ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆแล้วเราก็เขียนผิด พูดผิดประจำค่ะ 55 (ตอนนี้เน้นฟังกับพูด) แบบว่าลูกค้าฟังเราพูดแล้วก็ขำกลิ้ง   แต่ว่า อาศัยค่อยๆศึกษาสำเนียงที่เขาใช้กัน หัดใช้ทุกวัน ดูหนัง soundtrack ฟังเพลงที่ชอบแล้วก็ร้องตาม จะช่วยให้เราได้สำนวนและฟังคล่องมากขึ้นนะคะ อย่างน้อยเวลาทำข้อสอบหรือเอาไปใช้ ก็จะจำได้ว่าส่วนใหญ่เขาใช้กันแบบนี้ ประมาณนั้นค่ะ จากคุณ : J^_^J เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 22:58:03

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่น เน้นสอบก่อนดีกว่าครับ เพราะต้องมีหลายวิชาที่ต้องเรียน แนะไปหาหนังสือเล่มนี้อ่าน และทำแบบฝึกหัดด้วย Grammar in Use by Murphy เล่มสีน้ำเงินมีแปลไทย โดย ศ. สุไร จากนั้นหาหนังสือเตรียมสอบมาทำให้มากๆ แค่นี้แหละ ปล. ไม่จริงเสมอไปว่า อ่อนอังกฤษแล้วจะฟื้นไม่ได้ ผมอ่อนอังกฤษ มศ1-3 แต่มุมานะแค่ 1 ปีเต็มๆ ก็มาเก่งได้ที่ 1 ของห้องในปลายปี มศ.4 ครับ นั่นก็ 40 ปีมาแล้ว แต่ผมทุ่มอ่านอังกฤษและทำแบบฝึกหัด ทำข้อสอบ วันละ 3-4 ชม แทบทุกวัน คนที่อ่อน ผมรับรองว่า ไม่ทุ่มอ่าน ไม่ทุ่มทำแบบฝึกหัดครับ เพราะเบื่อก่อน จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 23:41:22

ความคิดเห็นที่ 3 สมัย ม.ปลาย ผมก็อ่อนอังกฤษ(ปัจจุบันก็ยังอ่อนอยู่ )  มาพยายามเอาตอนent  คะแนนentออกมาก็ประมาณ 60   ก็ไม่ได้ถือว่าดีนะ แต่มันก็เกินคาดสำหรับคนอังกฤษแย่อย่างผม ที่ได้เท่านั้นผมเน้นทำข้อสอบเยอะๆ  แกรมม่าอะไรไม่เอามันแล้ว เน้นทำข้อสอบ ศัพท์ที่ได้ก็เอามาจากข้อสอบที่ทำ.... มันคงไม่ใช่วิธีเตรียมตัวที่ถูกต้องเท่าไหร่  แต่แค่อยากเล่าประสบการณ์ เผื่อจะเป็นประโยชน์.... แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 00:20:48 จากคุณ : FOR YOUR EYES ONLY เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 00:19:57

ความคิดเห็นที่ 4 รุ่นพี่เคยบอกว่า "ภาษาอังกฤษ จำเป็นที่จะต้องสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก ถ้าตอนเด็กๆไม่เก่งอังกฤษ พอโตขึ้นมาก็เป็นไปได้ยากที่จะเก่งขึ้นมา - ผมไม่เชื่อ เพื่อนผมเองอ่อนอังกฤษ พอขึ้นม.1ลองหัดอ่าน Lord of the Rings (เล่นของสูงเลย) ไม่รู้เรื่อง โยนทิ้ง พอขึ้นม.3 มีหนังโรงออก ปลื้มเลโกลัสหล่อ หยิบมาอ่านอีกรอบ คราวนี้คำไหนอ่านไม่ออกเปิดดิค สุดท้ายตอนนี้ภาษาอังกฤษดีมาก สอบไอเอลส่วน reading ได้ 9/9 โทเฟิลส่วน reading ได้30/30 การที่จะเก่งอังกฤษ จำเป็นต้องดูหนัง ฟังเพลง ต้องอ่านนิยายมากๆ เวลา Writing จะได้ใช้คำศัพท์ รูปแบบประโยคอย่างสละสลวยได้" - ผมว่ามันช่วยเยอะมาก เพราะเราได้เรียนรู้ไปพร้อมกับความสนุกสนาน การเรียนภาษาที่ดีต้องมาจากนอกห้องเรียน คำพูดนี้ผมบอกกับลูกศิษย์ทุกคนที่เคยสอน เราเลยไม่รู้จะทำยังไงอ่ะค่ะ เพราะเราก็อ่อนอังกฤษมากๆ ใกล้จะเอนท์แล้ว แล้วเราก็รู้ด้วยว่ามันยากที่อยู่ๆเราจะเก่งขึ้นมา เพราะตอนเด็กๆเราก็อ่อนอังกฤษ - เรื่องคะแนนเอ็นท์ ถ้าจะเอาให้ได้มากๆ เน้นทำข้อสอบเก่าเยอะๆ การได้คะแนนเอ็นท์สูงๆ ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเก่งอังกฤษ ข้อสอบสมัยนี้บางทีใช้ดวงเยอะมากเพราะมันคลุมเครือ สุดท้ายนี้อยู่ที่ความขยัน ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ต้องใช้พรแสวง สมัยก่อนผมอ่อนแกรมม่าร์มากๆ แต่ตอนม.4 ตั้งใจจะสอบทุนไปอเมริกา1ปี นั่งอ่านแกรมม่าร์อยู่ 1 เดือน วันละ 8 ชม. ต่อเนื่อง สุดท้ายสอบได้ที่1สมใจ (แต่ดันอดไปเพราะตกสัมภาษณ์ซะนี่) จากคุณ : Azure_Mile เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 01:38:22

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้พยายามสอบเข้ามหาลัยให้ได้ก่อน แล้วลองไปเรียน conversation ที่ aua ให้พูดคล่องก่อน (เคยเห็นหลายคนเรียนจากที่นั่นแล้วพูดเก่ง) อาจทำให้น่าเบื่อน้อยลง เพราะมันฉีกแนวไปจากหนังสือที่เรียนในโรงเรียน แล้วพยายามดูหนังฟังเพลงเยอะๆ พอพูดได้ มันจะเป็นพื้นฐานให้เริ่มอ่านอังกฤษระดับง่ายๆกับระดับปานกลาง จากนั้นก็พยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากๆ หมั่นหาสื่อการสอนจากต่างประเทศมาศึกษามากๆ เช่นบทเรียนภาษาอังกฤษตามเวปต่างประเทศ หรือ textbooks จากต่างประเทศ   ภาษาอังกฤษแค่เรียนตามหลักสูตรเฉยๆมันเก่งช้า คนเรียนจนเก่งได้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน โดยการเสพย์สื่อบันเทิงและสื่อการสอนจากต่างแดนเยอะมากๆ สมัยนี้การสื่อสารไร้พรมแดนมันช่วยได้ ใช้อินเตอร์เน็ตช่วยเรียนภาษาอังกฤษได้...ตอนนี้เราก็ใช้เน็ตความเร็วสูงดูทีวีจากต่างประเทศบ่อยๆ แฟนเราเสพย์สื่อจากต่างแดนตั้งแต่วัยเด็กจนโต พ่อเธอชวนดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษตั้งแต่เรียนประถม มัธยม ปริญญาตรี ไปจนถึงปริญญาโทเลย ขนาดเรียนในเมืองไทยภาษาอังกฤษเธอไล่กวดเราตามมาติดๆได้อย่างรวดเร็วน่ากลัวมากๆ ทั้งๆที่เราไปใ้ช้ชีวิตต่างแดนมาตั้งหลายปี...นั่นก็เพราะว่า เราเกลียดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ เลยตอนนี้ต้องเรียนอังกฤษหนักหน่อยเพราะกลัวจะแพ้แฟนตัวเอง...แหะๆๆ... ของหนูมาเริ่มเอาตอน ม.ปลาย แต่ยังไม่สายเกินไปหรอก เพียงแค่ต้องออกแรงมากหน่อย แต่ขั้นตอนที่แนะนำให้ใน คคห นี้ รู้สึุกว่าจะน่าเบื่อน้อยที่สุด คือแนะนำให้ไปเรียน conversation ก่อน...แล้วจึงเรียน grammar กับ writing จากบทเรียนตามเวปต่างประเทศ กับเรียนจาก textbooks จากต่างประเทศ แล้วทักษะหลายๆด้านมันก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเสพย์สื่อบันเทิงจากต่างแดนเยอะมากพอๆกับสื่อการเรียนจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 01:48:43 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 01:40:32

ความคิดเห็นที่ 6 พี่พี่ทุกคนแนะนำแล้ว...ล้วนแต่ถูกต้องสมควรฟังและปฏิบัติตามอย่างยิ่ง ผมจะไม่แนะนำอะไรเพิ่มเติม...นอกจากบอกหนูว่าหนูเขียนภาษาไทยได้ดี สื่อสารครบถ้วนโดยปราศจากภาษาวิบัติแม้แต่คำเดียว... ขอชื่นชมหนูมากครับ จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 10:59:38

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีอะไรจะบอก คนอื่นบอกหมดแล้ว มาเชี่ยร์ จขกท เฉยๆ สู้เขาลูก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 12:52:19

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นตามที่คนอื่นพูดเหมือนกันค่ะ แหะๆ เลียนแบบไปไหมนี่ จะบอกว่าไม่เชื่อเหมือนกันที่มันจะเก่งขึ้นไม่ได้ เมื่อก่อนพี่ก็อ่อนอังกฤษมากเหมือนกัน ตอน ป.6 ยังใช้ is am are ไม่เป็นเลย พ่อเลยจับส่งไปเรียน a.. จากที่เรียนมาตามความรู้สึกพี่คือ มันไม่ได้ช่วยเรื่องแกรมม่า หรือศัพท์มากนัก แต่มันช่วยเพิ่มความกล้าให้เรา ทำให้เราเป็นคนมั่นใจมากขึ้น หลังจากเรียนพี่สอบเอ็นทรานซ์ได้มา 70 ปลายๆ เกินความคาดหมายมากๆ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็ได้ A วิชาภาษาอังกฤษตลอด เพื่อนๆก็ชมว่าเก่งนะ แต่พี่คิดว่าพี่ยังห่างไกลจากคำว่าเก่งมากๆ พี่ก็พูดไม่ค่อยเก่งนะ ตอนนี้ก็ฝึกโดยหาอ่านเอาตามเวปบ้าง หนังสือพิมพ์บ้าง ดูหนัง ดูเรียลิตี้ ฟังเพลง แชทกับเพื่อนต่างชาติ แต่สำหรับน้องลองทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆ อ่านศัพท์และวิธีใช้เยอะๆ เอาเรื่องสอบก่อน ส่วนวิธีข้างบนมันเอนเตอร์เทนมากไปหน่อยรึเปล่า - -*เอาไว้ใช้ตอนที่อยากฝึกภาษาให้เก่งมากกว่าเดิมละกันค่ะ จากคุณ : ~TaShiMaRo~ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:01:11

ความคิดเห็นที่ 9 คห. ที่ 5 ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:32:50

ความคิดเห็นที่ 10 ทุกท่านแนะนำไว้ดีมากแล้ว ถ้าปฏิบัติตามได้ รับรองเก่งแน่นอน รุ่นพี่เคยบอกว่า "ภาษาอังกฤษ จำเป็นที่จะต้องสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก -->>ไม่จำเป็นเสมอไป ถ้าเรียนตอนโตอย่างถูกวิธี ถ้าตอนเด็กๆไม่เก่งอังกฤษ พอโตขึ้นมาก็เป็นไปได้ยากที่จะเก่งขึ้นมา -->>ไม่จำเป็นเสมอไป ถ้าเรียนตอนโตอย่างถูกวิธี การที่จะเก่งอังกฤษ จำเป็นต้องดูหนัง ฟังเพลง ต้องอ่านนิยายมากๆ เวลา Writing จะได้ใช้คำศัพท์ รูปแบบประโยคอย่างสละสลวยได้" -->>ทุกอย่างที่ว่ามาคือการฝึกฝน ได้ฝึกฝนมากๆ ก็จะเก่งขึ้น เราขอแนะนำว่าแรกสุดต้องรัก "ภาษาอังกฤษ" เสียก่อน เวลาเรารักอะไรแล้ว จิตใจเราจะผูกติดกับสิ่งนั้น อยากคลุกคลีใกล้ชิด จิตใจคิดถึงสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา ถ้ารัก "ภาษาอังกฤษ"  แล้ว จะเป็นพื้นฐานให้ฝึกตามที่ทุกท่านได้แนะนำไว้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพสูง จากคุณ : ท่องแดนกิมจิ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 22:30:36

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่อุส่าห์สละเวลามาให้คำแนะนำและให้กำลังใจ :) ขอสัญญาว่าจะนำคำแนะนำของพี่ๆทุกคนไปใช้ และจะพยายามอย่างดีที่สุดค่ะ จากคุณ : ริบบิ้นสีเงิน เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 22:39:44

ความคิดเห็นที่ 12 ลองค่อยๆประยุกต์ให้เข้ากับชีวิตประจำวันสิคะ อย่างถ้าอยู่บ้านเปิดเคเบิลทีวีดู ก็ลองไม่อ่าน sub thai หรืออ่านมั่งไม่อ่านมั่งสลับกัน จะทำให้เราฟังเก่งขึ้น ส่วนเรื่องไวยากรณ์นั้นถ้าจำอย่างเดียวมันจะลืมง่าย เลยอยากแนะให้ สมมุติสถานการณ์ขึ้นมา และหัดแต่งประโยค โดยโยงแกรมม่าแต่ละ part เข้าไป ตอนแรกก็อาจจะแค่ประโยคสั้นๆ แล้วจบ ต่อมาพอเราคุ้นๆกับแกรมม่าจึงค่อย หัดแต่งเป็นเรื่องราว โดยกำหนดหัวข้อเรื่องไว้ก่อนก็ได้ ทุกอย่างอาศัยการฝึกฝน และตั้งใจจริงค่า สำหรับการอ่านแนะนำให้อ่าน นสพ ภาษาอังกฤษค่ะ จากคุณ : มือซ้ายจับจ๋า..มือขวาจับอะไร เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 00:34:44

ความคิดเห็นที่ 13 ดู ข่าว CNN BBC พวกนี้ก็ดีมากนะครับ และที่สำครัญผมว่าลงเรียน ป. ตรี สาขา ภาษาอังกฎษก็ดีนะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 10:52:32

ความคิดเห็นที่ 14 เรียนไปใช้รึเรียนไปสอบอะ ถ้าเรียนไปใช้ ลองหาฟังEffortless english เป็นการเรียนรู้ที่ดีมาก จากทประสบการณ์ที่ฝึกเอง ถ้าเรียนไปสอบก็หาข้อสอบเก่ามาทำน่าจะดีที่สุดแล้วครับ ทำไปก่อนแล้วดูเฉลยแบบละเอียดแล้วจะจับได้เอง อาจเกิดเทคนิคการจำได้ด้วยตัวเองด้วย จากคุณ : เจ้าชายจืดจาง เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 00:45:28