ความคิดเห็นที่ 1 ลอง copy ลง microsoft ดูสักรอบก่อนนะครับ เพื่อแก้ข้อผิดเรื่องการสะกด fotball nefew เป็นต้น จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:52:38

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณ คห 1 ผมได้ไปแก้ไขแล้ว อันนี้เป็นบทความอีกอันของผม ช่วยเช็คแกรมม่าให้หน่อย กำลังเน้นให้ถูกต้องครับ พยายามฝึกอยู่ จากคุณ : wutt1980 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 05:26:25

ความคิดเห็นที่ 3 การเขียน essay ให้คนแก้เป็นวิธีการเรียน writing ที่ไม่ได้ผลหรอก  จะเขียนให้คนแก้แล้วได้ผล learner ต้องอย่างน้อยๆที่สุดพูดอังกฤษเรื่องง่ายๆในชีวิตประจำวันพอได้ แล้วเขียนประโยคง่ายๆได้ดีพอสมควร และเขียนให้แก้แค่การเดินเรื่อง ไม่ใช่แก้ grammar กันเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขียนมายาวๆแล้วเขียนผิดทุกประโยคก็ไม่มีใครอยากแก้ให้ แต่นี่เผอิญเขียนมาสั้นๆก็จะพยายามบอกให้ว่าคุณต้องไปศึกษาในจุดไหนบ้าง That time 23.20 I was siting in a plane before I came to my seat number 38k I sat wrong a seat. ตรงนี้ประโยคมันไหลไปเรื่อยๆ ข้อผิดพลาดก็คือคุณยังไม่ได้เรียนวิธีใช้ punctuation ลอง google คำว่า punctuation ดูเผื่อจะมีบทเรียนของฟรีที่ไหนบ้าง I felt blush then someone touched me and said that “this is my seat” and showed his ticket which was number 36k hahaha I out of that seat immediately. ปัญหาเดิมคือ “ประโยคมันไหลไปเรื่อยๆ" เพราะคุณไม่รู้วิธีใช้ punctuation คำว่า blush นี้ใช้ยากเหมือนกันนะ I blushed .ก็ได้ หรือแบบนี้ก็ได้ I felt a warm blush rise to my cheeks when .. อันนี้ดูแปลกๆ I out of that seat immediately. คำว่า out ใช้เป็น verb ก็ได้ แต่มันใช้ยากพิลึกเลย ลองแบบนี้ดูดิ I had to relinquish that seat immediately. Then the airline describe about safety . Note that the airline does not describe safety.  It is the airhostess that explains to you certain safety and emergency procedures. The plane start moving I sat beside window near plane’s wing . ปัญหาเดิม ประโยคมันไหลไปเรื่อยๆ กรณีนี้ควร แยกด้วย period หรือ semicolon แล้ว tenses ผิดด้วย เพราะคุณยังไม่ได้เรียน verb tenses ระดับง่ายๆ เพื่อเขียนประโยคสั้นๆก่อน  แต่ดันกระโดดไปเขียนเรื่องยากๆยาวๆซะแล้ว At the moment captain turn on booster used speed very fast. ปัญหาเดียวกันคือคุณยังไม่ได้เรียน basic verb tenses และยังแยกส่วนประโยคไม่ถูก ก็เลยต่อเชื่อมส่วนต่างๆของประโยคผิดธรรมชาติ Booster generate sound which very loud I had to put in earmuff for protection my ear Booster generate ข้อผิดพลาดคือคุณยังไม่ได้เรียน subject and verb agreement (ลอง search หาบทเรียนจาก google ดู) which very loud ข้อผิดพลาดคือ คุณลืมเรียนเรื่อง verb to be ลืมเรียนเรื่อง parts of speech ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานระดับ ม. ต้น (ลอง search หาบทเรียนจาก google ดู) The plane had been on the sky, I did not believe that it could fly  I looked on monitor The plane fly in 33000 feet and temperature outside is  -57 c I looked at window, I saw cloudy and darkness and I have a headache at moment  because I was high pressure air. ตรงนี้ปัญหาเดิมคือประโยคมันไหลไปเรื่อยๆ เพราะคุณไม่รู้วิธีใช้ punctuation I looked on monitor อันนี้ใช้ preposition ผิด I looked at window อันนี้ใช้ preposition ผิด น่าจะเป็น I looked through the window I saw cloudy and darkness อันนี้ใช้ parts of speech ผิด I was high pressure air. อันนี้ใช้ parts of speech ผิดอีกนั่นแหละ ลองไปหาบทเรียนเรื่อง parts of speech มาอ่านดู แนะนำว่าควรเรียน reading comprehension ระดับง่ายๆ แล้วหัดเอาประโยคที่อ่านเจอไปเขียนเลียนแบบ โดยการเรียนหัวข้อเรื่อง grammar ที่เกี่ยวข้อง   การที่ learner ยังไม่ได้ฝึกฟังกับพูด และฝึก reading comprehension กับ basic grammar แล้วอยู่ดีๆเขียน essay ให้คนแก้บนเวปไปเลย เรียนแบบนี้โอกาสประสบความสำเร็จแทบไม่มีเลย...!!! ลองพยายามใหม่โดยการเริ่มต้นจากง่ายไปหายาก คือ หัดฟังกับพูดเยอะๆ ให้คล่องเสียก่อน แล้วอ่านหนังสือเยอะๆ เรียนเขียน (โดยการอ่านบทเรียนเรื่อง grammar and writing บนเวปต่างประเทศหรือจาก textbooks จากต่างประเทศ)  มันจะง่ายขึ้น แต่ถ้าอยู่ดีๆเขียนไปเลย ยิ่งเขียนเยอะๆแล้วให้คนแก้ให้ โอกาสจะเขียนได้ถูกหมดแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แล้วถ้ามันผิดเยอะ มันก็แก้ไม่ไหว แล้วพอแก้เสร็จคุณก็จะงงว่าแก้เพราะอะไร แต่การเรียนตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องมันจะทำให้คุณค้นหาข้อผิดพลาดของตนเองได้ และเรียนรู้ด้วยตนเองได้ แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 53 11:10:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 11:06:36

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากกกครับ คือผมอยู่กับพี่เขยชาวต่างชาติ ดูทีวีภาษาอังกฤษทุกวัน และ พูดกับพี่เขยทุกวัน(ทั้งอังกฤษ และ สวีดิช)คือผมมาฝึกพูดสวีดิชแต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ภาษาหลักแต่ผมสามารถรู้สึกได้เลยว่า ภาษาสวีดิชสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วพูดกับหลานบางทีไม่ต้องคิดเลยด้วย แต่ภาษาอังกฤษผมรู้สึกว่ามันตันพัฒนาไม่ได้ถ้าไม่มึคนชี้ทาง คือมันฟังออกเกือบหมดนะครับเวลาดู cnn หรือฟังพี่เขยพูดแต่เวลาผมพูดกลับไปมันกลับไม่ดีอย่างทีผมคิดและเวลาผมเขียนมันห่วยแตกมากๆ ทั้งๆที่เรียนแกรมม่ามาเล่มหนาอ่านจนหมดแต่มันก็ยังแบบไม่ค่อยไปไหนเลย ขอบคุณมากสำหรับคำชี้แนะ(ผมเห็นทางสว่างแล้ว) จากคุณ : wutt1980 (wutt1980) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 16:13:24

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ สมัยเราอยู่ต่างแดนเราฟังกับพูดอังกฤษได้ัคล่อง แต่พอเขียนเราก็ไม่ได้เขียนดีไปกว่าคุณมากนักหรอก แต่เราอาศัยต้นทุนที่ฟังกับพูดอังกฤษเรื่องง่ายๆรู้เรื่องมันก็เลยทำให้เราอ่านหนังสือ (ในระดับง่ายๆกับระดับปานกลาง) รู้เรื่อง และเรียนด้วยตัวเองจากจุดนั้น สมัยเราเรียนมันยังไม่มี Internet และเทคโนโลยีมันไม่ก้าวหน้าขนาดนี้ คนที่เรียนเอกวิชาภาษาอังกฤษจะได้เปรียบเรามากๆเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ เพราะมันยากแสนยากที่คนไม่ได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษในมหาลัยจะไปค้นข้อมูลได้ แต่สมัยนี้ Internet ช่วยคนที่ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษในมหาลัยได้มากๆเลยหละ ใครๆก็เรียนรู้ด้วยตนเองได้ ตามที่คุณเล่ามา แสดงว่าคุณก็มี "ต้นทุน" เหมือนเรา (คือการอ่านภาษาอังกฤษ(ระดับง่ายถึงปานกลาง) ถ้าคุณขยันหาบทเรียนจากเวปต่างประเทศหรือจาก textbooks ด้าน grammar และ writing ที่ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเจ้าของภาษาเขียนไว้ มาค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ และหัดเปิด dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษที่ให้ตัวอย่างประโยคเยอะๆ อีกหน่อยคุณก็เรียน writing ได้เอง ไม่ต้องท้อใจ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 16:43:32

ความคิดเห็นที่ 6 ...ส่งซ้ำ ลบออก... แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 53 16:44:53 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 16:43:56