsl ตั้งหลายเท่า ยกไปใช้งานที่ไหนก็ได้ ดังนั้นการใช้ dictionaries ที่เป็น software กับเป็นแบบ online จะใช้งานที่ไหนก็ได้ ที่มีสัญญาณ 3 G(เขากำลังเพิ่มเครือข่าย 3 G) ซึ่งถูกกว่า (เพราะ dictionaries ที่เป็น software ซื้อถูกๆหรือ download ฟรีได้ทั่วไป) และใช้เทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่า talking dictionaries และ dictionaries เป็นเล่มๆหลายเท่า อ้อแล้วอีกอย่างหนึ่งนะ dictionaries ที่เป็น software หลายๆค่าย มี functions  ที่สอนทั้ง grammar และสอน writing กับสอนอะไรอย่างอื่นอีกหลายๆอย่าง ติดมาด้วย เวลานี้ netbook กำลังลงราคาเหลือแค่หมื่นบาทต้นๆ อีกหน่อยถ้า netbook ลงราคาเหลือเครื่องละ 7,000 บาทนะ แล้วถ้า talking dictionaries มันไม่รีบลงราคาเหลือเครื่องละ 1,000 บาทนะ เราว่าพวกมันเจ้งกันหมดแหงๆ ไม่มีใครซื้อหรอก แพงก็แพง แล้วเอานิ้วจิ้มๆไปไม่กี่ีีทีก็พังแล้ว แถมยังหาศัพท์ช้าอีกด้วย ส่วน dictionaries ที่เป็นเล่มๆไม่ต้องพูดถึงเลย มันช้าเกินไป ยกตัวอย่างเช่นสมัยก่อนเมื่อคอมพิวเตอร์มันยังใช้ DOS อยู่คอมพิวเตอร์มันไม่เก่งพอช่วยเรียนภาษาได้เลย ถ้าใครอยากจะเรียนการแปล แต่รู้ศัพท์แค่นิดเดียว กว่าจะเรียนศัพท์เป็นจำนวนมากโดยใช้ dictionaries เป็นเล่มๆ (จดศัพท์็กันเมื่อยมือตายห่ะ) เผลอๆเรียนอีก 10 ปีกว่่าจะรู้มากพอที่จะทำงานแปลได้ แต่สมัยนี้ใช้ software ช่วย เรียนแค่สองสามปี ก็จำศัพท์ได้เท่ากับเรียน 10 ปีสบายๆหายห่วง จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:08:33

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะ ส่วนตัวไม่ได้ใช้ดิกส์ที่เป็นเล่มๆมาสามสี่ปีได้ (ปัจจุบันเรียนปี 2 สาขาเกี่ยวกับภาษา)  เราแทบไม่จำเป็นต้องงใช้ talking dict or dictionary เลย เชื่อว่าสมัยนี้แทบทุกบ้านมีอินเทอร์เน็ตกันหมดแล้ว เราใช้เจ้า ต้วนี้แหละช่วยในเรื่องการเรียนของเรา ไม่ว่าจะเป็น หาศัพท์ ฝึกฟังพุดอ่านเขียน หาเนื้อหา ตลอดจน ตั้งกระทุ้ถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ จากคุณ : ของขวัญจากGOD เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 17:29:08

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะ ส่วนตัวไม่ได้ใช้ดิกส์ที่เป็นเล่มๆมาสามสี่ปีได้ (ปัจจุบันเรียนปี 2 สาขาเกี่ยวกับภาษา)  เราแทบไม่จำเป็นต้องงใช้ talking dict or dictionary เลย เชื่อว่าสมัยนี้แทบทุกบ้านมีอินเทอร์เน็ตกันหมดแล้ว เราใช้เจ้า ต้วนี้แหละช่วยในเรื่องการเรียนของเรา ไม่ว่าจะเป็น หาศัพท์ ฝึกฟังพุดอ่านเขียน หาเนื้อหา ตลอดจน ตั้งกระทุ้ถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ จากคุณ : ของขวัญจากGOD เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 17:31:07

ความคิดเห็นที่ 5 เคยใช้ talking dict เมื่อ 10 ปีก่อน ใช้ได้ 2-3 เดือนก็ิิเลิกใช้ครับ เพราะว่ามันเสียเวลา อีกอย่างแปล eng-thai บางทียิ่งงง ส่วน dict เล่ม ใช้บางครั้งเท่านั้น แทบจะไม่ได้แตะเลยดีกว่าอ่ะ อาศัย online dict หมดเลย แต่ว่าีนี่กำลังจะคิดซื้อ dict ของ oxford ที่ออกใหม่ มี cd ด้วย ^^ อยากไ้ด้ cd เท่านั้นอ่ะ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 06:29:12

ความคิดเห็นที่ 6 คนทุกคนมีวิธีเรียนรู้ของตัวเองที่เหมาะกับตัวเอง จะให้คนอื่นบอกว่า talking dict ดีหรือไม่ดี ก็เหมือนพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ เพราะมันอาจไม่เหมาะกับเขา แต่คุณอาจเหมาะกับมันก็ได้ ใครจะไปรู้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 13:23:36

ความคิดเห็นที่ 7   มันไม่ใช่แค่เรียนภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ มันช่วยผมแปลงานวิจัยได้อย่างรวดเร้ว จากคุณ : auy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 16:40:11 A:125.26.161.109 X: TicketID:263615

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับเราคิดว่าจำเป็น แต่พอตอนนี้ซื้อมากลับไม่ค่อยได้ใช้ แต่ถ้าพอซื้อได้ ซื้อไว้ก็ดีค่ะ จากคุณ : หนูฟั่นเฟือน เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 00:03:23

ความคิดเห็นที่ 9 ลอง http://www.wooword.com นะครับ มีปลั๊กอินกับบร้าวเซอร์ chrome ให้ใช้ด้วย http://www.wooword.com/index.php/about จากคุณ : atthakorn (Atthakorn) เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 07:44:12

ความคิดเห็นที่ 10 อา ส่งกระทู้มาให้ ดีมากๆเลยค่ะ ลูกชายอยากได้ talking dict ยื้อไว้อยากให้เปิดเป็นเล่มก่อน ใช้เครื่องน่ะง่าย เราวานะ (ไม่รู้ตกยุคหรือเปล่า)เดิมเคยมี 2 เครื่องแต่โดยแฮ็บ ไปน่าจะเป็นลูกจ้าง มารู้อีกที จับมือใครดมไม่ได้ เลยไม่ค่อยอยากซื้ออีก ลอง woodord น่าใช้ดีค่ะ ขอบคุณนะค่ะ จากคุณ : thaitawan เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 11:57:17

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบอกตามตรงว่า การเปิด dictionary เป็นเล่มๆ ข้อเสีย: เสียเวลามาก, ไม่ทันใจ, ไม่สามารถฟังเสียงที่ถูกต้องได้, พกไปไหนก็หนัก ข้อดี; เป็นแมนนวลเลยพังยากกว่า, ราคาถูกกว่า, ดูได้พร้อมกันหลายตัวในเวลาเดียวกัน, มักมีตัวอย่างประโยคการใช้, ทำให้เราจำแม่นกว่าเพราะขี้เกียจเปิดหลายรอบ talking dict ข้อเสีย; แพงกว่า, พังง่ายกว่าเพราะเป็นอิเล็คทรอนิค ข้อดี; มีการ์ดหลายภาษา, ฟังเสียง pronunciation ได้, พกพาสะดวก, หาศัพท์ได้รวดเร็ว ใช้ software dict ในคอม ข้อเสีย; พกลำบาก, บางโปรแกรมอาจต้องใช้เน็ตด้วย, ต้องใช้คอม, อาจวอกแวกหันไปเล่นอย่างอื่นได้ ข้อดี; ฟังเสียงได้, มีตัวอย่างประโยคการใช้, แปลได้หลายภาษา, สามารถแปล idiom ได้, copy text ได้, หาศัพท์ได้รวดเร็วกว่า, ฟรี http://www.4shared.com/file/Pg3yiOt9/Babylon_Pro_v800__r24_.html ผมใช้อยู่ดีที่สุดเท่าที่เคยใช้มา แล้วแต่จุดประสงค์การใช้ครับ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 11:45:41 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 10:20:15 จากคุณ : joas_kool เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 09:38:34