ความคิดเห็นที่ 1 ผมอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่อธิบายได้ดีนะ แต่แค่ให้คิดว่าตำราเกี่ยวกับการแปลควรจะมีบทที่ว่าด้วยเรื่องอะไรบ้างผมก็คิดไม่ออกแล้ว   เพราะในการทำงานแปลของผมนั้น   ผมใช้วิธีอ่านภาษาต้นทางให้เข้าใจก่อน   แล้วเอาความเข้าใจนั้นไปคิดในภาษาปลายทางอีกที การใช้คำ   โครงสร้างประโยคในภาษาปลายทาง   มันเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติจากคลังข้อมูลที่สะสมไว้ในสมอง เรียกได้ว่าเป็นการแปลแบบมวยวัดเต็มรูปแบบ ไม่ได้มีหลักการข้อไหนเอาไปถ่ายทอดให้ใครทำตามได้เลย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 06:47:51

ความคิดเห็นที่ 2 สมัยอยู่ในวัยเรียนเราเป็นเรามี iq ต่ำกว่าคนธรรมดาทั่วๆไปจนเราเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องสับสนไปหมด ก็เลยหยุดเรียนมหาลัย แล้วใช้เวลาว่างอ่านแต่หนังสือ howtos แนวหัดคิดอะไรแผลงๆผิดชาวบ้าน และกลายเป็นชอบคิดว่า inventions ทั้งหลายในโลก คนที่คิดขึ้นมาได้ ใช้กระบวนความคิดอะไร เลยในช่วงหลังๆของการทำงานแปลที่ทำมาหลายปี เราจึงคิดค้นและสะสมข้อมูลอยู่เรื่อยๆว่าสมองเราทำงานยังไงถึงแปลอะไรออกมาได้อย่างที่เราแปล และสมองนักแปลคนอื่นคิดอะไร (โดยดูผลงานแปลของพวกเขา) จึงแปลออกมาได้อย่างที่พวกเขาแปล การสะสมข้อมูลเหล่านี้จากการทำงานแปลมาเป็นเวลานาน มันก็เลยทำให้เราคิดวิธีสอนการแปลได้แบบ unconventional มากๆ แบบที่ไม่มีสอนที่มหาลัยไหนในโลก เราอยากเขียนตำราการแปลเหมือนกัน แต่มัีนออกแรงเยอะมากๆ เพราะว่า "ต้องมีวางฐานรากแล้วค่อยๆต่อยอดขึ้นไป เหมือนเล่น building blocks อีกทั้งยังต้องมี illustrations มากมาย" และที่สำคัญก็คือพวกเพื่อนๆนักแปลที่เรารู้จักซึ่งเรียนจบปริญญาโทการแปล หรือเรียนจบทางด้านภาษาวุฒิสูงๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ถ้าเราเขียนตำราด้านภาษาคงไม่มีใครซื้อ เพราะเราไม่มีจุดขาย เราคงต้องไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอกทางด้านภาษาเสียก่อน เขียนไปถึงจะมีคนซื้อ ซึ่งเราก็ไม่อยากเสียเวลาไปเรียนเพราะเราชอบเรียนรู้เองแบบมวยวัดมากกว่า เราว่ามันท้าทายดีอ้ะ" ลองไปดู samples ได้ว่าเราใช้ cells สมองส่วนที่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยจะใช้กัน รวบรวม concepts และสร้างทฤษฎีการแปลแบบ unconventional ขึ้นมาอย่างไร ถ้่าอ่านแล้วชอบเราจะลองเขียน "ตำราการแปลหมัดเมา" ให้อ่าน ตาม link นี้ไปอ่านดู http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7934208/K7934208.html เอางี้่ก็แล้วกัน ถ้า จขกท กับนักอยากแปลหลายๆคนรวมตัวกันลงขันจะซื้อตำราการแปลหมัดเมาของเรา เราก็จะผลิตตำราการแปลออกมาหลายๆ volumes ให้อย่างต่อเนื่อง ที่มีเนื้อหาสาระมากกว่าการเรียนปริญญาโทการแปลเสียอีก  แล้วตีพิมพ์แต่ละ volume แบบจำนวนน้อยให้ สนใจมะล่ะ? ...อิๆๆ... จริงๆแล้วพูดเป็นเล่นไป มันเป็นงานช้างเลยนะ เพราะในตัวอย่างการแปล (illustrations) กว่าจะตรวจทานได้ครบถ้วนไม่มีที่ติ ก็คงต้องจ้าง editors มือดีๆมาช่วยหลายคน...เพื่อให้ตำราถูกต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ผิดพลาด ไม่ขาดตกบกพร่อง... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 13:12:59

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆแล้วยังมีตำราการแปลอีกหลายเล่มที่อาจารย์มหาลัยเขียนไว้ ซึ่งเวลาอ่านดูแล้วก็คล้ายๆกับตำราที่อาจารย์ ธนพล (ลำดวน) จาดใจดี เขียนไว้ นั่นก็คือ "ดูเหมือนว่า" อธิบายเทคนิคการแปลไทยเป็นอังกฤษและอังกฤษเป็นไทยได้น่าอ่านและเข้าใจง่าย...แต่ตำราการแปลเหล่านี้ เขียนได้ "ลงตัวหมด" คืออ่านแล้วคนอ่านสบายใจว่าการแปลมันราบรื่นเหลือเกิน แต่ในการทำงานแปลในชีวิตจริงกลับพบว่า มันไม่ราบรื่นเหมือนอ่านตำรา ส่วนใหญ่เราแยกแยะประเด็นหลักออกมาได้ 2 อย่าง ตามที่เคยประสบมา นั่นก็คือ 1. เวลาแปลอังกฤษเป็นไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้นฉบับภาษาอังกฤษเป็นเอกสารหรือหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์มาอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานต่างประเทศที่น่าเชื่อถือได้หรือจากสำนักพิมพ์ต่างประเทศ ถ้าเราผู้เป็นนักแปลอ่านแล้วงง ไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเพราะเราไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษมากพอที่จะแปล หรือไม่มีความรู้รอบตัวมากพอที่จะแปล วิธีแก้ไขก็คือ ไปตามเวปต่างประเทศที่มีฝรั่งเจ้าของภาษาคอยช่วยเหลือคนเรียนภาษาอังกฤษ แล้วแปะข้อความถาม ซึ่งส่วนใหญ่เราก็มักจะได้รับคำตอบดีๆ จนเห็นทางสว่าง และแปลมันได้ถูกต้องในที่สุด 2. แต่ในทางกลับกัน เวลาแปลไทยเป็นอังกฤษ เวลาเราผู้เป็นนักแปลอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ส่วนใหญ่ไม่ได้ติดศัพท์ภาษาไทย (ศัพท์ยากๆถ้าเขียนมาดีๆดั้นด้นหาจริงๆก็หาเจอ) แต่ปัญหาหลักส่วนใหญ่ก็คือ ข้อความในต้นฉบับภาษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาจากหน่วยงานไทยบางหน่่วยงาน (ที่ตัวแสบมากๆในเรื่องการเขียนภาษาไทยอ่านไม่รู้เรื่อง ซึ่งไม่อยากเอ่ยชื่อ) มีแต่ศัพท์ง่ายๆทั้งนั้น แต่อ่านตั้งหลายรอบก็ไม่เข้าใจ และพอเอาให้เพื่อนๆนักแปลช่วยกันตีความ นักแปลอีก 4-5 คนก็ยังอ่านภาษาไทยต้นฉบัีบไม่รู้เรื่อง จนต้องถึงกับสรุปว่า "คนที่เขียนต้นฉบับภาษาไทยมีระบบตรรกะที่ชำรุดอย่างรุนแรง" ยกตัวอย่างเช่นการแปลเอกสารสิทธิบัตรจากไทยเป็นอังกฤษ เท่าที่เคยเห็นเอกสารแบบนี้มา และเอาให้นักแปลหลายๆคนช่วยกันดู ในรอบหลายๆปีที่ผ่านมา นักแปลเกือบทุกคนต่างก็ยอมรับว่า เวลาอ่านภาษาไทยที่อธิบายกระบวนการผลิต (ซึ่งพนักงานในบริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรเขียนมา) นั้น อ่านตั้งหลายรอบก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจกระบวนการผลิตได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเทคโนโลยีระดับต่ำๆก็ตาม ก็เลยจำใจต้องแปลดำน้ำไปทุกครั้่ง แต่ก็แปลกที่ยังไม่มีลูกค้าโวยวายมาเลยว่าแปลผิด...???!! ม้ันทำให้นักแปลที่ bilingual จริงๆ หลายๆคนต่างก็ต้องคิดหนักว่า การอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้วแปลเป็นอังกฤษผิดนั้น มีสถิติสูงกว่าการอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องแล้วแปลเป็นไทยผิด แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 53 20:13:19 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 20:10:16

ความคิดเห็นที่ 4 อีกประเด็นหนึ่งก็คือว่า ตำราที่เขียนลงตัว เช่นของ อาจารย์ ธนพล (ลำดวน) จาดใจดี เป็นต้น เวลาแปลไทยเป็นอังกฤษ ภาษาอังกฤษคนเขียนเขาสวยงาม และเขาก็เลือกต้นฉบัีบที่มันแปลลงตัวง่ายๆ เช่นข่าวสารการเมืองที่ต้นฉบับภาษาไทยเขียนได้ดีมากๆ เป็นต้น ซึ่งหากผู้เรียน (คนอ่านหนังสือ) ยังมีทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่ห่างไกลจากอาจารย์ ธนพล (ลำดวน) จาดใจดี มากมายหลายช่วงตัว ตำราเล่มนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้ผู้อ่านทำมาหากินด้วยการแปลไทยเป็นอังกฤษได้ เนื่องจากว่าพอแปลออกมาแล้วคำแปลภาษาอังกฤษมันจะมี syntactic errors in the writing of second language learners มากมายจนถึงกับอ่านไม่รู้เรื่องและต้องเอาคำแปลภาษางกฤษไปทิ้งขยะลูกเดียว  ซึ่งหากตำราหรือหลักสูตรการแปลจะแก้ไขปัญหาจุดนี้ได้ มัีนก็จะต้องมีกระบวนการเรียนการสอนที่ซับซ้อนมากกว่าที่คาดไว้อีกหลายๆเท่า โดยจะต้องคำนึงถึงว่า จะต้องสร้างบทเรียนที่สอนคนซึ่งยังอ่านภาษาอังกฤษยากๆไม่แตกฉาน ให้อ่านได้เก่งขึ้น และซึีมซับสิ่งที่อ่านไป เอาไปเขียนออกมาได้ด้วย หรือที่เรียกว่า reading towards writing ในขณะที่ศึกษาภาษาที่ 2 ตามขั้นตอนที่ถูกต้องนั่นเอง จากนั้นมันก็จะเป็นกระบวนการเปลี่ยนภาษาที่ 2 เป็นภาษาที่ 1 และเปลี่ยนภาษาที่ 1 เป็นภาษาที่ 2 ให้ครอบคลุมจำนวน permutations ให้มากที่สุด โดยมี restrictions ที่เรียกว่า syntactic restrictions และ semantic restrictions ตามที่เรา postulated เอาไว้ในกระทู้เก่าคือกระทู้นี้ นั่นเอง http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7934208/K7934208.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 20:15:33

ความคิดเห็นที่ 5 syntactic errors in the writing of second language learners อันนี้ล่ะครับเรื่องใหญ่   สมัยก่อนหลังจากที่ผมพัฒนาไวยากรณ์ดีขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว (ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าเราทำกันได้ทุกคน)   ผมก็หันไปโดนอาจารย์ฝรั่งเฉ่งเรื่องนี้แทน   เคยย้อนถามอาจารย์ว่าเรื่องพวกนี้มีกฎแบบไวยากรณ์ไหม   คำตอบคือไม่มี   ต้องสั่งสมเอาเองจากการเขียนให้เจ้าของภาษาตรวจบ่อยๆ จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 09:44:37

ความคิดเห็นที่ 6   ขอบคุณ คุณ fortuneteller มากเลยครับที่เข้ามาแนะนำให้ความรู้อันมีค่าต่อผมในฐานะมือใหม่บนเส้นทางอาชีพนี้และกับอีกหลายคน ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณ fortuneteller และทุกๆ คนเขียนบทความหรือข้อแนะนำดีๆ ต่อไปนะครับ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : แดนดิน (Daendin) เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 10:06:37

ความคิดเห็นที่ 7 มาลงชื่อรอซื้อ "ตำราการแปลหมัดเมา" ของคุณ fortuneteller ค่ะ รีบๆเขียนนะคะ อย่าให้รอนาน เดี๋ยวผู้อ่านจะรอจนแก่จนสมองเสื่อมไปเสียก่อน  อิอิ (ตอนนี้ก็อ่านreplyในเวบนี้รอไปเรื่อยๆก่อนค่ะ) จากคุณ : จิน ณ จันทร์ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 17:47:05

ความคิดเห็นที่ 8 หนังสือของอจ.ธนพล ฯ เป็นหนึ่ง ในจำนวน หนังสือที่มีไม่กี่เล่ม บนแผงหนังสือ   เป็นหนังสือ ที่อ่านง่าย เขียนเรื่องทั่วๆไป  , การแปลเอกสารราชการ การแปลข่าว    เหมาะสำหรับ ใช้เพื่อศึกษาสำนวนแปลไทยเป็นอังกฤษ   มีหนังสืออีกเล่ม  สำหรับศึกษาเกี่ยวกับการแปลไทย- อังกฤษ,อังกฤษ-ไทย    เขียนโดยลูกครึ่ง(พ่อ)แคนาดา-ไทย (อีสาน)  ผู้เขียนขณะนั้น มีอายุ 19 ปี  เขียนในขณะที่มาเยี่ยมประเทศไทย   ชื่อหนังสือจดหมายจากมาตุภูมิ  ยังสามารถหาอ่านได้จากห้องสมุด   แต่ทำไม หนังสือเกี่ยวการแปล  จึงมีน้อย น่าจะเป็นเพราะคนทำงานแปล ที่มีประสบการณ์   ไม่มีเวลา นั่งเขียน ตำรา การแปล อย่างเป็นทางการ จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 53 11:15:51

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ถูกต้อง เป็นนักแปลรีบๆแปลไปไวๆจะดีกว่า ได้เงิน sureๆ มัวแต่มาเขียนตำรามันไม่มีหล้กประกันอะไรว่าจะได้เงิน แล้วอีกอย่างหนึ่งนักแปลรุ่นพี่ๆเรา (ซึ่งตอนนี้แก่ตายไปหมดแล้ว) บางคนมีวุฒิการศึกษาที่ต่ำมากๆ แต่บางคนเก่งภาษาอังกฤษมากๆ ทำงานแปลมาเกิน 30 ปี สะสมเคล็ดลับไว้ัมากมายแต่ไม่ถ่ายทอดให้ใคร ซึ่งบางทีเวลาเราไปขอเรียนรู้ด้วย ด้วยความสนิทสนม พวกเขาก็เผยความลับออกมา และเราก็จดจำไว้ เคล็ดลับดังว่า มันเหมือน "ท่าเพลงลับในวิชาการต่อสู้" เราเคยคิดไว้ถ้านักแปลรุ่นพี่เราเขียนตำราการแปลออกมาและเผยความลับเช่นนี้ออกมาจนหมด อีกหน่อยนักแปลที่เรียนจบปริญญาโทการแปลหรือเรียนจบทางด้านภาษาวุฒิสูงๆระดับปริญญาเอกจากต่างแดน (แต่ขาดประสบการณ์เพราะไม่รู้ท่าเพลงลับ) ก็จะมาแย่งงานพวกเขาไปหมด แม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม ในการแปลงานโครงการใหญ่ๆ นักแปลที่แปลเก่งมากๆแต่วุฒิการศึกษาต่ำหน่อย กว่าจะได้งานทำ บางทีต้องมีนักแปลที่วุฒิสูงกว่า (แต่แปลเก่งน้อยกว่า) คอยช่วยเหลืออยู่โดยการส่ง profiles ของนักแปลวุฒิสูงๆกว่า (แต่แปลเก่งน้อยกว่า) เข้าไปสมัครงานแทนเพื่อให้ได้งานมาทำ แล้วก็เอางานมากระจายกันโดยให้นักแปลที่เก่งกว่าแต่มีวุฒิต่ำกว่าคอยช่วยเหลืออยู่ ส่วนใหญ่จะช่วย edit (ตรวจแก้) คำแปลให้ หรือช่วยแปลส่วนที่แปลยากๆมากๆให้ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 53 14:05:21

ความคิดเห็นที่ 10 เผอิญใน คคห 4 เราพูดถึงว่าตำราการแปลที่มีขายในท้องตลาดมักจะให้ตัวอย่างการแปลที่ลงตัวง่ายๆ คนอ่านก็เลยดูว่าง่าย แล้วคิดว่าหนังสือมันอ่านเข้าใจง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วในการแปลในชีวิตจริงมันจะต้องเจอต้นฉบับที่แปลแล้วไม่ลงตัวได้ง่ายๆอย่างเช่นที่สาธิตไว้ให้ดูในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9353525/K9353525.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 53 14:25:18

ความคิดเห็นที่ 11 Totally agree with opinion number 10. In reality, there are always those quirky curveballs that attacks you from a most unliekly angle and those dodgy sentences that are so individaulistic that it just doesn't want to fit in. What can you do about it? Smile and bear it and learn from every opportunity that you get. My personally observation on the matter concerning the lack of translation guidebook is, it is useful only up to a certain level and not all omnipotent. Furthermore, over-reliance on it would certainly inhibit skill growth and dull your senses for the variety and subtlety of wide-ranging material that run untamed in the real world. So sorry that my comment is in English. จากคุณ : Peking Man เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 02:25:11

ความคิดเห็นที่ 12 "..So sorry that my comment is in English.." >> What! You abroad again? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 10:19:07

ความคิดเห็นที่ 13 In BKK krup Loong Aed... long time no talk na krup. Have been sneaking in and out of this board for my daily browse, but haven't really felt an urge for posting ah krup, hence my absence. Concerning why I am typing in English, last night I was using someone else's comp ah krup. Where as tonight, though I am using my comp, I feel that English rolls off my head that much faster ah krup. So again, apologies for using English. As for your question about whether I am abroad or not, I have  been flying off for meetings abraod every month this year krup. For June, I will be flying off to Jakarta next week for a 3 day meeting. In July, I will have to spend 2 more weeks in Hanoi for more meetings krup. And  to cap it off, from Sept to Dec I will be spending 3 months in NY for the UNGA krup. Any thing that I can do for you krup? จากคุณ : Peking Man เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 02:11:13

ความคิดเห็นที่ 14 อยากอ่าน "ตำราแปลหมัดเมา" มากเลยค่ะ ทำเมื่อไหร่บอกด้วยนะคะ จะตามซื้อ ^^ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 22:31:22