ความคิดเห็นที่ 1 ต้องรื้อฟื้น grammar ตั้งแต่บทที่ 1 เลยครับ ควรไปหาซื้อหนังสือ Grammar and Usage มาสักเล่ม ราคาคงประมาณ 100-200 บาท แล้วอ่านตั้งแต่บทที่ 1 ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามในห้องสมุดนี้ได้ จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 22:58:02

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเรียนแบบเอาคำมาต่อกันก็เปลี่ยนเป็นเรียนภาษาจีนง่ายกว่า เพราะโครงสร้างมันคล้ายภาษาไทย แค่ท่องศัพท์หนักๆ 4-5 ปีก็เขียนภาษาจีนไม่เพี้ยนแล้ว แต่เล่นเอาคำมาต่อๆำกันนี่เป็นภาษาอังกฤษเรียนอีก 10 ปีก็เขียนไม่เป็นภาษาคน ถ้าอยากเขียนเป็นให้เรียนพูดก่อน ถ้าพูดได้เขียนมันก็จะง่ายขึ้น ลองไปเรียน conversation ที่ aua สิ เราเคยเจอคนเรียนจากที่นั่นพูดอังกฤษเก่งๆมากๆตั้งหลายคนแน่ะ (แต่เรียนหลายระดับนะไม่ใช่เรียนแค่ 2-3 เดือน) แล้วค่อยมาเรียน reading comprehension  กับ writing จากบทเรียนของฟรีบนเวปต่างประเทศทีหลัง แล้วก็จะอ่านได้ัเขียนได้เองนั่นแหละ   แต่ถ้าตอนนี้อ่อนอังกฤษมากๆและต้องใช้อังกฤษตอนเรียนปริญญาตรีละก้อ ให้ทำใจ แล้วมั่วไปพลางๆก่อนเหอะ เพราะจะเรียนจากไม่กระดิกหูไปจนถึงเขียนเก่งเลยก่อนเรียนจบปริญญาตรี 4 ปี มันคงเป็นไปได้ยากมากๆ เว้นเสียแต่หนูจะไปค้นพบความลับว่า "ตัวเองเป็นอัฉริยะทางด้านภาษา" หรือจ้างครูระด้ับเซียนมาสอนตัวต่อตัว (ซึ่งค่าใช้จ่ายบานเบอะ) เพราะเท่าที่เราเคยเจอนะ ขนาดคนจบจากนอกมา แต่เขียนภาษาอังกฤษไม่เอาไหนนี่ นับว่า "เป็นเรื่องปกติ" เพราะภาษาอังกฤษมันยาก ต้องค่อยๆเรียนสะสมไป ตอนนี้ถ้าต้องเขียนภาษาอังกฤษเพื่อให้เรียนจบก็ลองพยายามเขียนมันเท่าที่เขียนได้ก่อน แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็คงต้องไปจ้างคนอื่นเขียนเพื่อเอาเรียนจบไว้ก่อน แล้วค่อยมาเรียนภาษาอังกฤษยกเครื่องกันใหม่อีกทีหนึ่ง จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 00:00:12

ความคิดเห็นที่ 3   สิ่งที่พอจะแนะนำได้ก็คือ อันดับแรก คุณต้องเปิดใจตัวเองก่อน เพราะอะไร การที่คุณเรียนมาจนถึงระดับอุดมศึกษา แต่ไม่สามารถแต่งประโยคที่เป็นโครงสร้างในภาษาอังกฤษได้เลย แสดงว่า ตอนเรียนคุณเรียนแค่แบบผ่าน ๆ โดยที่ไม่ได้สนใจจะฝึกฝนแม้แต่น้อย อีกทั้งข้อสอบบ้านเรา ก็มักจะเป็นแบบปรนัย ซึ่งมันก็ทำได้โดยอาศัยหลักการเดา 50% นอกจากนี้ พอเรียนในห้องผ่านไปเฉย ๆ ก็ไปขวนขวายหาที่เรียนกวดวิชา เพื่อให้สอบได้ และสิ่งที่สถาบันกวดวิชาภาษาอังกฤษสอนคุณ ก็คือ "วิธีทำข้อสอบ" จึงไม่ต้องแปลกใจเลยครับ ที่เด็ก ๆ นักศึกษาหลายคน ทำคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษ ได้ในเกณฑ์ดี แต่ "พูดและใช้งานภาษาอังกฤษไม่ได้" อันดับแรก คุณต้องเลิกคิดว่า ภาษาอังกฤษคือวิชาเรียน แต่ต้องคิดว่าภาษาอังกฤษ คือชีวิตประจำวันของคุณ เปิดใจแล้วเลิกคิดว่าภาษาอังกฤษคืออะไรก็ไม่รู้ แต่คุณเปิดใจยอมรับมัน คุณก็พูดได้ 20-30% แล้วครับ ลองไปดูพวกเมียฝรั่งสิครับ ไม่ต้องไปเรียนที่ไหน แต่เค้าก็พูดได้ ภาษาไม่สละสลวย แต่ก็สื่อสารได้ อันดับต่อไป คุณต้องฝึกครับ ฝึกทุกวัน วันนึงคุณพูดภาษาไทยกี่ชั่วโมง คุณต้องหาเวลา ฝึกภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่าครึ่งนึงของที่คุณพูดภาษาไทย ฝึกฟัง ฝึกให้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ คุณคิดว่าเด็กฝรั่งคลอดออกมา ต้องมีอาจารย์มาติวเพื่อจะพูดได้มั๊ย เปล่าเลย เพราะพ่อแม่เค้าพูดภาษาอังกฤษ เด้กก็เลยพูดภาษาอังกฤษ เป็นการเลียนแบบ แต่เราพ่อแม่คนไทย เราก็ต้องไปเลียนแบบเอาจากอย่างอื่นแทน ที่เป็นภาษาอังกฤษ ฝึกไปเรื่อยๆ เราจะคุ้นเคยกับตัวภาษา แล้วสมองคนเราก็จะเริ่มมีการเลียนแบบและจดจำไปเอง (เหมือนเวลาคุณดูทีวีมาก ๆ บางทีก็จะชอบพูดหรือทำอะไรเหมือนดาราอ่ะแหละ) ไม่มีวิธีลัดใด ๆ ที่จะทำให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้ โดยที่คุณไม่ฝึกครับ จากคุณ : ZeiZeR เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 10:53:56

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าจำเป็นต้องเขียนเดี๋ยวนี้คงต้องเขียนเป็นภาษาไทยก่อนค่ะ ให้สั้น ได้ใจความ อย่าใส่น้ำเด็ดขาด (จากประสบการณ์ที่เคยสอนเรื่องการเขียนรายงานมา บอกได้ว่าการเขียนให้รู้เรื่อง กระชับ โครงสร้างมีตรรกะนี่ ขนาดเป็นภาษาไทยก็*ไม่ง่าย*นะคะ) ระวังเวลาเขียนให้แยกเป็นประโยคให้ชัดเจน แล้วแปลแบบตรงๆเลย ให้สื่อสารรู้เรื่องเป็นพอ ถ้าหาคนตรวจแก้ได้ก็ดี ส่วนเรื่องปัญหาพื้นฐานอื่นๆ ขอเว้นไว้ก่อนล่ะค่ะ แต่ไม่มีทางลัดแน่นอน จากคุณ : jk (jackfruit_k) เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 12:34:07

ความคิดเห็นที่ 5 อะไรๆที่ควรพูด ตั้งแต่ #1-4 ก็ได้พูดไปหมดแล้ว จขกท ไปทำตามนั้นแหละ เล่นกันง่ายๆประหยัดแรง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 12:40:31

ความคิดเห็นที่ 6   The best way for self-development is to accept one's own faults or weaknesses because it will make one realize what is necessary to improve and correct in oneself in order not to make the same fault again.This will lead to both personal and working development. Hence,being able to throw one's faults at others will lead to a lack of enthusiasm to develop. Bee Kaniyo. beefs1@gmail.com จากคุณ : bee Kaniyo เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 17:38:30 A:192.168.10.118 X:58.9.74.55 TicketID:270988

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณพี่พี่ทุกคนมาก ๆ เลยค่ะ ที่พวกพี่ ๆ พูดมาจริงหมดเลยค่ะ เพราะเหมือนเรียนไปแล้วไม่ได้ใช้เลย มันเลยเลือนหายไปตามกาลเวลา จากคุณ : ปุยนุ่นนุ่มนิ่มสีขาว เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 21:10:52

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาเพิ่มเติมในประเด็นการฝึกพูดค่ะ ถ้าคุณปุยนุ่นนุ่นนิ่มสีขาว สนใจเรื่องนี้ อยากให้ขอเข้าไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับการออกเสียงภาษาอังกฤษ ในเวบบอร์ดของ psevikul.com เพราะมีสมาชิกที่เก่งเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ แนะนำเรื่องการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องให้ค่ะ ทั้งนี้เพราะคนไทยเราเรียนเรื่องการออกเสียงผิดเพี้ยนกันมานานแล้ว ทำให้เวลาพูดภาษาอังกฤษจึงได้เสียงที่ไม่ตรงตามที่ควรจะเป็น และทำให้เป็นปัญหาในการสื่อสารกับคนต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ การออกเสียงที่ถูกต้องถือเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการเรียนภาษาอังกฤษถ้าท่านใดสนใจลองเข้าไปอ่านดูนะคะ ขออภัยที่ยังไม่เก่ง ก็เลยทำลิ้งค์ให้ไม่ได้ค่ะ แต่คาดว่าสิ่งที่คุณซูซี่นำเสนอไว้ จะเป็นประโยชน์และน่าที่ผู้สนใจอยากพูดภาษาอังกฤษได้ทั้งหลายได้นำมาฝึกฝนกันค่ะ จากคุณ : นิลุบล (นิค่ะ) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 53 13:59:46

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเพิ่มเติม ด้านการฟัง อยากฟังรู้เรื่อง อย่าเอาคำที่ตัวเองพูดไปเทียบเสียงกับศัพท์นั้น ๆ เพราะส่วนใหญ่เราอาจจะออกเสียงผิด หรือไม่ถูกต้อง ทำให้เรางงเวลาเราได้ยินการออกเสียงที่ถูกต้องจากฝรั่ง ๆ จริง ๆ  คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าคำนี้อ่านอย่างนี้ อย่างนั้น มันทำให้สมองจดจำไป แล้วพอเอาเข้าจริง ก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะไปจำเสียงผิด ๆ มา  เพราะฉะนั้นการฝึกออกเสียงให้ถูกต้องก็ถือว่าสำคัญนะคะต่อการฟัง ไม่เฉพาะต่อการพูดอย่างเดียว แล้วก็เรื่องการเขียน อยากบอกว่าให้อ่านภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ค่ะ คือเราเริ่มอ่านบทความอังกฤษตั้งแต่ ม.หนึ่ง ถึง ม.หก แต่แกรมม่าเน่ามาก แต่ว่าเขียนได้นะ(ไม่ถึงขั้นเก่ง) เพราะว่าสมองจะประมวลเอาสิ่งที่จดจำได้จากการอ่านค่ะ เพราะจะพบรูปประโยคซ้าไปมา หรือวลี หรือสำนวนซ้ำ ๆ แล้วแบบเหมือนมันติดหัวเองอ่ะค่ะ พอจะเขียนก็เลยรู้ว่าต้องเขียนแบบนั้นแบบนี้ เพื่อสื่ออย่างที่เราต้องการ บทความที่อ่านส่วนใหญ่ก็มาจากนิตยสาร student weekly ค่ะ อ่านมันตั้งแต่ตลกไร้สาระ จนถึงข่าวต่าง ๆ ลองดูนะคะ จากคุณ : Motdktw เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 10:43:11