ความคิดเห็นที่ 1 จะสัมภาษณ์เฉพาะคนที่เคยทำ? แล้วมันจะได้ภาพครบหรือ? ผมว่าผลการวิจัยมันก็เอียงข้างเพราะได้แต่ความเห็นคนเคยทำหรือคนที่ทำอยู่ ทำไมไม่สัมภาษณ์คนที่ไม่ทำบ้างว่า ทำไมเขาไม่ทำ? มันก็เป็นข้อมูลเรื่องเดียวกันน่ะแหละที่อาจเสริมความเข้าใจให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากเข้าวงการมากกว่าข้อมูลที่ได้จากคนที่เคยทำเสียอีก My two cents! จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:51:54

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ถูกต้อง! จริงๆแล้วเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งๆแล้วอยากทำก็มี แต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีคนนำเข้าสู่วงการ การแปลหนังโรงใหญ่ๆเด็กรุ่นใหม่เก่งๆหลุดเข้าไปได้ยากเพราะนักแปลรุ่นเก่าๆกำงานทั้งหมดเอาไว้ในมือถ้าเขาทำไม่ทันเขาก็จะแบ่งมาให้คนรู้จักทำบ้างแล้วกินห้ัวคิวค่าแปลไปเป็นจำนวนมาก บริษัทที่นำภาพยนต์เข้ามาฉายในไทยไม่ได้เปิดกว้างแบบเชิญให้นักแปลหน้าใหม่ๆไปสมัครงาน (ถ้ามีงานส่วนใหญ่ก็จะให้เจ้าเก่าๆทำ ซึ่งก็เป็นเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องทำก้ันเอง หรือให้คนที่มีเส้นสายนักการเมืองใหญ่ๆทำกัีน) ไม่เหมือนงานแปลหนังสือที่มีงานจนล้นมือจนสำนักพิมพ์ต้องเปิดกว้างยอมรับนักแปลหน้าใหม่มากมายม่ายงั้นจะระบายหนังสือออกไปขายไม่ทัน กลุ่มที่กำงานแปลภาพยนตร์ไว้ในมืออ้างว่า "มือใหม่ไม่เก่งพอ" ...(จริงๆแล้วเคยมีกระทู้ตีกันเรื่องนี้ในห้องนี้เมื่อหลายปีก่อน) แต่จริงๆแล้ว ภาพยนตร์สมัยนี้แปลไม่ยากเหมือนสม้ัยก่อนหรอก เพราะม้ันหา scripts จาก Internet ได้ แล้วรู้สึกว่าผู้ผลิตหนังก็ให้ scripts มาด้วย...แต่เท่าที่แปลกันมาจนถึงทุกวันนี้ เวลาเราไปดูหนังโรงใหญ่ๆกับนักแปลรุ่นใหม่ที่เก่งๆเราก็เคยตกใจที่เพื่อนนักแปลของเราที่อายุยังน้อยอยู่ (แต่มีความรู้เรื่องภาพยนตร์มากๆระดับเป็นนักวิจารย์หนังได้เลย) อยู่ดีๆเธอจับผิดคำแปลหนังโรงใหญ่ได้เป็นตุเป็นตะ (ในขณะที่เราดูไม่ทันว่าแปลผิดตรงไหนเพราะส่วนใหญ่เราจะฟังแต่ภาษาอังกฤษไม่ได้ดู  subtitles) แต่ถ้าไม่ใช่หนังโรงนะแค่เป็นหนังแผ่น DVD วางขาย (พวกแผ่นผี) เดี๋ยวนี้ก็พอสมัครได้ แต่ค่าแปลมันไม่ค่อยจะมากนัก เมื่อหลายปีก่อนตอนมีบริษัททำหนังเป็นวิดิโอเทปตลับใหญ่ๆเราเคยไปได้งานแปลหนังจากบริษัทนี้มา (เวลาแปลไม่มี scripts ให้ (สมัยนั้นไม่มี  Internet) ต้องฟังให้รู้เรื่องถึงจะแปลได้ ซึ่งค่อนข้างลำบาก  ขนาดคนอยู่เมืองนอกหลายๆปีบางทีก็ฟังไม่ได้ 100%) ค่าแปลไม่น้อยเท่าแผ่นผีแต่ก็ห่างไกลจากค่าแปลหนังโรงใหญ่ๆที่นักแปลซึ่งอยู่ในวงการได้ไปทำ ทำๆไปรู้สึกว่า จะมีการต่อสู้แย่งชิงดีกันเป็นใหญ่ระหว่างฝ่ายจัดการงานผลิตของบริษัท กับทีมนักพากย์ที่ต้องการผูกขาดโดยการทำตัวเป็นผู้รับเหมาผูกขาดทุกอย่าง ทีมนักพากย์๋เคยเรียกตัวเราไปพบเพื่อพวกเขาจะได้แสดงตัวว่าเป็นใหญ่ เราเลยเลิกแปลไปเลยเพราะเราเป็นเด็กเส้นผู้จัดการฝ่ายผลิต  ตอนจบทีมนักพากย์ชนะ และกลายเป็นกำงานเอาไว้ในมือผูกขาดทุกอย่างตั้งแต่จ้างนักแปลเอง ทำ subtitles เอง หรือพากย์เอง แบบเป็น  turnkey contract เลยหละ ทำให้นักแปลเก่งๆต้องไปสวามิภักดิ์กับทีมงานนักพากย์ที่มีเส้นสายหากินกับพวกช่องทีวีต่างๆได้งานมากมายด้วย ซึ่งพอถึงยุคนั้นเราก็เลิกแปลหนังไปตั้งนานแล้วเพราะเบื่อวงการนี้มากๆ และตอนนี้เราก็ต่อต้านโดยการไม่ไปดูหนังโรง ได้แต่ download หนังเสียงภาษาอังกฤษมาดู เราชอบดูหนังกับคอมพิวเตอร์ในบ้านตัวเองมากกว่า จะไปดูหนังโรงก็ต่อเมื่อแฟนชวนไปดูเวลาเธออยากดูหนังเรื่องอะไรจอใหญ่ๆมี effects เพียบพร้อมเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 08:10:14 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 10:13:58 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 09:55:57 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:46:05

ความคิดเห็นที่ 3 ลองไปอ่านกระทู้เก่าที่ถกกันเรื่องแปลหนัง เราเ้ข้าไปช่วยเขาปั่นกระทู้ (ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ tansy (iwrite4u))  ถกๆกันไป ดันออกทะเลกลายเป็นเรื่องหมากรุกซะฉิบ...555+++... ตาม link ข้างล่างนี้ไปอ่านดู เผื่อจะได้แนวคิดอะไรเพิ่มเติม http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/10/K5974064/K5974064.html แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 10:14:40 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 10:07:30 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:07:05

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างคุณหมอดูว่า   เจ้าของกระทู้น่าจะย้ายไปประกาศหาตามเว็บขายแผ่นผีดูบ้างนะครับ เท่าที่ผมเคยสัมผัสมา   คนกลุ่มนี้ฝีมือไม่แพ้กลุ่มที่ทำงานให้บริษัทใหญ่เลย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:30:33

ความคิดเห็นที่ 5   ต้องขอโทษรุ่นพี่ผู้น่าเกรงขามทั้ง 3 ที่บังอาจจะมาเลียบๆเคียงในกระทู้ในช่วงจิตตก 2-3 วันนี้แต่ยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เพราะหาที่คลิกตั้งกระทู้ไม่เจอ อันนี้รวมภาพยนต์สารคดีและบทพากย์ด้วยหรือเปล่า ? เราเคยควักสตางค์ไปเรียนเพราะคิดว่าตัวเองมีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีพอ แล้วก็พยายามดั้นด้นทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าวงการ ที่ท่านหมอดูพูดอาจจะดูโหดร้ายแต่มีความจริงแฝงอยู่ เพราะเรายังอยู่ในแวดวงนี้อยู่เลย ยังก้าวไปไหนไม่ได้ (จะบอกว่าไม่เคยโดนหักค่าหัวคิวแต่ไม่ได้เงินเลยก็บ่อย ตอนแรกทำตัวเป็นคนดีได้อยู่พักเดียวแต่ต่อมากลายเป็นดีแตก ต้องออกมาสมัครงานตามบริษัทหนังด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายที่ได้เข้ามาทำสมใจจนได้ก็เพราะต้องพึ่งใบบุญของคนในวงการอยู่ดี ถึงแม้จะไม่ใช่ 100 %) เคยใฝ่ฝันว่าอยากทำอะไรด้วยความสามารถจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุญใครแต่ว่า สุดท้าย know who มีบทบาทมากกว่า know how อยู่มาก ขอโทษที่พูดออกนอกเรื่อง แต่สงสัยว่าอยากได้ข้อมูลแบบไหน เพราะปัญหาหลักของวงการนี้ นอกจากเรื่องผูกขาดตลาดแล้ว ก็เป็นเรื่องค่าตอบแทน และเวลาในการทำงาน ความจริงสารคดีที่เราทำอยู่เป็นบทที่โครงสร้างภาษาอังกฤษซับซ้อนน้อยที่สุดแต่บีบคั้นด้วยเวลา อาจทำให้แปลผิดกันแบบปลาตายน้ำตื้นเลยล่ะ เมื่อก่อนคอยจับผิดคนอื่น ตำหนิคนแปลอย่างโน้นอย่างนี้เหมือนกัน แต่ต่อมาเราเข้าใจมากพอมาทำเอง แต่นั่นก็เป็นเพราะส่วนหนึ่งเรายังชำนาญไม่พอด้วย ว่าไปการที่มีคนตำหนิมันก็ดีถ้าเราได้ปรับปรุง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะชวดงานไปเลยถ้าพลาด โอกาสให้อภัยจะยากกว่าการแปลหนังสือที่บ.ก.ดูจะใจดีแก้งานแบบไม่ค่อยบ่น(ให้ได้ยิน) สรุปแล้วงานนี้ท้าทายเพราะเวลาบีบ สิ่งแวดล้อมเค้น และเงินน้อย..แต่ฝึกควาอดทนได้เป็นอย่างดีสำหรับบันไดก้าวแรก และยังคงหวังจะมีก้าวต่อไป จากคุณ : avatar เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 16:05:09 A:124.121.241.241 X: TicketID:277001

ความคิดเห็นที่ 6   เคยทำ ผมว่าสตางค์ดีสำหรับผมนะ แต่ผมปวดหัวตรงที่มันเร่งมากๆ เลยเลิก แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีเลย จากคุณ : เย็นสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 01:56:48

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณคิดว่าคุณพอใจค่าแปลในระดับไหน เราเคยได้ยินว่าคุณแปลหนังของ true นะ แล้วมันมี scripts ให้ด้วย แต่มันให้เวลาน้อยหน่อยจริงๆด้วย ค่าแปลรู้สึกว่า true จะจ่ายประมาณ 1,000 บาท ต่อหนังหนึ่งเรื่อง(หรือมากน้อยกว่านั้นนิดหน่อย) แต่หนังโรงใหญ่ๆที่พวกนักแปลซื่อเดิมๆกำงานไว้ในมือน่ะ เท่าี่ที่เคยได้ยินมานะ รู้สึกว่าพวกเขาได้ค่าแปลกันเรื่องหนึ่งประมาณ 40,000 - 50,000 บาท  บางทีพวกเขารับงานมาเต็มมือ แต่ไม่แปลเอง แล้วจ้างคนอื่นแปล แล้วก็กินหัวคนแปลที่มารัีบช่วง คนรับงานจากต้นตอมาได้เงินสบายๆแบบไม่ต้องทำงานเลยก็มี งานพวกนี้ถึงไม่กระจายออกไปที่นักแปลหน้าใหม่ได้ง่ายๆ แล้วกระบวนการผูกขาดอีกอย่างหนึ่งเท่าที่เคยรู้มาก็คือว่า นักแปลหนังโรงชื่อเดิมๆพวกนี้ และ/หรือ คนที่มี connections กัีบต้นตอผู้่นำเข้าหนังใหญ่เพื่อไปฉายในโรงหนังใหญ่ๆ จัดอบรมการแแปลบทภาพยนตร์ พออบรมเสร็จก็จ่ายงานแปลหนังให้ผู้เข้ารับการอบรมที่หน่วยก้านดีหน่อยทำ ผู้อบรมกำไรเละ เพราะกินเงิน 2 ต่อเลย คือ 1 เงินค่าอบรม 2 กินหัวคิวค่าแปลจากนักแปลที่เข้ารับการอบรมซึ่งเก่งพอที่จะแปลหนังได้ นี่เป็นระบบอุตสาหกรรมแปลภาพยนตร์ในเมืองไทย ซึ่งนักแปลหน้าใหม่จะไม่ค่อยรู้ บางทีเริ่มเรียนการแปลก็หลงใฝ่ฝันที่จะแปลบทภาพยนตร์ก่อนเรียนจบเสียด้วยซ้ำไป แล้วบางทีนักวิจัยก็สงสัยว่าทำไมงานไม่กระจายออกไปยังนักแปลหน้าใหม่ๆที่เก่งๆได้ง่ายนัก แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 08:09:18 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 08:04:12

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆแล้วงานแปลหนัง true สมัครค่อนข้างง่าย ไม่ต้องใช้เส้นสายหรอก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า true อยู่ในสภาพเดียวกันกับสำนักพิมพ์นั่นก็คือมีงานแปลเยอะต้องระบายออกไปโดยเร็วและต้องการนักแปลเป็นจำนวนมาก ความจริงค่าแปลหนัง true ถึงไม่มากเท่าค่าแปลหนังโรงใหญ่ๆ แต่ก็เป็นรายได้ที่ดีพอใช้ได้ อีกทั้ง true ก็มีงานให้แปลเป็นประจำและหนังมันมี scripts ให้ ถ้ารีบแปลไวๆหนังหนึ่งเรื่องแปลเสร็จวันเดียวได้สบายๆ แต่เรื่องที่ต้องเสี่ยงหน่อยก็คือเรื่องที่ "คนหลายๆคนเคยสงสัยว่าทำไมหนัง true มีแปลผิดเยอะมากๆ" จากที่ไ้ด้ยินข่าวจากพวกเพื่อนๆนักแปลที่เคยแปลให้ true มา พบว่า นักแปลที่เก่งๆแล้วแปลดีก็มี แต่พอแปลไปแล้วพนักงานในบริษัท true ที่ไม่ค่อยเก่งจะ edit (ตรวจแก้) คำแปล แล้วแก้จากแปลถูกให้กลายเป็นแปลผิดไปซะเฉยๆเลย ก็มี ก็เลยใครแปลเก่งๆแล้วอยากได้งานประจำกับ true ก็อาจต้องเสี่ยงเสียชื่อเสียงหน่อย แต่เพื่อความไม่เสี่ยงไม่รู้ว่าจะขอร้องไม่ให้ true ไม่เอาชื่อคนแปลแปะไว้ที่ฉากซึ่งแสดงชื่อผู้จัดทำจะได้หรือไม่   จริงๆแล้วการ edit (ตรวจแก้) หนังสือแปล จากแปลถูกให้กลายเป็นแปลผิด ก็เคยมีขึ้นบ่อยๆในสำนักพิมพ์ชื่อดังๆ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 08:28:46

ความคิดเห็นที่ 9   ^ ^ ทำไมเราไปสมัครที่ทรู เขาไม่เรียกเลยล่ะ ประมาณ 2 ปีก่อน เราโทรไปถาม แล้วก็ให้เพื่อนโทรไปถามด้วยนะ สลับกันโทร..จนเลิกโทรไปเองเลย เหมือนเขาจะเลือกคนที่อยู่เมืองนอกหลายๆ ปี (ในกรณีที่ไปเขียนใบสมัครทิ้งไว้) บางคนก็บอกว่า ต้องมีเพื่อนทำอยู่ในนั้นลากกันไป อันนี้ก็ฟังมาอีกที บ้างก็ว่างานเขายุ่งจนไม่มีเวลาเรียกคนไปเทสต์ เพราะเทสต์มีทั้งเทสต์แบบ มีสคริปต์ และไม่มีสคริปต์ (ฟังสด) แต่สุดท้ายที่เราได้เข้ามาทำ เพราะคนในวงการท่านนึงให้เราไปสมัครอีกที่ แล้วทำบททดสอบปรากฎว่าผ่าน การทดสอบไม่ยุ่งยากเท่าที่ทรูฯ ตอนนี้เราก็ยังรับงานที่นี่อยู่ เราก็มีความสุขดี แต่ยอมรับว่า พอทำไปได้สักพักเหมือนจิตใต้สำนึกก็เรียกร้องให้เราพัฒนาให้ดีขึ้นหรือย้ายจากจุดเดิม (เราก็ตอบเป็นรูปธรรมไม่ได้) ไม่น่าจะใช่เพราะเบื่อหรือรู้สึกว่าเงินน้อยเพียงอย่างเดียว หรือเป็นยังไงก็สับสน 55 แต่ยอมรับว่าเรื่องงานเร่งนี่แสนชีช้ำ ทำงานดึกๆดื่นๆ กันจนเห็นคำศัพท์อีกคำกลายเป็นอีกคำได้อย่างกับภาพหลอน เบื้องหลังของความบันเทิงที่อยู่เบื้องหน้า..มันช่างน่าขนพองสยองเกล้าอะไรเช่นนี้ ส่วนเรื่องนักแปลบทภาพยนตร์ที่ไม่ปล่อยงาน ก็คงทำให้คนที่อยากได้งาน (รวมทั้งเราด้วย 555) สงสัยอยู่ไม่น้อย แต่ถ้ามองอีกมุมนะ เรายอมรับว่า พวกเขามีฝีมือกันจริงๆ ส่วนนึงอาจเป็นเพราะประสบการณ์ ที่สั่งสมมาตามวัย เรื่องนี้มันช่วยได้มาก และอีกอย่างก็คือความอึดที่ต้องมีมากกว่าแปลงานทรูหลายเท่า และต้องออกมาด้วยคุณภาพที่ดีมากอีกด้วย เป็นเพราะหนังมีชื่อเสียงบางทีบทชอบมาตอนจะเข้าฉาย แถมแก้จากต้นขั้วอีก 2-3 รอบ ยิ่งถ้าไม่มีหนังมาให้ดูแล้วจะเร่งด้วยนี่คงแทบจะไปผูกคอตาย ถึงเงินค่าตอบแทนจะมาก แต่บางทีเราก็อดตั้งคำถามไม่ได้นะว่า ถ้าเราไปยืนอยู่จุดนั้น เราจะฝ่าฟันมันไปได้แค่ไหน คงจะคล้ายกับอารมณ์เด็กที่แหงนมองผู้ใหญ่ที่เราทึ่ง และใฝ่ฝันมั้ง.. ว่าแต่ตอนที่ไปเรียนเขาก็บอกเราตรงๆแหละ ว่าฝีมือเราไม่ถึง ซึ่งเราก็ต้องยอมรับตามนั้นไม่รู้จะไปเถียงยังไง เราก็หาโอกาสและจังหวะไปเรื่อยๆนะ มีแอบเข้ามาอ่านกระทู้ในนี้เก็บเล็กผสมน้อยเพราะเป็นเว็บบอร์ดที่มีประโยชน์มากจริงๆ จากคุณ : avatar เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 13:26:29 A:124.120.250.123 X: TicketID:277001

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ เอ่อ...หรือเราได้ข้อมูลจากเพื่อนเราซึ่งเป็น insider หว่า?  คือได้ชื่อกับเบอร์คนที่ติดต่อได้ที่ true (โดยรู้ว่าเขารับสมัครนักแปลช่วงไหน)... ไม่แน่ใจ? ตอนแรกเราดูๆค่าแปลว่ามันนิดเดียว แต่พอเห็นว่ามี scripts ให้ เราก็คิดว่า เฮ้ยแบบนี้หมูนิหว่า แปลว้ันเดียวได้ 2-3 เรื่องสบายๆ...อิๆๆ... จริงๆแล้วตอนเราโทรไปถามข้อมูลเบื้องต้น คนของ true ที่รัีบสมัครนักแปล ก็งงเหมือนกันนะว่าเราได้ข้อมูลมาจากไหนกัน แต่เราก็ไม่ได้ไปสมัครเพราะติดงานอื่นอยู่ แล้วพอเล่าให้เพื่อนที่ให้ข้อมูลนั้น เพื่อนก็บอกว่าตอนนี้ไปสมัครอีกอาจเกินกำหนดแล้ว ก็ได้ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:19:46

ความคิดเห็นที่ 11   ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นนะคะ อ่านแล้วได้ทราบถึงแง่มุมใหม่ ๆ เกียวกับวงการนี้ค่ะ เมื่อก่อนก็เคยอยากทำงานนี้เหมือนกัน แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ ก็เลยเลิกคิดไปแล้วค่ะ อันที่จริงวิจัยที่จะทำเป็นไปในเรื่องกลวิธีในการถ่ายทอดวัฒนธรรมของผู้แปลมากกว่าค่ะ จริง ๆ แล้วอยากทราบว่าคนที่แปลหนังฝรั่งที่มาฉายบ้านเราตามช่องทางต่าง ๆ กับคนที่แปลหนังไทยไปฉายให้ฝรั่งดู เขามีเกณฑ์การตัดสินใจเลือกวิธีแปลกันอย่างไร มีอะไรเป็นปัจจัยประกอบหรือไม่ และเขามีความคาดหวังอย่างไรกับผู้ชม แต่ก็เห็นด้วยค่ะว่าน่าจะมีคนทำวิจัยเกี่ยวกับอาชีพการเป็นนักแปลและความเป็นไปในธุรกิจนี้ ทั้งจากสายตาคนที่ทำอยู่แล้วและจากสายตาคนภายนอก น่าสนใจดีค่ะ จากคุณ : innologist เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:25:19 A:78.150.10.169 X: TicketID:277024

ความคิดเห็นที่ 12   การเลือกวิธีแปลของเรามี 2 แบบเองน่ะ 1. แปลโดยยึดบรรทัดฐานของตัวเอง 2. แปลโดยยึดบรรทัดฐานของคนหมู่มาก หรือคนอื่นที่แนะนำ หรือไปอ่านเจอที่อื่นมา 3. แปลโดยยึดบรรทัดฐานของคนตรวจบท แต่สุดท้ายมันไปจบตรง ข้อแรกหมดเลย 5555 (ขำไหมเนี่ย) จากคุณ : avatar เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:59:40 A:124.120.250.123 X: TicketID:277001

ความคิดเห็นที่ 13 หลายๆกรณีที่เจอ 1. ตอนแปลหนังเป็นเทปตลับใหญ่ๆเคยโดนทีมงานนักพากย์เรียกตัวไปพบ แล้วพวกเขาเอาคำแปลของเรามาให้เราดูร่องรอยที่โดนพวกเขาแก้ เราเห็นมีแก้จากแปลถูกเป็นแปลผิดก็มี จะว่าเราแปลแล้วไม่นับพยางค์ให้เขาพากย์ลงตัว ก็ไม่ใช่ แต่พวกเขาแก้เพราะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็มีบ่อย มันเป็นไปได้ที่นักแปล true อาจไม่แปลผิดมากอย่างที่เห็นก็ได้ อาจเป็นเพราะโดนนักพากย์ (ซึ่งเป็นใหญ่ในวงการหนัง) แก้มาให้กลายเป็นแปลผิดก็ได้ 2. จะตามใจใคร ขึ้นอยู่กับใครง้อใคร เราเคยทำงานรับเงินเดือนในบริษัทแปล แล้วมีช่องทีวีไทยดังๆนี้แหละอยู่ดีๆส่งหนังที่จะฉายออกทีวี กับรายการเสนอชื่อดาราเข้ารับรางวัลการแสดง มาให้แปลออกทีวี ทางทีวีมันโทรมาเร่งยิกๆๆๆทุกๆ 15 นาที เราชักโมโหเลยแกล้งแปลให้จำนวนพยางค์ในภาษาไทยมันห่างไกลกับภาษาอังกฤษ เพราะเจ็บใจตอนก่อนต้องเอาใจนักพากย์ในบริษัททำวิดิโอเทปภาพยนต์ แต่งานนี้ลูกค้าคือช่องทีวีง้อเรา (พวกเขาอ้างว่าคนแปลป่วยกระทันหัน แต่เราว่าอยู่ดีๆงานที่เคยมี scripts มันไม่ให้ scripts มาต่างหาก) เราแกล้งแปลไปให้คำมันขาดๆเกินๆ อยากจะดูสิว่าจะพากย์กันได้หรือไม่  ตอนแปลไปเราไม่ได้พิมพ์เอง แต่ดูหนังแล้วพูดให้พนักงานพิมพ์ดีดพิมพ์ไป แล้วท้าพนันกันในบริษัทว่า พวกทีมพากย์มันจะพากย์ได้หรือไม่ถ้าเราแปลแบบกวนๆบาทาแบบที่แปลไป ผลปรากฎว่า พอเปิดทีวีช่องนั้นดูตอนกลา่งคืน ก็เห็นว่า "ก็พากย์กันได้นิ" เพราะถ้าโวยวายมาก เราจะหยุดแปลให้พวกเขาประสาทกินกันเฉยๆกลางคันไปเลย 3. อันนี้อาจจะนอกเรื่องไม่เกี่ยวกับภาพยนตร์ แต่จริงๆแล้วอยากจะบอกว่าในการทำงานแปล บางทีนักแปลต้องตามใจลูกค้า "ถึงแม้ว่าลูกค้าจะบังคับให้แปลผิดก็ตาม" ยกตัวอย่างเช่น เคยแปลงานไทยเป็นอังกฤษ (งานวิจัย) ลูกค้าไปเก็บข้อมูลจากเวปฝรั่งแล้วตีความภาษาอังกฤษผิดเกือบทุกหน้า ก็เลยเขียนงานวิจัยผิดหลักความจริงหมด แล้วเขียนภาษาไทยวนไปวนมาอ่านไม่รู้เรื่อง เราใช้เวลานานมากๆ ที่จะค้นคว้าหาข้อมูลแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ลูกค้าโวยวายว่า "เราแปลคลาดเคลื่อน" วิธีแก้ก็ง่ายๆ คือเราแปลให้ใหม่ฟรีๆ ตรงตามภาษาไทยเป๊ะุๆ เลย ซึ่งเราใช้เวลาแปลน้อยกว่าคำแปล version  แรกตั้ง 5 เท่า และพออ่านคำแปลภาษาอังกฤษเราก็ปลง คิดว่า "โครตอ่านไม่รู้เรื่องเลย แล้วข้อมูลมันก็คลาดเคลื่อนหมด" แต่พอส่งงานไปลูกค้าชมว่า "แปลได้ดีเยี่ยม" อนิจจา ส้ังขารา เวรกรรมแท้ๆ...555+++... แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 11:06:07 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 00:41:47