PANTIP.COM : K9419482 ยุคสมัยที่บ้านเมืองกำลังผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ แต่ละฝ่ายสับสนหวั่นไหวว่าจะได้ปักธงของตนได้ในตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุดไหม? [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 1

แต่ละประเทศจะจัดการเรื่องพวกนี้ไม่เหมือนกัน ลองมาเปรียบเทียบประเทศอังกฤษกับประเทศไทยกัน

ในช่วงปี 1970 - 1974 Edward Heath พรรค Conservative เป็นนายกอังกฤษ มันเป็นช่วงที่พวกผู้ใช้แรงงานไม่พอใจที่พรรค Labour ไม่้ได้เป็นรัฐบาล จึงก่อหวอดกะจะยึดประเทศ militant trade unions (สหภาพแรงงานหัวรุนแรง) ที่ออกแนว socialist ระดมกำลังกันต่อสู้เพื่อคนจน มันเป็นการต่อสู้ระหว่างรากหญ้ากับอำมาตย์อย่างแท้จริง มีการนัดหยุดงานกันทั้งประเทศ ตั้งแต่คนขับรถไฟรถบัส คนเก็บขยะ บุรุษไปรษณีย์ คนงานเหมืองถ่านหิน คือเกือบทุกอาชีพที่ไม่ใช่พวกคนเรียนสูงๆไปนั่งในสำนักงานหรูๆจะนัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องให้คนเรียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง แล้วต้องใช้แรงงานได้ค่าจ้างมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเรียกร้องได้สมดังปรารถนา ผู้ใช้แรงงานที่เรียนจบแค่ ม.ต้น ก็อาจได้ค่าแรงมากเท่าคนเรียนจบปริญญาเอกมาก็ได้ เพราะพวกเขาถือว่า

"งานกรรมกรไม่มีใครอยากทำ ต้องได้ค่าแรงสูง และมนุษย์ทุกระดับชั้นจะต้องมีคุณค่าเท่าเทียมก้ันในสังคม"

รัฐบาล Conservative ต่อสู้อย่างหนักเพื่อความอยู่รอด ส่วนใหญ่จะกระทำโดยการออกกฎหมายบางอย่าง มาต่อต้านการกระทำของสหภาพแรงงาน แต่ก็ไร้ผล

"เพราะพื้นฐานจิตใจคนอังกฤษไม่เหมือนคนไทย รัฐบาลอังกฤษไม่กล้าสั่งให้ทหารถืออาวุธออกมาเข่นฆ่าประชาชน นั่นเอง"

ทั้งๆที่เหตุการณ์มันยิ่งกว่าจลาจลเสียอีก เพราะเจอปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาคนว่างงานมากๆมาย ปัญหาสาธารณูปโภคโดยงดบริการไปหลายๆอย่าง สุขภาพกายและสุขภาพจิตประชาชนทั้งประเทศย่ำแย่กันไปตามๆกัน รัฐบาลสั่นคลอน จนนายก Edward Heath เห็นแก่ประเทศชาติ แล้วต้องยอมลาออก ปล่อยให้กรรมกรเข้ามาเป็นใหญ่ในประเทศแทนพวกอำมาตย์ ได้ในที่สุด

คราวนี้เรามาดูประเทศไทยบ้าง
มีหลายสมัยที่ผู้ใช้แรงงานในไทยพยายามปลดแอกตัวเอง สหภาพแรงงานในไทย เคยก่อหวอดชวนคนงานในโรงงานนัดหยุดงานเป็นจำนวนมาก แต่นายทุนไทยกลัวจะต้องจ่ายค่าแรงเพิ่ม ก็เลยไปสมคบกับรัฐบาลให้สั่งทหารออกมายิงประชาชน แล้วสลายการชุมนุม แล้วจับกุมพวกที่ประท้วงตั้งข้อหาคอมมิวนิสต์ และทำลายความมั่นคงของประเทศ และสมัยล่าสุดเหตุการณ์รุนแรงอย่างที่พวกเราชาวไทยรู้ๆกันอยู่ก็คือพวกพวกเสื้อแดงที่มาขับไล่รัฐบาล ซึ่งดูท่าทีจะออกแนวเดียวกันกับผู้ใช้แีรงงานในอังกฤษมาขับไล่รัฐบาลอังกฤษ

"แต่วิธีการเช่นนี้ไม่ได้ผลในประเทศไทย เพราะอภิสิทธิ์ซึ่งถึงเรียนหนังสือในประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้เล่นการเมืองปลอดอาวุธแบบผู้่ดีอังกฤษ ที่จะยอมลาออกเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติได้ง่ายๆ"

แต่อภิสิทธิ์เล่นการเมืองแบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ คือเขาก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เขาจึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน...ทั้งๆที่เหตุการณ์ในประเทศไทย ไม่ฉุกเฉินเท่าเหตุการณ์ในประเทศอังกฤษสมัย Edward Heath เป็นนายกอังกฤษแล้วโดน militant trade unions (สหภาพแรงงานหัวรุนแรง) ระดมพลกันยึดประเทศ จากนั้นอภิสิทธิ์จึงมีอำนาจเผด็จการตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน สั่งให้ทหารถืออาวุธออกมาสลายการชุมนุม แล้วก็เกิดโศกนาฎกรรมขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็เอาชนะผู้ประท้วงซึ่งหวังจะเรียกร้องสิทธิของตนไปได้ในที่สุด

ดังนั้นอำมาตย์ก็ยังต้องครองเมืองไทยต่อไป และคนไทยที่เรียนหนังสือไม่เก่งก็ไม่กล้าทำงานกรรมกร เพราะจะไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปาก ดังนั้น คนไทยจึงต้องเล่นละครตบตากัน โดยจะมีมหาลัยที่ต่ำกว่ามาตรฐานแบบเรียนยังไงก็จบขอให้จ่ายเงิน ผุดขึ้นมาในประเทศไทยเป็นดอกเห็ด เพื่อช่วยให้คนเรียนไม่เก่งได้รับปริญญา แล้วจะได้ไม่ต้องไปเป็นกรรมกร ประเทศไทยจึงมีคนเรียนจบวุฒิสูงๆแต่ไม่เก่งมากมายล้นประเทศ เนื่องจากไม่มีใครอยากเป็นกรรมกร เพราะกรรมกรไม่มีทางเอาชนะอำมาตย์ที่มีพวกเป็นทหารถือปืนอยู่ในมือได้นั่นเอง

วิธีการรับมือก้ับสถานการณ์บ้านเมืองในสองประเทศนี้ และผลที่ตามมาคือสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันนั่นเอง ตัวแปรที่จะตัดสินว่าบ้านเมืองไหน ประเทศไหนจะไปในทิศทางใด มันก็คือ

"ความแตกต่างกันในระดับพื้นฐานทางด้านจิตใจ"

นั่นเอง

ซึ่งหากระดับพื้นฐานจิตใจของนักการเมืองไทยยังเป็นเช่นนี้อยู่ ทุกครั้งที่มี political polarization (การแบ่งขั้วทางการเมือง) ผลมันก็จะลงเอยเหมือนๆกันทุกครั้ง นั่นก็คือ

"ทหารเข้าข้างใคร ฝ่ายนั้นก็ชนะ เนื่องจากประชาธิปไตยของไทยไม่ได้แปลว่า "ปกครองโดยประชาชน" แต่แปลว่า "ปกครองด้วยอาวุธสงคราม" "
แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 03:19:14

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 03:04:56

ความคิดเห็นที่ 6

ตอบคุณหลวงสรเดช คคห 2 เี่รายอมรับว่าเราเขียนประโยคภาษาไทยหละหลวมนิดหน่อย จึงทำให้คุณ "ใช้วิชาศรีธนญชัย" พูดได้ว่า "จำได้ว่าเลือกตั้งที่ผ่านมาผมกาผู้สมัครชื่ออภิสิทธิ์ สงสัยคนละคนกันแน่"

แต่อยากจะบอกว่า สิ่งที่คุณพูดถึงมันจะเป็นมุกที่ำทำให้คุณภาคภูมิใจ แต่มันก็ไม่ได้เป็นความคิดสร้่างสรรค์ที่จะทำให้บทสนทนานี้ให้ข้อคิดอันเป็นประโยชน์ที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้เลย

โอเค เราจะพูดประโยคนั้นใหม่ให้รัดกุมกว่านี้ โดยพูดว่า

"อภิสิทธิ์ไม่ได้รับ mandate (เสียงสนับสนุนส่วนใหญ่จากผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง)ให้เข้ามาเป็นนายก"

แต่อภิสิทธ์ได้ตำแหน่งนายกเนื่องจาก

"มีขบวนการล้มล้างนายกทุึกคนที่ไม่ได้มาจากพรรคประชาธิปัตย์..."

ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การเคลื่อนไหวตัวของคนเสื้อเหลืองซึ่งมีสิทธิพิเศษเหนือกฎหมายที่จะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่โดนทหารออกมาไล่ยิงเอา ดัวยเหตุผลอันง่ายๆก็คือว่า

"ทหารอยู่ข้างพรรคประชาธิปัตย์"

ดังนั้น การโค่นล้มรัฐบาลทุกชุดที่ไม่ได้มาจากพรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นผลสำเร็จ เพราะมันเป็นระบบ 2 มาตรฐาน ซึ่งมันไม่ต่างอะไรไปจากการที่ตำรวจจราจรพอเห็นคนขี่รถราคาแพงๆผิดกฎจราจรก็ไม่กล้าจับ (เพราะกลัวอำนาจเงิน) แต่เวลาเจอคนขับแท๊กซี่ทำผิดนิดผิดหน่อยก็จัีบแล้วรีดไถเงินทันที

เวลานี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในสังคมไทยก็คือ คนรวยรังแกคนจน คนจนไม่กล้่ามีเรื่องขึ้นศาลกับคนรวยเพราะแพ้มาตั้งแต่ขึ้นโรงพักแล้ว แต่ในประเทศอังกฤษสิ่งเหล่านี้ได้รับการแก้ไขไปแล้วตั้งนาน เพราะทนายความอังกฤษจะรับว่าความให้คนจนๆโดยไม่คิดเงินแล้วก็จะไปเก็บค่าทนายเอาจาก legal aid คือกองทุนของรัฐที่มีไว้ช่วยลูกความที่ยากจน อภิสิทธิ์เรียนหนังสือจากประเทศอังกฤษ ทำไมไม่พยายาพัฒนาประเทศไทยไปในทางที่ีดีแบบประเทศอังกฤษบ้าง โดยการเล่นการเมืองแบบไม่ใช้อาวุธสงคราม และให้คนจนได้ลืมตาอ้าปากบ้าง

ขั้วการเมืองไหนจะผิด จะถูกไม่สำคัญ แต่การที่นายกอภิสิทธิ์ออกคำสั่งให้ทหารเอาอาวุธสงครามไปเข่นฆ่าประชาชนตาดำๆ ทั้งๆที่้้เมื่อเทียบสถานการณ์สมัยเสื้อแดงก่อ mobs ในประเทศไทยเพื่อขับไล่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กับสมัย militant trade unions (สหภาพแรงงานหัวรุนแรง) ก่อ mobs ในประเทศอังกฤษเพื่อขับไล่รัฐบาลพรรค Conservative นั้น ถ้าใครอยู่ในทั้งสองเหตุการณ์มาทั้งในสองประเทศ ก็จะกล้าพูดได้ทันทีเลยว่า ประเทศอังกฤษระส่ำระสายมากกว่าประเทศไทยสมัยเสื้อแดงปลุก mobs หลายเท่า ประเทศอังกฤษเจอปัญหาบริการสาธารณะต่างๆ รวมทั้งการจรราจร และสาธารณูปโภค หยุดชะงักลง เงินเฟ้อ ข้าวยากหมากแพง ผู้คนตกงานกันทั่วประเทศ สุขภาพกายและสุขภาพจิตย่ำแย่ เดินไปไหนก็เจอแต่ขยะเต็มไปหมดมีทั้งหนูทั้งแมงสาปวิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะคนเก็บขยะประท้วงไม่ยอมเก็บขยะ พรรค Conservative ของอังกฤษทำไมไม่สั่งให้ทหารถืออาวุธสงครามออกมาสลายการชุมนุมเหมือนในประเทศไทย แต่กลับลาออกเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ

ตกลงการไปเรียนหนังสือในประเทศอังกฤษนี้ อภิสิทธิ์ได้เรียนรู้อะไรเรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษย์ชน และเรื่่องความยุติธรรมในสังคม จากประเทศอังกฤษมาบ้างหรือเปล่า?

political polarization (การแบ่งแยกขั้วการเมือง) ที่มีอยู่ มันไม่มีทางที่จะจบลงได้ง่ายๆ ตราบเท่าที่สิทธิ์มนุษยชนยังถูกละเมิด ความยุติธรรมในสังคมยังไม่มีทำให้คนรวยยังคงรังแกคนจนอยู่ได้เรื่อยๆไป

ประชาธิปไตยที่แ้ท้จริง จะเิริ่มต้นได้ ต้องปรับเปลี่ยนพื้นฐานทางด้านจิตใจเสียก่อน

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:50:44