PANTIP.COM : K9395560 ที่บอกว่าต้องปฎิรูปการศึกษา โดยการ ปลูกฝังความรักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ป.1 มันเกี่ยวอะไรกับการศึกษาครับ [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 8

ลองมาเปรียบเทียบการรักชาติระหว่างคนไทยกับคนอังกฤษกัน

คนไทยถูกสอนให้ต้องท่องว่ารักชาติ และเคารพธงชาติกับเพลงชาติืทุกวันมามาตั้งแต่เด็กๆ เพื่อปลูกฝังความคิดนี้เข้าไปในสมอง แต่ในประเทศอังกฤษไม่มีการสอนให้เด็กท่องว่ารักชาติและไม่มีการเคารพธงชาติและเพลงชาติ ทุกวัน เคารพธงชาติและเพลงชาติเฉพาะพิธีใหญ่ๆระดับประเทศนานๆครั้ง

ตอนสงคราม Falkland ที่อังกฤษรบกับ Argentina อยู่ดีๆก็มีคนอังกฤษเป็นจำนวนมากแย่งกันเสนอตัวบอกว่า อยากจะไปออกรบเพื่อชาติ บอกว่าเพราะรักชาติ ในประเทศอังกฤษไม่มีการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเหมือนในประเทศไทยจนคนไทยกลัวเป็นทหารหนีทหารกับมากมาย แต่หน่วยงานทหารของอังกฤษเล่นตัวมากๆ นั่นก็คือไม่มีการเกณฑ์ทหาร ใครมาสมัครเป็นทหารถ้าคุณภาพไม่ดีพอเขาก็ไม่รับเข้าเป็นทหาร แล้วไล่กลับบ้านไป

คนอังกฤษหลายๆคนเคยพูดกับเรายาวๆว่า ทำไมพวกเขารักชาติ เขาบอกว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ที่มีจะดูแลประชาชน และให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนทุกระดับชั้นในสังคมมากเท่าประเทศเขา คนยากจนถ้ามีคดีขึ้นศาลสู้กับมหาเศรษฐี ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ขนาดเด็กอายุ 18 ตกงานยังเคยฟ้องนายกอังกฤษชนะมาแล้ว คือเมื่อ Margaret Thatcher เป็นนายก เธอออกกฎหมายว่าคนตกงานจะเซ็นชื่อรับเงินสวัสดิการคนตกงานนอกเขตที่ตัวเองพำนักอาศัยไม่ได้ เพื่อป้องกันเด็กวัยรุ่นไปเซ็นชื่อรับเงินคนตกงานที่เมืองชายทะเลแหล่งท่องเที่ยว แล้วเอาเงินไปเที่ยวเตร่ แต่เด็กอายุ 18 ปีที่ตกงานคนหนึ่งอ้างว่าเขาจำเป็นต้องไปเมืองชายทะเลในฤดูท่องเที่ยว เพราะว่ามันมีโอกาสหางานง่ายกว่า เด็กก็เลยทำเรื่องขึ้นศาลสู้กับนายกอังกฤษ (ไม่ต้องใช้เงินมากเหมือนในเมืองไทย เพราะเขามีกองทุนช่วยเหลือค่าทนายความแก่คนยากยน) แล้วเด็กชนะคดีไปในที่สุด เพราะ The Lord of Justice ซึ่งมีอำนาจตุลาการสูงสุดตัดสินเข้าข้างเด็ก แล้วออกคำสั่งให้กฎหมายที่ Margaret Thatcher ออกมากลายเป็นโมฆะไป ซึ่งการที่คนตกงานในเมืองไทยฟ้องนายกไทยชนะเห็นที่จะเป็นไปไม่ได้ในสังคมไทยเป็นแน่แท้

ฝรั่งที่เป็นอดีตแม่ยายเราเดินตกหลุมขุดถนนใน London แล้วนิ้วก้อยหัก ก็เลยฟ้องเอาผิดกับ GLC (เทียบเท่า กทม ในไทย) โดยเรียกให้คนที่ผ่านมาเป็นพยาน แล้วอดีตแม่ยายเราก็ชนะคดีได้ค่าชดเชยมา แต่ใครเคยเห็นบุคคลธรรมดาฟ้อง กทม หรือหน่วยงานราชการไทยชนะบ้าง? แม้กระทั่งคดีระหว่างคนธรรมดาๆด้วยกันทุกเรื่อง ตั้งแต่ขึ้นโรงพัก คนรวยได้เปรียบมาตลอด

บริการสังคมต่างกันลิบลับเราไม่เคยเจอไฟดับหรือน้ำไม่ไหลโดยไม่บอกกล่าวในประเทศอังกฤษ แต่ในเมืองไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านที่เราอยู่เขานึกจะตัดน้ำก็ตัดน้ำ นึกจะตัดไฟก็ตัดไฟ ฝนตกมีพายุไฟก็ดับเฉยแล้วไม่มีใครมาซ่อมจนกว่าฝนจะหยุด การที่ไฟดับกระชากแบบนี้มันทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เราพังไปแล้วรวมทั้งหมด 3 เครื่องด้วยกัน (จนในที่สุดต้องเปลี่ยนไปใช้ notebook) และฝนตกไฟดับครั้งสุดท้ายทำให้แม่เราตายเพราะแม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องช่วยหายใจหยุดทำงาน พาไปโรงพยาบาลก็ไม่ทันการเสียแล้ว กรณีนี้ในอังกฤษหรืออเมริกาไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะหน่วยงานไฟฟ้าเขาจะมีรายชื่ีอคนที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และจะไม่อยู่ดีๆไปตัดไฟบ้านคนเหล่านั้นง่ายๆหรอก ถ้าเกิดขึ้นผู้เสียหายคงฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ แต่ในเมืองไทยถ้าฟ้องร้องคงชนะหน่วยงานไฟฟ้าได้ยาก เพราะบริการประชาชนมันไฟดับเป็นธรรมดาจนผู้คนชินชาไปเสียแล้ว

เมื่องไทยคนเรียนแข่งกันเป็นบ้าเป็นหลังเพราะกลัวต้องเป็นกรรมกร แต่ในอังกฤษไม่ต้องแข่ีงกันเป็นบ้าเป็นหลังเพราะเป็นกรรมกรก็รวยได้ เพราะสมัย industrial revolution (การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม)พวกกรรมกรนัดหยุดงานทั้งประเทศเพื่อให้ตนเองทำงานเยี่ยงผู้ใช้แรงงาน แล้วได้ค่าตอบแทนไม่แพ้คนเรียนจบปริญญาเอกจากมหาลัย จนผู้ใช้แรงงานได้สิ่งที่ต้องการไปในที่สุด แต่ในเมืองไทยผู้ใช้่แรงงานตามโรงงานเคยรวมตัวกันประท้วง แล้วโดนนายทุนสมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลสั่งสลาย mob โดยเอาทหารมาไล่ยิง และจับกุมผู้ประท้วง แล้วตั้งข้อหาคอมมิวนิสต์ กับข้อหาทำลายความมั่นคงของชาติ ตกลงความมั่นคงของชาติมันจะถูกทำลายไปหรือหากว่านายทุนได้กำไรน้อยลงเพราะผู้ใช้แรงงานไม่ยอมให้กดขี่แรงงานเยี่ยงทาส?

ในประเทศอังกฤษคนที่เรียนไม่เก่งไม่ต้องพยายามเรียนให้สูงๆ ไม่จำเป็นต้องมีการสร้างมหาลัยที่เรียนยังไงก็จบถ้าจ่ายเงิน เพื่อมาช่วยคนอังกฤษไม่ให้ต้องทำงานกรรมกร เพราะทำงานเป็นกรรมกรก็รวยได้ พวกเศรษฐีใหม่ในอังกฤษส่วนใหญ่จะมาจากการทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง ซึ่งกรรมการที่ได้ค่าแรงสูงกว่าคนเรียนจบปริญญาเอกแล้วทำงานนั่งโต๊ะมันก็มี

รัฐบาลอังกฤษก็แสนจะใจดี "ให้ทุนการศึกษาแก่ผู้เรียนหนังสือไม่เก่ง" โดยการลดมาตรฐานการสอบเข้าสถาบันการศึกษาบางแห่งที่อยู่ในโครงการช่วยเหลือให้คนเรียนไม่เก่งให้กลับไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา คนบางคนที่เรียนไม่เก่งตอนเด็กๆ พลาดโอกาสเข้ามหาลัย ไปทำงานกรรมกร แล้วกลับมาเรียนต่อจนจมมหาลัยก็ได้ เพราะรัฐบาลมีทุนให้เรียน ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งเป็นบ้าเป็นหลังถึงได้ทุนเรียน

คนอังกฤษสาธยายถึงความซาบซึ่งในพระคุณของประเทศชาติที่ให้โอกาสแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมในสังคมแก่พวกเขา เป็นเหตุผลหลักที่พวกเขารักชาติ

"ไม่ใช่เพราะโดนสอนให้ท่องว่ารักชาติ และต้องเคารพธงชาติกับเพลงชาติทุกวัน"

พอเราฟังเหตุผลแบบนี้ แล้วเรารู้สึกอึ้งมากๆ แล้วสรุปได้ว่า ความรักชาติของพวกเขากับพวกเรามันแตกต่างกันคนละโลกเลย นั่นก็คือ รักด้วยความสำนึกบุญคุณของประเทศชาติ กับรักเพราะโดนสั่งให้ท่องว่าต้องรักชาติตั้งแต่เด็กๆ
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 15:00:34

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 14:46:29

ความคิดเห็นที่ 15

กรณีที่ประเทศอังกฤษดูแลประชาชน (บริการที่รัฐให้แก่ประชาชน) และข้อกฎหมายที่ช่วยเหลือคนจน จนประชาชนรักชาติด้วยใจจริง มีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่ได้พูดถึงใน คคห8 ซึ่งเราอยากจะเล่าให้ฟัง นั่นก็คือ

ในทุกๆอำเภอในทุกๆจังหวัดในประเทศอังกฤษ จะมี citizen advice bureau (สำนักงานแนะนำประชาชนในเรื่องทั่วๆไป), job center (ศูนย์หางาน) และห้องสมุด

1. citizen advice bureau
ดูแลประชาชนคือ เวลาชาวบ้านๆธรรมดาๆ หรือตาสีตาสาที่ไหน มีปัญหาเรื่องต่างๆเช่นภาษี กฎหมาย ติดต่อหน่วยงานรัฐแล้วเรื่องไม่เดิน ฯลฯ เขาก็จะไปขอความช่วยเหลือจาก citizen advice bureau

ถ้าคนจนจะต้องมีเรื่องขึ้นศาลสู้กับคนรวย ทาง citizen advice bureau เขาก็จะแนะนำว่าจะไปหาทนายฟรีได้ที่ไหน มีทนายความเก่งๆเต็มใจที่จะว่าความให้โดยไม่คิดเงินลูกความจนๆ แต่ทนายจะไปเบิกค่าว่าความได้จาก legal aid ซึ่งเป็นกองทุนของรัฐที่จ่ายค่าทนายให้ลูกความที่ยากจน เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำในสังคม

หรือถ้าใครโดนเก็บภาษีย้อนหลังเขาก็ไปขอคำแนะนำได้ว่าจริงๆแล้วมันควรเสียแค่ไหน คือว่ากันแบบโปร่งใสเลย แ่ต่ในเมืองไทยเราจะเจอกรณีที่แสนเศร้าซึ่งเคยอ่านข่าวเจอในหนังสือพิมพ์นั่นก็คือแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวรายหนึ่งโดนเจ้าหน้าที่สรรพกรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหลายปีเป็นเงินตั้งหลายล้านบาท แม่ค้ากลุ้มใจไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครก็เลยไปผูกคอตาย แต่คนรวยๆในเมืองไทยมันแทบจะหลบภาษีได้กันเกือบหมดโดยการติดสินบนเจ้าหน้าที่สรรพกร สภาพสังคมเช่นนี้มันก็กดดันคนไทยที่ด้อยโอกาสเหมือนกันนะ

2. job center
ให้บริการหางานฟรีแก่คนตกงาน หรือไม่ก็จะแนะนำคนตกงานให้ไปเรียนต่อหรือฝึุกอบรม และแนะนำเรื่องการขอทุนเรียนต่อ

ในเรื่องการหางานกฎหมายเขาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า

"ห้ามเรียกเก็บเงินค่าจัดหางานหรือค่าสมัครงานจากผู้สมัครงานอย่างเด็ดขาด"

ในกรณีที่เป็นบริษัทจัดหางานของเอกชนเขาจะคิดค่าบริการจากนายจ้างได้เท่านั้นแต่จะคิดเงินจากผู้หางานไม่ได้อย่างเด็ดขาดเพราะมันผิดกฎหมาย

และกรณีสมัครโดยตรงกับนายจ้าง นายจ้างที่กำลังรับสมัครพนักงานก็เก็บค่าสมัครงานไม่ได้เพราะมันก็ผิดกฎหมายเหมือนกัน

แต่เราลองมาดูของไทยมั่ง บริษัทเอกชนมักจะเรียกค่าสมัครงานจากผู้สมัครงาน (บางทีตั้งบริษัทขึ้นมาเพียงแค่รับเงินค่าสมัครงาน แล้วก็ปิดบริษัท เชิดเงินหนีไป ก็มี) และแม้กระทั่งหน่วยงานราชการไทยก็ยังเรียกเก็บค่าสมัครงานจากผู้สมัครงานเลย มันอะไรกันเนี่ย? คนตกงานอยู่แล้วสมัครงาน 10 แห่งพร้อมๆกัน เจอค่าสมัครงานเข้าไป แล้วจะเอาอะไรกินกันล่ะ?

3.ห้องสมุด
บริการประชาชนก็คือ สมาชิกห้องสมุดสามารถกรอกแบบฟอร์มยื่นขอให้ห้องสมุดไปซื้อหนังสือราคาแพงๆมาให้ยืมก็ได้ นักศึกษาที่ยากจนก็ทำเรื่องขอให้ห้องสมุดไปซื้อ textbooks มาให้ยืมระยะยาวจนกว่าจะเรียนจบก็ยังได้

ส่วนเรื่องประกันสังคมประกันสุขภาพไม่ต้องพูดถึงเพราะประเทศอังกฤษดูแลประชาชนเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว และเรากำลังจะเอ่ยปากชมว่าประเทศไทยก็เริ่มจะปรับปรุงในส่วนนี้ดีแล้วเหมือนกัน เช่นรักษาโรค 30 บาท หรือบัตรทอง แต่ทว่ากลายเป็นมีการทุจริตกันที่โรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทย คือคนที่ทำงานในโรงพยาบาลทำเรื่องเบิกยารักษาโรคโดยปลอมแแปลงเอกสารกัน แล้วเอายาไปขายเอาเงินเข้ากระเ๋ป๋าตัวเองซะงั้น เวรกรรม...

สรุป
จริงๆแล้วการทำให้ประชาชนรักชาตินั้น มันไม่จำเป็นที่จะต้องไปเขียนบทเรียนออกแนว propaganda ให้เด็กๆเรียนแล้วท่องจำขึ้นใจตั้งแต่อายุน้อยๆว่า

"ต้องรักชาติ ต้องเคารพธงชาติและเพลงชาติวันละสองหน เช้ากับเย็น"

เพียงแค่รัฐดูแลประชาชนใ้ห้มีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน และบังคับใช้กฎหมายให้มีความยุิติธรรมในสังคม (ไม่ใช่คนรวยชนะมาตั้งแต่ขึ้นโรงพักแล้ว) ประชาชนก็จะรู้สึกสำนึกบุญคุณต่อประเทศชาติ แล้วก็รักประเทศชาติแบบทุ่มเทให้จนหมดหัวใจอย่างแน่นอน
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 20:13:59
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 20:01:10

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 19:55:12